ตอนนี้สิ่งที่น่าสนุกที่สุดของสวี่ไป่ก็คือหลังจากที่สวี่จือเลิกเรียน กลับมาแล้วจะบอกเล่าเื่ที่เรียนให้จางจ้าวฉือฟัง
คุณหนูทั้งเก้าของสกุลสวี่ สวี่ไป่เคยเจอมาทั้งหมดแล้ว หน้าตาก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน มีความเป็ตัวตนของแต่ละคน ความจริงแล้วก็ล้วนเป็สาวงาม เพียงแค่ความโดดเด่นของแต่ละคนไม่เหมือนกันเท่านั้น
ท่านปู่ของหย่งหนิงโหวเย่หรือก็คือพ่อสามีของฮูหยินผู้เฒ่า เป็คนที่ทำอะไรเด็ดขาดบนสนามรบ แต่ว่าสำหรับเรือนหลังของตนเองกลับไม่ชัดเจน รักอนุของตนเอง รักและทะนุถนอมบุตรของอนุ เรือนหลังเต็มไปด้วยบรรยากาศวุ่นวาย แล้วก็เป็ตอนนั้นที่หย่งหนิงโหวฮูหยินคนก่อนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮองเฮาองค์ก่อน จึงคิดหาวิธีแต่งสตรีจากจวนหย่งอี้โหวเข้าสกุลมา คนนั้นก็คือฮูหยินผู้เฒ่านั่นเอง
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าแต่งงานเข้ามาแล้ว แม่ยายก็มอบอำนาจในการดูแลจวนให้กับนาง ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดการเรือนหลังเสียจนสะอาดเอี่ยม หลังจากพ่อสามีเสียชีวิตไปก็แยกเรือนของเหล่าลูกอนุของจวนโหวออกไป อีกทั้งยังยกระดับลูกหลานของตน หากอายุสามสิบแล้วยังไม่มีลูกให้รับอนุเข้ามาได้ ตอนนี้ลูกหลานพวกนี้ของจวนโหว ก็มีสวี่เหราที่เป็ลูกอนุ คนอื่นๆ ต่างเป็ลูกของภรรยาเอก อนุ สาวใช้ข้างห้องในจวนมีหมด แต่ว่าไม่ได้รับอนุญาตให้รับเข้ามาเลี้ยงเอาไว้ ส่วนสวี่เจินหย่งหนิงโหวเย่ในปัจจุบัน ตอนนั้นได้วานให้คนช่วยอนุจู้ที่กำลังลำบากกลับมา เดิมทีไม่คิดที่จะเอาอนุจู้เข้ามาอยู่ในจวน ผู้ใดจะไปรู้เพียงแค่ลุ่มหลงคืนเดียวก็ตั้งท้องขึ้นมา จนกระทั่งเด็กอายุได้เจ็ดเดือนกว่าถึงได้รับเข้ามาในจวน เื่นี้ก็เป็เื่ที่อู่ซื่อโหวฮูหยินยากที่จะสะกดอารมณ์ลงมาได้อยู่หลายปี
ถึงแม้จวนหย่งหนิงโหวจะไม่ได้สูงส่งเท่าแต่ก่อนแล้ว แต่เพราะว่าชื่อเสียงครอบครัวยังถือว่าขาวสะอาด การแต่งงานของลูกหลานในจวนก็ยังถือว่าราบรื่นมาก ไม่เช่นนั้นบุตรสาวคนโตอย่างสวี่สาวของโหวเย่ก็คงไม่ได้แต่งเข้าไปยังบ้านสามีในตอนนี้
