ผู้ฝึกตนทั้งสามสิบคนกำลังยืนขวางทางพวกเขา หลงหว่านชิงจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้า ด้วยท่าทีที่ไม่ชอบใจเท่าใดนัก แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป กู่ไห่ก็ห้ามปรามไว้เสียก่อน
ใช่ว่าหลงหว่านชิงจะสามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ และเขาคิดว่า สถานการณ์อาจจะแย่ยิ่งกว่าเดิม หากปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจตนเอง ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกตนสามสิบคนตรงหน้าเท่านั้น แต่ผู้คนอีกหลายหมื่นคนที่อยู่รอบๆ ก็กำลังมองพวกเขาอยู่เช่นกัน
“ท่านทั้งหลาย พวกเราอยากจะเข้าไปด้วยตัวเองมากกว่า ท่านพอจะหลบทางให้หน่อยได้หรือไม่?” กู่ไห่ตอบกลับเสียงอ่อน
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเยียบเย็น ขณะก้าวไปข้างหน้า พร้อมกวาดตามองกลุ่มผู้ฝึกตนทั้งสามสิบคนอย่างเยือกเย็น
เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เคยได้ยินมาอย่างหนาหู ถึงความร้ายกาจของอีกฝ่าย
“ท่านกู่ เราคือศิษย์ของสำนักหว่านไห่ แห่งเกาะจิ๋วเอ๋อ พวกเรา...” ผู้ฝึกตนกล่าวเสียงเรียบ
แต่ยังพูดไม่ทันจบ กลับถูกกู่ไห่ขัดขึ้นเสียก่อน
ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่สนใจว่าท่านจะเป็ผู้ใด แต่ข้าจะพูดอีกครั้ง ว่าพวกข้า้าเข้าไปข้างในนั้นด้วยตัวเอง และใครก็ตามที่คิดจะขัดขวาง จุดจบของมันผู้นั้น ก็จะเหมือนกับศิษย์ของสี่สำนักใหญ่แห่งเกาะจิ๋วหวู่”
ขณะเดียวกัน ดวงตาคมของกู่ไห่ก็ฉายแววเย็นะเืจนน่าครั่นคร้าม กล่าวจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
สำนักใหญ่ทั้งสี่แห่งเกาะจิ๋วหวู่? ศิษย์ทั้งหมดคงจะมีมากกว่าสองหมื่นคนใช่หรือไม่? พวกเขาทั้งหมด ถูกกู่ไห่สังหารไปแล้วหรือ?
เมื่อเผลอสบเข้ากับแววตาสังหารของอีกฝ่าย ก็ให้นึกถึงชะตากรรมของศิษย์สี่สำนักใหญ่ เพียงเท่านั้น ผู้คนพลันรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
กู่ไห่กวาดตามองรอบบริเวณ ก่อนเดินต่อไปโดยมิได้สนใจสิ่งใดอีก
รับรู้ได้ว่า ตอนนี้กลุ่มผู้ฝึกตน ต่างตื่นตระหนกมิใช่น้อย ใครกันจะกล้าเอาตัวเข้าไปเสี่ยง? คนตรงหน้าคือฆาตกรชัดๆ! ศิษย์สำนักต่างๆ บนเกาะจิ๋วหวู่ เขาก็ยังสังหารไปเกือบหมด เช่นนี้แล้ว ตนเองยังจะโง่ วิ่งเข้าหาความตายอีกหรือ?
กู่ไห่เข้าไปใกล้ผู้ฝึกตนมากขึ้นเรื่อยๆ พลางสบตากับคนทั้งหลาย ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคืบคลานเข้าไปเลือกเหยื่อของตน
ดวงตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องพวกเขา มองตามทุกย่างก้าว ทุกๆ การเคลื่อนไหว ประหนึ่งจะเหยียบร่างของอีกฝ่ายให้จมมิด เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นตามกรอบหน้าของผู้ฝึกตน ความมั่นใจก่อนหน้านี้ คล้ายจะเหือดหายไปทันที แทบจะลืมไปเสียด้วยซ้ำ ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่
เพียงแค่กู่ไห่ย่างเท้าทีละก้าว กลับดูเหมือนร่างของเขาจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
“หึ!”
เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้ฝึกตนเ่าั้ กลับไม่มีใครสักคนที่กล้าขัดขวางเขา ทุกคนทำได้เพียงก้าวถอยหลัง เพื่อเปิดทางให้กับสามร่างตรงหน้า
เมื่อคนแรกก้าวออกไป คนอื่นๆ ก็ก้าวตามเช่นกัน
กู่ไห่พาหลงหว่านชิงและคนอื่นๆ เดินผ่านกลุ่มผู้ฝึกตนทั้งสามสิบคน ที่กำลังยืนตัวเกร็ง ไม่เอ่ยปากกล่าวสิ่งใด
พวกเขาแยกออกเป็สองข้างเพื่อเปิดทางให้ ราวกับพนักงานต้อนรับก็มิปาน
เมื่อกู่ไห่เดินจากไป ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะมองหน้ากันอย่างงุนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ที่พวกตนรู้สึกกดดันอย่างประหลาด
ทุกอย่างดูสงบ แต่แปลกพิกล
อย่างน้อยในสายตาของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ โดยรอบ เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ น่าพิศวงเกินไป กู่ไห่ยังไม่ได้ทำอะไรพวกเขาเลยด้วยซ้ำ แต่คนกลุ่มนี้กลับดูหวาดผวาจนโง่เขลา
รอบบริเวณ กลุ่มผู้ฝึกตนบางคน ดูเหมือนกำลังรอให้ผู้ฝึกตนทั้งสามสิบคนเอ่ยปากเรียก ทว่า พวกเขากลับอ่อนยวบขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำให้ผู้คนโดยรอบที่เตรียมจะเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
ตอนนี้กู่ไห่เป็ที่กล่าวขวัญมาก คล้ายว่าเขาได้บดขยี้จิตใจที่แข็งแกร่งของผู้ฝึกตนไปหมดแล้ว
ค่ายกลต่างๆ ของดอกโบตั๋นั์นี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อพิชิตมัน
หลงหว่านชิงมองภาพตรงหน้าอย่างงุนงง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างไม่อาจปิดบัง “กู่ไห่! เมื่อครู่พวกเขาก้าวเข้ามาอย่างอุกอาจ แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงล่าถอย?...”
“ที่พวกเขาเข้าหาเราอย่างอาจหาญนั้น เป็เพราะมีผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ พร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือ จึงรู้สึกว่ามีพรรคพวก เป็หนึ่งเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่หวั่นเกรงที่จะเข้ามาหาเรา
แต่การที่ข้าจ้องหน้าพวกเขาด้วยท่าทีเ็านั้น กลับเป็การพุ่งเป้าอย่างเฉพาะเจาะจง มันคือจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่า 'ข้ามีเป้าหมายที่เ้าเท่านั้น' มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อถูกจับจ้อง และความโดดเดี่ยวนี้ ก็เป็หนึ่งในอารมณ์ที่ผู้คนพรั่นพรึงที่สุด ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยธรรมชาติ” กู่ไห่อธิบายด้วยเสียงต่ำ
“โดดเดี่ยวอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวมองกู่ไห่อย่างไม่คาดคิด
“ผู้ฝึกตนนับหมื่นคนที่นี่ ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง พวกเขาทั้งหมดปกป้องซึ่งกันและกัน ข้าแค่ทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบาย
หลงหว่านชิงมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน นี่เป็การใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของมนุษย์ใช่หรือไม่?
