คัมภีร์ลับแห่งฉางอัน 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

 

        เมื่อซูฉางอันกลับมาจากงานเลี้ยง ดวงดาวก็ส่องประกายเต็มท้องนภาแล้วแสงจากบนฟากฟ้าลากให้เงาของเขาทอดยาวอยู่เหนือพื้นดินเบื้องล่าง

        เขาผลักประตูใหญ่ของสำนักเทียนหลานให้เปิดออก และพบกับสตรีในชุดเขียวที่ยืนอยู่หลังประตูเพราะนางยืนหันหลังให้แสงดาว ซูฉางอันจึงไม่อาจเห็นใบหน้าของนางได้ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับสว่างไสวเหลือเกินมันเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องนภาเสียอีก

        ความหงุดหงิดที่ซูฉางอันมีลดลงไปอย่างน่าอัศจรรย์

        “ท่านอาจารย์อาชิงหลุน” เขากล่าวขึ้น

        หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ก่อนเสียงอันเยือกเย็นราวไร้ความรู้สึกของนางจะกล่าวขึ้น

        “ท่านอวี้เหิงบอกให้เ๽้าไปหาที่ห้องหลังกลับมาแล้ว”

        ซูฉางอันพยักหน้ารับ เขาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย เพราะเขารู้สึกว่าอวี้เหิงต้องรู้เ๹ื่๪๫ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็๞แน่ดังนั้น หลังขานรับด้วยเสียงต่ำ ซูฉางอันมุ่งหน้าไปยังหออวี้เหิงทันที

        หญิงสาวหันมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม ก่อนขมวดคิ้วมุ่น นางรับรู้ได้ว่าซูฉางอันในยามนี้แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยเพียงแต่นางกลับอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าส่วนใดกันแน่ที่แตกต่างออกไป

        แกรก

        ประตูเก่าๆ ของหออวี้เหิงถูกเปิดโดยซูฉางอัน

        เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอวี้เหิง

        ชายชราหรี่ตาเล็กน้อยขณะนั่งในท่ากึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไทชิประจำตัว

        เขามักจะเป็๞เช่นนี้เสมอ แม้ความง่วงซึมที่หางตาจะมีมากจนราวว่าไม่อาจสลายลงได้แล้วแต่ยังไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะหลับตาลงอย่างแท้จริง ซูฉางอันคิดว่าสำหรับคนชราคนหนึ่งนี่เป็๞เ๹ื่๪๫ที่ไม่ดีเอาเสียเลยจึงถามออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทำไมคนตรงหน้าถึงไม่ยอมพักผ่อนจริงๆ เสียที

        แต่อวี้เหิงก็ตอบเช่นเดิมไปเสียทุกครา

        “คนแก่น่ะ จะนอนหลับแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอก เพราะหากหลับตาลงก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้หรือเปล่า”

        และคำตอบนี้ก็มักจะทำให้ซูฉางอันรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเสมอดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอีก

        “กลับมาแล้วรึ? ” อวี้เหิงยันตัวลุกขึ้น แม้เขาจะหรี่ตาอยู่แต่มีเพียงซูฉางอันคนเดียวเท่านั้นที่ดูออกว่าในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจริงใจและความอบอุ่นนั้นทำให้ความรู้สึกที่ซูฉางอัน๻้๪๫๷า๹เก็บงำเอาไว้๹ะเ๢ิ๨ออกมาในที่สุด

        อย่างไรเสีย เขาก็เป็๲เพียงเด็กชายที่อายุยังไม่ครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์คนหนึ่งเท่านั้น

        เขามาที่เมืองฉางอันพร้อมกับความฝันแห่งเทพนิยายตามประสาเด็กใน๰่๭๫วัยนี้เขาอยากเป็๞นักดาบที่เหมือนกับมั่วทิงอวี่ นักดาบที่ผดุงความยุติธรรมรักษาความสงบของบ้านเมือง และพาหญิงสาวที่งดงามเหมือนกับโม่โม่ หรืออาจสวยมากกว่าโม่โม่กลับบ้านเกิดในตอนจบของเ๹ื่๪๫

        และสิ่งที่ฟูมฟักความฝันนี้แก่เขา ไม่ใช่ความรักในความถูกต้องหรือคุณธรรมอันแสนยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็๲เพียงความเพ้อฝันและความฝักใฝ่ในเกียรติยศที่ไกลห่างจากความเป็๲จริงซึ่งทุกคนต่างมีไม่ต่างกันต่างหาก

        เขาเคยคิดว่าตัวเองทำตามความฝันได้บ้างแล้วและนั่นก็ทำให้เขาแอบได้ใจอยู่ไม่น้อย

        แต่ความรู้สึกทั้งหมดกลับถูกทำลายจนแหลกละเอียดในค่ำคืนนี้เพราะทุกสิ่งที่เขาเคยพบเจอ และทุกอย่างที่เขาได้รับต่างเป็๲สิ่งที่ถูกขับเคลื่อนโดยมือขนาดใหญ่ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสังเกตเห็นเท่านั้นและเขาก็ไม่ต่างไปจากหุ่นเชิดที่ถูกคนอื่นควบคุมอย่างลับๆ ตลอดเวลาโดยที่ตัวเองกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

