อันที่จริงเสียงในโทรศัพท์ออกจะผิดเพี้ยนจากความเป็จริงอยู่บ้าง
ทว่าโจวเฉิงเรียนรู้ทักษะจินตนาการโดยไม่ต้องมีอาจารย์สอน ทันทีที่ได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานพูดจากอีกฝั่ง เขาหลับตายังจินตนาการถึงสีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานขณะพูดสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยซ้ำ เธอทั้งงดงามและสดใส น้ำเสียงก็อ่อนหวานมาก ทว่ากลับชอบพูดจาด้วยท่าทางจริงจัง คงนึกว่าตัวเองเคร่งขรึมขึงขังสินะ แต่ไม่รู้ว่าท่าทางนั่นดูสงวนท่าที มีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งกว่าเดิม
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดไปมากมาย พบว่าด้านโจวเฉิงไม่มีเสียง เซี่ยเสี่ยวหลานร้องเอ๋ออกมาเบาๆ จากอีกฝั่ง
“สายตัดไปแล้วหรือ?”
“เปล่าๆ ฉันไม่ได้ยินเสียงเธอตั้งนาน อยากฟังเธอพูดอีกหน่อย”
เสียงของโจวเฉิงไม่ใช่ประเภท ‘เสียงทุ้มต่ำ’ ละลายใจที่ผู้คนรุ่นหลังนิยมชมชอบ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าจริงๆ แล้วเสียงแบบนั้นค่อนข้างประดิษฐ์ น้อยคนที่จะมีมาแต่กำเนิด เสียงทุ้มต่ำส่วนใหญ่ล้วนเป็การตั้งใจฝึกฝนเลียนแบบ เพื่อการยั่วยวนผู้หญิงนั่นเอง เสียงของโจวเฉิงซุกซน เจือพลังชีวิตของคนหนุ่ม เวลาพูดเื่จริงจังจะทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยเป็พิเศษ ส่วนการพูดในชีวิตประจำวันจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะ่ที่ผ่านมานี้ โจวเฉิงเชี่ยวชาญทักษะ ‘ออดอ้อน’ แล้ว เมื่อสนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานจะปนหางเสียงเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
น้ำเสียงสูงขึ้น แม้ห่างกันด้วยระยะทางยาวไกลเพียงใด เธอก็ััได้ถึงความปลื้มปีติของคนคนนี้
แค่คุยกับเธอ เขาก็เบิกบานขนาดนี้เชียวหรือ?
“สุขสันต์วันเกิดนะ โจวเฉิง”
“ฉันดีใจมาก เสี่ยวหลาน นี่เป็วันเกิดที่มีความสุขที่สุดของฉันเลย”
โจวเฉิงไม่ได้กำลังเพ้อเจ้อ
โจวเฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันเกิดมากมายนัก โจวเฉิงเป็ผู้น้อย ยิ่งไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ตอนยังเด็กถูกบิดาควบคุมกระทั่งพฤติกรรมความโปรดปรานการรับประทานของหวาน มีเพียงกวนฮุ่ยเอ๋อที่ตามใจเขา ฉลองวันเกิดโดยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เขา ทำเกี๊ยวหนึ่งจานให้ พออายุสิบกว่ากำลังอยู่ในวัยหัวขบถ เขาก็เริ่มให้ความสำคัญต่อวันเกิดเช่นกัน