เล่มที่ 4 บทที่ 93
ทันทีที่มู่หรงฉิงพูดจบ ชิงยวี่ที่เพิ่งเข้ามาโดยไม่รู้ว่าปรากฏตัวจากมุมไหน ถึงกับจ้องมองมู่หรงฉิงด้วยดวงตาเป็ประกาย “ฮูหยินน้อยจะทำปลาแผ่นหรือ? ดีจริง ฮูหยินน้อยช่างเป็คนดีจริงๆ ผู้น้อยจะไปทำปลามาให้ฮูหยินน้อยเดี๋ยวนี้เลย”
ทันใดนั้นคนที่นำลมกระโชกแรงพัดมาก็หายตัววับพร้อมสร้างลมกระโชกแรงอีกระลอกหนึ่ง ผู้คนที่เหลือได้ยินว่าชิงยวี่้าช่วย จึงไปหยิบสิ่งที่อยากทานขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงลงมือทำ
นางเห็นด้วยหรือไม่? นางยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเลย
มู่หรงฉิงมองเหล่าผู้คนที่ยิ่งช่วย ยิ่งยุ่ง ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายอย่างจนปัญญาและจนคำพูด
“ศิษย์พี่หญิง เนื้อบดนั้นย่างไม่ได้ เ้าอย่าแปะมันบนตะเกียบของเ้า ท่านพี่ ท่านพี่รินน้ำผึ้งจำนวนมากในคราวเดียวไม่ได้ จ้าวจื่อซิน สิ่งที่เ้า้าคือเผ็ดเล็กน้อย เ้าก็อย่าหยิบพริกเยอะมากเช่นนั้นสิ...”
ในครัวเล็กมีแต่เสียงอึกทึกครึกโครม เดี๋ยวเป้ยหนิงทำชามแตก เดี๋ยวเฉินเทียนหยูทำจานแตก ทางด้านปี้เอ๋อร์กับชุ่ยเอ๋อร์ซึ่งเดิมทีมีความตั้งใจที่จะช่วยมู่หรงฉิงทำอาหาร กลับต้องหันเข้าไปช่วยเฉินเทียนหยูและเป้ยหนิงไม่ให้ก่อเหตุวุ่นวายมากเกินไป
“ปี้เอ๋อร์ ชุ่ยเอ๋อร์ คอยดูพวกเขาให้ดี ไม่เช่นนั้นเรือนหลังนี้จะถูกพวกเขาทำลายแล้ว” จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียง ‘เพล้ง’ อีกหน ตามด้วยเสียงหงุดหงิดของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงแทบไม่จำเป็ต้องหันกลับไปแล้ว นางจึงแค่คลุกเนื้อปลาแผ่นกับแป้งข้าวโพดพลางสั่งกำชับคนทั้งสอง
ปี้เอ๋อร์รีบคว้าแขนของเฉินเทียนหยูที่กำลังจะทำจานบนโต๊ะให้แตกโดยไม่ตั้งใจ นางลอบถอนหายใจ นี่ยากเสียยิ่งกว่าการแข่งขันทักษะการต่อสู้เสียอีก
“ฝีมือการใช้มีดของเ้าดีมาก หั่นเนื้อปลาได้ดีมาก” จ้าวจื่อซินพูดชื่นชมจากใจจริง ขณะคีบเนื้อปลาที่บางเฉียบเกือบจะโปร่งใส
“บ้านเกิดเ้าคือเจียงหนานหรือ?” หลังจากคลุกเนื้อปลาเสร็จเรียบร้อยก็ใส่พริกแห้งลงไปในหม้อใบเล็กๆ และผัดช้าๆ
จ้าวจื่อซินเปล่งเสียง 'อืม?’ “เ้าคิดว่าข้ามาจากเจียงหนานได้อย่างไร?”
“ปลาแผ่นนี้เดิมมาจากเมืองน้ำ, เจียงหนาน เห็นเ้าและชิงยวี่ต่างชอบกินปลาแผ่นก็น่าจะกินมาั้แ่วัยเยาว์กระมัง?” หากคนส่วนใหญ่พูดถึงอาหาร มักจะพูดถึงรสชาติอาหารของบ้านเกิดของตนเองก่อนเป็อย่างแรกเสมอ
“เ้าฉลาดจริงๆ” ไม่ยอมรับแต่ไม่ได้ปฏิเสธด้วยเช่นกัน จ้าวจื่อซินเดินไปหานาง และเห็นว่านางใส่พริกลงในหม้อ ขณะที่นางเริ่มเติมน้ำมันในหม้อ เขาก็อาสารินน้ำมันดอกผักกาดก้านขาวลงไปในหม้อ “เ้าทำปลาแผ่นเก่งหรือไม่?”
