เกาะเทียนหยวน
กู่ไห่และคนอื่นๆ อยู่ไม่ไกลทางเข้าแล้ว ทั้งสี่ข้ามเขาลูกใหญ่ ก็มาถึงใจกลางหุบเขากว้างแห่งหนึ่ง
ตรงหุบเขาเป็พื้นกว้าง ซึ่งมีหมอกหนาปกคลุม ผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศก้าวเข้าไปในหมอกนั้นทีละคน
เมื่อผู้ฝึกตนเข้าไปในพื้นที่หมอกนั้น ร่างของพวกเขาก็หายไป
"นั่นคือทางเข้า พวกเราเองก็เพิ่งเคยมาเป็ครั้งแรกเช่นกัน จากที่ได้ยินมา เมื่อเข้าสู่พื้นที่หมอก ก็สามารถเข้าสู่ดินแดนแรกสาบสูญได้ทันที" เฉินเทียนซานกล่าว
"ไปกันเถอะ!" กู่ไห่ก้าวเข้าไปในพื้นที่หมอกนั้น
ตามด้วยเฉินเทียนซาน เกาเซียนจือ และซ่งฉิงซูเป็คนสุดท้าย เวลานี้สีหน้าเขากลับบิดเบี้ยวไม่น่าดู
หัวหน้าสำนักบอกให้สังหารกู่ไห่ แต่ภาพตอนที่คนผู้นั้นหันกลับมามอง ยังคงตราตรึงใจ ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงรู้สึกคล้ายหวาดเกรงยิ่ง
"กลัวสิ่งใด? ก็แค่ผู้ฝึกตนระดับก่อ์คนหนึ่งเท่านั้น เป็ไปได้อย่างไร ที่คนอย่างข้าจะกลัวเขา? ไร้สาระ!" สีหน้าซ่งฉิงซูไม่น่าดู ขณะระงับความรู้สึกไม่สบายใจของตน
ทุกคนค่อยๆ เดินเข้าไปบริเวณหมอกหนานั้น
เมื่อเดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ออกมาพ้นหมอกแล้ว
เมื่อออกจากหมอก ฉากเบื้องหน้าหาใช่หุบเขาเช่นก่อนหน้า
เกาะเทียนหยวนนั้น เดิมทีไม่มีพืชพันธุ์ใดงอกเงย แต่เมื่อก้าวพ้นสายหมอก กลับพบพื้นที่เขียวชอุ่ม และูเาเขียวขจี
"นี่คือ?" กู่ไห่มองไปด้านหลังด้วยความประหลาดใจ
ทางด้านนั้น ก็ยังคงมีหมอกหนาปรากฏอยู่
"ตามที่หัวหน้าสำนักบอก พื้นที่หมอกนี้คือทางเข้า เรามีเวลามากที่สุดหนึ่งปี เมื่อหมอกจางหาย นั่นคือ่เวลาที่ทางเข้าดินแดนแรกสาบสูญปิดลง!" เฉินเทียนซานอธิบาย
กู่ไห่พยักหน้า
"ไอพลัง์น่ากลัวยิ่ง!" ซ่งฉิงซูกล่าวขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบน
มีดวงอาทิตย์ดวงเล็กอยู่บนท้องฟ้า แต่กู่ไห่รู้สึกได้ว่าตะวันดวงนี้ ต่างจากดวงอาทิตย์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง บางทีมันอาจเป็ดาวฤกษ์ขนาดเล็กดวงหนึ่งก็เป็ได้
"มีเพียงผู้ฝึกตนระดับก่อ์เท่านั้น ที่สามารถเข้ามาได้!" เฉินเทียนซานกล่าวพร้อมฝืนยิ้ม
“พวกท่านเป็เช่นไรบ้าง?” เกาเซียนจือถามด้วยความสงสัย
กู่ไห่ยังมองคนทั้งสอง ทั้งกู่ไห่และเกาเซียนจือ ต่างก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากปกติแต่อย่างใด
"ข้ารู้สึกว่าเหนือศีรษะ มีไอพลังที่กดพลังของข้าลง จนเหลือเพียงขั้นสุดท้ายของระดับก่อ์ และรู้สึกราวกับว่า หากระดับการฝึกปรือเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย จนทะลุระดับก่อ์ไป พลังกดดันมหาศาลนั่น คงพุ่งเข้ามาเล่นงานเป็แน่" เฉินเทียนซานกล่าวอย่างหวาดหวั่น
“โอ้!” ดวงตาของกู่ไห่วาบประกาย
ก่อนหน้า ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเื่นี้มาแล้ว แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจากปากเฉินเทียนซาน กู่ไห่พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนเพิ่งเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ และมีอย่างน้อยสิบคน ที่เข้ามาก่อนหน้าพวกเขา ด้วยระดับพลังของกู่ไห่ หากเกิดการต่อสู้ขึ้น คงถึงคราวิกฤต แต่บัดนี้ทุกผู้คนล้วนอยู่ในระดับก่อ์เหมือนกัน จึงโล่งใจขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับก่อ์ขั้นแรก แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามากนัก อีกทั้งเขายังมีวรยุทธ์ติดตัวด้วย
กู่ไห่ยกยิ้มมุมปาก "เป็สถานที่ที่ไม่เลวเลย!"