สวี่เกาบุตรสาวคนโตของซื่อจื่อเป็ลูกคนแรกของสองสามีภรรยาคู่นี้ แล้วก็เป็ลูกคนแรกของรุ่น ั้แ่เด็กก็ได้รับความรักจากผู้ใหญ่ในจวน เื่แต่งงานแน่นอนว่าเป็เื่สำคัญของครอบครัว ถึงแม้จวนชิงผิงป๋อจะเป็จวนโหวที่ตกขั้นไปเป็จวนป๋อแล้ว แต่ว่าชิงผิงป๋อเย่นั้นเป็ขุนนางใกล้ชิดกับเหลียงเฉิงตี้ เป็คนที่รู้ใจฮ่องเต้ ชิงผิงป๋อเย่ติดตามเหลียงเฉิงตี้มาั้แ่อายุสิบกว่าปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนย่อมไม่ธรรมดา เฉิงไค่ซื่อจื่อของชิงผิงป๋อ อย่ามองว่าอายุแค่ยี่สิบกว่าปี แต่เขาเป็ราชองครักษ์พกอาวุธที่ติดตามเหลียงเฉิงตี้ อนาคตย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
เื่แต่งงานของสวี่เกานั้นยังเป็ฮูหยินผู้เฒ่าที่ช่วยจัดการให้ เื่แต่งงานได้กำหนดเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อน พวกสวี่เหราเพิ่งจะไปได้ไม่นานก็กำหนด ฮูหยินผู้เฒ่ากับไท่ฮูหยินจวนชิงผิงป๋อนั้นสนิทสนมกันดี ทั้งสองครอบครัวต่างชื่นชอบบุตรของอีกฝ่ายมาก พอดีกับที่หนิงซื่อกำลังจัดการเื่งานแต่งของสวี่เกา หนิงซื่อจึงหาเด็กหนุ่มอายุเหมาะสมที่ยังไม่ได้จับคู่แต่งงานมาหนึ่งรอบ ก็รู้สึกว่าเฉิงไค่ของสกุลเฉิงนั้นดี จึงสอบถามมาได้ความว่าฮูหยินผู้เฒ่ากับไท่ฮูหยินจวนชิงผิงป๋อนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นางจึงไปขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าออกหน้าให้
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าจวนชิงผิงป๋อยังถือว่าใช้ได้ จึงช่วยจัดการเื่การแต่งงานของสวี่เกาให้ ทั้งสองครอบครัวก็ถือว่าเป็คนที่ระมัดระวังไม่ทำตัวกระโตกกระตาก หลังจากหมั้นหมายกันแล้วก็จะมาเจอกันตอนเทศกาล ไม่เพียงแค่สวี่เกา เฉิงไค่เองก็ต่างพอใจกับคู่ของตน
ตอนนี้สวี่เกาไม่ได้ไปเรียนแล้ว ในบรรดาคนที่เรียนก็มีสวี่เถาที่อายุมากที่สุดช่วยดูแลน้องๆ ในจวน ตอนนี้ก็มีคุณหนูสองคนที่หมั้นเอาไว้แล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ยังไม่โต
เพราะว่าบิดาของสวี่เกาเป็ซื่อจื่อ มารดาเป็ฮูหยินซื่อจื่อ ในจวนจึงใช้มาตรฐานของฮูหยินที่จะแต่งงานกับซื่อจื่อในการสั่งสอน นิสัยซื่อตรง เป็คนซื่อสัตย์ ทำงานก็ยุติธรรม เื่นี้ล้วนเป็การให้คะแนนของสวี่จือที่มีต่อสวี่เกา สวี่จือชื่นชอบพี่สาวคนนี้มาก แล้วก็ชอบสวี่เถาด้วย เพราะว่าสวี่เถาเป็คนที่อบอุ่นมาก ปฏิบัติกับน้องสาวด้วยความเข้าใจ เหล่าน้องๆ ยังเล็ก บางครั้งมีเื่ขัดแย้งกันก็จะมีสวี่เถาช่วยแก้ปัญหาให้