กล่าวกันว่า อาหารพื้นเมืองนั้นๆ ก็ต้องให้คนพื้นเมืองนั้นๆ เป็คนทำ ถึงจะได้รสชาติแท้ๆ นางเป็ชาวเมืองหลวงั้แ่เกิดจนโต และนางก็เป็คุณหนูที่มีคนคอยจัดการทำทุกอย่างให้หมด ไม่รู้ว่านางจะทำอาหารรสชาติของท่านแม่ได้หรือไม่?
“ข้าเคยไปกินที่ร้านอาหารจู้ฝูครั้งหนึ่ง พ่อครัวคนหนึ่งในร้านอาหารจู้ฝูมาจากเจียงหนาน ปลาแผ่นที่เขาทำเป็ปลาแผ่นที่ได้รับความนิยมชมชอบเป็อย่างมาก”
นั่นก็เมื่อหลายปีก่อน ในเวลานั้นท่านแม่พานางไปที่นั่น และท่านก็บอกว่า ร้านอาหารจู้ฝูนี้เป็สินสอดทองหมั้นของท่านแม่ และวันข้างหน้าจะเป็สินสอดทองหมั้นของนางด้วย
คราวนั้นเมื่อนางทานปลาแผ่น นางคิดว่ารสชาติดี จึงสอบถามท่านแม่ว่าทำเป็หรือไม่? ท่านแม่ต้องเรียนรู้เป็เวลานานถึงได้สอนนาง ปกตินางไม่ได้ทำอาหารจานนี้เลย และไม่รู้ว่าที่ทำในวันนี้จะถูกปากเขาหรือไม่?
“เห็นสิบนิ้วมือของเ้าไม่เคยโดนแม้กระทั่งแสงแดดและน้ำค้างในวันธรรมดา แต่เหตุใดเ้าถึงได้ทำอาหารอย่างเชี่ยวชาญนักล่ะ?” ไม่ว่าการจับมีดและการหั่นผัก หรือเป็การปรุงอาหาร คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน นางทำทุกอย่างได้อย่างชำนาญราบรื่นราวกับว่านางทำมันทุกวัน
ในหลายวันที่ผ่านนางทำขนมของว่างเพียงสองครั้ง และในเวลาอื่นนางไม่เคยแม้กระทั่งเดินเข้าไปในครัวเล็ก ถ้าเขาไม่เข้าใจกิจวัตรประจำวันของนาง เขาคงจะคิดว่านางเป็แม่ครัวคนหนึ่งไปแล้ว
“การทำอาหารนั้นใช้ความรู้สึก เมื่อรู้สึกดีแล้ว ย่อมรสดีตามธรรมชาติ” สองมือเคลื่อนไหวคุ้นเคยเนื่องจากการฝึกฝน แต่หากไม่ใช้ความคิดในการปรุงอาหาร มันย่อมขาดรสชาติเล็กน้อย
ระหว่างพูด น้ำมันในหม้อก็ปรากฏควันขาวตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น จังหวะที่เห็นควรว่าจะต้องใส่เครื่องปรุงรสลงไป ขณะนั้นไม่รู้ว่าเฉินเทียนหยูกำลังทำอะไรอยู่? รู้แต่เพียงมีละอองน้ำกระเซ็นมา แม้อยู่ในระยะไกลทว่าน้ำจำนวนมากได้กระเด็นเข้าไปในหม้อน้ำมันดอกผักกาดก้านขาว เป็สาเหตุให้น้ำมันในหม้อะเิยกใหญ่
มู่หรงฉิงใ และกำลังจะใช้แขนเสื้อปิดหน้าของนาง แต่จ้าวจื่อซินหันหลังกลับและขวางตรงหน้าเอาไว้ โอบนางไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา
นางได้ยินแค่เสียงฉ่าๆ ข้างใบหู แต่รอบกายถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นดอกกล้วยไม้
จวบจนกระทั่งน้ำมันในหม้อไม่กระเซ็นไปทั่วแล้ว จ้าวจื่อซินก็ปล่อยนาง ทว่าในขณะที่มู่หรงฉิงหายใจเข้าและหายใจออก กลิ่นคล้ายกล้วยไม้ก็ยังคงอยู่เป็เวลานาน...