"คนมุงดูอะไรกันตรงนั้น?" เฉินเทียนซานกล่าวอย่างประหลาดใจ
"บอกมา!" เสียงตวาดดังจากอีกด้านหนึ่งของหุบเขา
“หากไม่บอก ก็สังหารนางเสีย”
"หึ! นางปีศาจนี่ ตายไปก็ยังไม่สาสมกับความผิด ที่มันทำให้ศิษย์พี่ของข้าตาย!"
“ถ้าเ้าไม่บอกที่ตั้งของต้นท้อร้อยปี ข้าจะฆ่าเ้าเสียตรงนี้!”
เพียะ!
ผู้ฝึกตนจำนวนมากกำลังรุมล้อมบางสิ่งอยู่ คนที่เพิ่งเข้ามาในดินแดนแรกสาบสูญ ก็วิ่งเข้าไปมุงดูเช่นกัน ทำให้บริเวณนั้นมีผู้คนเพิ่มขึ้นเป็หลายร้อยคน
ผืนหญ้ารอบหุบเขา มีคราบเืจำนวนมาก เมื่อกู่ไห่มองดูใกล้ๆ จึงสังเกตเห็นชิ้นส่วนแขนขามนุษย์ กระจัดกระจายอยู่โดยรอบ
“ก่อนหน้านี้ มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือ?” เกาเซียนจือพูดพร้อมเลิกคิ้วขึ้น
ขณะเดียวกัน เฉินเทียนซานและซ่งฉิงซู ก็รีบเข้าไปยังบริเวณที่คนกลุ่มใหญ่รุมล้อมอยู่ แต่กู่ไห่กลับไม่ได้ไปด้วย เพียงเดินไปยังบริเวณที่มีมือข้างหนึ่งตกอยู่ และตรวจดูอย่างละเอียด
"ท่านหัวหน้า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คงดุเดือดยิ่ง จึงทำให้แขนขาขาดวิ่นเช่นนี้ ทางด้านนั้นก็ยังมีอีกจำนวนมาก อีกทั้งตรงนั้นยังมีหลุมฝังศพอีกจำนวนหนึ่งด้วย นี่คือส่วนที่ยังไม่ได้ฝังกระมัง?" เกาเซียนจือที่ตามหลังมา ตั้งข้อสังเกต
"มือนี้ถูกตัดออกจากร่างเมื่อสามวันก่อน" กู่ไห่กล่าวอย่างจริงจัง
“โอ้?” เกาเซียนจือมองดูมือข้างนั้น พลางครุ่นคิด
ตอนแรกที่ตนเลือกติดตามกู่ไห่ ก็เพื่อเรียนรู้จากเขา อาศัยแค่มือข้างนั้นก็สันนิษฐานเวลาเกิดเหตุได้แล้ว นี่เป็งานของเ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ก่อนหน้านี้เกาเซียนจือไม่ได้สนใจเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ มาบัดนี้จึงพบว่าตัวเองมีความรู้ต้อยต่ำยิ่ง จากนี้ไปต้องตั้งใจเรียนรู้สิ่งต่างๆ ให้จงหนัก
เกาเซียนจือและกู่ไห่ ค่อยๆ เดินไปหาฝูงชน
การที่คนหลายร้อยคนล้อมวงกันอยู่ เป็ฉากตระการตายิ่ง นี่เป็ครั้งแรกที่กู่ไห่ได้เห็นผู้ฝึกตนมากมายเช่นนี้ เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นนอกวง