สวี่จือไม่ชอบที่สุดก็คือสวี่เย่าที่เอาแต่ใจอยู่นิดหน่อย เพราะว่าสวี่เย่าเป็บุตรสาวเรือนที่สองของซื่อจื่อ ั้แ่เด็กจึงได้รับความรักการเอาอกเอาใจ บวกกับมีพี่สาวกับพี่ชายคอยหนุนหลัง ทำอะไรจึงเอาแต่ใจไปสักหน่อย บวกกับตอนนั้นเพราะว่าสวี่เย่าไม่ยินดีกับการหมั้นหมาย จึงให้สวี่จือที่ไม่มีบิดามารดามาแต่งแทน เพราะเื่นี้สวี่จือถึงได้ถูกส่งไปที่หลิงหนาน สุดท้ายก็ไปฆ่าตัวตายที่นั่น
หลังจากสวี่จือตามไปเรียนการบ้านการเรือนได้หลายวัน ทุกวันกลับมาก็จะเล่าเื่ที่เรียนกับท่านแม่แล้วก็ฮูหยินผู้เฒ่า พูดถึงการขัดแย้งของเหล่าพี่น้อง จางจ้าวฉือรู้สึกว่าเป็เช่นนี้ความจริงแล้วก็ดี ระหว่างการเติบโตของเด็กควรจะเป็เช่นนี้ ข้างกายมีเด็กที่อายุใกล้เคียงกันอยู่ด้วย แม้จะมีความขัดแย้ง เื่นี้ก็เป็ส่วนที่ชีวิตควรจะประสบพบเจอถึงจะถูก
แม่นมลู่ต่างฟังเื่ราวอย่างตั้งใจ คำพูดของสวี่จือในบางครั้งท่าทีของเด็กก็เป็ตัวแทนของท่าทีของผู้ใหญ่ จางจ้าวฉือพาลูกกลับมาจากเหอซี ผู้ใหญ่มีท่าทีเป็อย่างไร บางครั้งก็จะสะท้อนออกมาบนตัวของพวกลูกๆ หลังจากแม่นมลู่ฟังมาหลายครั้งก็วิเคราะห์กับจางจ้าวฉือ แล้วก็วิเคราะห์ออกมาได้ว่าเหมือนกันแปดเก้าส่วน
วันเวลาจึงผ่านไปอย่างราบเรียบเช่นนี้ จางจ้าวฉือไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุย มีบางครั้งก็ได้รับจดหมายเทียบเชิญจึงส่งของขวัญไปให้ บอกว่าลูกของตนเองยังเล็กยังห่างครอบครัวไม่ได้ และยังไม่ถึงเวลาที่ต้องออกไปนอกจวน พอนานวันเข้า จดหมายเทียบเชิญของจางจ้าวฉือก็น้อยลงมาก สกุลจางยังไม่ได้กลับมาจากทางใต้ สำหรับนางแล้ว รู้ดีมากว่าญาติของตนเองมีไม่กี่คน จดหมายเทียบเชิญที่ได้รับปกติแล้วเป็ญาติคนใกล้ตัวที่จัดกิจกรรมงานเลี้ยงชมบุปผา ความจริงแล้วก็เตรียมตัวที่จะหาคู่ที่เหมาะสมให้กับบุตรหลานของตนเองถึงได้ยืมงานเลี้ยงชมบุปผานี้มาเป็ข้ออ้าง พาเด็กๆ ในครอบครัวมาทานข้าวด้วยกัน แล้วก็มองลูกของอีกฝ่ายไปด้วยในตัว หากมีเหมาะสม ก็จะได้สอบถามอย่างละเอียด คิดว่าคนนี้ดี ชาติตระกูลเหมาะสม แม่สามีดีอะไรก็ดี หาแม่สื่อสักคน ก็สามารถกำหนดเื่แต่งงานได้แล้ว