ทำอาหารหนึ่งมื้ออย่างเต็มที่ด้วยบรรยากาศอบอุ่น มู่หรงฉิงวิตกกังวลว่าห้องครัวจะถูกเฉินเทียนหยูและเป้ยหนิงเผา แต่โชคดีที่นางทำอาหารเสร็จก่อนที่ห้องครัวเล็กจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ จากนั้นจึงลากคนสองคนซึ่งยังทำอาหารไม่เต็มอิ่มออกจากครัวเล็กที่น่าสงสาร
“ดูท่านสิ สกปรกแล้ว” บิดผ้าเช็ดหน้าและเช็ดรอยเปรอะเปื้อนบนใบหน้าของเฉินเทียนหยูอย่างระมัดระวัง “รู้สึกราวกับว่าท่านถูกทำเป็อาหารแล้ว”
“น้องหญิงทำอาหารเก่งมากจริงๆ” พูดพลางทำท่าทำทางไปด้วย เฉินเทียนหยูไม่รู้ว่าจะแสดงอารมณ์ร่าเริงของเขาในตอนนี้อย่างไร
ยามมองไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ใบหน้าของเฉินเทียนหยูยิ่งเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อาหารที่น้องหญิงทำนั้นอร่อยมาก เขาแอบชิมอาหารทุกจานแล้ว แม้ว่าน้องหญิงจะพูดซ้ำๆ หลายหนว่าควรจะล้างมือก่อน แต่เขาก็ใช้ตะเกียบนี่นา เพื่อไม่ให้น้องหญิงโกรธ เขาจึงซ่อนตัวอยู่ด้านนอกประตู และทุกครั้งที่ปี้เอ๋อร์และคนอื่นๆ ยกอาหารวางบนโต๊ะ เขาก็จะชิมอาหารก่อน หลังจากชิมอาหารทุกจาน มันยิ่งทำให้เขาอยากจะกินมากขึ้นไปอีก
“อืม ท่านพี่ชอบก็ดี” หลังจากเช็ดใบหน้าของเขาให้สะอาดแล้วก็พาไปล้างมือให้สะอาด
หลายคนนั่งอยู่รอบโต๊ะ ได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองดูมู่หรงฉิงทำความสะอาดใบหน้าและมือของเฉินเทียนหยู และในใจของพวกเขาแต่ละคนก็รู้สึกรำคาญ ลอบพูดพึมพำในใจว่า เฉินเทียนหยูคนนี้น่ารำคาญจริงๆ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังล้างมือทำความสะอาด เขาลอบกินอาหาร แต่ในขณะที่ทุกคน้ากินอาหารแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ล้างมือ
หลังจากพาคนกลับมานั่ง เป้ยหนิงจึงขยับตะเกียบทันที “ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”
ครั้นเป้ยหนิงขยับตะเกียบ จ้าวจื่อซินก็คีบชิ้นปลาหนึ่งชิ้นขึ้นมาใส่ปาก ซึ่งนั่นส่งผลให้ั์ตาของเขาเป็ประกาย รสชาตินี้...
“หือ นี่คือรสชาติของฮูหยินนี่นา ฮูหยินทำปลาแผ่นนี้ก็รสชาติเช่นนี้เหมือนกัน...” ดวงตาของจ้าวจื่อซินเป็ประกาย ในขณะที่ชิงยวี่นั้นตื่นเต้นมาก เขาพูดพลางคีบอาหารใส่เข้าไปในชาม
ปี้เอ๋อร์และชุ่ยเอ๋อร์ทานอาหารอย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน เนื่องจากมู่หรงฉิงให้พวกนางเลือกอาหารที่ชอบ และด้วยสาเหตุดังกล่าวทำให้ไม่คาดคิดว่าคุณหนูใหญ่ (ฮูหยินน้อย ) จะมีฝีมือในการทำอาหารมากถึงเพียงนี้ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว
พวกเขาทานอาหารหนึ่งมื้อด้วยความปีติยินดีอย่างยิ่ง หลายคนวางตะเกียบลงและทุกคนก็ดูอิ่มเอมใจ
อาหารเป็สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้คน และหลังจากทานอาหารมื้อเสร็จแล้ว ทุกคนก็อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ จากนั้น ชุ่ยเอ๋อร์และปี้เอ๋อร์จึงทำความสะอาดโต๊ะ ในขณะที่มู่หรงฉิงไปที่ห้องด้านในกับเป้ยหนิง
“เ้าบอกว่าจะให้เฝ้าสังเกตอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท?” เป้ยหนิงโยนลูกกาน่าพร้อมถามมู่หรงฉิงอย่างฉงนใจว่า “ตาเฒ่าคนนั้นสนใจเื่ของเ้ามาก แต่ทำไมเ้าถึงสนใจเื่ของเขาด้วยล่ะ?”