"ได้ยินมาว่า เมื่อสามวันก่อน ขณะที่ทางเข้าเปิดออก ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็รีบปราดเข้าไปทันที แต่คิดไม่ถึง ว่าชาวพื้นเมืองจะดักรออยู่แล้ว เพื่อขัดขวางไม่ให้เข้าไปในดินแดนของตน
ทั้งสองฝ่ายต่างเข่นฆ่ากัน น่าสังเวชยิ่ง คนพื้นเมืองที่นี่ล้วนบ้าคลั่ง ต่อสู้ไม่คิดชีวิต จึงตายเสียเป็ส่วนใหญ่ หนีรอดไปได้แค่ไม่กี่คน"
“ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ไล่ตามไป ส่วนคนที่เหลือ จับชาวพื้นเมืองมาทรมานสิบคน เพื่อซักถามถึงทางหนีทีไล่ และที่ตั้งของสมบัติต่างๆ แต่พวกเขาถึงตายก็ไม่ยอมจำนน ส่วนใหญ่จึงกัดลิ้นปลิดชีพตนเองไปแล้ว!"
“ช่างเป็กลุ่มคนที่บ้าดีแท้!”
"โชคดี ที่ยังเหลืออีกหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เป็เพียงอสูรรับใช้ สถานะของมันในหมู่ชาวพื้นเมืองจึงไม่สูงนัก แต่ยังดีที่มันไม่อยากตาย ดังนั้นจึงสามารถเค้นถามเอาความได้!"
“ต้นท้อร้อยปี เป็ผลไม้อายุวัฒนะ แค่หนึ่งลูกก็สามารถเพิ่มอายุขัยได้กว่าร้อยปี!”
“เช่นนั้นมาดูกัน ว่าอสูรรับใช้จะทนได้อีกนานแค่ไหน!”
ในขณะที่ผู้คนนอกวงกำลังคุยกันอยู่นั้น กู่ไห่กลับขมวดคิ้วมุ่น
“ยอมฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้น ศิษย์อี้เทียนเก๋อซื่อสัตย์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” เกาเซียนจือกล่าวด้วยความประหลาดใจ
กู่ไห่พยักหน้า
"ไม่ทราบ... ข้าไม่ทราบจริงๆ!" เสียงร้องสะอึกสะอื้น ดังขึ้นกลางฝูงชน
"ไม่ทราบ? เป็ไปได้อย่างไร? พาเราไปที่นั่นเสียดีๆ หรือเ้าอยากมีสภาพเหมือนคนพวกนั้น?"
"นางปีศาจ พวกเ้าสังหารศิษย์พี่ของข้า ต่อให้ฆ่าเ้านับสิบครั้งก็ยังไม่พอ ยังไม่รีบพูดอีก หรือ้าให้ข้าจัดการเ้า?"
“หึ! อย่ามาทำท่าทางน่าเวทนาใส่ข้า นางปีศาจ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเ้าสังหารพวกข้า เหตุใดไม่สงสารบ้างเล่า?”
ฝูงชนต่างตะเบ็งเสียง
กู่ไห่และเกาเซียนจือ ค่อยๆ แหวกฝูงชนไปด้านใน
"นี่คือ?" ใบหน้ากู่ไห่เต็มไปด้วยพิศวง
ตรงกลางนั่น เขาเห็นอสรพิษสีดำยาวราวสองจั้งตัวหนึ่ง ถูกตรึงกับก้อนหินด้วยกระบี่ยาวสามเล่ม ร่างโชกเื ิัเป็แผลลึก แต่บริเวณศีรษะของอสรพิษตัวนั้น กลับเป็ศีรษะของเด็กผู้หญิงอายุเจ็ดหรือแปดปี หัวเป็คน ตัวเป็งู?
ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเื ใบหน้าถูกทุบตีจนมีรอยเขียวช้ำเป็ปื้น เวลานี้นางกำลังกระอักเืและร้องไห้ ขณะมองไปยังกลุ่มผู้ฝึกตน ซึ่งต่างก็ถือแส้ กระบี่ และดาบไว้ในมือ
ผู้ฝึกตนต่างจ้องอสรพิษน้อยด้วยท่าทางน่ากลัว และส่งเสียงฮึ่มฮั่ม แสดงความเป็ปรปักษ์ออกมา
นางอสรพิษกลับกำลังหายใจรวยริน บางทีอาจเป็เพราะเสียเืมากเกินไป จึงได้ตัวสั่นระริก
"นางปีศาจ หากเ้ายอมบอก เราจะปล่อยเ้าไป ต้นท้อร้อยปีซ่อนอยู่ที่ใด? ที่นี่ใหญ่เกินไป อีกทั้งพลังฝึกปรือของเรายังถูกจำกัด หาก้าหามันให้เจอภายในหนึ่งปี ไม่ใช่เื่ง่ายเลย ขอแค่เ้าบอกเรามา ว่ามันอยู่ที่ใด ข้าในฐานะหัวหน้า รับปากจะปล่อยเ้าไป" ชายชุดแดงซึ่งเป็หัวหน้ากลุ่มกล่าว พลางยิ้มเย็น
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็ไม่คัดค้าน ทุกคนต่างจ้องอสรพิษสาว สายตาเย็นะเื
บางทีการต่อสู้ก่อนหน้านี้ คงโหดร้ายยิ่ง จึงไม่มีผู้ใดเห็นใจนาง
"ข้าไม่ทราบ ข้าเป็เพียงอสูรตัวหนึ่ง ทุกๆ วันมีหน้าที่แค่ปกป้องสวนสมุนไพรเท่านั้น... เื่อื่น ข้าไม่ทราบจริงๆ" อสรพิษนางนั้นกล่าว พร้อมร่ำไห้
"สวนสมุนไพร? สวนสมุนไพรอยู่ที่ใด?" ชายชุดแดงโพล่งถาม ดวงตาเป็ประกาย
"ข้าไม่ทราบ พวกเขาเป็ผู้พาข้าไปที่สวนสมุนไพร ก่อนที่จะพาไป ข้าจะถูกยัดใส่กล่อง ข้าไม่รู้ทางหรอกเ้าค่ะ ขอร้องละ... ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถอะเ้าค่ะ!" อสรพิษสาวคร่ำครวญน่าเวทนา
"นางปีศาจ เ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ... หึ!" ผู้ฝึกตนชุดแดงจ้องมอง ก่อนแทงดาบเข้าไปที่ตัวนาง
ฟึ่บ!
อ๊า!
เสียงกรีดร้องดังลั่น พลันร่างนางก็ปรากฏแอ่งเืขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง
"ข้าไม่ทราบจริงๆ ช่วยข้าด้วย นายท่านๆ ช่วยข้าด้วย ฮือๆๆ!" อสรพิษสาวร่ำร้องด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
"ฆ่านางเสีย!"
"หึ! หากยังไม่พูด ก็ฆ่าเสีย!"
กลุ่มผู้ฝึกตน โห่ร้องอย่างดุร้าย
มีเพียงบางคนที่แสดงสีหน้าสงสาร แต่จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวออกมาปกป้องนาง ศพบนพื้นอธิบายทุกอย่างแล้ว ปีศาจตนนี้เป็ปรปักษ์ของเหล่าผู้คนจากข้างนอก ใครก็ตามที่เห็นใจศัตรู จะกลายเป็อริกับทุกคน
"หึ! ปากแข็งนัก นางปีศาจ ทำเราเสียเวลา ตายเสียเถอะ!" ผู้ฝึกตนชุดแดงะโ ขณะกำลังจะแทงกระบี่ไปที่ศีรษะของอสรพิษสาว
“ไม่!” นางกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง แต่เพราะร่างถูกตรึงกับก้อนหิน จึงไม่อาจขยับหนีได้
ติ๊ง!
