“เฟยเฟย”
“คุณหนูซู?”
“เฟยเฟย ตื่นได้แล้ว”
เย่เทียนเซี่ยบีบจมูกของซูเฟยเฟยแล้วลูบใบหน้าของเธอเบาๆ ั้แ่เขาออฟไลน์มาก็ปรากฏว่าคุณหนูซูกลับมานอนหลับอยู่บนโซฟาซะอย่างนั้น เมื่อมองอาหารมากมายหลากหลายเต็มโต๊ะเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยๆ เพราะถ้าเขาไม่ออฟไลน์เธอก็จะรอเขาออฟไลน์ออกมาก่อนถึงจะเริ่มกินข้าว ตอนนี้...........เห็นได้ชัดว่าเธอรอจนหลับไปแล้ว
ดวงตาของซูเฟยเฟยค่อยๆลืมขึ้นมา ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดลืมเต็มตาจากนั้นก็มองไปที่เย่เทียนเซี่ยอย่างงุนงง เธอกระพริบตาอย่างสงสัยจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง
“นี่! นาย..........นายไม่ได้ทำอะไรกับฉันใช่ไหม?” ซูเฟยเฟยมีสีหน้าใเล็กน้อย เธอรีบใช้มือของตัวเองตรวจสอบเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเร่งด่วน เย่เทียนเซี่ยหมดคำจะพูด จากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างอึกอัก “คุณหนูซู ถ้าฉันอยากจะทำอะไรเธอล่ะก็คงไม่รอให้ถึงวันนี้หรอก ดูเหมือนว่าถ้าฉันจะทำอะไรเธอตอนไหนเธอก็คงต่อต้านฉันไม่ได้หรอก”
ซูเฟยเฟยได้สติตื่นขึ้นมาจากความสับสนที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอายต่อปฏิกิริยาตอบสนองอันตื่นตระหนกที่ตัวเองเพิ่งจะแสดงออกมา เธอทำได้เพียงกำสองมือของตัวเองเอาไว้บนกระโปรงระหว่างขาทั้งสองข้างแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ “เหอะ........... หมาป่าที่ชอบลวนลามผู้หญิงในที่สาธารณะอย่างนายน่ะ ฉันจะต้องระวังนายแน่นอนอยู่แล้ว!”
“.................” เย่เทียนเซี่ย
ผู้หญิงที่จริงแล้วเป็สิ่งมีชีวิตที่แค้นฝั่งหุ่นสินะ คาดว่าที่เย่เทียนเซี่ยดันไปจับหน้าอกของเธอกลางถนนในตอนแรกที่พบกันคงทำให้เธอจดจำไปตลอดชีวิต จะว่าไปแล้ว.......... ตอนแรกเย่เทียนเซี่ยก็แค่ทำอะไรด้วยความเบื่อเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าการกระทำของเขาในครั้งนั้นจะนำมาซึ่งคุณหนูของครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียได้
“เอ๋? แปลกจัง ฉันหลับไปได้ยังไงเนี่ย” ซูเฟยเฟยใช้มือทั้งสองข้างกดลงไปบนกระโปรงเพื่อไม่ให้เย่เทียนเซี่ยเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นพร้อมกับพูดกับตัวเองอย่างสงสัย เธอจำได้ว่าตัวเองรอเย่เทียนเซี่ยออกมาจากเกม จากนั้นจะได้กินข้าวด้วยกัน.......จากนั้นก็รอจนเบื่อ ก็เลยกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งเพื่อจะทำอาหารเพิ่มอีกสักอย่าง............แล้วจากนั้นก็...........
เพราะตัวเองรอจนเบื่อก็เลยหลับไปโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นเหรอ?