“เขาสนใจเื่ของข้าหรือ? เ้ารู้ได้อย่างไร?” ขณะที่ทั้งคู่นั่งลง เฉินเทียนหยูผู้ซึ่งมีชิงยวี่คอยทำความสะอาดใบหน้าและทำความสะอาดมือให้ก็เดินเข้ามาในห้องด้านในราวกับไม่อยากจะอยู่ห่างกันแม้ชั่วเวลาหนึ่งเค่อ เขาเดินเข้ามานั่งด้านข้างของมู่หรงฉิง
เป้ยหนิงมองเฉินเทียนหยูที่พิงไหล่ของมู่หรงฉิงพลางกะพริบตาปริบๆ ดวงตาที่ใสสะอาดของเขาทำให้นางพูดอย่างเสียดาย “ถ้าเขาไม่เป็เช่นนี้ เ้าและเขาก็เหมาะสมกัน แต่เมื่อเขาเป็เช่นนี้ ชีวิตของเ้าช่างยากลำบากจริงแท้”
“ชีวิตของเ้าสิยากลำบาก น้องหญิงดีที่สุดแล้ว ชีวิตของน้องหญิงไม่ลำบากเลยแม้แต่น้อย” เฉินเทียนหยูมองไปที่เป้ยหนิงพร้อมเปล่งเสียงฮึ ก่อนจับมือของมู่หรงฉิง “น้องหญิง ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?”
“ใช่ ท่านพี่ปฏิบัติต่อฉิงเอ๋อร์เป็อย่างดี ชีวิตของฉิงเอ๋อร์จะลำบากได้อย่างไรหรือ?” ปล่อยให้เฉินเทียนหยูพิงไหล่ของนาง มู่หรงฉิงก็ยังคงสอบถามต่อไปว่า “อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทสนใจในเื่อะไรของข้าหรือ?”
“นี่ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ” เป้ยหนิงเห็นเฉินเทียนหยูเกาะไหล่ของมู่หรงฉิงราวกับแมว นางทำได้แค่เพิกเฉยเขา “หลังจากที่เขาเห็นเ้าเมื่อวาน ต่อหน้าคนอื่นเขาก็เหมือนคนปกติ แต่เื้ัผู้คน ท่านอาจารย์ก็ถูกเขาตอแยถึงกับอยากจะฆ่าคน เมื่อคืนยังพูดอยู่ว่าอยากเจอเ้า ทั้งยังบอกว่าเ้าหน้าคล้ายกับเพื่อนเก่าโดยไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มาในเวลาที่ไม่เหมาะสม เ้าหลับไปแล้ว หลังจากเขากลับไป สีหน้าของเขาก็มืดมน มิหนำซ้ำมันช่างดูน่ากลัวจริงๆ”
พูดถึงตรงนี้เป้ยหนิงก็มองมู่หรงฉิงด้วยความสงสัย “เ้าเคยเจอเขามาก่อนหรือไม่? ทำไมเขาถึงแปลกเช่นนั้น? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคืนเขาจะต้องพาท่านอาจารย์ไปที่จวนของเขาให้ได้ เ้าเดาสิว่าผลเป็อย่างไร?”
“ผลเป็อย่างไรหรือ?” น้ำเสียงและสีหน้าของเป้ยหนิงมีแต่ความจริงจัง มู่หรงฉิงจึงให้ความร่วมมือด้วยการเอ่ยถามว่า “เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาทำให้ท่านอาจารย์โกรธแล้ว?”
