จะว่าไป ถ้าลองคิดดูดีๆมันก็สมเหตุสมผล
ูเี่อันเป็คนที่มองเผินๆเหมือนจะหัวไว แต่ในความเป็จริงเธอเป็คนชอบยึดติด ระหว่างชอบและไม่ชอบเธอแบ่งมันอย่างชัดเจน และยากที่จะเปลี่ยนใจ
ลั่วเสี่ยวซีเคยถามูเี่อันว่าเป็ไปได้ไหมที่จะได้คบกับคนที่เธอชอบ?’
ูเี่อันตอบว่า‘คงจะเป็ไปไม่ได้’
‘แล้วเธอจะทำยังไงล่ะลองคบกับคนอื่นดูไหม จะได้เพิ่มทางเลือกให้ตัวเองไง’ลั่วเสี่ยวซีเตือนูเี่อันออกไปแบบนั้น
แตู่เี่อันกลับส่ายหน้าและบอกเธอว่า
‘ฉันชอบเขาคนเดียวคงไปคบกับคนอื่นไม่ได้ อย่างแย่ก็แค่อยู่เป็โสดไปทั้งชีวิตไม่ใช่เื่น่ากลัวสักหน่อย’
หญิงสาวอายุยี่สิบปีเป็่วัยที่เปลี่ยนจากเด็กสาวเป็หญิงสาวเต็มตัวถือเป็่เวลาที่ดีที่สุดของผู้หญิง ูเี่อันมีคนตามจีบมากมายแต่เธอกลับพูดออกมาว่า เธอยอมอยู่ตัวคนเดียวไปทั้งชีวิต
ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกว่าความคิดของเพื่อนเธอน่ากลัวกว่าการดูหนังผีเสียอีก
แต่ไม่นานหลังจากนั้นอยู่ๆ ูเี่อันก็มาบอกว่า เธอกำลังจะแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียน
ลั่วเสี่ยวซีเซอร์ไพรส์สุดๆเธอนึกว่าในที่สุดเพื่อนคนนี้ก็เริ่มเปิดใจยอมรับคนอื่นให้เข้ามาในชีวิตบ้างแล้ว
แต่ที่แท้ลู่เป๋าเหยียนก็คือผู้ชายคนนั้น คนที่เพื่อนเธอชอบมาโดยตลอด
เพราะว่าคนที่จะแต่งงานด้วยเป็คนที่ชอบูเี่อันถึงยอมแต่งงาน และยอมรับการถูกปกป้องในลักษณะนี้
ดูท่าเพื่อนเธอจะเป็คนมีโชค
หลังออกจากโรงพยาบาลลั่วเสี่ยวซีก็ขับเฟอร์รารีคันงามของตนกลับบ้าน
รถสปอร์ตสีแดงเคลื่อนตัวบนถนนอย่างรวดเร็วจนแสงไฟข้างทางเลือนรางเป็เส้นยาวคล้ายฝนดาวตก
ถึงแม้รถจะเคลื่อนที่เร็วมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถหยุดภาพความทรงจำเมื่อ่เที่ยงวันนี้ไว้ได้เลย
ััวาบหวามที่เธอได้รับเหมือนกำลังฉายซ้ำอีกครั้งลั่วเสี่ยวซีรู้สึกเหมือนริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาไม่ได้จากไปไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะเซวียหย่าถิงโทรเข้ามาเธอกับเขาก็คงจะ...