พวกเขายังคงเดินตรงเข้าไปในดอกโบตั๋น สถานการณ์สงบได้ไม่นาน ก็มีกลุ่มคนอีกห้าสิบคนเห็นจะได้ ปรี่เข้ามาขวางทางกู่ไห่อีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้น กู่ไห่และพวก ก็ยังคงเดินแทรกกลางกลุ่มคนห้าสิบคนไปได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
“เป็เช่นนี้อีกแล้ว พวกมันพุ่งเข้าไป แล้วจู่ๆ ก็ถอยออกมา”
“พวกเ้าขี้ขลาดหรืออย่างไร? ถึงได้เข้าหา แล้วก็หลีกหนีเช่นนี้?”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างแสดงสีหน้างุนงง
ครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างมีความคิดที่จะเข้าโจมตีกู่ไห่ แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่แปลกออกไป เมื่อกู่ไห่เดินผ่านกลุ่มผู้ฝึกตน ผู้คนนับหมื่นพลันเงียบกริบกันอย่างพร้อมเพรียง
ไม่มีผู้ฝึกตนคนไหน ยอมเสี่ยงพุ่งตัวเข้าไป เพียงแต่ลอบมองแผ่นหลังของกู่ไห่และพวก ที่เดินจากไป ด้วยสีหน้าอันงุนงงและสับสน
ทว่าขณะนั้นเอง กู่ไห่และพวกก็ได้มาถึงดอกโบตั๋นแล้ว
บริเวณรอบๆ ดอกโบตั๋น ยังคงมีเมฆหมอกมากมายเคลื่อนเข้าปกคลุม ส่วนด้านในก็มีหมอกเบาบาง
ทุกคนหยุดอยู่กับที่
กู่ไห่สูดลมหายใจลึก ก่อนจะย่างเท้าลงบนกลีบดอกโบตั๋น
เมื่อกู่ไห่ก้าวเท้าแรกลงไป หลงหว่านชิง กู่ฉิน และคนอื่นๆ ก็ก้าวตามเช่นกัน
พอพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างที่ตั้งใจ ผู้ฝึกตนซึ่งอยู่โดยรอบ ต่างก็ไม่รู้ว่าควรที่จะทำสิ่งใดต่อไปดี จึงได้แต่อดทน และคอยเฝ้าดูสถานการณ์ตรงหน้าเท่านั้น
...
เกาะจิ๋วหวู่ ที่ตั้งเดิมของสำนักชิงเหอ
เมื่อสำนักชิงเหอล่มสลาย กู่ไห่จึงส่งคนมาประจำการที่นี่
หลายเดือนมานี้ สำนักชิงเหอก็ฟื้นฟูสภาพมาได้บางส่วน และกองทัพมนุษย์ ก็เดินทางมาประจำการอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมทั้งเริ่มขุดเหมืองหินิญญากันอีกครั้ง
บนยอดเขาที่หลงหว่านชิงเคยพักอาศัย ตอนนี้ได้กลายมาเป็เรือนรับรองของพ่อค้าสกุลกู่ ในทุกๆ วัน มักจะมีหินิญญาจำนวนมากถูกขุดขึ้นมา จึงเป็หน้าที่ของเขา ที่ต้องคอยคำนวณรายรับและรายจ่ายเหล่านี้
และแล้ว ก็มีเสียงดังขึ้นบนยอดเขา
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น พื้นที่บนยอดเขาก็เกิดมิติทับซ้อน
“หืม?” สีหน้าของทุกคนที่อยู่รอบบริเวณ เริ่มแปรเปลี่ยน
ณ พื้นที่บนยอดเขาซึ่งเกิดมิติทับซ้อนนั้น มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เป็ชายปริศนาสวมชุดคลุมสีดำและสีขาว เขาก้าวออกมาจากยอดเขา ก่อนจะร่อนลงไปยืนบนลานเล็กๆ เบื้องล่าง
พ่อค้าตาเป็ประกาย รีบวางพู่กันลง แล้วเดินตรงไปหาชายผู้มาใหม่ทันที ก่อนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ “ข้าน้อย พ่อค้าจวนสกุลกู่ คารวะผู้าุโเว่ยเซิงเหริน!”
“หือ?” เว่ยเซิงเหรินมองคนผู้นั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ
หนึ่งคนพูด แต่กลับมีสองเสียง เสียงหนึ่งยังคงเป็เพียงเด็กน้อย อีกหนึ่งเป็เสียงของชายชรา
“ผู้าุโเว่ยเซิงเหริน ท่านกู่ไห่ให้ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้ท่านทราบว่า ท่านถังจู่หลงหว่านชิงได้กลับมาอย่างปลอดภัยดี ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังเดินทางไปยังสำนักหมู่ตาน หากมีอะไรสามารถแจ้งกลับไปที่จวนสกุลกู่ได้ทุกเวลา” เถ้าแก่อธิบาย
“โอ้?” เว่ยเซิงเหรินกล่าวขึ้นเสียงแ่
“อ้อ! อีกอย่าง นี่เป็ข่าวเมื่อแปดวันที่แล้ว นายท่านจะส่งข่าวใหม่มาทุกๆ สิบวัน” เถ้าแก่เสริมขึ้น ด้วยความเคารพ
เว่ยเซิงเหรินมองดูพ่อค้าสกุลกู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ
“สำนักหมู่ตานอยู่ที่ใด?” เว่ยเซิงเหรินถามเสียงเบา
“โอ้! นายท่านเคยมอบแผนที่เกาะจิ๋วหวู่ให้ข้า... ผู้าุโโปรดรอสักครู่!” พ่อค้าตอบอย่างนอบน้อม
หาอยู่ครู่หนึ่งก็พบแผนที่ จึงเดินออกจากเรือนรับรอง เพื่อมอบมันให้อีกฝ่าย
“อย่าเข้ามา!” เว่ยเซิงเหรินโบกมือ
ฟิ้ว!
