หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง พระสนมเต๋อเฟยเป็ฝ่ายรู้สึกได้ถึงความผิดปกติก่อน
ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ที่เคยแช่มชื่นพลันขุ่นมัวขึ้นอีกครั้ง
เด็กคนนี้อาจหาญมากเกินไป
หากคำนึงถึงอุปนิสัยของไท่จื่อและฮองเฮาแล้วละก็พวกเขาจะต้องตรวจสอบความผิดปกติอย่างละเอียดแน่นอน หากพบสิ่งผิดปกติอันใดเข้าเกรงว่าฮองเฮาจะต้องอาศัยข้ออ้างนี้มาทำลายพวกนาง
“หมู่เฟยกังวลมากไปแล้วเพคะ”
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปยืนข้างกายพระสนมเต๋อเฟยดวงตาผ่อนคลาย
“หากหมอหลวงมาตรวจร่างกายก็จะพบเพียงแค่หัวไชเท้าหรือมันฝรั่งเท่านั้นไม่มีสิ่งไหนผิดปกติหรอกเพคะ”
หากถูกวางยา หมอหลวงจะต้องตรวจเจออย่างแน่นอน
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปแล้วร่างกายของไท่จื่อจะไม่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังดีขึ้นมากเรื่อยๆแล้วแบบนี้ฮองเฮาจะหาข้ออ้างอะไรมาจัดการนางกันเล่า?
หรือลูกของนางไม่เคยตดกัน นางคงไม่คิดจะลงโทษหลงเทียนอวี้และตัวนางเองเพราะเื่นี้หรอกกระมัง?
มันจะไม่ตลกเกินไปหรือ?
“โอ้?ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็เพราะร่างกายของไท่จื่อเองอย่างนั้นสินะเอาล่ะ ข้าเหนื่อยมากแล้ว หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มาข้ารู้สึกไม่อยากอาหารแล้วล่ะจิ่นเยว่ พวกเรากลับกันเถิด”
พระสนมเต๋อเฟยรู้จักฮองเฮาดี นางมีคนคอยให้การสนับสนุนมากมายถึงแม้นางจะมีอำนาจอย่างล้นเหลือ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อจำกัด
ลูกชายของตนเองทำเื่น่าขายหน้า อีกทั้งนางไม่อาจปกปิดเื่นี้เอาไว้ได้ทันดังนั้นนางไม่มีทางใช้อำนาจลงโทษผู้อื่นได้อย่างแน่นอน
เหล่าขุนนางล้วนจับจ้องพฤติกรรมของไท่จื่ออยู่หากมีเื่น่าขายหน้าถูกบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์แม้เพียงเื่เดียวเกรงว่าฮองเฮาคงฟาดปากให้ฟันหลุดและสั่งให้กลืนเืลงไป
พระสนมเต๋อเฟยและจิ่นเยว่กลับไปยังตำหนักหยาเสวียนภายในห้องโถงจึงเหลือเพียงสองพี่น้องและหลินเมิ้งหยา
“เอาล่ะ เอาล่ะ ป๋ายจื่อ เ้าจงเก็บกวาดทำความสะอาดให้เรียบร้อยพอได้สูดอากาศเป็พิษเข้าไป เกรงว่าคงไม่มีใครรู้สึกอยากอาหารแล้ว”
ป๋ายจื่อแอบปิดปากหัวเราะ คุณหนูใจกล้ามากเหลือเกินเกรงว่าไท่จื่อคงจะร้องไห้โยเยกลับบ้านเป็แน่แท้
สมน้ำหน้า ใครสั่งให้เขาคิดมิดีมิร้ายกับคุณหนูกันเล่า
หัวเราะและได้เห็นเพียงพอแล้วหลินเมิ้งหยาหมุนตัวเดินออกจากห้องโถง
หลงชิงหานมองตามนางที่กำลังกลับออกไปใบหน้าหล่อเหลาอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นความรู้สึกโชคดี
“โชคดีที่ข้ายังไม่ได้ทำให้พระชายาของท่านขุ่นเคืองมิเช่นนั้นข้าจะเป็ตายร้ายดีอย่างไรก็มิอาจรู้ได้”
ผู้หญิงคนนั้น หากมองผิวเผินจะได้เห็นความงดงามดวงตาอ่อนโยนเปล่งประกายราวกับหยดน้ำไม่ว่าใครที่ได้ใกล้ชิดล้วนรู้สึกอยากเก็บนางเอาไว้ในหัวใจเพื่อคอยปกป้องดูแล
แต่เมื่อได้ลองัักับตัวตนที่แท้จริงของนางแล้วนางแผดเผาทุกคนดั่งดวงอาทิตย์
ใครที่กล้าเข้าใกล้จะต้องถูกนางเผาไหม้จนละลายกลายเป็น้ำ
หากใครก็ตามอาจหาญทำให้นางขุ่นเคือง เกรงว่าจะต้องพบจุดจบที่น่าอเนจอนาถเสียยิ่งกว่าองค์ชายพระองค์นั้นอย่างแน่นอน
เหตุใดผู้หญิงเช่นนี้จึงถูกบ้านสกุลหลินฝังกลบเอาไว้กัน?