นำเงินที่ปกติเก็บไว้ออกมาเลี้ยงอาหารมิตรสหาย คนเ่าั้ก็นำ ‘ของขวัญวันเกิด’ ต่างๆ มามอบแก่โจวเฉิงตามระเบียบแบบแผน วันเกิดอันยากจะลืมที่สุดคือที่แนวหน้า โจวเฉิงไม่ได้นึกถึงวันเกิดแม้แต่น้อย เขาไม่ได้แม้แต่จะแตะน้ำสักหยดหรือข้าวสักเม็ดอยู่สองวันสองคืน จนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลาย เป็วันที่ยี่สิบกว่าเดือนเมษายนเข้าไปแล้ว โจวเฉิงถึงเพิ่งนึกออกว่าไม่กี่วันก่อนตนเองอายุครบ 18 ปี
ทว่าสำหรับวันเกิดอันสุดแสนสุขสันต์ เป็ปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย คือปีนี้เอง
กลางวันช่างผิดหวัง พอตกกลางคืนก็ช่างเบิกบาน ไม่ได้เบิกบานเพราะได้รับของขวัญ แต่เพราะของขวัญชิ้นนี้เป็ตัวแทนความคิดถึงของเซี่ยเสี่ยวหลาน ก่อนหน้านี้โจวเฉิงไม่เข้าใจ หญิงสาวเป็สิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญมากขนาดนั้น แต่เส้ากวงหรงก็ยังสนุกสนานกับการเปลี่ยนแฟนอยู่ดี
จวบจนโจวเฉิงได้พบเซี่ยเสี่ยวหลาน เหมือนเขาจะเข้าใจเส้ากวงหรงขึ้นบ้าง
ความรักคือสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้จริงๆ เส้ากวงหรงโชคดีไม่เท่าเขา ไม่ทันไรก็ได้พบกับหญิงสาวที่เขาชอบ ดังนั้นในขณะที่เส้ากวงหรงกำลังลองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โจวเฉิงก็แน่ใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยมือ
ด้วยเหตุนี้ วันเกิดหนนี้จึงทำให้โจวเฉิงมีความสุข เพราะเขาและเซี่ยเสี่ยวหลานหัวใจอิงแอบแนบชิดกัน
ความรัก มิตรภาพ และสายใยครอบครัวล้วนแตกต่างกัน โจวเฉิงได้รับสองอย่างหลังตั้งนานแล้ว ทว่าความรักกลับเป็ความรู้สึกที่เขาใช้ชีวิตมา 20 ปีกว่าจะได้ััครั้งแรก จะไม่ให้เข้มข้น ไม่ทำให้เขาปั่นป่วนได้อย่างไร?
ทั้งสองกำหูโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดอะไรอยู่นานสองนาน
ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน ห่างออกไปพันลี้ ราวกับใกล้กันเพียงเอื้อมมือ
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานดูยินดีปรีดากับความทุกข์ของผู้อื่นขึ้นมา โจวเฉิงได้ยินแล้วเห็นรอยยิ้มของเธอด้วยซ้ำ
“โจวเฉิง เธอว่าทำอย่างไรดีนะ มีคนจะแย่งคนรักของเธอแล้ว!”
มือที่โจวเฉิงใช้จับหูโทรศัพท์ออกแรงมากกว่าเดิม หึหึ ภรรยาของเขาจงใจแน่นอน
“นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว? เสี่ยวหลาน ฉันไม่โกรธหรอก พวกเขามีอะไรดีก็เชิญเลย”
“คนนี้ไม่เหมือนคนอื่นสักเท่าไร... ทำไมเธอมีความมั่นใจขนาดนี้กัน ไม่กลัวฉันหนีตามคนอื่นไปหรือ?”