ทันใดนั้นหินก้อนหนึ่งก็พุ่งเข้ามา กระแทกกระบี่ของผู้ฝึกตนชุดแดงผู้นั้น ทำให้เบี่ยงออกไปจากตำแหน่งเดิม
ฟึ่บ!
กระบี่แทงถูกก้อนหิน ข้างศีรษะอสรพิษสาว
"ผู้ใดกัน?" ดวงตาของผู้ฝึกตนชุดแดง พลันปรากฏแววกรุ่นโกรธ
ทุกคนมองไปยังทิศทางที่หินลอยมา กลับเป็กู่ไห่ที่เพิ่งซัดหินออกไป
นอกจากเกาเซียนจือ ทุกคนที่อยู่ใกล้ ต่างถอยห่างทันที เปิดทางให้เห็นกู่ไห่ได้ชัดเจน
"แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ใช้คนนับร้อย ข่มขู่และทรมานแม่นางน้อยผู้หนึ่ง ไม่ละอายใจบ้างหรืออย่างไร?" กู่ไห่ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีเยือกเย็น
เกาเซียนจือที่คิดจะตามไป ถูกกู่ไห่โบกมือเบาๆ เพื่อหยุดเขาเอาไว้
"เ้าเป็ใคร?" ผู้ฝึกตนชุดแดงถามเสียงเย็น
บัดนี้สายตาที่มองกู่ไห่ มีทั้งสงสัย ดูถูก เยาะหยัน และอับอาย พวกเขาต่างจ้องชายหนุ่มที่ค่อยๆ เยื้องกรายไปกลางวง
"แม่นางน้อยผู้นี้ก็บอกแล้ว ว่าเป็เพียงอสูรรับใช้ เช่นนั้นนางจะรู้สิ่งใดได้? ทุกท่านในที่นี้ ล้วนเป็ยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ ไม่จำเป็ต้องจับนางไว้กระมัง?
ดินแดนแรกสาบสูญกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เหตุใดทุกท่านไม่เดินทางต่อ แล้วค่อยสอบถามผู้อื่นเล่า? เหตุใดต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย?" กู่ไห่สืบเท้าอีกครั้ง ขณะพูด
ท่ามกลางฝูงชน ซ่งฉิงซูและเฉินเทียนซาน ต่างเบิกตาโตด้วยความใ เฉินเทียนซานคิดจะก้าวไปเบื้องหน้า แต่ซ่งฉิงซูกลับรั้งเอาไว้ พลางหรี่ตามองกู่ไห่
"เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร? ้าให้เราปล่อยสัตว์ประหลาดตัวนี้ไป? อยากตายหรือไม่?" ผู้ฝึกตนชุดแดงคว้ากระบี่ และชี้ไปที่กู่ไห่ ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นะเื
อสรพิษสาวจ้องมองกู่ไห่ ั์ตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง "พี่ชาย... ช่วยข้าด้วย!"
