น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบ ทั้งหยิ่งทะนง ทั้งมั่นใจ ดวงตาหงส์ที่หรี่ลงเผยให้เห็นประกายความสุข ราวกับแมวที่กำลังเล่นกับเหยื่อตัวสวย คล้ายจะเข้าใจว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธได้ ทว่าเว่ยเจียก็รู้ดีว่าเขาทำได้เพียงยอมจำนน เขาจึงกัดฟันตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว!
เขาเชิดหน้าขึ้น ถอดเสื้อผ้าด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม แต่เพื่อปกปิดความตื่นตระหนก เขาจึงจ้องมองลายพรมที่สลับซับซ้อนไม่วางตา พร้อมกับยกมือขึ้นรูดซิปเสื้อนอกลงด้วยมือที่สั่นเทา
เสื้อผ้าลดน้อยลง แต่เขากลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เพราะดวงตาหงส์ที่น่าหลงใหลกำลังกวาดมองไปตามผิวของเขา สายตาที่กวาดมองผ่านไปเหมือนมีไฟลุกลาม เมื่อเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดสุดท้ายออก นิ้วมือสั่นเทาจนขยับไม่ได้ ไม่ว่าจะควบคุมลมหายใจอย่างไรก็ไม่เป็ผล
'เว่ยเจีย ไม่เป็ไรหรอก นายรู้เื่นี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อย อย่างน้อยอัลฟ่าคนนี้ก็หน้าตาดี นายก็ไม่ขาดทุนหรอก สู้ๆ นะ...'
เขาให้กำลังใจตัวเองในใจ ในขณะที่เขากำลังปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกด้วยมือที่สั่นเทา ไม่รู้ว่าเป็เพราะท่าทางเหมือนลูกไก่ในกำมือที่ขี้ขลาดของเขาทำให้เ้านายตรงหน้ารู้สึกขบขัน หรือเป็เพราะเหตุผลอื่นใด ชายหนุ่มก็พลันหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่สุขสมอย่างถึงที่สุดนี้ดึงเว่ยเจียกลับสู่ความเป็จริงในทันที
เขาตั้งสติ เงยหน้าขึ้นมองอย่างเงียบๆ เห็นเ้านายรูปงามก้มหน้ามองเป้ากางเกงที่ตุงขึ้นมาของเขา ทั้งยังแสดงสีหน้าดีใจจนออกนอกหน้า ไม่เหลือคราบความสูงศักดิ์สง่างามเมื่อครู่ ทว่าดูหื่นกระหายจนเว่ยเจียถึงกับตะลึง
'หมอนี่เป็อะไรกันแน่?'
เขามองสีหน้าที่ยากจะระงับความตื่นเต้นของเ้านายอย่างงงงวย พลันสายตาเหลือบไปเห็นอาหารทะเลเต็มโต๊ะกับเหล้ายาดองขวดนั้น ก็เข้าใจทุกอย่าง!
'บ้าน่า หรือว่าหมอนี่จะเสื่อมสมรรถภาพ! แย่จริงๆ แล้วยังจะเป็โรคจิตเพราะเสื่อมสมรรถภาพอีก ร่วมธุรกิจด้วยไม่ได้หรอกแบบนี้!'
เว่ยเจียคิดอย่างใ กำลังจะวิ่งหนีออกไป ทว่าในสมองกลับพลันผุดคำพูดของเลขานุการเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
"ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ท่านประธานเจี่ยนก็จะให้เงินท่านก้อนหนึ่ง ยังไงก็ขอให้คุณเก็บเื่นี้เป็ความลับด้วยนะครับ"
ดังนั้น นี่ก็ถือเป็ค่าปิดปากงั้นเหรอ...? เมื่อคิดได้ดังนั้น เว่ยเจียก็เริ่มใจเย็นลง
ดูท่าทางแล้ว อัลฟ่ารูปงามคนนี้มีชื่อเสียงพอสมควร คงไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็ไส้เดือน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมถึงมาลงเอยที่เขา แต่หากเขาปฏิเสธ คงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้ว! ด้วยสภาพร่างกายที่ยืนนานๆ ไม่ได้ของเขาในตอนนี้ ต่อให้ทำงานสองกะก็คงหาเงินได้ไม่มากเท่านี้ ถ้าจะต้องขายตัวจริงๆ ก็คงหาคนที่สภาพดีกว่าคนนี้ไม่ได้แล้ว... เว่ยเจียรวบรวมความคิดทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ความตื่นตระหนกที่บอกไม่ถูกเมื่อครู่มีพื้นที่ให้กักเก็บไว้ชั่วคราว
เฮอะ น่าเบื่อหน่ายสิ้นดี...!
