ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะในตอนนี้เต็มไปด้วยความปั่นป่วนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์ ทุกยอดเขาสั่นะเื ทุกๆ สถานที่ฝึกตนเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ทุกซอกมุมเต็มไปด้วยเสียงของการต่อสู้ และกลิ่นอายของการทรยศ
ความโกลาหลที่ปะทุขึ้นพร้อมกันอย่างไร้สัญญาณเตือน มันท่วมท้นราวกับคลื่นั์ซัดเข้ามาที่ชายฝั่งในยามฟ้าเปิด ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็มิตรหรือศัตรู
มู่หนานซือที่เมื่อกี้เหมือนนางจะขาดสติไปแล้วแต่นางก็สามารถดึงสติกลับมาได้ทันทีจากการเห็นหานิที่เข้ามาช่วยเหลือจี้อี้เหรินเอาไว้ ออร่าบนตัวของหานิที่ปล่อยออกมาเมื่อครู่นี้มันทำให้นางขนลุกไปทั่วทั้งตัว
ก่อนที่นางจะได้รวบสติอีกครั้งและคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในใจของนางตอนนี้... จะเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง
แต่นางก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะนางรู้ดีอยู่แล้ว... ว่าตระกูลอู๋จะทำการโจมตี
จากสายลับที่ซ่อนอยู่ในตระกูลอู๋ รวมถึงการทำนายของหยุนเจินอิงในการสละอายุขัยด้วย มันเป็ไปตามสิ่งที่หยุนเจินอิงบอกทุกอย่าง ว่าตระกูลอู๋และพันธมิตรของพวกมันจะเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มรูปแบบในเวลาอันใกล้นี้
สิ่งที่พวกมัน้า... ไม่ใช่ชัยชนะในศึกครั้งนี้ แต่พวกมัน้าบีบให้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะปลุก บรรพบุรุษสูงสุดทั้งห้า ออกมา
บรรพบุรุษสูงสุดทั้งห้าคน... ล้วนเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเกินขอบเขตของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แม้จะไม่ถึงขั้นซุยจื่อเมิ่ง แต่ก็เป็พลังที่โลกใบนี้ไม่อาจรับไหวได้
ทันทีที่พวกเขาใช้พลัง โลกนี้จะผลักไสพวกเขาออกไปทันที และหากบรรพบุรุษสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะหายไปแม้แต่เพียงคนเดียว...
ตามคำทำนายของหยุนเจินอิง ตระกูลอู๋จะทุ่มเททุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มี เข้ามาโจมตี โดยที่พวกมันจะไม่สนใจผลที่ตามมา พวกมันไม่สนแม้แต่ว่าตัวเองจะตายไปพร้อมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ
เพราะผลลัพธ์สุดท้าย... ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะจะ ล่มสลาย
ด้วยเหตุนี้... ความหวังที่จะส่งบรรพบุรุษออกไปขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก จึงกลายเป็แค่ความฝันต่อไป
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มู่หนานซือปวดหัวที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้นางแปลกใจ... คือการที่ คนในนิกายเริ่มฆ่ากันเอง และมันทำให้นางนึกถึงความเป็ไปได้ที่เลวร้ายบางอย่างขึ้นมา นั้นก็คือ อีกฝั่งก็มีคนที่เชี่ยวชาญวิชาความลับแห่ง์คล้ายๆ กับหยุนเจินอิง
การก่อฏของยอดเขาไผ่์ การปะทะกันของศิษย์สายใน สายนอก การแตกแยกของเหล่าผู้าุโ ทั้งหมดนี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่หยุนเจินอิงจะไม่เห็นถ้าไม่มี มือที่สาม คอยชักใยอยู่ และนางก็พอจะเดาได้ว่ามันน่าจะเป็ 1 ในหญิงสาวทั้ง 7 คนที่เป็ลูกบุญธรรมของซุยจื่อเมิ่ง
เมื่อวาน... นางได้ทำการคำนวณอดีตของม่อหยานเซินด้วยความสามารถพิเศษของนาง แต่สิ่งที่นางเห็นกลับเป็ความทรงจำปลอมๆ เหมือนภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต
นางใช้เวลาอยู่นานก่อนจะได้ค้นพบสมบัติบางชิ้นหนึ่งที่แอบซ่อนอดีตของม่อหยานเซินไว้... และมันไม่ใช่ของจากโลกนี้ แต่มันมาจากโลกเบื้องบน แต่ในท้ายที่สุดมันก็ไม่สามารถหยุดนางจากการสืบหาความจริงได้อยู่ดี
จนนางได้พบว่าม่อหยานเซินดูเหมือนจะมีจิติญญา 2 ดวงใน 1 ร่างกาย โดยมีิญญาดั้งเดิมของเขารวมถึงิญญาของคนที่นางไม่รู้จักแต่นางเคยเห็นหน้ามาก่อน มันคือผู้ติดตามของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะในโลกิญญาไร้ขอบเขตที่แท้จริง และนางก็ได้รู้ความจริงหลายอย่าง
พวกมันไม่ได้้าฆ่านางแต่แค่้าให้นางหลุดออกจากตำแหน่งผู้ท้าชิงตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะในโลกิญญาไร้ขอบเขตที่แท้จริง โดยพวกมันจะขังนางไว้ที่โลกเบื้องล่างแห่งนี้ 3 ปี เพื่อให้นางไม่สามารถไปทำการทดสอบชิงตำแหน่งได้
หลังจากนั้นนางก็หันมาสืบค้นอดีตของจี้อี้เหริน... แม้ว่าเต๋า์จะขัดขวางเอาไว้ แต่นางก็ฝืนตัวเองจนรู้ความจริงทั้งหมด แม้มันจะทำให้เต๋า์รังเกียจนางอย่างรุนแรง แต่... นางไม่สน
มู่หนานซือหมุนตัวกลับมารวบรวมสติอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปมองเหล่าผู้าุโ ปรมาจารย์ และบรรพบุรุษผู้เฒ่าทั้งหมดในห้องประชุม
น้ำเสียงของนางดังก้องอย่างหนักแน่น ดั่งประกาศิตจาก์
“ปรมาจารย์แห่งยอดเขาทั้ง 9 คน ผู้าุโหลัก ผู้าุโผู้พิทักษ์ และบรรพบุรุษทั้งหลาย… ออกไปถ่วงเวลาให้ข้าสัก 10 นาที”
นางเว้น่ ก่อนจะหันไปหาชายชราผู้หนึ่ง
“ยกเว้นท่านไป๋หลี... ท่านจะเป็คนดูแลความสงบ และกำจัดฏภายในนิกายให้หมด”
คำสั่งนั้น... ไม่มีที่ว่างให้ลังเล
ทันใดนั้น แสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ปะทุขึ้นกลางห้อง พร้อมกับการหายตัวไปของผู้นำระดับสูงทุกคนในทันทีโดยไม่มีใครเอ่ยปากถามคำถามใดๆ
ภายในห้องประชุมที่ยิ่งใหญ่ เวลานี้เหลือเพียงสามคน...เท่านั้น นั้นคือ มู่หนานซือ จี้อี้เหริน และเย่หลิน...ผู้ที่กำลังปลดปล่อยพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสูงสุดออกมาจากร่างราวกับสัตว์อสูรคลั่ง และศพของม่อหยานเซิน
พื้นดินของยอดเขาสูงกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะในตอนนี้สั่นไหวราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นะเื เมฆหมอกเหนือฟ้าถูกแรงกดดันมหาศาลจากพลังิญญากดทับจนบิดเบี้ยว เสียงปะทะของการต่อสู้จากทั่วทุกทิศดังก้องเข้ามาถึงใจกลางห้องประชุมหลัก
มู่หนานซือยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าเย่หลินและจี้อี้เหริน ใบหน้าของนางยังคงงดงามไร้ที่ติ แต่แววตาสีฟ้าคู่นั้นกลับเ็ามากขึ้นเรื่อยๆ
นางยิ้มออกมาพลางเอ่ยคำพูดที่เยาะเย้ยจนเหมือนมีเข็มนับพันทิ่มแทงใส่จิตใจของคนฟัง
“เ้า้าอะไรล่ะ... ไอ้เด็กเหลือขอลูกรักจาก์ ที่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ด้วยตัวเองสักอย่าง”
เย่หลินกัดฟันแน่น ความโกรธมากมายอัดแน่นขึ้นมาเต็มหัวใจของเขา
“ปล่อยอาจารย์ของข้าไปซะ!!”
มู่หนานซือหัวเราะเบาๆ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ปล่อย? ข้าก็ไม่ได้กักขังนางไว้เสียหน่อยนี่นา... เ้าโง่รึไง?!!”
แต่ยังไม่ทันที่เย่หลินจะได้โต้ตอบอะไร เสียงแจ้งเตือนแปลกประหลาดก็ดังขึ้นมาในจิตของเขาอย่างรวดเร็ว
“หลบเดี๋ยวนี้!!”