"ข้าก็แค่อยากช่วยนาง เหตุใดเ้าต้องขัดขวางเล่า" กู่ไห่ตอบกลับเสียงเคร่ง
"เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร?" ทันใดนั้นท่ามกลางฝูงชน ก็มีคนะโออกมา
เห็นได้ชัด ว่าผู้คน้าระบายความเกลียดชังที่มีกับนาง แต่จู่ๆ ก็มีคนมาหยุดไว้ นั่นย่อมทำให้พวกเขาไม่ชอบใจนัก เวลานี้ผู้ฝึกตนจำนวนมาก ซึ่งเพิ่งสูญเสียญาติมิตร พุ่งโทสะและรังสีสังหารไปยังกู่ไห่
"ข้าคือหัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน ทุกท่าน้าเป็ปรปักษ์กับหออี้ผินเช่นนั้นหรือ?" กู่ไห่ถาม น้ำเสียงจริงจัง
“หออี้ผิน?” คนส่วนใหญ่เปลี่ยนสีหน้าทันควัน
ดังคาด ทุกคนคล้ายจะเคยได้ยินชื่อหออี้ผินมาก่อน หลายคนพลันขมวดคิ้วมุ่น ความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ สงบลงทันที
ท่ามกลางฝูงชน ชายร่างใหญ่ ใบหน้ามีหนวดเคราผู้หนึ่ง พลันหรี่ตาลง ผู้ติดตามสองสามคนซึ่งอยู่ด้านหลัง จ้องมองกู่ไห่ด้วยสายตากรุ่นโกรธ แต่ชายร่างใหญ่กลับโบกมือห้ามไว้ สมุนเ่าั้จึงเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางวงเงียบๆ
กู่ไห่ค่อยๆ ย่างเท้าไปทางผู้ฝึกตนชุดแดง พร้อมยิ้มมุมปาก
ตอนแรก ผู้ฝึกตนชุดแดงผงะถอยไปเล็กน้อย แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าที เขาพูด พร้อมมองกู่ไห่ "เฮอะ! เ้าโกหก หออี้ผินไม่มีหัวหน้าสังกัดวารี"
“ถูกต้องแล้ว หออี้ผินมีห้าสังกัด ทอง ไม้ วารี อัคคี และปฐี แต่ตำแหน่งหัวหน้าสังกัดวารีนั้น ว่างมายี่สิบปีแล้ว จะมีหัวหน้าสังกัดวารีได้อย่างไร?” จู่ๆ ชายอีกคนก็ะโออกมา
"เ้าสารเลว! กล้าโกหกข้าหรือ?" ผู้ฝึกตนชุดแดงจ้องกู่ไห่ด้วยแววตากรุ่นโกรธ รังสีสังหารกระจายออกมา
ฟู่!
จู่ๆ กู่ไห่ก็ปล่อยพลังออกมารอบตัว พลังชี่อันร้ายกาจกำจายไปรอบตัว พร้อมเสียงคำราม ัแห่งพลังชี่สีม่วงจางๆ โผล่ออกจากร่าง ทันใดนั้น รังสีสังหารของผู้ฝึกตนชุดแดงก็สลายไปสิ้น
“เอ๊ะ?” ท่ามกลางฝูงชน ชายร่างใหญ่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน มองชายหนุ่มด้วยดวงตาเบิกกว้าง
"เคล็ดวิชาัแรก์? ใช่! สิ่งที่เขาพูด เป็ความจริง"
"ผู้ใดก็ตาม ที่กล้าฝึกเคล็ดวิชาัแรก์โดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องถูกทำลายล้างตระกูล! ที่เขาพูดเป็ความจริง! เป็ไปไม่ได้ ที่เขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ โดยที่ไม่ใช่หัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน!"
“หออี้ผิน?”
ทุกคนต่างพูดคุยกัน ผู้ที่จ้องกู่ไห่ด้วยโทสะเมื่อครู่ ต่างค่อยๆ สงบลง
กู่ไห่สาวเท้าไปที่ก้อนหิน พลางมองอสรพิษสาว ซึ่งถูกตรึงบนก้อนหิน ดวงตาวาบประกายอย่างห้ามไม่อยู่
ชิ้ง!