แต่ต่อให้เธอกับเขาทำเื่แบบนั้นจริงๆแล้วจะอย่างไร ในสายตาของเขา เธอก็คงยิ่งดูต่ำต้อยและไร้ค่ากว่าเดิม
อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านในตอนนั้นเอง ลั่วเสี่ยวซีได้รับโทรศัพท์จากอาเมย์
“เสี่ยวซีพรุ่งนี้แวะมาที่บริษัทได้ไหม ผอ.เผิงอยากเซ็นสัญญากับเธอ ยินดีด้วยนะเธอใกล้จะได้เข้าสู่วงการนางแบบเต็มตัวแล้ว!”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มเย็น
“ได้เป็นางแบบเต็มตัวหรือว่าได้เป็เด็กรับแขกกันแน่? ฉันไม่สนใจทำงานกับหัวซิงอีกแล้ว ไม่ต้องโทรมาอีกล่ะ”
ปกติมีแต่บริษัทโมเดลลิ่งที่มักจะเป็ฝ่ายปฏิเสธนางแบบลั่วเสี่ยวซีเป็คนแรกที่กล้าปฏิเสธหัวซิงไปอย่างไม่ใยดี
อาเมย์พูดเสียงเย็นกลับไปไม่แพ้กัน
“อย่าแสร้งทำเป็ถือตัวหน่อยเลยเมื่อวานเห็นเต็มใจเอาอกเอาใจซูอี้เฉิงขนาดนั้น ถ้าเธออยากจะดังจริงๆคงไม่ใช่แค่ซูอี้เฉิงหรอกที่ต้องเอาใจเธอคงต้องนอนกับบรรดาตาแก่ที่อ้วนกว่าอัปลักษณ์กว่าซูอี้เฉิงเหมือนกัน”
“คนพวกนั้นฉันยกให้พี่แล้วกันค่ะไม่ต้องขอบคุณนะคะ”
พูดจบลั่วเสี่ยวซีก็ตัดสายและบล็อกเบอร์อาเมย์ทันทีจากนั้นจึงเหยียบเบรก เฟอร์รารีคันงามก็จอดลงตรงหน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่
พ่อของเธอกำลังนั่งเล่นหมากล้อมอยู่คนเดียวที่ห้องรับแขกลั่วเสี่ยวซีเห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
เธอคงเป็ลูกอกตัญญูจริงๆนั่นแหละ เธอไม่เคยเชื่อฟังพ่อแม่ วันๆ เอาแต่ใช้ชีวิตข้างนอกขนาดจะกลับมากินข้าวที่บ้านยังต้องมีเงื่อนไขจนตอนนี้พ่อของเธอต้องมานั่งเล่นหมากล้อมอยู่บ้านอย่างเหงาๆ คนเดียว
“พ่อขาหนูกลับมาแล้วค่ะ”
ที่จริงคนเป็พ่อได้ยินเสียงรถสปอร์ตของลูกสาวั้แ่แรกแล้วเขาเงยหน้าขึ้น
“ว่าไง? เซ็นสัญญากับหัวซิงแล้วหรือยัง?”
“พ่อรู้ได้ยังไงว่าหัวซิงติดต่อหนูมา”ลั่วเสี่ยวซีนั่งลงอย่างเซ็งๆ เธอช่วยเปลี่ยนใบชาในกาให้กับพ่อเมื่อล้างใบชาน้ำแรกเสร็จแล้วจึงเติมน้ำลงไป“เมื่อกี้ผู้จัดการของพวกเขาเพิ่งโทรมา หนูบล็อกเบอร์เธอไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“เล่นสนุกพอแล้ว?”
“พ่ออ่ะคราวนี้หนูเอาจริงนะ” ลั่วเสี่ยวซีรินน้ำชาให้กับพ่อของตนอย่างคล่องแคล่ว“ทำไมทุกคนมองว่าหนูแค่คิดจะทำเล่นๆ ไปหมดเนี่ย”
“อ้าวตั้งใจจริงหรอกเหรอ” ผอ.ลั่วยกมือทาบอก“ในที่สุดลูกสาวฉันก็จริงจังกับเื่อะไรขึ้นมาบ้างแล้วเหรอเนี่ย!นี่คิดจะทำให้พ่อใจนหัวใจวายตายหรือไง”
พรืดลั่วเสี่ยวซีหลุดขำออกมาอย่างทนไม่ไหว เธอกอดแขนพ่ออย่างออดอ้อน
“หนูรู้ตัวค่ะว่าเมื่อก่อนหนูคงทำให้พ่อผิดหวังมามากแต่ครั้งนี้หนูอยากเป็นางแบบมืออาชีพจริงๆ นะคะ หนูจะพิสูจน์ให้พ่อดู!”