ในความทรงจำของเธอเหมือนมีบาง่บางตอนที่ขาดหายไป เธอพยายามคิดอยู่สักพักแต่กลับไม่พบคำตอบ เธอบอกได้แค่ว่าตัวเองรอจนหลับไปโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น
สายตาของเย่เทียนเซี่ยกวาดมองเรียวขาทั้งคู่ของซูเฟยเฟยที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสีดำผ่านๆ ขาของซูเฟยเฟยนั้นถือว่าสมบูรณ์แบบจนทำให้คนต้องตกตะลึง มันกลมกลึงและเรียวยาว ความรู้สึกสวยงามสุดๆนี้ทำให้เย่เทียนเซี่ยอยากจะใช้มือของเขาััมันอีกสักครั้ง
ซูเฟยเฟยยื่นมือออกมาบิดี้เีจากนั้นก็บ่นออกมา “เอาล่ะ กินข้าวก่อนเถอะ............” เธอนั่งลงก่อนจากนั้นก็มองอาหารบนโต๊ะสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพูดออกไปอย่างเอาแต่ใจนิดหน่อย “ดูเหมือนจะลืมเอาตะเกียบมานะ.....เทียนเซี่ย ช่วยไปหยิบตะเกียบในห้องครัวมาหน่อยได้หรือเปล่า? ฉันเพิ่งจะตื่นนอนปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย........ ยืนไม่ไหวแล้วล่ะ”
เย่เทียนเซี่ยหมุนตัวกลับแล้วเดินตรงไปยังห้องครัว
“ว๊าย เป็เด็กดีจริงๆ เดี๋ยวตอนเย็นจะให้รางวัลแล้วกัน” ซูฟยเฟยพูดตามหลังเขาไปเบาๆ
“..............” เย่เทียนเซี่ย
ไม่ว่าก่อนที่ซูเฟยเฟยจะมาที่นี่หรือตอนที่เธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ห้องครัวก็เป็สถานที่ที่เขาก้าวเข้ามาน้อยที่สุด เมื่อเดินมาถึงห้องครัวเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างผุดขึ้นมา ครึ่งเดือนก่อนห้องที่ว่างเปล่านี้ยังมีฝุ่นจับหนาเตอะถึงสามฟุต แต่ห้องครัวในเวลานี้ทำให้เขาแทบจะคิดว่าตัวเองเดินเข้ามาผิดห้อง ไม่เพียงแต่มันจะสะอาดเอี่ยม แต่มันยังมีอุปกรณ์ทำครัวราคาแพงชนิดต่างๆวางอยู่ภายในเต็มไปหมด
เย่เทียนเซี่ยก้าวเข้าไปในห้องครัว เขาก้าวเขาไปได้เพียงสองก้าวจากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมา เขายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งงัน......... แล้วร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา
ซูเฟยเฟยที่มองเขาอยู่ตลอดเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เธอะโออกมา “นี่ เทียนเซี่ย ไม่ใช่ว่าแม้แต่ตะเกียบนายก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนหรอกนะ?”
เสียงของเธอเพิ่งจะจบลงแต่เธอกลับเห็นเย่เทียนเซี่ยพุ่งตัวออกมาจากห้องครัวราวกับคนบ้า จากนั้นเขาก็มาหยุดยืนนิ่งอยู่กลางห้องรับแขกแล้วหันไปหันมาไม่หยุด เขากวาดสายตาของตัวเองไปมา ดวงตาของเขาจ้องมองไปทุกตำแหน่งทุกซอกทุกมุมของบ้าน
“เทียน........เทียนเซี่ย นาย.......มีอะไรเหรอ..........”
ทันใดนั้นหัวใจของซูเฟยเฟยก็เต้นถี่รัวขึ้นมา...........เพราะตอนนี้การแสดงออกของใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยทำให้เธอใ ทำให้เธอหวาดกลัว มันเป็สีหน้าที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความตื่นตระหนก เสียใจ สับสน.........ปฏิกิริยาตอบสนองของเขารุนแรงมาก เมื่อเข้าไปใกล้ซูเฟยเฟยก็เห็นได้ชัดว่าดวงตา สองมือ และทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหว
ราวกับว่าเขาได้เห็นเื่อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมสติไม่อยู่
เขาไม่ได้ตอบคำถามของซูเฟยเฟยและทันใดนั้นเขาก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนราวกับคนบ้า ซูเฟยเฟยลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วจ้องมองตามแผ่นหลังของเขาไปโดยไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
ห้องที่ไม่เคยให้ใครเข้าไปห้องนั้นถูกเปิดออก เย่เทียนเซี่ยวิ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว หลังจากเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างสับสนเขาก็วิ่งออกมา........... เขารีบร้อนมากจนไม่ได้ปิดแม้กระทั่งประตูห้อง จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องของตัวเอง........เขารีบร้อนเหมือนกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้แม้แต่วินาทีเดียวอาจจะทำให้เขาเสียใจไปตลอดชีวิต ระหว่างที่เขากำลังวิ่งอยู่นั้นร่างของเขาก็สะดุดโน่นนี่ไปแล้วตั้งหลายครั้ง
เย่เทียนเซี่ยวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วก็วิ่งออกมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องของซูเฟยเฟยแล้ววิ่งออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องต่อๆไป ประตูถูกเปิดออกทีละบานๆแต่กลับไม่มีบานไหนเลยที่เขาสนใจจะปิดมัน เมื่อเขาออกมาจากห้องสุดท้ายสีหน้าแห่งความเสียใจที่เคยฉายอยู่บนใบหน้าของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนจนทำให้ซูเฟยเฟยแทบจะโศกเศร้าและเ็ปจนหัวใจสลาย แม้แต่ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็กลายเป็ดวงตาอันมืดมนจนเกือบจะไร้ชีวิตชีวา
“เทียนเซี่ย........ นายเป็อะไรไป? นายหาอะไรเหรอ?” ซูเฟยเฟยเดินมาถึงข้างกายของเขาแล้วถามออกไปเสียงเบา
เย่เทียนเซี่ยมองไปด้านหน้านิ่ง ร่างของเขายังคงสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วะโออกมาเสียงสั่นดังขึ้นไปบนท้องฟ้า “เซียนเอ๋อร์...... เซียนเอ๋อร์.......... เธอกลับมาแล้วใช่ไหม! ฉันรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว.........เธอตอบฉันสิ......เซียนเอ๋อร์.........”
