ในห้วงเวลานี้ ความเงียบงันที่คลืบคลานไปทั่วห้องโถง เปรียบได้กับะเิลูกใหญ่ที่ร่วงลงกลางงานเลี้ยง ความตึงเครียดพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุดจนแม้แต่เสียงหายใจก็ดูหนักอึ้ง ใครจะกล้าคาดคิดว่าแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเสาหลักแห่งแผ่นดินจะกล้าประกาศตัดสัมพันธ์กับตระกูลม่อเช่นนี้อย่างไม่ไว้หน้า มิหนำซ้ำยังเลือกทำต่อหน้าขุนนางมากมาย
หลายคนลอบสบตากันอย่างเหลือเชื่อ บางคนถึงกับกระซิบถามกันเบา ๆ ว่า “แม่ทัพเว่ยเสียสติไปแล้วหรือไม่?”
เพราะหากมองตามสถานการณ์แล้ว ม่ออวิ๋นเฉินหาใช่ชายธรรมดาไม่ เขาคือดาวรุ่งเป็ผู้สืบทอดคนสำคัญของตระกูลม่อ ตระกูลที่ทรงอิทธิพลทั้งในราชสำนักและโลกยุทธ ภาพของเขาในสายตาผู้คนเปรียบเสมือนหยกงาม ผู้ใดมีบุตรสาวก็ต่างปรารถนาจะเกี่ยวดองกับเขาเพื่อสืบทอดบารมี
แต่บัดนี้ แม่ทัพเว่ยกลับหักดาบด้วยมือเปล่า ปฏิเสธเกียรติศักดิ์อันโอฬารนั้นโดยไร้ความลังเลแม้แต่น้อยและในขณะเดียวกัน ใบหน้าของม่ออวิ๋นเฉินก็เปลี่ยนเป็สีเื สายตาของเขาฉายแววทั้งโกรธแค้นและเสียหน้า ราวกับฝูงชนตรงหน้าคือมีดนับพันที่พร้อมเฉือนศักดิ์ศรีของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี
ในขณะที่บรรยากาศภายในเรือนรับรองยังคงคลาคล่ำด้วยเสียงพูดคุยสับสน และความตึงเครียดที่อบอวลไม่จางหาย เสียงฝีเท้าทหารจำนวนมากก็ดังขึ้นจากด้านนอก ราวกับพสุธากำลังสั่นไหว ประตูจวนใหญ่ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน เผยให้เห็นกองทหารในชุดเกราะจากราชสำนักที่ยืนเรียงแถวเป็แนวแ่า ครอบคลุมทุกทางเข้าออกโดยรอบจวน
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนที่ยืนอยู่กลางงานเลี้ยง หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวในลำคอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงด้วยความเย้ยหยัน “ในที่สุด...หมากก็เดินมาถึงตานี้เสียที”
ผู้บัญชาการกองกำลังในชุดราชสำนักย่างกรายเข้ามาพร้อมน้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้าน้อยได้รับคำสั่งโดยตรงจากฝ่ายไท่ฉิงหลัว หวางเย่ มีรายงานว่าของล้ำค่าของพระองค์แหวนหยกัได้ถูกซุกซ่อนไว้ภายในจวนของท่านแม่ทัพ ข้าขออำนาจเข้าตรวจค้นในทันที!”
คำพูดนั้นทำให้บรรดาแเื่ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงกับหันมาสบตากันด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่างานเลี้ยงฉลองจะกลายเป็ฉากการปะทะของอำนาจเช่นนี้
เว่ยซ่างเทียนหันมาสบตากับนายกองผู้กล่าวหาตน ดวงตาคมกริบดั่งใบมีดเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงกดดันจนอีกฝ่ายต้องลอบกลืนน้ำลาย
“เ้านายของเ้าคงส่งเ้ามาตายสินะ...” น้ำเสียงของแม่ทัพเว่ยช่างเย็นเยียบ ราวกับหยาดน้ำค้างยามเหมันต์ “กล้าบุกจวนข้า พร้อมทหารนับร้อย และยังเหิมเกริมพอจะขู่ข้าด้วยข้อหาฏ?”
“หากท่านไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง เหตุใดจึงไม่ยอมให้ตรวจค้น?” นายกองยังคงยืนหยัดด้วยคำสั่ง “ข้าเพียงปฏิบัติตามราชโองการ หากท่านขัดขืน จะถือเป็การลบหลู่ราชอำนาจ!”