“ข้าเคยบอกเ้าแล้ว ความเก่งกาจของนางยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้เ้ายังจำข่าวที่ข้าส่งไปกับนกพิราบได้หรือไม่? ชิงหูแห่งเถาฮวาอู๋มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเขาต่อสู้กับเราหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังหนีรอดไปได้ทุกครั้งทว่าชายผู้นั้นกลับต้องพ่ายแพ้ต่อนางดังนั้นข้าจึงมิรู้สึกแปลกใจเลยหากนางทำเื่น่าประหลาดใจอันใดขึ้นมาอีก”
“เฮือก...”
หลงชิงหานสูดกลืนลมหายใจเย็นะเืเข้าปอด สายตาพลันมองดูพื้นที่ว่างเปล่าด้วยความสงสัย
ชิงหูเป็คนทรยศและเ้าเล่ห์เป็ที่สุดแม้เขาจะวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบมากขนาดไหนแต่สุดท้ายชิงหูก็มักจะหนีรอดออกไปได้ทุกครั้ง
แต่เขากลับถูกพี่สะใภ้สามจับเข้าคุกไปได้
ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจยากแท้หยั่งถึง!
“แต่คนสอดแนมของเรามักจะบอกว่าหลินเมิ้งหยาคนนี้เป็คนโง่เขลาสติฟั่นเฟือนเหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่า? หรือเกิดสิ่งผิดปกติอันใดขึ้น?”
คำถามของหลงชิงหานเองก็เป็คำถามที่ยังคงติดตรึงอยู่ในใจของหลงเทียนอวี้
เขาเป็คนระมัดระวังตัวเป็อย่างมากทุกคนที่เข้าใกล้เขาได้ล้วนถูกตรวจสอบประวัติหมดแล้วทั้งสิ้นมีเพียงหลินเมิ้งหยาที่จู่ๆ ก็ฉลาดเฉลียวขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล นี่นับเป็การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเขาเช่นเดียวกัน
“ข้าเชื่อว่านางไม่มีวันทำร้ายข้า”
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งการปกป้อง เอาใจใส่ ดูแลและความฉลาดเฉลียวล้วนอยู่ในสายตาของหลงเทียนอวี้อีกทั้งเขายังจดจำสิ่งเหล่านี้เอาไว้ในหัวใจ
นอกจากญาติสนิทของตนเองแล้วหลินเมิ้งหยาเป็ผู้หญิงคนแรกที่เขาปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ
เขาเชื่อใจนางเหมือนอย่างที่เชื่อหลินขุยหรือป๋ายหลี่อู๋เฉิน
พวกเขาล้วนเป็ลูกน้องของเขา
“เช่นนั้นข้าก็วางใจแต่ข้ารู้สึกไม่สบายใจเื่ที่ไท่จื่อได้พูดวันนี้ทั้งที่มีคนคอยดูแลเื่จัดงานเลี้ยงต้อนรับซีฟานอยู่แล้วเหตุใดเขาจึงต้องมาพูดเื่นี้กับท่านพี่ด้วยตนเอง?”
หลงชิงหานยกพัดขึ้นเคาะศีรษะตนเองหนึ่งที
หากมองเพียงผิวเผินเขาดูเหมือนองค์ชายที่ไม่สนใจกิจการบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อย
ทว่าในความเป็จริงแล้ว เขาเองก็เป็ส่วนหนึ่งในขุมกำลังของพี่สาม
หากมีเื่ใดที่เขาไม่สะดวกไปทำด้วยตัวเองตัวเขามักจะกลายเป็ผู้ไปทำธุระแทนเสมอ
แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจะเอาแต่เที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ทว่าเขากลับเตรียมการเอาไว้แล้ว
หมู่เฟยของเขาถูกฮองเฮาทำร้ายจนตายส่วนเขาเองก็มีความคับแค้นใจกับไท่จื่อเช่นเดียวกัน
ความแค้นครั้งนี้จะต้องชำระ!
“ขอแค่พวกเราระวังตัวเอาไว้ก็พอ จริงสิได้ยินมาว่าเ้ากับองค์ชายของฮ่องเต้ิมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันจริงหรือไม่?”