เย่หลินเบี่ยงตัวหลบทันทีตามสัญชาตญาณ แต่แขนของเขาก็ถูกบางอย่างตัดขาดออกอยู่ดีจากอะไรก็ไม่รู้ ทันใดนั้น... อากาศตรงหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนกลายสภาพเป็น้ำที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ก่อนจะควบแน่นรวมตัวกลายเป็ดาบใสนับหมื่นเล่มพุ่งเข้ามาฟันใส่เย่หลินอย่างรวดเร็ว
เย่หลินที่อยู่ไม่ไกลตวัดมือสร้างม่านพลังป้องกันขึ้นทันควัน แต่ดาบจากน้ำนั้นกลับกลายเป็ของเหลวอีกครั้ง แทรกซึมผ่านม่านพลังได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะพุ่งเข้าแล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็หนามแหลมพุ่งเป้าตรงมายังหัวของเย่หลิน
แววตาเย่หลินเบิกกว้าง เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถรับการโจมตีแบบนี้ได้เลย และเขาก็ไม่คุ้นชินกับพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วย
แต่ในวินาทีนั้นเอง
ฉิง!
คลื่นดาบเสี้ยวแสงสีเงินฟันตัดกลางอากาศ หนามจากน้ำเ่าั้สลายกลายเป็ละอองทันที ก่อนที่ร่างของใครบางคนจะพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า
หญิงสาวผมดำยาวสลวย สวมชุดสีดำสนิทแนบเรือนร่างเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามชวนลุ่มหลง หน้าอกใหญ่โตสะดุดตา และในมือของนางถือดาบคู่ที่ปล่อยออร่าความตายออกมา
เื้ัของนาง... หญิงสาวอีกหกคนก้าวออกมาจากความว่างเปล่าตามกันมาอย่างเงียบเชียบ แต่ละคนล้วนมีรูปลักษณ์ที่งดงามไร้ที่ติและเปี่ยมไปด้วยออร่าที่แผ่ทรงพลัง
มู่หนานซือที่มองเห็นทั้ง 7 คนเดินออกมาจากความว่างเปล่าก่อนจะสบถบางอย่างออกมาในใจ
“ซวยละ…นี้ไม่มีในคำทำนาย”
มู่หนานซือตั้งสติก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย พร้อมยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยก่อนจะคิดหาคำพูดในการถ่วงเวลา
“ว้าว... สมกับที่เป็พี่สาวคนโตของนางฟ้าทั้ง 7 คน ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ”
หญิงสาวดาบคู่ยิ้มรับคำชมทันที
“ขอบคุณ คุณหนูมู่สำหรับคำชม... แต่ของคุณมู่ก็ใหญ่ใช่ย่อยเลยนะ ข้าละอิจฉาสามีในอนาคตของท่านจริงๆ”
แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดหยอกกันไปมากกว่านี้ หญิงสาวผมขาวที่เป็หนึ่งในนางฟ้าทั้ง 7 คนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา
“ใช่เวลาไหมเนี่ย!? ... เอาเถอะ เ้าน่ะ... ถูกล้อมไว้หมดแล้ว จงยอมจำนนซะเถอะนะ.. เพื่อไม่ให้ข้าเหนื่อยเกินไป”
มู่หนานซือยืนนิ่ง และยังคงยิ้มอย่างเ็าตามสไตล์ของนาง แววตาไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
หญิงสาวทั้งเจ็ดที่อยู่ตรงหน้านางคือลูกบุญธรรมของซุยจื่อเมิ่ง อัจฉริยะระดับสุดยอดแห่งโลกิญญาไร้ขอบเขตที่แท้จริง พวกนางเป็ที่กล่าวขานทั้งในด้านความสามารถและความงาม ไม่ต่างจากนางฟ้าะที่ลงมาเหยียบพื้นดิน
มู่หนานซือกล่าวด้วยเสียงเบาๆ แต่เต็มไปด้วยการหยอกล้อ
“พวกท่านทั้งเจ็ดคน... ช่างงดงามจนข้าแทบละสายตาไม่ได้เลย ทำไมพวกท่านไม่เลือกแต่งงานกับข้าแทนที่จะปล่อยให้ตัวเองตกไปเป็ของไอ้คนไร้ค่าอย่างอู๋จ้าวกันล่ะ?”