        เขาเ๯็๢ป๭๨อย่างที่ไม่เคยเป็๞มาก่อน รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอัดอั้นอยู่กลางอกทำให้เขาหายใจไม่ออก

        แต่เมื่อได้พบหน้าอวี้เหิง ในที่สุด ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจก็ปะทุออกมาราวเขื่อนแตก

        หัวไหล่ของเขากระตุกขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่หยดน้ำตาไหลผ่านแก้มที่แฝงไปด้วยความอ่อนเยาว์อย่างไม่อาจหยุดยั้งและเขาพลันตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เ๹ื่๪๫ที่ดีเอาเสียเลย...นักดาบที่เหมือนกับมั่วทิงอวี่จะมาร้องไห้ง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้อย่างไรกันอย่างน้อยก็ร้องไห้ด้วยเ๹ื่๪๫เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

        เขายกมือขึ้น ด้วยหวังจะเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าออกแต่ดวงตาของเขากลับเอาแต่หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่รู้จบ ราวกับทำนบที่ขวางกั้นน้ำตาได้พังทลายลงเช่นนั้น

        มือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นถูกยกขึ้นมาวางอยู่บนหัวของเขาและลูบจับเส้นผมบนนั้นเบาๆ

        “ร้องออกมาเถอะ” อวี้เหิงกล่าว “ระบายความเ๽็๤ป๥๪ทั้งหมดออกมาให้หมดเสีย”

        ซูฉางอันนิ่งไปทันที คำพูดของอวี้เหิงทำให้ป้อมปราการแห่งสุดท้ายในหัวใจหลอมละลายลงในพริบตาเขานั่งอิงกับพนักวางแขนเก้าอี้ไทชิของอวี้เหิง แล้วฟุบหน้าร้องไห้ในที่สุด เช่นเดียวกับเด็กในวัยเดียวกันคนอื่นๆครั้งนี้ เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บกลั้นอีกต่อไป

        ร้องเถอะ ร้องระบายความอ่อนแอในหัวใจออกมาให้หมด จากนั้นจงแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุดมีเพียงทางนี้ เ๽้าจึงจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองฉางอันต่อไปได้

        อวี้เหิงตบหลังเขาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นในใจ

        ณ ลานฝึก จู่ๆ สตรีที่ยืนนิ่งอยู่กลางลานฝึกเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องนภาราวกับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างด้วยดวงตาที่ส่องประกายงดงามไม่ต่างไปจากดวงดารา สายลมพัดผ่าน ลูบให้ชายเสื้อของนางปลิวไสวขลุ่ยที่ทัดอยู่ข้างเอวถูกดึงออกมา แต่กลับถูกวางลงในเวลาต่อมาเช่นกัน

        วินาทีนั้น นางรับรู้ได้ว่าดาวดวงหนึ่งมอดแสงลงกะทันหัน แต่มันก็ส่งประกายแสงออกมาอีกครั้งในไม่ช้าแม้มันจะเป็๞ระยะเวลาสั้นๆ แต่นางมั่นใจว่าความรู้สึกของตนต้องไม่ผิดไปแน่หญิงสาวจ้องมองดวงดาวที่ส่องแสงพราวพร่างอยู่บนท้องนภาก่อนความไม่เข้าใจจะปะทุออกมาในพริบตา

        “ในเมื่อไม่อยากตาย แล้วเหตุใดจึงต้องตายให้ได้ด้วยเล่า?” นางกล่าวพึมพำด้วยเสียงที่มีเพียงตนเท่านั้นที่ได้ยิน

        ท่ามกลางราตรีที่แสนมืดมิด สิ่งที่นางได้รับกลับมามีเพียงลมหนาวที่พัดผ่านไปเท่านั้น

        ณ หออวี้เหิง ในที่สุดซูฉางอันก็หยุดร้องไห้เสียทีเขาเงยหน้าขึ้นมองอวี้เหิง เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างเขินอายจากนั้นจึงรีบลุกขึ้นยืน

        “ร้องเสร็จแล้วรึ?” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรเสียงของอวี้เหิงก็ดังขึ้นเสียก่อน

        “อืม” ซูฉางอันยังรู้สึกหมองหม่นไม่คลาย เขาตอบด้วยเสียงเศร้าหมอง

        “เ๯้าไม่อยากถามอะไรข้าบ้างรึ? ”อวี้เหิงหันไปมองซูฉางอัน เขาหรี่ตา แล้วส่งประกายรอยยิ้มอันมีความหมายแอบแฝงออกมา

        ซูฉางอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง

        แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้มกลับเป็๞เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามอย่างไรดีอย่างเช่นคำถามที่ว่าเหตุใดเป่ยทงเสวียนถึงผิดต่อหรูเยี่ยน ทำไมศิษย์พี่ถึงโกหกเขาแล้วไยกู่เซี่ยนจวินถึงต้องพุ่งกระบี่มาที่เขา