เื่แต่งงานของสวี่ตี้ได้กำหนดเอาไว้แล้ว สวี่จือหรืออายุนางยังน้อย จางจ้าวฉือไม่อยากจะหมั้นหมายให้สวี่จือในตอนนี้ สวี่จือหาคนที่อายุพอๆ กัน อายุเท่านี้บางนิสัยความจริงแล้วยังมองไม่ออก จางจ้าวฉืออยากจะรอให้สวี่จืออายุสิบสามสิบสี่ก่อน แล้วค่อยหาที่เหมาะสม ชาติตระกูลก็ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้สูง ขอแค่สกุลโปร่งใส นิสัยดี แม่สามารถเข้ากันได้ง่าย จางจ้าวฉือคิดเอาไว้ชัดเจนมาก สวี่เหราเป็บุตรอนุของจวน ถึงจะหาอย่างไร ก็ไม่สามารถหาคนที่มีชาติตระกูลอยู่ในระดับจวนโหวได้ ถึงแม้จะสามารถแต่งเข้าไปได้ เขาก็จะดูถูกสวี่จือที่มีฐานะต่ำต้อยเพราะสวี่เหราเป็ลูกของอนุ
ตอนนี้สวี่ตี้ก้มหน้าอ่านหนังสือทุกวัน จางจ้าวฉือทำยาบำรุงร่างกายชนิดต่างๆ ให้สวี่ตี้ คิดได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว หลังจากทำยาเสร็จแล้วก็จะส่งไปให้ เพราะว่ายาบำรุงพวกนี้ ร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีขึ้นมาก หลังจากตรุษจีนผ่านไปอากาศก็อุ่นขึ้น หญิงชราก็จะเดินจากเรือนของตนเองมาที่เรือนของจางจ้าวฉือ โดยมีแม่นมเสิ่นติดตามมาด้วย หรือมาหยอกล้อสักพักก็ไป อีกทั้งสวี่ไป่ที่สามารถเรียกท่านทวดได้อย่างชัดเจน บางครั้งก็จะพูดคุยกับแม่นมลู่ จางจ้าวฉือกำชับฮูหยินผู้เฒ่าอยู่หลายครั้ง ให้หมั่นออกกำลังกาย แต่ว่าอย่ามากจนเกินไป
รอจนกระทั่งสวี่ตี้เตรียมตัวจะไปสอบ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสองแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จางจ้าวฉือดูแลผู้เตรียมสอบ หลังจากที่สวี่เหราแต่งงานกับจางจ้าวฉือก็เริ่มสอบั้แ่สอบเซียงซื่อ เตี่ยนซื่อก็สอบไปสองรอบ ถึงแม้ตอนนั้นจางจ้าวฉือจะยังไม่ได้มาเข้าร่างนี้ แต่ว่านางก็ยังมีความทรงจำของร่างเดิมอยู่ อีกทั้งความทรงจำนี้ก็รวมเข้ากับจางจ้าวฉือได้ดีมาก เหมือนกับเป็ตัวของนางเองอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นอุปกรณ์การสอบที่เตรียมให้สวี่ตี้จึงเป็เื่ที่ง่ายดาย
อยากจะเริ่มต้นโดยการผ่านถงเซิง เช่นนั้นก็ต้องผ่านการสอบระดับเซียงซื่อ ระดับฮุ่ยซื่อ ระดับเตี่ยนซื่อ การสอบระดับถงเซิงก็สอบในเขต สอบระดับเซียงซื่อจำเป็ต้องไปที่มณฑล ส่วนระดับฮุ่ยซื่อก็ยังคงสอบที่มณฑล ผู้คุมสอบของระดับถงเซิงคือจือเซียน มีจือฟู่เป็ผู้คุมสอบของการสอบระดับเซียงซื่อ ส่วนผู้คุมของระดับฮุ่ยซื่อนั้นก็เป็คนจากสำนักการศึกษา