กู่ไห่ค่อยๆ ดึงกระบี่ออก
“อ๊า!” อสรพิษสาวร้องอย่างเ็ป แต่ก็ยังฝืนทนต่อไป
น้ำตาของนางไหลไม่หยุด มองกู่ไห่ด้วยความซาบซึ้งใจ
ทุกคนต่างมองดูชายหนุ่ม ขณะที่ผู้ฝึกตนชุดแดง ซึ่งแสดงท่าทีหยิ่งผยองที่สุดก่อนหน้านี้ จ้องกู่ไห่ด้วยสายตาเกลียดชัง เห็นได้ชัด ว่าทั้งอับอายและอารมณ์เสียอย่างมาก
"เป็ไปไม่ได้! ตอนที่ข้าจากมา หออี้ผินไม่ได้มีหัวหน้าสังกัดวารี ในเวลานั้น ถังจู่หออี้ผินอยู่บนเกาะจิ๋วหวู่ กับหัวหน้าสำนักข้า เ้าเป็ใครกัน?" ผู้ฝึกตนชุดแดงกล่าวเสียงเคร่ง
"โอ้! ดูเหมือนจะเป็คนบ้านเดียวกันสินะ? ที่เ้ากล่าวมานั้น ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้ถังจู่อยู่บนเกาะจิ๋วหวู่จริงๆ และข้าก็เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็หัวหน้าสังกัด ข้ามีนามว่ากู่ไห่ บางทีเ้าอาจรู้จัก" กู่ไห่ยังคงดึงกระบี่ออกจากร่างอสรพิษสาว
"กู่ไห่? เ้ากลายเป็หนุ่มไปแล้ว? ไม่! มิใช่ว่าเ้ากำลังติดพันอยู่กับา ระหว่างแคว้นเฉินและแคว้นซ่งหรอกหรือ? เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่า… หรือว่าแคว้นซ่งพ่ายแล้ว?" สีหน้าผู้ฝึกตนชุดเปลี่ยนไปทันที
กู่ไห่หรี่ตาลง และหันหน้าไปมองอีกฝ่าย
"รู้จักข้าด้วยหรือ? เ้าเป็ใครกัน?" กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น ขณะที่มองผู้ฝึกตนชุดแดง
“ผางเทียนหลง จากแคว้นซ่ง!” ผู้ฝึกตนชุดแดงจ้องกู่ไห่เขม็ง
“ผางเทียนหลง? บุตรชายราชครูผาง? ได้ยินมาว่าพลังฝึกปรือของเ้า บรรลุระดับก่อ์ั้แ่เมื่อสิบปีก่อน เ้าเข้าร่วมสำนักซ่งเจี่ยแล้ว?” กู่ไห่เอ่ย พลางหรี่ตามอง
"คิดไม่ถึง ว่าชายชราแก่หงำเหงือกเช่นเ้า ก็สามารถกลายเป็ผู้ฝึกตนขั้นก่อ์ได้? เ้าเพิ่งบรรลุระดับก่อ์สินะ? อืม!... เ้าเข้าหออี้ผินได้อย่างไร?
ตอนที่ข้าจากมา เ้าเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้บัญชาการกองทัพเฉิน นี่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่เดือนเองมิใช่หรือ? เ้า… เ้า! หรือว่า..." สีหน้าผางเทียนหลงย่ำแย่ลงทันควัน
กู่ไห่ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด ยังคงดึงกระบี่ออกจากร่างอสรพิษสาว
ชิ้ง!
เมื่อกระบี่เล่มสุดท้ายถูกดึงออกจากร่าง นางก็ล้มลงกับพื้นพลัน ร่างที่เต็มไปด้วยโลหิต อ่อนปวกเปียก ดีที่ชายหนุ่มรับไว้ทัน
"แล้วแคว้นซ่งล่ะ? กู่ไห่ แคว้นซ่งเป็อย่างไรบ้าง?" ผางเทียนหลงโพล่งถาม พร้อมจ้องอีกฝ่าย
"ซ่งฉิงซู จัดการศิษย์เ้าเสีย ส่งเสียงดังหนวกหู!" กู่ไห่พูด น้ำเสียงเ็า ขณะมองซ่งฉิงซูที่อยู่ในฝูงชน
สีหน้าของซ่งฉิงซู นิ่งขึงไปทันที ขณะเดียวกัน ผางเทียนหลงและคนอื่นๆ ก็เห็นอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน
“อาจารย์ลุง?” ผางเทียนหลงโพล่งเรียก
ซ่งฉิงซูส่งสายตาให้ผางเทียนหลง ก่อนจะมองกู่ไห่อีกครั้ง พลางกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย "ท่านหัวหน้า แม้เขาจะเป็ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย แต่หาใช่ศิษย์ข้า ดังนั้น ข้าจึงไม่มีสิทธิ์สั่งการขอรับ!"