“เขาจะทำเช่นนั้นได้เสียที่ไหน เขาทำให้ท่านอาจารย์รำคาญจนต้องวิ่งและปีนกำแพงออกมาในเวลากลางดึกต่างหาก” เป้ยหนิงถึงกับหัวเราะออกมาจนหายใจไม่ออก “หลังจากที่ท่านอาจารย์กลับมา เขาได้พูดว่า เ้าคิดว่าตาเฒ่าคนนั้นวิกลจริตแล้วหรือไม่? เขาพูดแต่คำว่า ์ลิขิตแกล้งมนุษย์ ข้าฟังจนหูแทบเกิดหนอนแล้ว”
เป้ยหนิงยิ่งพูดก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น นางตบมือพลางพูดอย่างเมามัน มู่หรงฉิงฟังอย่างเงียบๆ และตอบรับเป็ครั้งคราวซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่านางกำลังฟังอย่างจริงจัง
เป้ยหนิงพูดอยู่นาน ระหว่างนั้นยังบอกเล่าถึงเื่อื่นๆ หลังจากที่มู่หรงฉิงได้ฟังจบแล้ว สามารถสรุปได้ว่า
ประการแรก หลังจากที่อาจารย์องค์ชายรัชทายาทเห็นนาง เขาพลอยนึกถึงซูชิงหย่าผู้ซึ่งเป็แม่ของนาง ประการที่สอง อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทมีทั้งความรัก ความเกลียดชัง และความขุ่นเคืองต่อท่านแม่ของนาง ครั้นเวลาผ่านไป ความเกลียดชังและความขุ่นเคืองเ่าั้ได้สะสมอยู่ในหัวใจของเขา การได้พบนางทำให้ความเกลียดชังและความขุ่นเคืองเ่าั้ถูกกระตุ้นอีกหน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือถูกเปลี่ยนแปลง ประการที่สาม แม่รองเฉิน้าให้นางได้พบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทแต่กำหนดการเดิมไม่ใช่เมื่อวาน ความจริงแล้วแม่รองเฉินวางแผนที่จะให้นางได้เจอกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทในวันคล้ายวันเกิดของเขา
หลังพิจารณาจากสามข้อข้างต้น นั่นคือเป้าหมายของแม่รองเฉินนั้นสำเร็จแล้ว เพราะอย่างน้อยในตอนนี้อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทก็สนใจนางเป็อย่างมาก เพียงแต่ผลที่ได้มาไม่เท่ากับที่แม่รองเฉินคาดหวังไว้ทั้งหมด บางทีแม่รองเฉินไม่เพียงแต่้าให้นางได้พบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ้าให้ใครเป็พยานในการพบกันระหว่างนางกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท
ความคิดนั้นเป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงรู้สึกว่าจำเป็ต้องลงมือทำก่อนถึงจะดี นางต้องรีบลงมือก่อนที่แม่รองเฉินจะจัดวางกับดักเสร็จเรียบร้อย ด้วยการลากอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทเข้ามาอยู่ฝ่ายของตนเองเสียก่อน
“น้องหญิง ข้าง่วงแล้ว” เป้ยหนิงพูดสักพักก็กระหายน้ำ นางจึงวิ่งออกไปเพื่อหาน้ำชาดื่ม ฝ่ายมู่หรงฉิงถึงได้นั่งคิดพิเคราะห์อยู่นานโดยไม่ทันได้สังเกตว่าเฉินเทียนหยูที่พิงไหล่ของนางเริ่มออกอาการง่วงนอน
ครั้นหันหน้าเล็กน้อยจึงเห็นว่าดวงตาทั้งสองของเฉินเทียนหยูปรือลง รวมถึงหากนับเวลา นี่ก็ถึง่ที่เขามักจะนอนกลางวันแล้ว “ท่านพี่ ได้โปรดไปหาจ้าวจื่อซิน แล้วให้เขาพาท่านพี่ไปพักผ่อนดีหรือไม่?”
คำพูดของมู่หรงฉิงทำให้เฉินเทียนหยูเม้มปากทันทีพร้อมพูดว่า “ไม่ดี” ด้วยน้ำเสียงที่ต่อรองได้พร้อมกับความไม่เต็มใจเล็กน้อย “ข้าจะนอนกับน้องหญิง”
“แต่ฉิงเอ๋อร์ยังมีบางอย่างที่จะต้องทำ ท่านพี่ไปนอนก่อน หลังจากฉิงเอ๋อร์ทำงานเสร็จแล้ว ก็จะไปอยู่กับท่านพี่ดีหรือไม่?”
“ไม่ดี ข้าจะอยู่กับน้องหญิง หลังจากน้องหญิงทำงานเสร็จแล้ว น้องหญิงไปนอนเป็เพื่อนกับข้า” เขาชอบที่จะอยู่กับน้องหญิงมาก อย่างไรก็ตามเขาอยากจะนอนกับน้องหญิง