จู่ๆ สายลมแรงก็ก่อตัวบนพื้น เถ้าแก่จึงล้มลง แผนที่ในมือก็ร่วงหล่นพื้นเช่นกัน
“ผู้าุโ! ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะล่วงเกิน” เถ้าแก่ที่ล้มลงกับพื้น รีบชี้แจง
“ไม่ใช่ว่าเ้าทำให้ข้าขุ่นเคืองใจ แต่ตอนนี้รอบๆ กายข้า มีิญญาวนเวียนอยู่ ดังนั้น มันอาจจะทำร้ายเ้าได้” เว่ยเซิงเหรินบอกเสียงเบา
“อยู่ที่ไหนหรือขอรับ?“ เถ้าแก่ถามอย่างสงสัย
เขาเห็นเพียงเว่ยเซิงเหรินเท่านั้นที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจััได้ถึงเหล่าิญญาที่วนเวียนอยู่โดยรอบ
มือใหญ่คว้าแผนที่ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา เว่ยเซิงเหรินมองดูของในมือ ก่อนโยนขวดลายครามขนาดเล็กไปให้เถ้าแก่ตรงหน้า
“ยานี้สำหรับเ้า!” เว่ยเซิงเหรินเอ่ยเสียงเรียบ
ฟึ่บ!
เถ้าแก่รับยามา พลางมองอีกฝ่าย ที่กำลังขยับเดินเพียงเล็กน้อย
วูบ!
เว่ยเซิงเหรินหายไปทันที ราวกับไม่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้มาก่อน
พ่อค้ามองดูขวดยาลายครามในมือของตน ตอนนี้เว่ยเซิงเหรินหายตัวไปแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ด้วยความดีใจ “ขอบคุณผู้าุโที่มอบยาอายุวัฒนะให้แก่ข้า!”
…
สำนักหมู่ตาน
ผู้ฝึกตนหลายหมื่นคน เฝ้าดูกู่ไห่ที่ก้าวเข้าสู่เขตแดนของดอกโบตั๋นจากรอบนอก
“คนอีกกลุ่มเข้าไปแล้ว คนที่อยู่ข้างในก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าจะเป็หรือตาย หรือไม่ บางทีอาจจะถูกขังอยู่ในกระดานหมากล้อมแห่งความตาย ไม่มีข่าวของพวกเขาเลย ตอนนี้ไม่รู้เป็อย่างไรกันบ้าง?”
“ฝีมือหมากล้อมของกู่ไห่นั้นไม่ธรรมดา บางทีอาจจะสามารถแก้กลหมากได้”
“แต่เ้าก็เห็นมิใช่หรือ? นั่นคือหุ่นเชิดของท่านผู้เฒ่า... โอ้! ทักษะหมากล้อมของกู่ไห่ จะแข็งแกร่งกว่าท่านผู้เฒ่าอย่างนั้นหรือ?”
“ในสายตาของผู้คน ที่นี่ทุรกันดารเกินไป พวกเขาคิดได้อย่างไร ว่าจะมีชีพจรัอยู่ที่นี่?”
“แม้จะมีชีพจรัมากมายในแผ่นดินเสินโจว แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อย ที่พากันต่อสู้แย่งชิงชีพจรัเหล่านี้ การที่จะมันเพื่อสะสมหยวน อย่างน้อยก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนอิง ระดับก่อ์เช่นเราๆ จะเอาอะไรไปสู้เขาได้?”
“กู่ไห่ที่มีพลังอยู่ในระดับก่อ์ จะสามารถชีพจรัได้หรือไม่?”
“ข้ากลับคิดว่าเขาอาจจะตายก็ได้!”