หลงเทียนอวี้หันหน้ากลับมา สีหน้ากลับมาเป็ปกติดังเดิม
ราวกับว่ารอยยิ้มน่าหลงใหลเมื่อครู่ที่หลินเมิ้งหยาได้เห็นเป็เพียงจินตนาการเท่านั้น
เมื่อเอ่ยถึงเพื่อนรักของตนเอง หลงชิงหานหยักยิ้มแล้วพยักหน้าลง
“อาเป่ยเป็คนกล้าหาญและถ่อมตน เพียงได้เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาราวกับเป็เพื่อนกันมานานแสนนานทันทีที่รู้ว่าจะต้องมาเยี่ยมเยียนประเทศของเรากับฮ่องเต้เขารีบส่งข่าวมาหาข้าทันที”
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลงน้องหกของเขาชอบผูกมิตรกับคนดีมีคุณธรรมมากมาย หวังเหลือเกินว่าองค์ชายหูเทียนเป่ยผู้นี้จะกลายมาเป็เพื่อนของพวกเขา
ภายในตำหนักหลิวซินหลินเมิ้งหยากินขนมที่ป๋ายจีเตรียมเอาไว้ให้ก่อนหน้านั้นแล้วสาวใช้ต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส
การแสดงของหลินจงอวี้ประสบผลสำเร็จเป็อย่างมาก เกรงว่าจากนี้เป็ต้นไปไท่จื่อคงจะได้รับสมญานามใหม่ว่า...องค์ชายจอมตด!
“พวกเ้ามิได้เห็นสีหน้าดำถมึงทึงของฮูหยินหลิน!”
ป๋ายจื่อได้เห็นปฏิกิริยาจากทุกคน เหตุเพราะกำลังดีใจเป็อย่างมากดังนั้นเมื่อกลับมาถึงตำหนักหลิวซินจึงส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าเื่นี้ให้กับสาวใช้อีกสองคนฟังทันที
“เฮ้อ หากรู้ว่าจะเป็อย่างนี้ข้าควรจะให้เสี่ยวสื่อเสี่ยวหวู่ยกนายน้อยอวี้ออกไปก่อนเสียก็ดี”
ป๋ายซ่าวแซว นางรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ตนเองมิได้อยู่ในห้องโถง
หลินเมิ้งหยาหัวเราะขยับตัวชิดข้างหน้าต่างและจมอยู่ในความคิดของตนเอง
“นายหญิงคิดอะไรอยู่หรือเ้าคะ?”
ด้านหน้า ป๋ายจียกแก้วชาส่งให้หลินเมิ้งหยาพร้อมทั้งรอยยิ้มหลินเมิ้งหยายื่นมือเข้าไปรับ
“ข้ากำลังคิดว่าวันนี้ไท่จื่อมาที่จวนเราด้วยเหตุอันใด?”
ราวกับข่าวการมาเยือนของฮ่องเต้ซีฟานเป็เพียงข้ออ้างเท่านั้นเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าไท่จื่อและซ่างกวนฉิงยังคงมีลับลมคมในอะไรบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้อยู่
“เ้าและป๋ายซ่าวคอยจับตามองฮูหยินหลินและคุณหนูรองให้ดีหากมีสิ่งผิดปกติอันใด พวกเราจะได้เตรียมตัวทัน”
“เ้าค่ะ หนู่ปี้จะจับตาดูให้ดี”
ยกแก้วชาอุ่นๆ ขึ้นจิบ หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดใยหัวใจนางยังคงกระสับกระส่ายเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ภายในเรือนเล็กของจวนอวี้ ซ่างกวนฉิงกำลังวางแผนการลับบางอย่างกับลูกสาว
“ข้าไม่แต่ง ต่อให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่แต่ง! ท่านแม่จะต้องออกหน้าแทนข้า!หากต้องแต่งงานออกไปจริง ข้ายอมตาย”
หลินเมิ้งหวู่ร้องไห้สะอึกสะอื้น หากเป็แต่ก่อนไม่ว่านางอยากได้อะไร แม่ของนางก็พร้อมจะประเคนให้เสมอ
ตอนแรกท่านป้าฮองเฮาคิดจะให้นางแต่งงานเป็ชายารองของไท่จื่อสุดท้ายท่านแม่เป็ผู้ปฏิเสธไป
นางเชื่อว่าคราวนี้แม่ของนางก็จะต้องช่วยนางได้เช่นเดียวกัน
“ข้าจะคิดหาวิธีแต่คราวนี้เกรงว่าจะยุ่งยากเสียหน่อยเพราะเสด็จพี่ได้ตัดสินใจไว้แล้ว”
