อู๋ไป่ไม่มีวันลืมการแสดงครั้งแรกของเขากับอู๋เฝ่ยที่ SuperMoment เช่นเดียวกับที่จะไม่มีวันลืมแส้แรกที่ได้รับจากกู้เฟิง
แม้ว่าอู๋ไป่จะเป็ลูกศิษย์สายตรงของกู้เฟิง ได้รับการสั่งสอนเทคนิคการฝึกจากกู้เฟิงโดยตรง แต่เขารู้ว่าเขาไม่มีวันใช้แส้ได้อย่างพระเ้าเฉกเช่นกู้เฟิง ไม่มีทางควบคุมการแสดงเก่งเท่ากับกู้เฟิงที่ทำเหมือนว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา สิ่งที่ทำเขาได้ดีกว่าคือรูปแบบการแสดงที่หลากหลาย และเป็ครูฝึกที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและเป็เพื่อนกับสัตว์เลี้ยงเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับอู๋เฝ่ย หรืออย่างน้อยก็ใน่แรก อันที่จริงอู๋ไป่ตั้งใจจะลงโทษฉู่จื้อเฉิงและผู้ติดตามของเขาที่สมรู้ร่วมคิดทำร้ายฉู่อี้
ตอนนั้นความคิดของอู๋ไป่นั้นเรียบง่าย อู๋เฝ่ยเป็พรรคพวกของฉู่จื้อเฉิง ทำร้ายฉู่อี้และหลิงหลิง ซึ่งฉู่อี้เป็คนที่กู้เฟิงรักจนสุดหัวใจ ส่วนหลิงหลิงก็ป็นสัตว์เลี้ยงส่วนตัวของกู้เฟิง กู้เฟิงเรียกได้ว่าเป็ดั่งผู้มีพระคุณกลับชาติมาเกิดของเขา แถมยังเป็อาจารย์ของเขา คนที่ทำร้ายผู้มีพระคุณและอาจารย์ของเขา เขาต้องลงโทษให้สาสม ไม่มีคำว่าเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม!
ดังนั้นอู๋ไป่จึงไม่พาอู๋เฝ่ยไปฝึกอบรมเบื้องต้นั้แ่แรก แต่หลังจากผ่านไปสองวัน เขาก็จับอู๋เฝ่ยขึ้นแสดงสดทันที เขา้าให้ผู้ชมได้เห็นขั้นตอนการฝึกอินเตอร์เซ็กส์โดยกำเนิดให้เป็ทาสกามตามมาตรฐานไปทีละขั้นๆ
ตลอดสองวัน อู๋เฝ่ยถูกจับแยกจากทุกคนไปขังไว้ในห้องของอู๋ไป่ ส่วนอู๋ไป่แทบไม่ได้อยู่ที่ห้องเนื่องจากวุ่นกับการเตรียมตัวทำการแสดงสด ในคืนก่อนวันเปิดการแสดงเพียงหนึ่งคืน อู๋ไป่อาบน้ำอาบท่าแล้วผล็อยหลับไป ในขณะที่อู๋เฝ่ยร่างกายเปลือยเปล่า นั่งกอดเข่าคุดคู้ที่มุมห้อง ตัวสั่นเป็ลูกนก
่บ่ายของวันเปิดการแสดงสดนั้นเอง เสียวอู่ไม่ได้ไปเตรียมตัวเปิดร้าน แต่เริ่มเตี๊ยมบทกับอู๋เฝ่ยก่อนเปิดการแสดง ทีแรกเสียวอู่้าให้อู๋เฝ่ยทุกข์ทรมานบ้าง ที่จริงเขาไม่คิดจะเตี๊ยมบทกันก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะดูไม่เป็มืออาชีพ จึงต้องพูดกับอู๋เฝ่ยอย่างเสียไม่ได้ "นายชื่ออะไร?"
อู๋เฝ่ยจ้องอู๋ไป่เขม็งด้วยแววตาหวาดกลัว ราวกับว่าเขาเป็งูพิษหรือสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างตึงเครียดจนตัวสั่นเทิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมพูด
เสียวอู่ส่งเสียงเบาๆ ร้ายกับหัวเราะแต่ไม่ก็เชิง "อีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเราต้องไปแสดงบนเวทีกันแล้ว นายคงไมอยากให้ฉันรียกนายว่าเฮ้ย หรือไอ้กะเทยตอนที่ฉันเอากับนายบนเวทีต่อหน้าผู้ชมใช่ไหม?"