การสอบเริ่มต้นในเดือนสองของปฏิทินจันทรคติ เริ่มเมื่อไหร่นั้นได้รับการแจ้งมาแล้ว หลังจากได้รับการแจ้งโหวเย่ก็เริ่มยุ่งอยู่กับการเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้สวี่ตี้ นอกจากรับใบรายงานตัวกลับมา ก็ไปขอหนังสือรับรองจากกระทรวงการสอบจำนวนทั้งสิ้นห้าคนมารับประกัน แล้วก็ซิ่วไฉในพื้นที่ หนังสือรับรองต้องได้รับการรับประกันจากซิ่วไฉที่ได้รับสมญานามว่าซิ่วไฉแล้ว
หลังการสอบระดับถงเซิงในขั้นระดับอำเภอ [1] เริ่มขึ้น ทุกวันั้แ่ฟ้ายังไม่สางสวี่ตี้ก็จะถืออุปกรณ์การสอบที่เตรียมเอาไว้ไปสนามสอบ สอบจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ฟ้ามืดแล้วถึงจะกลับมา อุปกรณ์การสอบที่จางจ้าวฉือเตรียมให้สวี่ตี้ไม่เพียงจะมีแค่อุปกรณ์ ยังมีของกินเล่นง่ายๆ อย่างขนมขนาดพอดีคำ ใส่ลงไปในกล่องเก็บความร้อนที่จางจ้าวฉือทำด้วยตนเอง ทุกเช้าจะพกน้ำร้อนไปด้วย ตอนกลางวันน้ำก็ยังร้อนอยู่ หากหิวก็กินขนม ดื่มน้ำร้อนๆ จะอย่างไรก็สามารถทำให้คนรู้สึกสบายได้
สอบมาได้ห้าวัน โชคดีที่ทุกวันสามารถกลับมานอนอยู่บนตั่งอุ่นๆ หลังจากสอบเสร็จ สวี่ตี้กลับมาอาบน้ำร้อน แล้วมาหาที่เรือนจางจ้าวฉือ ซึ่งนางก็ได้ทำอาหารร้อนๆ เอาไว้ให้ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาไปซื้อกระดูกชิ้นใหญ่มาตุ๋น จนตอนนี้ตุ๋นจนน้ำกลายเป็สีขาวน้ำนม
สวี่ไป่รู้ว่าสวี่ตี้สอบมาได้ห้าวันแล้ว พอเห็นสวี่ตี้เข้ามาในเรือนก็รีบก้าวขาสั้นๆ เดินโยกเยกไปหา เดินเข้าไปใกล้ก็กอดขาของเขาแน่น
สวี่ตี้ก้มเอวลงอุ้มสวี่ไป่ขึ้นมา จางจ้าวฉือก็เอ่ย “เหนื่อยมาหลายวันแล้ว รีบมาดื่มน้ำแกงร้อนๆ พักผ่อนดีๆ สักหน่อยเถิด”
สวี่ตี้อุ้มสวี่ไป่ เห็นจางจ้าวฉือถืออาหารมาจัดวางอยู่บนโต๊ะบนตั่งก็เอ่ย “เหตุใดถึงไม่กินข้าวข้างนอกหรือขอรับ?”
จางจ้าวฉือตอบ “หลายวันนี้อุณหภูมิต่ำอยู่นิดหน่อย ด้านนอกไม่หนาวหรือ พวกเราก็กินอาหารกันที่โต๊ะบนตั่งนี่แหละ อุ่นดี”
แม่นมลู่ยกอาหารจานหนึ่งเข้ามา ก่อนที่จางจ้าวฉือจะรีบให้นางขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ หลังจากแม่นมลู่ขึ้นไปนั่งแล้ว ก็อุ้มสวี่ไป่ที่อยู่ในอ้อมกอดของสวี่ตี้มา “ไป่เกอของพวกเราจะต้องเชื่อฟังนะ หลายวันนี้พี่ชายเหนื่อยแล้ว ให้เขาพักผ่อน พักผ่อนแล้วค่อยมาเล่นกับเ้า”
สวี่จือยกข้าวเข้ามา รีบให้สวี่ตี้นั่งกินข้าว จางจ้าวฉือถาม “เ้าคิดว่าสอบเป็อย่างไรบ้าง?”