เป็พี่น้องกันมาหลายสิบปี นางย่อมรู้จักพี่สาวของตนเองดี
เพื่อรักษาตำแหน่งฮองเฮา เกรงว่าคนทั้งตระกูลซ่างกวนล้วนต้องตกเป็เครื่องมือของเสด็จพี่
ยิ่งถ้าหาก้าทำให้ลูกชายได้ขึ้นเป็ฮ่องเต้แล้วละก็ต่อให้นางต้องเสียสละอะไรก็ย่อมได้
สีหน้าเคร่งขรึม ซ่างกวนฉิงครุ่นคิด ในที่สุดก็นึกออก
“เข้ามา ข้า้าเขียนจดหมายหาท่านแม่ไม่ว่าใครก็ห้ามแพร่งพรายเื่นี้เป็อันขาด”
ั์ตาสุขุมของซ่างกวนฉิงเปล่งประกาย
แม่ท่านพ่อจะยกยอปอปั้นเสด็จพี่ แต่ท่านแม่เอ็นดูนางเป็ที่สุด
เหตุเพราะเื่ในคราวนั้นท่านแม่กล่าวโทษท่านพ่อและท่านพี่ไปไม่น้อยนางเชื่อว่าคราวนี้ท่านแม่จะต้องช่วยนางได้
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ซ่างกวนฉิงลงมือเขียนจดหมายแสดงความอัดอั้นตันใจทว่าแม้ท่านแม่จะรักและเอ็นดูนาง แต่ก็รับปากไม่ได้ว่าพี่น้องที่เหลือจะร่วมมือกับท่านพี่หรือไม่
“ท่านยายจะมีวิธีช่วยข้าหรือ? ท่านยายจะฟังเพียงท่านป้าเหมือนอย่างท่านตาหรือไม่?”
หลินเมิ้งหวู่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพลางจ้องมองแม่ของตนเองด้วยท่าทางน่าสงสาร
ซ่างกวนฉิงลูบไล้เส้นผมสีดำขลับของหลินเมิ้งหวู่ด้วยความรักก่อนจะเอ่ย
“คนในบ้านซ่างกวนล้วนติดค้างแม่ท่านยายของเ้าเองรักและเอ็นดูแม่ไม่ต่างอะไรจากที่แม่รักและเอ็นดูเ้า วางใจเถิดจะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน”
เื่ในอดีต อันที่จริงสามารถหาลูกของภรรยาอนุไปแทนนางก็ได้
แต่เพราะเหตุผลของท่านพี่ทำให้ลูกสาวสุดรักสุดหวงของท่านแม่ต้องรับบาป
ตลอดหลายปีมานี้ เหตุเพราะการปกครองของพี่สาวทำให้คนในบ้านสกุลซ่างกวนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ
นางพยายามอดทนอดกลั้นเสมอมา มิใช่เพราะเกรงกลัวพี่สาวแต่เพราะโอกาสยังมาไม่ถึง
“ท่านแม่ หากต้องส่งลูกสาวของสกุลเราไปแต่งงานจริงๆ แล้วละก็เช่นนั้นส่งหลินเมิ้งหยาไปก็ได้นี่เ้าคะ”
หลินเมิ้งหวู่เอ่ยออกมาเพราะความโกรธแต่เพียงเท่านั้นถึงอย่างไรหลินเมิ้งหยาก็เป็พระชายาอวี้ไปแล้วไม่มีทางที่นางจะไปดูตัวแต่งงานได้อีก
ทว่าคำพูดของนางกลับทำให้ดวงตาของซ่างกวนฉิงเปล่งประกาย
ใช่แล้ว หากต้องส่งลูกสาวสกุลหลินไปแต่งงานจริงๆเช่นนั้นส่งหลินเมิ้งหยาไปจึงจะเหมาะสมที่สุด
อ๋องอวี้เป็อริราชศัตรูกับไท่จื่อประจวบกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ไท่จื่อจะต้องอยากฆ่าพวกเขาให้ตายอย่างแน่นอน
“มีเหตุผล อีกอย่างนังเด็กหลินเมิ้งหยายังหน้าตาสวยสดงดงาม ฮึจะมีชายหน้าไหนมิชอบใบหน้าเช่นนั้นบ้างเล่า?”
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านแม่จะเห็นด้วยกับคำพูดของนางยิ่งได้เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของท่านแม่ั์ตาของหลินเมิ้งหวู่เปล่งประกายไปด้วยความคิดชั่วร้าย
“แต่ท่านแม่เ้าคะ หลินเมิ้งหยาแต่งงานออกเรือนไปแล้วอีกทั้งยังเป็ถึงพระชายาอวี้ ฮ่องเต้เป็ผู้ประทับตราพระราชลัญจกรเองแล้วแบบนี้นางจะไปแต่งงานได้อย่างไร?”
ซ่างกวนฉิงกระตุกยิ้มมีเลศนัย ก้มหน้าลงกระซิบเสียงเบา
“เ้ายังจำเื่พระชายาสิบสามของอดีตฮ่องเต้ได้หรือไม่?”