"ไม่ ไม่เอา" อู๋เฝ่ยสะดุ้งสุดตัวราวกับถูกไปลวก ก่อนจะวิ่งไปหยุดตรงหน้าอู๋ไป่ "ขอร้องล่ะครับ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับผมเลย พวกคุณจะทำโทษผมยังไงก็ได้ จะถลกหนัง ใช้งานผมเป็วัวเป็ควายเลยก็ได้..."
"พวกเราไม่ได้อยากใช้งานนายเหมือนวัวเหมือนควาย พวกเรา้าให้นายทำแบบนี้เท่านั้น! นายยังไม่ลืมใช่ไหมว่าพวกเราเปิดไนต์คลับ?" เสียวอู่แสยะยิ้มเห็นฟันขาวเรียงเป็แถว
"ไม่ ขอร้องล่ะครับ ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลย..." อู๋เฝ่ยเกาะแขนอู๋ไป่ตัวสั่น น้ำตาไหลอาบหน้า สติของเขากระเจิดกระเจิง คิดหาแต่หนทางทำให้อู๋ไป่เปลี่ยนใจเท่านั้น
อู๋ไป่ส่ายหน้า "สายไปแล้ว เื่บางเื่เมื่อทำผิดพลาดไปแล้ว ต่อให้เสียใจไปทั้งชีวิตก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราทำได้แค่ก้มหน้ารับกรรมเท่านั้น" อู๋ไป่ไม่ใช่คนช่างจ้อ ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยเป็คนอย่างไร แต่การเป็สายลับหลายปีสอนให้เขาหุบปากเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบสาธยายอะไรให้มากความ แต่วันนี้อาจเป็เพราะว่าเขาเกลียดอู๋เฝ่ยที่ทำร้ายกู้เฟิงและคนอื่นๆ หรืออาจะเป็เพราะเขาคิดถึงตัวตนในอดีตของตัวเองขึ้นมา จึงพูดมากกว่าปกติอีกสองสามประโยค โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนั้นจะกลายเป็คำทำนายอนาคตชีวิตที่เหลือของเขา ถ้าเขารู้สักนิดว่าหลังจากนี้เขาจะตกหลุมรักอู๋เฝ่ย เขาคงไม่บังคับอู๋เฝ่ยให้ขึ้นเวทีในตอนนั้น!
อู๋เฝ่ยเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด อันที่จริงเขาพูดน้อยมาก ความเป็อินเตอร์เซ็กส์ของเขาทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะค้นพบความลับของตัวเอง ความเงียบขรึมและการปลีกตัวจากผู้คนดูเหมือนจะเป็ลักษณะนิสัยที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของเขา ดังนั้นเมื่อรู้ว่าต่อให้ขอร้องอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ อู๋เฝ่ยจึงเงียบไป
"ยังไม่ยอมพูดอีก? ชื่อนายล่ะ?" สิ่งที่ตอบอู๋ไป่คือความเงียบอันยาวนาน และน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินของอู๋เฝ่ย
"ที่จริงจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่ต่างกัน อีกวันหลังจากที่นายมาถึงที่นี่ ข้อมูลของนายทั้งหมดในฉู่กรุ๊ปก็จะถูกส่งมาแล้ว" เสียวอู่บีบคางอู๋เฝ่ย บังคับให้อีกฝ่ายมองหน้าตนเอง "นายชื่ออู๋เฝ่ย มีน้องชายอยู่คนหนึ่ง"
ร่างกายอู๋เฝ่ยตึงเครียดขึ้นมา ซึ่งต่างจากความตึงเครียดและสั่นเทาจากความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ มันเป็การตื่นตัวและเตรียมพร้อม เสียวอู่รู้สึกว่าถึงแม้น้ำตายังไหลอาบใบหน้าของอู๋เฝ่ย แต่อีกฝ่ายดูพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่และต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเองได้ตลอดเวลา