สวี่ตี้เอ่ย “เื่นี้หรือ ไม่มีคำตอบที่เป็มาตรฐานอะไรขอรับ จะต้องดูว่าใต้เท้าผู้ปกครองเขตจะวิเคราะห์ข้อสอบของข้าอย่างไร ข้าคิดว่าคงจะไม่มีปัญหา หัวข้อของข้าชัดเจน ตัวหนังสือก็เขียนพอได้ หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันก็คงจะผ่านขอรับ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “การสอบระดับเซียงซื่อคือเดือนสี่ใช่หรือไม่?”
สวี่ตี้ตอบ “ใช่ขอรับ หากผ่านแล้วจำเป็ต้องไปเข้าร่วมการสอบระดับเซียงซื่อตอนเดือนสี่ขอรับ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ไม่รู้ว่าวันไหน แต่วันที่สิบหกเดือนสี่คุณหนูใหญ่ของพวกเราจะแต่งงานแล้ว”
สวี่ตี้ตอบ “นางจะแต่งงานก็แต่งไป ข้าจะสอบของข้า หากเวลาไม่ชนกัน ข้าก็จะไปด้วย หากเวลาชนกัน ข้าจะต้องไม่ไปสอบเพราะนางแต่งงานหรือไร?”
สวี่ตี้ไม่มีความประทับใจดีๆ กับครอบครัวของซื่อจื่อ สวี่ตี้ตื่นขึ้นมาก็มีความทรงจำของร่างก่อน ไม่เหมือนกับสวี่เหรากับจางจ้าวฉือ ที่ความทรงจำของเ้าของร่างเดิมค่อยๆ กลับมา ตอนที่สวี่ตี้ได้รับความทรงจำของเ้าของร่างเก่า ในใจก็มีความโกรธมาก หลายปีที่อยู่เหอซีก็กลบความโกรธในใจพวกนั้นลงไปแล้ว แต่ว่าก็ไม่อยากจะสนิทสนมกับครอบครัวซื่อจื่อสักเท่าไหร่
จางจ้าวฉือเข้าใจว่าเหตุใดสวี่ตี้ถึงพูดเช่นนี้ จึงถอนหายใจแล้วเอ่ย “เป็ครอบครัวเดียวกัน เ้ายังสามารถทำอะไรเกินไปได้หรือ? ทำมากเกินไปแล้วเขาก็จะบอกว่าเ้าไม่รู้ความ”
สวี่ตี้โบกมือ “ท่านแม่ รีบไปกินข้าวเถิด ข้าหิวแล้ว”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าได้พูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้แล้ว กินข้าวเสร็จก็จะไปคำนับฮูหยินผู้เฒ่า เ้าสอบมาหลายวัน นางไม่มาหาด้วยตัวเองก็ยังส่งคนมา เ้าจำไว้ว่านางดีกับเ้ามาก”
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว สวี่ตี้ก็จะไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า สวี่ไป่กอดขาของสวี่ตี้เอาไว้ จะอย่างไรก็จะตามไปด้วย จางจ้าวฉือจึงทำได้แค่หาเสื้อกันลมเล็กๆ ออกมาคลุมั้แ่หัวจรดเท้าถึงให้สวี่ตี้อุ้มไป ส่วนตนเองกับชิงเหมี่ยวก็ถือโคมไฟ เดินไปหาที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
ตอนที่จางจ้าวฉือมาถึง หนิงซื่อยังอยู่ อีกทั้งดูจากสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ค่อยจะดีมากเท่าไหร่ คิดจะให้สวี่ตี้ทัคำนับฮูหยินเฒ่า พูดถึงเื่การสอบหลายวันนี้คร่าวๆ ผู้ใดจะไปรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับอุ้มสวี่ไป่ แล้วกอดสวี่ไป่ไว้ในอ้อมแขน ให้แม่นมเสิ่นไปหาสิงเหรินลู่ [2] มาให้สวี่ตี้หนึ่งถ้วย แล้วทำท่าทางอยากให้สวี่ตี้ตั้งใจพูด ส่วนนางก็จะตั้งใจฟัง