หญิงสาวที่มีดวงตาเป็รูปหัวใจสีชมพูที่เป็หนึ่งในหญิงสาวทั้ง 7 เดินออกมาอย่างมั่นใจ ริมฝีปากของนางยิ้มออกมาแบบที่ไม่รู้ว่าล้อเล่นหรือจริงจัง
“ช่างน่าเสียดาย... ข้าไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน แต่ถ้าได้คุณหนูผู้สูงศักดิ์และเป็ลูกหลานของเทพพระเ้ามาเป็ของเล่น ข้าก็คิดว่ามันคงจะ สนุก น่าดูเลยล่ะ”
นางเลียริมฝีปากเบาๆ ทันใดนั้นเอง มู่หนานซือที่กำลังจะทำอะไรบางอย่างก็ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย
หญิงสาวที่มีดวงตาเป็รูปหัวใจสีชมพูปรากฏขึ้นจากด้านหลังของมู่หนานซืออย่างเงียบเชียบ ใบหน้าอันงดงามของนางประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น พร้อมดวงตาของนางที่เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ฉายแววเหมือนสัตว์นักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่ออยู่
ร่างของมู่หนานซือในขณะนั้นกลับไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว ราวกับถูกบางสิ่งตรึงกายไว้กับอากาศ นางรู้ได้ทันทีว่ามันคือพลังของหญิงสาวตรงหน้านางนี้อย่างแน่นอน
มือทั้งสองข้างของหญิงสาวที่มีดวงตารูปหัวใจค่อยๆ เอื้อมไปัักับเรือนร่างของมู่หนานซือ... จับกุมเข้าที่ส่วนโค้งเว้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างชำนาญ
นิ้วเรียวยาวของนางขยับไปมาเบาๆ อย่างจงใจ ขยี้ผิวอันนุ่มนวลของมู่หนานซือในจังหวะเชื่องช้าแต่แแ่ พร้อมปล่อยลมหายใจอุ่นๆ แนบข้างหูมู่หนานซือ
“อ๊า~…”
เสียงเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของมู่หนานซือ ที่ใบหน้าของนางเริ่มแดงขึ้นมา
ความหนาวเย็นจากการถูกควบคุมปะทะกับความร้อนรุ่มจากการถูกััที่แปลกประหลาด มันบีบอัดอารมณ์ของ มู่หนานซือไว้ราวกับกำลังถูกเผาในเปลวเพลิงน้ำแข็ง
หญิงสาวที่มีดวงตารูปหัวใจสีชมพูกระซิบเสียงเบาๆ ข้างหูมู่หนานซือ ปลายลิ้นของนางแทบจะแตะถึงหูของมู่หนานซือ
“ช่างเป็ร่างกายที่สมบูรณ์แบบจริงๆ … ทั้งๆ ที่กล้ามเนื้อแข็งแรงขนาดนี้... แต่ก็นุ่มนวลเหลือเกิน”
หญิงสาวที่มีดวงตาเป็รูปหัวใจสีชมพูค่อยลูบไปมาบนร่างของมู่หนานซืออย่างลุ่มหลง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายอย่างแปลกประหลาดเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความงดงามของมู่หนานซือทำให้นางไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป
แรงกดดันจากััและคำพูดของหญิงสาวที่มีดวงตาเป็รูปหัวใจสีชมพูที่ปั่นป่วนจิตใจของมู่หนานซือเรื่อยๆ แต่ทันใดนั้น
ตูม!!
พลังิญญาสีฟ้ากระแทกะเิออกจากร่างของมู่หนานซือ พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับจะฉีกฟ้าแหวกโลกนี้ออกไป พื้นห้องสั่นะเืจนแทบจะพังทลายลง
แรงกดดันที่ะเิออกมานั้นรุนแรงถึงขนาดที่คนทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีการบ่มเพาะไม่สูงพอต้องทรุดเข่าลงแทบจะพร้อมกัน
สายตาของมู่หนานซือยังคงเ็า แม้ว่าตอนนี้ร่างของนางจะค่อนข้างร้อนรุ่มและหน้าแดงมากก็ตาม
แสงสีน้ำเงินเข้มแฝงด้วยประกายสีม่วงแผ่กระจายออกจากร่างของมู่หนานซือ ทุกสิ่งรอบข้างเริ่มสั่นะเืด้วยแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป ผู้ที่ล่วงเกินนาง... จะต้องชดใช้!
ออร่าของมู่หนานซือะเิออกมาอย่างรุนแรงจนพื้นห้องสั่นะเื เย่หลินรู้ทันทีว่าเขาไม่อาจทนรับแรงกดดันนี้ได้อีกต่อไป
เขากัดฟันรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย พุ่งเข้าไปคว้าอาจารย์ของเขา แล้วเขาเหมือนจะถูกพลังบางอย่างวาร์ปหายไปในทันที
มู่หนานซือไม่ได้ขยับตัวเพื่อหยุดเย่หลิน ไม่ใช่เพราะ้าปล่อยให้มันหนีไปได้... แต่เพราะตอนนี้นางเองก็ต้องรับมือกับหญิงสาวที่มีดวงตารูปดวงใจ... ที่กำลังกอดนางไว้แน่นก่อนจะค่อยๆ เลียหูนางอย่างช้าๆ พร้อมมือที่ค่อยๆ ขยี้ทุกส่วนโค้งเว้าของมู่หนานซืออย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของหญิงสาวคนนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
แต่ทันใดนั้นเองออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ 5 คนก็ปะทุขึ้นจากส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