แต่เสียวอู่เป็ใครมาจากไหน? อีกอย่างเขาไม่ได้มีชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป แค่อู๋เฝ่ยคนเดียวไม่มีทางทำให้เขาเสียขวัญง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ "ชื่ออู๋จวิน"
อู๋เฝ่ยขบฟันกรามแน่น หายใจหอบอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
เสียวอู่ยิ้มอย่างสนุกสนาน พูดอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ โดยไม่สะดุดสักคำ "อ้อ จริงสิ ฉันลืมบอกไป ฉันเคยเป็ตำรวจมาก่อน เรียนจบจากโรงเรียนตำรวจวิชาสืบสวนคดีอาญา ถ้าฉันอยากหาข้อมูลใครสักคนก็ไม่ใช่เื่ยากเย็นนักหรอก"
"แก้าอะไร?" อู๋เฝ่ยลุกพรวดขึ้นมา โดยไม่ปกปิดหน้าอกหรือร่างกายท่อนล่างอีกต่อไป เขาตะคอกใส่เสียวอู่ พร้อมกับกำหมัดแน่น ราวกับเตรียมจะชกเสียวอู่ได้ตลอดเวลา
เสียวอู่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูอู๋เฝ่ยซึ่งเหมือนแม่สิงโตปกป้องลูกน้อย แล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ "ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไร อันที่จริงทำไม่ได้ต่างหาก ตราบใดที่นายชดใช้กรรมที่นายก่อไว้เงียบๆ คนชื่ออู๋จวินเป็คนที่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"
"แกสาบานนะว่าจะไม่แตะต้องเขา?" อู๋เฝ่ยยืนยันอีกครั้งด้วยความเคลือบแคลงใจ
เสียวอู่กางมือออกโดยไม่พูดอะไร เขาแสดงให้เห็นชัดเจน ไม่ว่าอู๋เฝ่ยจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของเขา
อู๋เฝ่ยทรุดตัวลงราวกับลูกบอลลมรั่ว คุกเข่าหมอบลงแทบเท้าเสียวอู่อีกครั้ง ถึงกับดึงชายกางเกงเสียวอู่อย่างระมัดระวัง "ผมจะเชื่อฟัง ไม่ว่าอะไรผมก็จะทำตามที่คุณสั่งหมดเลย คะ คุณอย่าแตะต้องเขาเลยนะ!"
เมื่อเห็นอู๋เฝ่ยเป็เช่นนี้ อู๋ไป่ก็ใจอ่อนยวบทันที เขาเองก็มีน้องสาวเหมือนกัน และยังมีพี่ชายที่รักเขาจนสุดหัวใจ แต่ตอนนี้...อู๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ลูบผมบริเวณท้ายทอยของอู๋เฝ่ยแ่เบา "เด็กดี ฉันสัญญา"
อู๋ไป่ไม่บอกว่าเขาให้สัญญาในเื่อะไร แต่อู๋เฝ่ยดูเหมอืนจะเข้าใจและเชื่อใจไปแล้ว เขาผ่อนคลายร่างกาย วางศีรษะบนเข่าอู๋ไป่อย่างเชื่อฟังตามแรงมือของอู๋ไป่
เื่ราวหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นในสายตาของเสียวอู่ นอกจากสายตาหวาดกลัวและสิ้นหวังของอู๋เฝ่ยในตอนที่เข้าไปอยุ่ในกรงขังซึ่งทำให้เขาใจอ่อนเล็กน้อย แต่ความใจอ่อนไม่ใช่นิสัยของอู๋ไป่ ยิ่งในฐานะตำรวจและสายลับ เขารู้ว่าการเป็คนมีจิตใจอ่อนโยนนั้นนำมาซึ่งอันตรายและหายนะมาสู่ตัว ดังนั้นเขาจึงข่มความสงสารอย่างรวดเร็ว แล้วทำการแสดงจนเสร็จสมบูรณ์อย่างราบรื่น
สิ่งที่อู๋ไป่ไม่รู้คือ อู๋เฝ่ยเองก็ไม่มีวันลืมการแสดงสดครั้งแรกของพวกเขาไปชั่วชีวิต ความเกลียดชังในตัวอู๋ไป่ ก่อตัวขึ้นั้แ่ตอนที่เขาเห็นกรงขังขนาดใหญ่เบื้องหน้า
อันที่จริงอู๋เฝ่ยไม่ได้เกลียดอู๋ไป่ั้แ่แรก แม้ว่าอู๋ไป่จะเอาน้องชายของเขามาข่มขู่ก็ตาม