“หืม?” กู่ไห่หรี่ตามองอีกฝ่ายทันที
“อาจารย์ลุง เกิดสิ่งใดขึ้นกับแคว้นซ่งขอรับ?” ผางเทียนหลงถามอย่างเป็กังวล
“แคว้นซ่งถูกทำลายสิ้น บิดาเ้าถูกกู่ไห่บีบคั้น จนถึงแก่ความตาย!” ซ่งฉิงซูตอบ พร้อมมองไปทางกู่ไห่
"อะไรนะ?" ผางเทียนหลงจ้องกู่ไห่ ด้วยดวงตาเบิกโพลง
กู่ไห่ปรายตามองซ่งฉิงซู พร้อมยิ้มเยาะ
"กู่ไห่! เ้าสังหารบิดาข้าหรือ?" ผางเทียนหลงจ้องกู่ไห่อย่างเคียดแค้น กระบี่ในมือชี้ไปทางชายหนุ่ม คล้ายพร้อมจะพุ่งเข้าไปสับอีกฝ่ายให้เป็ชิ้นๆ
"ซ่งฉิงซู เ้าแน่ใจหรือว่าจัดการเขาไม่ได้?" กู่ไห่พูดอย่างใจเย็น พร้อมมองอีกฝ่ายเขม็ง
ซ่งฉิงซูนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า กล่าวว่า "ท่านหัวหน้า โปรดยกโทษให้ด้วย ตอนที่ข้าเข้าหออี้ผิน ก็นับว่าออกจากสำนักซ่งเจี่ยแล้ว จึงไม่มีอำนาจสั่งเขาได้
นอกจากนี้ แม้จะเป็ในอดีต ข้าก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการอยู่ดี เพราะเขาไม่ใช่ศิษย์ข้า เื่ผิดใจระหว่างเขากับท่านหัวหน้า ยิ่งไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว!"
“อืม!” กู่ไห่พยักหน้า
"กู่ไห่ เ้าบีบให้บิดาข้าต้องตายจริงหรือ? ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่าน โปรดช่วยข้ากำจัดคนผู้นี้ด้วย! ข้าจะสับมันเป็ชิ้นๆ” ผางเทียนหลง แผดเสียงก้อง
ท่ามกลางฝูงชน จู่ๆ ศิษย์ซ่งเจี่ยกลุ่มหนึ่งก็ก้าวมาข้างหน้า
"โอ้! เ้าขอให้พวกเขาช่วย หมายความว่าสำนักซ่งเจี่ย ้าเป็ปรปักษ์กับหออี้ผิน จนเป็ตายกันไปข้างหนึ่ง ใช่หรือไม่?" กู่ไห่ถามอย่างเยือกเย็น
ขณะพูด กู่ไห่กวาดตาดูศิษย์สำนักซ่งเจี่ย ที่กำลังปราดเข้ามาหาพร้อมรังสีสังหารเปี่ยมล้น ฉับพลันนั้น กลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ยก็แข็งค้าง พลางมุ่นคิ้ว มองไปทางซ่งฉิงซูทันที
"มองซ่งฉิงซูทำไม? เขาไม่มีอำนาจสั่งการ หากพวกเ้ากล้าก้าวเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว ก็หมายความว่า สำนักซ่งเจี่ย้าเป็ปรปักษ์กับหออี้ผิน พวกเ้าจะเข้ามาหรือไม่?" กู่ไห่จ้องพวกเขาเขม็ง
กลุ่มศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่ถูกจ้อง เริ่มกระสับกระส่าย แล้วก้าวถอยหลังอย่างไม่เต็มใจนัก
"เ้า… พวกเ้า!" ผางเทียนหลงชะงักงัน ทำอะไรไม่ถูก
ท้ายที่สุด เขาก็ไม่มีอำนาจพอ ที่จะขอให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องฉีกหน้าหออี้ผินเพื่อตนเอง
"หึ! กู่ไห่ เ้าเป็หัวหน้าสังกัดแห่งหออี้ผินแล้วอย่างไร? เ้าเพิ่งบรรลุระดับก่อ์ได้ไม่นานเท่านั้น ตายเสียเถอะ!" ผางเทียนหลงพุ่งกระบี่เข้าใส่หมายสังหารอีกฝ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้