หนิงซื่อกระตุกมุมปากยิ้ม หลังจากกล่าวลากับฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จก็พาคนของตนเองกลับเรือน ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหนิงซื่อไปแล้วถึงได้ผ่อนคลายลง แล้ววางสวี่ไป่ลงให้เขาเล่นด้วยตัวเอง ก่อนจะลากจางจ้าวฉือมานั่งลงใกล้ๆ แล้วพูดเสียงเบา “มีแต่พวกวุ่นวายทั้งนั้น ข้าคิดไปคิดมาแล้ว มีครอบครัวพวกเ้านี่แหละที่ไม่มีเื่วุ่นวาย”
จางจ้าวฉือไม่สามารถสอบถามได้ว่าเื่อะไร แต่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้มองว่าจางจ้าวฉือเป็คนนอกจึงพูดออกมา “ผ่านไปอีกสักพักพวกเ้าก็จะกลับเหอซีแล้ว จะเล่าเื่ตลกให้เ้าฟัง พี่สะใภ้ของเ้าผู้นี้น่ะชอบของของข้า บอกว่าอีกไม่เท่าไหร่ลูกสาวคนโตก็จะแต่งงานแล้ว ไม่มีสินสอดที่มีค่ามากพอ อยากจะขอของที่ฮองเฮาให้กับข้าสักชิ้นสองชิ้น นางเองก็ไม่ได้คิดเลยว่า ของที่ออกมาจากวังนั้นมีจดบันทึกลงไป ข้าอยากจะให้ผู้ใดก็ได้ที่ไหนกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเอ่ยต่อ “พอเห็นว่าข้าไม่รับปาก ก็บอกว่าในคลังมีต้นซานหูขนาดความสูงเท่าตัวคน สีสันสวยงาม สามารถเอาไปเป็สินสอดให้ลูกสาวคนโตได้พอดี อยากจะถามข้าว่าขอให้เป็หน้าเป็ตาให้ลูกสาวคนโตได้หรือไม่ ในจวนบวกลูกสาวของนางแล้วก็มีเก้าคน ข้าให้ไปแล้วพอคนต่อไปข้าจะไม่ให้ได้หรือ? ถึงแม้แม่หนูสองจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ว่าสองครอบครัวก็ติดต่อกันตลอด ข้าได้ยินมาว่าร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฟิ่งไม่ค่อยดี คาดว่าแม่หนูคนโตแต่งงานออกไปแล้วพวกเขาก็จะมากำหนดวันแต่งงานทันที ข้าที่เป็ทวด ก็ต้องทำตัวให้เท่าเทียมถึงจะถูก”
จางจ้าวฉือรับฟังไม่ได้พูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจออกมา “จ้าวฉือ พี่สะใภ้ของข้านั้นอย่างอื่นดีหมด มีก็แค่รีบร้อนเอาผลประโยชน์มากไปเสียหน่อย การแต่งงานของลูกสาวคนโต ก็เป็นางมาขอให้ข้าไปออกหน้าให้ ข้าเป็ทวดของหลานคนโต แน่นอนว่าข้าก็หวังว่าลูกหลานของข้าทุกคนจะมีชีวิตที่ดี แล้วก็โชคดีที่จวนชิงผิงป๋อนั้นประวัติขาวสะอาด เฉิงไค่เด็กคนนี้เป็เด็กดี แต่ว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับหลานคนโตคนนี้ คิดว่าหลานคนโตของพวกเราได้รับการสั่งสอนมาดี สามารถช่วยเฉิงไค่ดูแลจวนชิงผิงป๋อได้ สามารถเป็ฮูหยินเอกของสกุลเฟิ่งของพวกเขา มีหรือจะสนใจสินเดิมของสะใภ้น่ะ”