อู๋เฝ่ยเป็คนรู้จักอดทนอดกลั้น ทั้งต่อความอัปลักษณ์ในกมลสันดานของมนุษย์ หรือความอยุติธรรมในหมู่มนุษย์ ในสถานการณ์ปกติเขามักจะอดทนกับมันแบบเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เขาทำเื่ผิดศีลธรรมลงไปจริงๆ ตอนที่เขายอมรับข้อเสนอของฉู่จื้อเฉิงและสมคบคิดลักพาตัวฉู่อี้ เขาเตรียมใจแล้วว่าจะไม่ร้องขอการให้อภัย และยอมรับการลงโทษตามกฎหมาย ดังนั้นเขาถึงเขาจะขัดขืนและหวาดกลัวกับบทลงโทษของกู้เฟิง เขาก็ไม่ถือโทษโกรธเกลียดใคร เพราะทุกอย่างเป็ความผิดของเขาเอง เพราะเขาโลภเองถึงต้องมารับกรรมเช่นนี้
แต่ตอนแรกที่อู๋เฝ่ยทำการลักพาตัวในตอนนั้น เขาไม่อาจต้านทานสิ่งล่อใจได้ ซึ่งก็คือเงิน เงินก้อนใหญ่มหาศาล! ใช่ว่าเขาหน้าเงิน แต่จำนวนเงินที่ฉู่จื้อเฉิงเสนอให้มันมากพอที่จะทำให้เขาเดินทางไปผ่าตัดแปลงเพศที่ประเทศไทยได้พอดี เขาจะได้ใช้ชีวิตในฐานะผู้ชายหรือผู้หญิงเต็มตัวสักที ไม่ใช่สัตว์ประหลาดครึ่งชายครึ่งหญิง
ใช่ สัตว์ประหลาด! ตอนที่อู๋เฝ่ยออกจากหมู่บ้านเมื่อตอนเก้าขวบ เขาถูกเด็กๆ กลุ่มหนึ่งรุมปาหินใส่ ถ่มน้ำลายใส่เขา และใช้ท่อนไม้ทุบตี ถึงจะมีผู้ใหญ่ออกมาช่วย แต่พวกเขาก็แค่ดึงตัวลูกหลานของตัวเองออกไปด้วยสายตาหวาดกลัวและรังเกียจ ตอนที่เขาถูกทิ้งให้นอนจมปลักโคลน เือาบหัว เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดที่ใครๆ ต่างก็รังเกียจ!
แต่เขาไม่ยอมรับ พ่อแม่ของเขาก็ไม่ยอมรับโชคชะตาที่ต้องจมปลักอยู่หลังเขาอย่างที่บรรพบุรุษเคยเป็มา ทนอยู่อย่างยากจนข้นแค้น ไม่รู้หนังสือ...ดังนั้นอู๋เฝ่ยจึงหนีออกมา และนำเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวติดตัวมาด้วย เขาพันผ้าทับหน้าอกหลายชั้น ติดตามพวกผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายไปหาซื้ออาหารและขายผักป่า ไปสมัครเรียนโรงเรียนประถมในเมืองเพื่อหาที่ซุกหัวนอน เขายังจำถ้อยคำที่ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับเขาด้วยความอาทรอย่างสุดซึ้งในวันที่เขาจากไปได้ขึ้นใจ "เด็กน้อยเอ๋ย หากเธอยังอยากให้คนในหมู่บ้านของเรามีชีวิตรอดกันต่อไป อย่าได้เอ่ยถึงที่ตั้งของหมู่บ้านให้ใครรู้เป็อันขาด ไม่ว่าจะพบเจอเื่ใด ก็จงยืนหยัดฟันฝ่ามันไปด้วยตัวเอง จากนี้ไปจงไปตามหาโชคลาภด้วยตัวเธอเองเถอะ!"
หลายปีที่ผ่านมา อู๋เฝ่ยใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในท่อระบายน้ำ กินหมั่นโถวบูดๆ เยี่ยงขอทาน และยังลักเล็กขโมยน้อยอีกด้วย...สุดท้าย เขาก็ได้งานรักษาความปลอดภัยที่ใช้แค่ทักษะความคล่องตัวและวุฒิการศึกษาม.ต้นธรรมดาๆ เท่านั้น
อู๋เฝ่ยใช้เวลาสิบห้าปีเต็มในการเก็บเงินก้อนแรกเพื่อทำการผ่าตัดอวัยวะเพศของเขา ตลอดระยะเวลานั้นเขาไต่ระดับจากเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับต่ำ ขึ้นมาสู่ตำแหน่งหลักของฉู่กรุ๊ป เคียงข้างประธานบริษัทฉู่กรุ๊ปในที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้