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ธรรมดาจนเขาหาคำมาอธิบายไม่ได้คนนี้ เจี่ยนซีเมิ่งก็อดแสดงความผิดหวังออกมาไม่ได้ เด็กนี่ั้แ่หัวจรดเท้า ไม่มีอะไรที่ตรงกับรสนิยมของเขาเลยสักอย่าง ใบหน้าซีดเซียว เครื่องหน้าอย่างมากก็แค่พอดูได้ ริมฝีปากบางจนดูเ็า นอกจากความธรรมดา ก็มีแต่ความธรรมดา! ทว่าท่ายืนกลับสง่าผ่าเผย รูปร่างก็ดี หรือเป็เพราะเต้นรำกันนะ? แววตาที่แสนจะธรรมดากลับเจือความเ็าที่ไม่สอดคล้องกันอยู่เล็กน้อย ยังพอมีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง...
เจี่ยนซีเมิ่งเคี้ยวเชอร์รีอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าเด็กนี่ดูยังไงก็เหมือนลูกไก่ที่ไร้ประสบการณ์ คงไม่ประสีประสาอะไร คิดได้ดังนั้น เขาจึงแกล้งให้อีกฝ่ายถอดเสื้อผ้า
เขาตั้งใจจะเล่นตลก แต่พอเห็นท่าทางที่ทั้งขุ่นเคืองทั้งจำใจต้องยอมทำตามแล้วก็รู้สึกขำ
เขาเองก็ยอมรับว่าตนเองเลวมาก ความกดดันและความหงุดหงิดใน่นี้ ทำให้เขาหาเื่ระบายอารมณ์ใส่เด็กหนุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องคนนี้ ทว่าเขาคาดไม่ถึงว่าเมื่อเด็กนี่ถอดเสื้อผ้าออก แววตาที่เ็ากลับเจือสีแดงเรื่อเพราะความอับอาย กลับดูเซ็กซี่ขึ้นมาเล็กน้อย... เมื่อกระดุมเสื้อถูกปลดออก แนวไหปลาร้าที่เหมือนเนินเขาลาดชันก็ถูกแต้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ ของความเขินอาย ถึงแม้จะประหม่า แต่ท่ายืนของเว่ยเจียก็ยังคงตรงแน่ว
เจี่ยนซีเมิ่งจ้องมองปลายนิ้วสีขาวคู่นั้นไม่วางตา จ้องมองร่างกายที่ยืดหยุ่นภายใต้เนื้อผ้าที่ค่อยๆ เผยออกมาอย่างหลงใหล เขาที่ผ่านโลกมามากกลับอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงรสััของผิวที่อ่อนเยาว์และอบอุ่นตรงหน้า เขาไม่ได้ควบคุมฟีโรโมนของตน หากเป็โอเมก้าทั่วไปคงหลงใหลจนขาดสติไปแล้ว เด็กนี่กลับยังยืนตรงได้เหมือนเสาธง คงจะเป็เบต้าสินะ
'น่าเสียดายจริงๆ อยากรู้เหมือนกันว่าฟีโรโมนของเด็กนี่จะมีกลิ่นอะไร...'