จางจ้าวฉือพยักหน้า “หลานสาวคนโตของพวกเราดีจริงๆ เ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เมื่อข้าไม่ให้ นางก็ยังคงนั่งอยู่ที่นี่ นี่ก็ทำมาครึ่งชั่วยามแล้ว ปกติในเวลานี้ข้าจะออกไปเดินย่อยอาหาร ตอนนี้หน้าของนางยิ่งหนาขึ้นทุกวันแล้ว” ความจริงแล้วฮูหยินผู้เฒ่าในใจก็หงุดหงิดแทบแย่อยากจะหาคนมาระบาย แล้วจางจ้าวฉือก็มาได้ถูกเวลา ถ้าหากรู้ก่อนว่าหนิงซื่ออยู่ที่นี่ จางจ้าวฉือก็คงไม่พาลูกมา
ความสัมพันธ์ของจางจ้าวฉือกับหนิงซื่อนั้นธรรมดา ถึงแม้จะเป็น้องสะใภ้ เพราะว่าสวี่เหราเป็บุตรอนุ บรรดาน้องสะใภ้ภายในจวนจึงพูดคุยกับจางจ้าวฉือไม่ค่อยจะลึกซึ้งเท่าไหร่ ซึ่งตัวนางเองก็ดีใจที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับผู้ใด ตนเองเลี้ยงลูกๆ อยู่เรือนหลังก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
จางจ้าวฉือยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านย่าเ้าคะ ฟังจากที่ท่านพูดมา ท่านเป็คนที่มีเงินที่สุดในจวนของพวกเรา ในสายตาของหลานสะใภ้ ท่านเป็มหาเศรษฐี แค่เศษเงินที่ร่วงหล่นออกจากง่ามนิ้วเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับพวกเรานี่ก็คือเงินจำนวนมาก ปกติแล้วก็รู้สึกไม่ดี หากเจอเื่แบบนี้จริงๆ ข้าก็อยากจะมาขอผลประโยชน์เล็กๆ จากท่านเช่นกันเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถูกคำพูดของจางจ้าวฉือทำให้หัวเราะออกมา “เ้านี่ ก็ยังเป็เ้าที่กล้าพูดคำพูดพวกนี้กับข้า”
เชิงอรรถ
[1] การสอบถงเซิง คล้ายกับการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในปัจจุบัน ผู้สมัครสอบในระดับนี้ทุกคน ไม่ว่าจะมีอายุมากน้อยเท่าใดก็ตาม จะเรียกว่า "ถงเซิง" (ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า "นักศึกษาเด็ก") ดังนั้นจึงเรียกการสอบในระดับนี้ว่า "การสอบถงเซิง" การสอบถงเซิงเป็การสอบในระดับท้องถิ่นซึ่งแบ่งย่อยออกเป็ 3 ระดับด้วยกัน คือ การสอบระดับอำเภอ การสอบระดับจังหวัด และการสอบย่วนซื่อ ซึ่งจัดโดยขุนนางที่ราชสำนักมอบหมายหน้าที่มาโดยตรง ในการสอบ 3 ระดับนี้ การสอบระดับอำเภอถือว่าสำคัญที่สุด การจัดสอบระดับอำเภอจะดำเนินการโดยขุนนางประจำอำเภอต่างๆ หากผู้เข้าสอบสอบผ่านในระดับนี้ก็จะได้รับเลือกเป็ "เซิงหยวน" (บัณฑิตระดับอำเภอ) หรือมักเรียกกันทั่วไปว่า "ซิ่วไฉ"
[2] วุ้นอัลมอนต์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้