ร่างของซูเฟยเฟยสั่นเล็กน้อย ดวงตาอันงดงามของเธอจ้องมองไปที่เขา.......... มองไปที่เย่เทียนเซี่ยที่สูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้วโดยสมบูรณ์
เซียนเอ๋อร์........ คือ “เธอ” คนนั้นที่เขารอคอยมาตลอดใช่ไหม?
“เซียนเอ๋อร์......... เลิกเล่นซ่อนแอบกับฉันได้แล้ว........ เธอรีบออกมาเร็วเข้า ฉันรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว....... ฉันบอกแล้วไง ถึงแม้ฉันจะััไม่ได้ ไม่มีดวงตา แต่ฉันก็ไม่มีวันจำเธอผิดแน่........ เซียนเอ๋อร์!!”
ไม่มีเสียงตอบเขากลับมา ไม่มีอะไรเลย
เขาวิ่งออกไปด้านหน้าพุ่งตรงไปที่ประตูบ้าน......... จากนั้นก็ชะงักค้างจ้องมองไปยังความว่างเปล่าด้านนอก ดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้ายังคงปลดปล่อยแสงสว่างอันร้อนระอุของมันออกมาไม่มีหยุดหย่อน แม้กระทั่งสายลมก็ยังแฝงไว้ด้วยไอร้อนที่ทำให้คนแทบหายใจไม่ออก
————
————
“ทายสิว่าฉันเป็ใคร? ถ้าทายผิดจะโดนลงโทษนะ”
“...........แน่นอนว่าต้องเป็เซียนเอ๋อร์ของฉันอยู่แล้ว”
“ว๊า......... ทายถูกอีกแล้ว”
“เพราะบ้านเรามีแค่พวกเราสองคนน่ะสิ นอกจากฉันก็มีแค่เซียนเอ๋อร์ของฉันนี่แหละ ถ้าแม้แต่เื่นี้ยังทายผิด ฉันคงเป็คนที่โง่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ”
“งั้นนาย.......... ก็จงใจทายผิดสักหน่อยสิ ให้คนอื่นเขาดีใจบ้างสักครั้ง เดี๋ยวฉันจะลงโทษนายเบาๆหน่อยแล้วกัน”
“เซียนเอ๋อร์เด็กโง่ ต่อให้ฉันััไม่ได้ ไม่มีดวงตา ฉันก็ไม่มีวันจำเธอผิดไปหรอก.......... เพราะตัวของเซียนเอ๋อร์มีกลิ่นที่มีแค่เซียนเอ๋อร์คนเดียวเท่านั้นที่มีไงล่ะ”
“ว๊าว งั้นนายบอกมาสิว่ามันเป็กลิ่นอะไร?”
“.............จะว่ายังไงดีล่ะ? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายกลิ่นนี้ยังไง เพราะกลิ่นแบบนี้ไม่ได้ใช้จมูกดมถึงจะรับรู้ได้หรอกนะ แต่ต้องใช้ใจดมถึงจะรับรู้ได้........ เพราะเซียนเอ๋อร์ของฉันเติมเต็มหัวใจทั้งดวงของฉันไงล่ะ แค่มีเธออยู่ใกล้ๆ หัวใจของฉันก็จะบอกฉันเอง.........”
————
————
ห้องนั้นถูกปิดไปแล้ว เย่เทียนเซี่ยเหมือนคนที่ทำิญญาหล่นหาย เขาลากสังขารอันหนักอึ้งค่อยๆเดินกลับมาทีละก้าวอย่างเชื่อช้า เมื่อเดินไปถึงห้องครัวเขาก็ััได้ถึงกลิ่นที่ยังวนเวียนอยู่ กลิ่นหอมที่เขาไม่มีวันเข้าใจผิดไปอย่างแน่นอน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง............