เจี่ยนซีเมิ่งคิดในใจอย่างเลื่อนลอย เมื่อเห็นสะดือรูปทรงสวยราวกับดวงดาวที่ยั่วยวนดึงดูดสายตาของเขาไว้ เขาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัวเหมือนเด็กที่เพิ่งดูหนังโป๊เป็ครั้งแรก พร้อมหัวใจที่เต้นโครมครามขึ้นมาในทันที
เด็กหนุ่มเบต้ากำลังจะปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกอยู่รอมร่อ ทว่ากลับหยุดมือลงอย่างกะทันหัน
เจี่ยนซีเมิ่งที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจึงอดเปล่งเสียง "เชอะ" ออกมาไม่ได้
"ฉันไม่ได้สั่งให้นายหยุด"
ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่ขยับเขยื้อน เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แววตาก็เปลี่ยนจากความสับสนและประหม่าในตอนแรก กลายเป็ลุ่มลึกและแน่วแน่
เจี่ยนซีเมิ่งยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนี่ เห็นเพียงอีกฝ่ายคลายนิ้วมือลง เสื้อเชิ้ตแหวกออก แล้วเดินเข้ามาหาเขา จากนั้นก็หยุดลงตรงหน้าเขาห่างออกไปสองก้าว
"ท่านประธานเจี่ยน ผมแสดงความจริงใจของผมแล้ว แล้วความจริงใจของท่านล่ะครับ" เสียงทุ้มนุ่มของเด็กหนุ่มดังออกมาจากริมฝีปากบาง ราวกับน้ำแข็งเยือกเย็นไหลออกมาปะทะกัน
เจี่ยนซีเมิ่งมองสีหน้าแจ่มใสและสงบของเด็กหนุ่ม พลันชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายกำลังต่อรองกับเขา
แต่ไหนแต่ไรมา มีแต่เขาที่เป็ฝ่าย้า ทว่าเด็กเบต้าธรรมดาๆ คนนี้กล้าต่อรองกับเขาด้วย!
ถึงแม้จะถูกอีกฝ่ายล้ำเส้น แต่ท่านประธานที่เคยชินกับการบงการกลับไม่รู้สึกโกรธเคือง อาจเป็เพราะสีหน้าของเด็กนี่ที่นิ่งสงบเกินไป ประกอบกับสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ยิ่งส่งดูเซ็กซี่อย่างประหลาด
เจี่ยนซีเมิ่งมองของหวานจานเล็กที่มีรสชาติเฉพาะตัวนี้ ่ล่างของเขาก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงแสยะยิ้ม ยกคิ้วขึ้น แสดงสีหน้าเ็าที่ใช้ในการเจรจาต่อรองในแวดวงธุรกิจเป็ประจำ "ฉันไม่คิดว่านายมีสิทธิ์ที่จะยื่นข้อเสนอ เด็กน้อย"
เจี่ยนซีเมิ่งคิดว่าเด็กนี่แค่ขู่ไปอย่างนั้นแหละ พอถูกขู่กลับไปสักหน่อยคงจะอ่อนข้อลงแล้ว... แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว วางมือลงเท้าโต๊ะข้างตัวเขาในท่าที่แทบจะแนบชิดกัน แล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า "ผมมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ มันเป็คนตัดสิน ใช่ไหมครับ" เมื่อพูดจบ กลับใช้ต้นขาถูไถเป้ากางเกงของเขา
ในตอนนั้นเจี่ยนซีเมิ่งกลับพบว่า ส่วนที่เขาพยายามปลุกให้ฟื้นคืนกลับมานานมากแล้ว แต่ทำอย่างไรก็ไม่ฟื้นสักที กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา!
'โอ้ๆๆ ฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย?!'
เจี่ยนซีเมิ่งมองน้องชายที่ฟื้นคืนชีพมาอย่างตกตะลึง เขาดีใจจนแทบจะยื่นมือไปลูบๆ คลำๆ ที่กว่าจะฟื้นคืนชีพมาได้สักหน่อย โชคดีที่เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองคือประธานจอมเ็า หากคีพลุคไว้ไม่ได้ คงถูกเด็กนี่ตลบหลังแน่ๆ!
ดังนั้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา สั่งเลขาต่อหน้าเด็กหนุ่มเบต้าว่า "คุณเว่ย้าเท่าไหร่ก็ให้เขาไป เขากล้าเรียกร้องเท่าไร ฉันก็กล้าให้เท่านั้น"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้