ผู้ฝึกตนหลายหมื่นคนพูดคุยเกี่ยวกับเื่นี้กันอยู่พักหนึ่ง บางคนก็ชื่นชมกู่ไห่ บางคนก็อิจฉา บางคนก็ดูจะไม่ได้สนใจกับเื่พวกนี้เสียเท่าใดนัก แต่ในใจของคนส่วนใหญ่แล้วนั้น ลึกๆ พวกเขาก็ยังคง้าที่จะชีพจรั หรือว่าควรจะรออยู่ข้างนอกเช่นนี้ต่อไป เพื่อรอเวลาที่จะแย่งมันมา?
กลุ่มผู้ฝึกตนต่างรอคอยอย่างอดทน ส่วนกู่ไห่และผู้ติดตาม ต่างก็เดินหายเข้าไปในดอกโบตั๋น
“ทันทีที่เ้าเข้าไป เ้าจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก!” หลงหว่านชิงกล่าว มองกู่ไห่อย่างนึกเป็ห่วง
“อย่ากังวล ท่านยังกลับออกมาได้เลย” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้ม
หลงหว่านชิงขบริมฝีปากตนเองแน่น ก่อนจะหยิบแหวนทองซึ่งร้อยอยู่ในสร้อยข้อมือของตนออกมา แล้วส่งมันให้อีกฝ่าย “กู่ไห่ ข้ามักจะเป็ภาระของเ้าเสมอ แหวนันี้ สามารถพาเ้ากลับออกมาได้ หากพลาดพลั้งไม่สามารถแก้หมากสำเร็จ”
กู่ไห่มองหลงหว่านชิงด้วยความไม่เข้าใจ “ให้แหวนัแก่ข้า แล้วท่านล่ะ?”
“ข้าขอรับผลที่จะเกิดขึ้นเอง เพราะข้า เ้าจึงต้องมาลำบากเช่นนี้” หลงหว่านชิงบอก พลางยกยิ้มอย่างขมขื่น
กู่ไห่มองไปยังหลงหว่านชิงเพียงชั่วครู่ แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนโยน “อย่าห่วงเลย หากเป็เื่ของหมากล้อม ข้าไม่เคยแพ้ใคร”
“แต่เ้าต้องรับมันไว้!” หลงหว่านชิงยัดแหวนลงไปบนมือใหญ่
กู่ไห่มองหลงหว่านชิงด้วยสายตานิ่งเรียบ แม้บางครั้งนางจะดูสับสนและโลเล แต่ท้ายที่สุดก็เป็คนที่เด็ดขาดและดื้อรั้น
“เอาละ! ข้าจะรับเอาไว้ก่อน แต่ท่านวางใจเถอะ ในเมื่อข้ากล้าพาทุกคนเข้ามา ข้าก็พาพวกท่านกลับออกไปได้แน่!” แววตาของกู่ไห่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อืม!” หลงหว่านชิงขบริมฝีปากแน่น ก่อนพยักหน้ารับ
กู่ไห่หันกลับไปมองกระดานหมากขนาดใหญ่ตรงหน้า ซึ่งก็คือกระดานหมากล้อมแห่งชีวิตที่มีสีขาว โดยฝั่งตรงข้ามของกระดานหมาก มีร่างของชายชราผมขาวนั่งอยู่ กู่ไห่จำได้ั้แ่ครั้งแรกที่เห็น หุ่นเชิดของท่านผู้เฒ่าที่เข้ามาในห้วงมิติที่หว่างคิ้วของเขา ก็มีหน้าตาเหมือนกับร่างที่อยู่ตรงหน้าไม่มีผิด
“รอเ้าอยู่นานแล้ว... มาเริ่มกันเถอะ!” ชายชราผมขาวยิ้มเล็กน้อย
“หา? ท่านผู้นั้นรู้จักพ่อบุญธรรมอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉินขมวดคิ้วพลางถามด้วยความประหลาดใจ
หลงหว่านชิงส่ายหน้า รู้สึกงุนงงไม่ต่างกัน “ไม่! เขาพูดกับทุกคนเช่นนี้ ท่านไต้ซือกล่าวว่า หุ่นเชิดนี้อาจจะรอใครบางคน ข้าก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร แต่เขาพูดเช่นนี้กับทุกคนที่ตนพบ”