หลังจากอาการคลุ้มคลั่งก็คือการต่อสู้และความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ คนที่สามารถทำให้เขาอารมณ์ปั่วป่วนได้มากมายขนาดนี้ บนโลกใบนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาหนักๆแล้วเอนตัวลงไป ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเพดานด้วยสายตาไร้ิญญาราวกับิญญาของเขาถูกกระชากหลุดลอยไปจนพาเอาสติและลมหายใจของเขาปลิดปลิวไปด้วย
ซูเฟยเฟยกัดริมฝีปากเบาๆ เธอก้าวย่างลงบนพื้นเบาๆแล้วเดินเข้ามาหาเย่เทียนเซี่ยโดยไร้เสียง เธอกลัวว่าหากเสียงฝีเท้าของเธอดังเกินไปจะเป็การรบกวนเย่เทียนเซี่ยที่ถูกความหวังและความสิ้นหวังนำพาความทรงจำที่เ็ปมาให้
“เซียนเอ๋อร์............ คือคนที่นายรอมาตลอดใช่ไหม?” ซูเฟยเฟยนั่งลงข้างกายของเขาแล้วถามออกไปเบาๆ ปฏิกิริยาตอบกลับของเขาและสีหน้าที่เ็ปของเขาทำให้หัวใจของเธอเ็ป........... เป็เพราะเขา และก็เป็เพราะตัวเธอเอง
เย่เทียนเซี่ยยังคงมองขึ้นไปบนความว่างเปล่านิ่งงันโดยไม่ตอบอะไรกลับมา
“นายเล่าเื่ของเธอให้ฉันฟังได้หรือเปล่า?” ซูเฟยเฟยถามออกไปเสียงเบา
เขายังคงไม่ตอบ
ซูเฟยเฟยไม่ได้พูดอะไรอีก เธอขยับร่างกายแล้วซบลงบนไหล่ของเย่เทียนเซี่ยเบาๆก่อนจะหลับตาลงแล้วฟังเสียงหัวใจของเขาเงียบๆ
ปฏิกิริยาของเขาทำให้เธอรู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันลึกซึ้งฝังใจแค่ไหน........... เขาที่เป็แบบนี้ บางทีอาจจะมีความปรารถนาต่อผู้หญิงคนอื่น แต่คงไม่มีวันมีความรัก เพราะเขาทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดของเขาให้กับผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้ว และคงไม่มีวันแบ่งมันให้ใครอีก
เธอเป็ผู้หญิงแบบไหนกันนะ ผู้หญิงที่ทำให้เขากลายเป็แบบนี้เพราะเธอได้............ เธอจะสวยเหมือนภาพวาดหรือเปล่านะ จะมีกลิ่นอายเหมือนนางฟ้าหรือเปล่า จะอบอุ่นเหมือนสายน้ำไหม..........
เธอก็คงจะต้องรักเทียนเซี่ยมากแน่นอน.......... ไม่อย่างนั้นเธอจะเปลี่ยนให้เย่เทียนเซี่ยมีความรักลึกซึ้งฝังใจต่อเธอได้ยังไง
ถ้าหากรักเขามาก ทำไมต้องจากไป............ แล้วนำความเ็ปกดทับลงไปบนหัวใจของเขาตลอดมาด้วย
เธอน่าจะเป็คนที่ทำให้เขามีความสุข เป็คนๆนั้นที่นำความสุขมาให้เขา.......... ไม่ใช่หรอกเหรอ?
ด้วยนิสัยของเย่เทียนเซี่ย............ แม้ว่าเธอจะเดินไปจนสุดขอบโลก เพียงแค่เขารักเธอ เขาก็ยินดีที่จะเร่ร่อนไปกับเธอโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ้ามันยากลำบากนัก เขาก็จะเผชิญหน้ากับมันด้วยร้อยยิ้มไปพร้อมๆกับเธอ......... แล้วทำไมถึงจากไป..........
“เทียนเซี่ย พวกเรากินข้าวกันก่อนดีไหม?” ซูเฟยเฟยลูบร่างของเขาไปมา ดวงตาทั้งสองของเขาเหม่อลอยไปอีกครั้งั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยในเวลานี้ทำให้หัวใจของเธอแทบจะแตกสลาย ซูเฟยเฟยที่ไม่เคยเห็นเขาแสดงออกมาแบบนี้ก็รู้ได้ในทันที เดิมทีเมื่อคนๆนึงห่วงใยคนอีกคนมากเกินไป ความทุกข์ใจของเขาก็จะนำสิ่งเดียวกันนั้นมาสู่เธอเช่นกัน และยังมากมายหลายเท่าด้วย
“ฉัน............ไม่หิว”เย่เทียนเซี่ยหลับตาลงแล้วพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
ซูเฟยเฟยเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเขาอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเธอก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะยืนขึ้นแล้วหมุนตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง แล้วประตูห้องก็ถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