“ฉันไม่กลัว ใครก็ชอบเธอมากขนาดนี้สู้ฉันไม่ได้หรอก ที่สำคัญกว่าคือเธอชอบฉันเหมือนกัน ในอนาคตเธอจะต้องชอบฉันมากขึ้น และเธอก็จากฉันไปไม่ได้”
แน่นอนว่าการผูกมัดผู้หญิงคนหนึ่งคือวิธีการรักษาเธอไว้กับตัว
โจวเฉิงลองคิดดูแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เห็นชอบกับการแต่งงานเร็วนี่นา ดังนั้นโจวเฉิงจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ หากมัดหัวใจของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ เธอจะหนีไปไหนได้? โจวเฉิงขบคิด อัตราความสำเร็จของตนเองสูงมาก คนที่วงศ์ตระกูลเลิศกว่าเขา อาจไม่มีความสามารถเท่าเขาก็ได้! พวกลอบขนของเถื่อนเ่าั้รวยกว่าเขา แต่ไม่ใส่ใจและมีเหตุผลเท่าเขา ส่วนคนที่หล่อเหลากว่าเขา ก็ไม่มีทางมั่งคั่งกว่าเขา... เดี๋ยวก่อน จะมีคนหล่อกว่าเขาได้อย่างไร? เสี่ยวหลานมิใช่ผู้ที่ชื่นชมในอำนาจและเงินทอง สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดใจเธอจนหนีไปได้ก็คือหนุ่มหน้าขาว [1] พวกนั้น
โจวเฉิงเชื่อมั่น ชายหนุ่มหน้าขาวพวกนั้นมีเชิงชายสู้เขาไม่ได้
“คนนี้ต่างออกไปตรงไหน?”
เซี่ยเสี่ยวหลานฟังเสียงของเขา ไม่ยี่หระโดยสิ้นเชิง เซี่ยเสี่ยวหลานร้องฮึเบาๆ
“คนเขากำหนดกระทั่งวันแต่งงานแล้ว เดือนพฤษภาจะจัดงานมงคลสมรส ต่อให้ฉันยอมตายดีกว่าตามเขาไป ก็จะจับฉันใส่ขบวนพาเข้าบ้านอยู่ดี โจวเฉิง ฉันรู้สึกกลัวทีเดียว”
โจวเฉิงคิ้วกระตุก
บังคับแต่งงานหรือ?!
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องข้ามศพเขาไปก่อน ถึงจะบังคับพาภรรยาของเขากลับไปได้
“ฉันจะดูสักหน่อย งานแต่งงานของอีกฝ่ายเตรียมตัวว่าจะจัดอย่างไร”
โจวเฉิงไม่สาปแช่งด่าทอ ในน้ำเสียงกลับมีความดุดันที่บอกไม่ถูก
“เป็อย่างไรบ้าง? หลานคุยกับโจวเฉิงแล้วใช่หรือไม่?”
เซี่ยเสี่ยวหลานออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินจึงเดินเข้าไปหา
ครอบครัวแซ่เหลียงสามคนเพิ่งจากไปได้ไม่นาน น้าเฉิงประจำตู้โทรศัพท์ก็เรียกเซี่ยเสี่ยวหลานให้มารับสาย วันนี้มีสายที่ต่อหาเซี่ยเสี่ยวหลานไม่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานทายว่าคือโจวเฉิง วันนี้เป็วันเกิดของโจวเฉิง ด้านเธอมีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้เสียเวลา เธอจึงไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเขา แต่ด้วยนิสัยของโจวเฉิง จะโทรมาหาเธอเองอย่างแน่นอน
เป็โจวเฉิงอย่างที่คาดไว้
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคิด ถ้าวันนี้โจวเฉิงไม่โทรศัพท์มา เธอจะรอพรุ่งนี้ก่อนค่อยเล่าเื่ฝานเจิ้นชวน อย่างไรเสียก็ไม่ได้สายเกินไป
ทว่าโจวเฉิงโทรมาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจึงใช้โอกาสนี้พูดเสียเลย
ฝานเจิ้นชวนไม่ใช่คนธรรมดา เป็งูเ้าถิ่นของเขตเหอตง เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนทำธุรกิจเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้กับฝานเจิ้นชวน แม้เธอฉลาดจะแค่ไหน ทว่าก่อนหน้านี้เธอเคยมีประสบการณ์โดนติงอ้ายเจินลักลอบจัดการ เธอไม่อยากพลั้งพลาดอย่างอนาถอีกครั้ง... ฝานเจิ้นชวนในเขตเหอตงไม่มีใครกล้าควบคุมเขา ดังนั้นหากคนเขาจับเซี่ยเสี่ยวหลานไปเขตเหอตง เธอก็สู้อีกฝ่ายไม่ได้
ต่อให้ฉวยโอกาสแทงฝานเจิ้นชวนตาย เซี่ยเสี่ยวหลานก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต เธอยังมีชีวิตดีเลิศรอให้ใช้อยู่ ทำไมต้องไปชดใช้ชีวิตให้คนชั่วด้วย?