ท่ามกลางเสียงลมหายใจของผู้คนที่หนักอึ้ง เว่ยซ่างเทียนค่อย ๆ ยกชาขึ้นจิบอีกคำ ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
“เช่นนั้นก็เชิญ”
สีหน้าของม่ออวิ๋นเฉินซึ่งเคยตึงเครียดกลับฉายแววยิ้มเย้ยขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นทหารจากราชสำนักกระจายกำลังปิดล้อมทั่วทั้งจวนของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียน ราวกับว่าทุกอย่างกำลังเป็ไปตามแผนที่เขาวางไว้ทุกกระเบียดนิ้ว
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ท่านแม่ทัพ ดูท่าท่านจะโชคร้ายเสียจริง..." เสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยความสะใจของม่ออวิ๋นเฉินดังก้องขึ้นกลางงานเลี้ยง ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันจนไม่คิดจะเก็บงำอีกต่อไป ไม่มีความจำเป็ต้องรักษาภาพลักษณ์หรือวาจาเสแสร้งอีกแล้ว เมื่อเขาคิดว่าทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดตามใจปรารถนา
ในขณะที่ทหารจากราชสำนักเริ่มกระจายกำลังตรวจค้นทั่วทั้งจวน สีหน้าและท่าทีของพวกเขาไม่หลบซ่อนความคุ้นเคยต่อม่ออวิ๋นเฉินแม้แต่น้อยราวกับเป็พวกเดียวกันโดยแท้
แต่แล้ว... ความเงียบก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด เมื่อการค้นหาเริ่มเลยไปจาก นานพอสมควรโดยไร้ผล
ม่ออวิ๋นเฉินเริ่มขมวดคิ้ว ความมั่นใจในตอนแรกเริ่มถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจที่ก่อตัวขึ้นทุกลมหายใจ
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนยืนประจันหน้าอยู่ท่ามกลางสายตาทุกคู่ เขายังคงประคองถ้วยชาด้วยมือที่มั่นคง ริมฝีปากแตะยิ้มบาง “เป็อย่างไรบ้าง... พวกเ้าพบสิ่งที่ตามหาหรือไม่?” น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบ ทว่าแฝงด้วยความเย้ยหยันจนแทบมองไม่เห็น
ม่ออวิ๋นเฉินยืนนิ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็ซีดเผือด ความโกรธแล่นปราดขึ้นเต็มแววตา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขายัดใส่มือของแม่ทัพด้วยตนเองจะกลับกลายเป็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“ค้น! ค้นตัวมันเดี๋ยวนี้!” ม่ออวิ๋นเฉินคำรามเสียงดัง เส้นเืบนขมับเต้นตุบ ทหารคนหนึ่งก้าวเข้าไปขอค้นตัว แม่ทัพเว่ยซ่างเทียน... แต่สุดท้ายก็กลับออกมาด้วยสีหน้าว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งของต้องห้ามใด ๆ ในวินาทีนั้น ความเงียบก็กลืนกินทุกเสียงในงานเลี้ยงอีกครั้ง ท่ามกลางแววตาหลากหลายคู่ที่เริ่มจับจ้องมาที่ม่ออวิ๋นเฉินด้วยแววสงสัย
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนยังคงยืนนิ่งดุจขุนเขา ยิ้มที่มุมปากของเขาในเวลานี้ไม่ได้บอกเพียงชัยชนะ หากแต่ยังแฝงกลิ่นของการโต้กลับอย่างรุนแรงที่กำลังจะตามมา...
"วันนี้... พวกเ้าช่างโชคดีเสียจริง" เสียงของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ด้วยแรงอารมณ์ที่มองไม่เห็น เขาก้าวออกมายืนเด่นกลางโถง เผชิญหน้ากับเหล่าทหารจากราชสำนักที่กล้ารุกล้ำเข้ามายังจวนของตน
“วันนี้เป็วันจัดงานเลี้ยงของข้า แขกผู้มีเกียรติจากทั่วทั้งเมืองหลวงต่างถูกเชื้อเชิญมาอย่างเป็ทางการ” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปาก “และบางที... หนึ่งในพวกเขา อาจจะเป็ผู้ต้องสงสัยที่พวกเ้ากำลังตามหาอยู่ก็เป็ได้”
เสียงของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนดังกังวานไปทั่วห้องโถง สะกดผู้คนให้เงียบกริบ ก่อนจะหันไปกล่าวกับเหล่าแขกผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเรียบสงบ
“ข้ารู้สึกละอายใจนัก ที่ทำให้ทุกท่านต้องมาเผชิญกับสถานการณ์อันน่าอึดอัดในค่ำคืนนี้... แต่หากผลลัพธ์สุดท้าย คือเราสามารถจับตัวผู้ที่ลักขโมยของสำคัญของไท่ฉิงหลัว หวางเย่ ได้ข้าคิดว่านี่ก็นับเป็เื่ที่ควรยินดีมิใช่หรือ?”
ถ้อยคำของแม่ทัพนั้นหนักแน่นและมีชั้นเชิงจนทำให้ความขุ่นเคืองของเหล่าแขกค่อย ๆ จางหายไป กลับกลายเป็ความร่วมมืออย่างเต็มใจหากแผนการนี้จะช่วยเปิดโปงคนร้ายตัวจริง พวกเขาก็ยินดีให้ตรวจค้นโดยไม่ขัดขืน
"ท่านแม่ทัพ โปรดวางใจ พวกเราทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือโดยเต็มที่" ขุนนางผู้หนึ่งกล่าวขึ้น พร้อมกับผงกศีรษะรับอย่างนอบน้อม
ทว่าในอีกด้าน สีหน้าของเหล่าทหารจากราชสำนักกลับเคร่งเครียดขึ้นอย่างชัดเจนพวกเขารู้ดีว่าแหวนวงนั้น ไม่มีทางอยู่กับแขกเหล่านี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้