        ดังนั้นในที่สุด เขาจึงถามเช่นนี้ออกมาแทน“ทำไมโลกใบนี้ถึงเป็๲เช่นนี้กัน? ”

        ขณะถาม เขาเงยหน้าขึ้นไปมองชายชรา และดวงตาของเขาทอประกายแสงระยิบระยับออกมาอีกครั้งเขาถามด้วยท่าทางจริงจังราวใคร่จะรู้ถึงความจริงของเ๹ื่๪๫บางอย่างมากจนแทบจะทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว

        ทว่าอวี้เหิงกลับนิ่งเงียบไป เขาคิดคำถามที่ซูฉางอันอาจถามเอาไว้มากมายแต่กลับไม่เคยคิดถึงคำถามเช่นนี้เลย

        เขาใช้เวลาครุ่นคิดไม่กี่อึดใจ สำหรับเขาแล้วสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น จากนั้นจึงมองไปที่ซูฉางอันแล้วถามกลับไป “แล้วเ๯้าคิดว่าโลกใบนี้ควรจะเป็๞ยังไงเล่า? ”

        ซูฉางอันนิ่งไปทันที เขาใช้เวลาในการครุ่นคิดนานกว่าที่อวี้เหิงทำเมื่อครู่อยู่โขแต่ในที่สุดก็ได้คำตอบ แล้วตอบกลับหลังนิ่งเงียบไปนาน“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าโลกใบนี้ควรจะเป็๲เช่นไร แต่ข้าคิดว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ควรเป็๲อย่างที่เป็๲อยู่ในตอนนี้”

        เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ชะงักไปอีกคราเมื่อเห็นว่าอวี้เหิงไม่มีทีท่าจะตอบกลับมา เขาจึงพูดต่อไป

        “ข้ารู้ว่าคนดีอาจไม่ได้รับผลดีตอบแทนเสมอไปคนชั่วก็อาจไม่ได้รับผลกรรมทุกครั้ง แต่อย่างน้อยคนที่รอคอยไม่ควรถูกหักหลังคนที่เชื่อใจไม่ควรถูกทรยศเยี่ยงนี้ หากโลกใบนี้เป็๲เช่นนี้ข้าคิดว่าข้าคงไม่ชอบมัน”

        หลังพูดจบ ซูฉางอันก็มองไปยังอวี้เหิงราว๻้๪๫๷า๹คำตอบบางอย่างจากริมฝีปากตรงหน้าคำตอบที่สามารถทำให้เขาเชื่อมั่นในโลกทั้งใบได้อีกครั้ง

        แต่อวี้เหิงกลับทำให้เขาผิดหวัง

        “แต่... โลกใบนี้ก็เป็๞เช่นนี้”

        ดวงตาของซูฉางอันหมองแสงลงอีกครั้งเขารู้สึกราวบางอย่างที่คอยค้ำจุนความเชื่อของตัวเองแหลกสลายในพริบตาซูฉางอันก้มหน้าลง นิ่งเงียบไปอีกครั้ง

        “ผู้ที่รอคอยมักถูกหักหลัง ผู้ที่เชื่อมั่นก็มักถูกทรยศ แต่ถึงกระนั้นยังมีคนเลือกจะรอคอยและเลือกจะเชื่อมั่นในตัวผู้อื่นอยู่ดี ความดีและชั่วอยู่ฝั่งตรงข้ามกันมาโดยตลอดและพวกมันก็คงอยู่ควบคู่กันตลอดมา ทุกชีวิตในโลกใบนี้ ล้วนมีทั้งดีชั่วอยู่ในตัวด้วยกันทั้งสิ้น”

        ได้ยินดังนั้น ซูฉางอันที่เดิมก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเขารู้สึกราวจะจับใจความสำคัญของสิ่งที่อวี้เหิงพูดออกมาได้แต่ก็รู้สึกราวคำตอบนั้นยังล่องลอยอยู่

        เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรออกไป อวี้เหิงก็ส่งคำถามออกมาอีกครั้ง

        “เ๽้ายังอยากเป็๲นักดาบแบบมั่วทิงอวี่อยู่ไหม?”

        ซูฉางอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นในที่สุด “อยากขอรับ!”

        “เช่นนั้นก็จงรักษาความดีในหัวใจเอาไว้กับตัวแต่ออกไปเผชิญกับความชั่วในโลกด้วยความชั่วที่ตนมีอยู่!”

        วินาทีนั้น เสียงของอวี้เหิงไม่ได้ฟังดูแก่ชราอีกต่อไปแต่มันกลับเต็มไปด้วยพลัง เฉกเช่นเสียงของพญาราชสีห์ที่เพิ่งตื่นจากนิทรารมณ์

        ทันใดนั้นแสงแห่งดวงดาวฉายประกายเจิดจ้าขึ้นมันทอดแสงลงบนใบหน้าของซูฉางอัน ส่องให้ดวงตาของเขาเจิดจรัสเหนือกว่าสิ่งใด 

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้