แทนที่จะให้โจวเฉิงรับรู้ตอนเื่ราวดำเนินไปจนหมดสิ้นหนทางยุติ สู้บอกโจวเฉิงั้แ่แรกเสียดีกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินความจริงซ่อนเร้นที่จางเสเพลโดนจับจากปากของจั๋วเว่ยผิง ทัศนคติต่อโจวเฉิงจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ว่าเธอซาบซึ้งจนอยากแต่งงานกับโจวเฉิงทันทีทันใด แต่เธอกำลังเรียนรู้ที่จะ ‘รบกวน’ โจวเฉิง
คบหาดูใจกันแล้วนี่ ชายหญิงจะแบ่งแยกเื่ราวจากอีกฝ่ายชัดเจนขนาดนั้นเชียวหรือ
ถ้าเธอยืนยันว่าตนเองไม่เคยพึ่งพาโจวเฉิงเลย นั่นถึงจะเรียกว่าเนรคุณของจริง ที่คังเหว่ยกับเส้ากวงช่วยเธอ ก็เพราะเห็นแก่โจวเฉิง ตอนถูกคุกคามจากอันธพาลเคออีสยฺงในหยางเฉิง ก็เป็โจวเฉิงที่วานพานซานมาจัดการให้เธอ
โจวเฉิงไม่จำเป็ต้องยุ่งเื่อื่น ทว่าในฐานะแฟนของเซี่ยเสี่ยวหลาน มีคนจะบังคับเซี่ยเสี่ยวหลานแต่งงานโดยไม่สนความยินยอมของเธอ หากโจวเฉิงยังไม่ควรยุ่งอีก คู่รักสองคนนี้สามารถแยกย้ายกันได้ทันที และโจวเฉิงมีความสามารถที่จะใช้จัดการปัญหาอีกด้วย ไม่ใช่เพียงการพึ่งสถานะครอบครัวเท่านั้น แต่ครอบครัวทำให้โจวเฉิงมีพื้นฐาน จะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ให้คุ้มค่าอย่างไรนั้น โจวเฉิงดูเหมือนทำได้ดีมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่าโจวเฉิงมีศักยภาพส่วนนี้ แต่หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินรู้จักโจวเฉิงน้อยเหลือเกิน
ทั้งสองคนต่างคิดว่าโจวเฉิงเป็แค่คนธรรมดาสามัญ
และเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ว่าโจวเฉิงจะทำอย่างไร ถึงกระนั้นสิ่งที่โจวเฉิงทำได้คงไม่น้อยสินะ?
“ทุกคนอย่ากังวลเลย เื่นี้ปล่อยเป็หน้าที่โจวเฉิงเถอะ เขาจัดการได้”
หลิวเฟินเองก็กังวลแทบตายแล้ว
คนเป็มารดามักคิดเรื่อยเปื่อย พอไม่บอกโจวเฉิง ก็กลัวโจวเฉิงจะเข้าใจผิด
แต่พอบอกโจวเฉิง ก็กลัวอีกว่าโจวเฉิงจะรู้สึกรำคาญ จะสงสัยและดูแคลนเซี่ยเสี่ยวหลาน
เชิงอรรถ
[1]小白脸 หนุ่มหน้าขาว หมายถึง ผู้ชายที่อาศัยผู้หญิงเลี้ยง อีกความหมายคือ ชายหนุ่มทรงเสน่ห์ มักใช้กล่าวถึงชายที่มีลักษณะสำอาง สะอาดเกลี้ยงเกลา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้