“พอเถอะลูก”คนเป็พ่อปรายตามองเธออย่างไม่อยากเชื่อ “พ่อรู้จักเราดีอย่าเอาตัวเองไปขายหน้าผ่านสื่อเลย กลับมาช่วยพ่อบริหารงานที่บริษัทดีกว่า อีกหน่อยลูกต้องสืบทอดกิจการของบ้านเราเวทีนางแบบไม่ใช่เวทีที่ลูกควรอยู่หรอกนะ”
“ทำไมพ่อต้องอยากให้หนูสืบทอดกิจการด้วยออฟฟิศต่างหากที่ไม่ใช่เวทีของหนู” ลั่วเสี่ยวซีเบ้ปาก
“ถ้าพ่อเกษียณแล้วเราจ้างผู้บริหารมาทำงานแทนก็ได้นี่นา แต่การที่หนูอยากเป็นางแบบมันหาใครมาทำแทนไม่ได้นะ ที่พ่อตั้งใจทำงานหาเงินมาไม่ใช่เพื่ออยากให้หนูสามารถเลือกทางเดินชีวิตตัวเองได้งั้นเหรอคะพ่อเอาแต่เรียกหนูไปทำงานที่บริษัทอยู่นั่นแหละ หนูเริ่มจะเบื่อแล้วนะ”
ผอ.ลั่วถึงกับถอนหายใจ“พ่ออนุญาตก็ได้ แต่ถ้าภายในสองปีลูกยังไม่มีผลงานอะไรที่น่าพอใจต้องกลับมาช่วยที่บ้านเข้าใจไหม อีกอย่าง ลูกควรจะยอมแพ้เื่ซูอี้เฉิงได้แล้วตามตื๊อเขามาเป็สิบกว่าปี ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักอย่างจนพ่อชักจะอายแทนแล้วเนี่ย”
“ไม่ได้นะ!”ลั่วเสี่ยวซีปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด “หนูจะดังให้ได้ภายในสองปีหนูจะต้องเป็นางแบบที่ดีที่สุดของประเทศ จะไม่ทำให้พ่อขายหน้าเด็ดขาด!แต่ว่าเื่ซูอี้เฉิง หนูตามตื๊อเขามาตั้งสิบกว่าปีถ้าคิดจะยอมแพ้หนูคงทำไปนานแล้ว ยังไงพ่อก็ทนขายหน้ามาถึงขนาดนี้แล้วขายหน้าต่ออีกหน่อยก็คงไม่เป็ไรหรอกมั้งคะ”
ผอ.ลั่ว “...”
ลั่วเสี่ยวซีตบไหล่พ่อตัวเองเบาๆ“คุณลั่วคะ ลูกสาวของคุณจะต้องโด่งดังและซูอี้เฉิงจะต้องกลายมาเป็ลูกเขยของคุณแน่นอน วางใจเถอะค่ะ”
ถ้าขืนเถียงกับลูกสาวต่อโรคหัวใจของเขาคงกำเริบแน่ๆ จึงพูดอย่างอ่อนใจว่า
“แต่ลูกก็ควรเริ่มควงใครสักคนบ้างนะอย่างลูกชายบ้านคุณลุงฉินเป็ไง กลับมาจากเมืองนอกได้ครึ่งปีแล้วพ่อเคยเจออยู่หลายครั้ง เป็คนหนุ่มที่มีความสามารถไม่แพ้ซูอี้เฉิงเลยนะลูกลองไปเจอเขาดูสักรอบดีไหม”
“นัดดูตัว...”ลั่วเสี่ยวซีคิด “แสนหนึ่ง! ถ้าได้แสนนึงหนูไปค่ะ”
ผอ.ลั่วได้แต่กัดฟันแล้วเซ็นเช็คให้กับลูกสาวอย่างช่วยไม่ได้
ลั่วเสี่ยวซีดีดเช็คในมือตนเบาๆและยิ้มอย่างพอใจ
“พ่อขาหนูจะกลับมาอยู่บ้านสักระยะนะคะ ถ้าหนูใช้เงินหมดแล้วช่วยยกเลิกการระงับบัตรเครดิตให้หนูหน่อยสิคะ นี่หนูไม่ได้ซื้อชุดใหม่มาสองอาทิตย์แล้วนะพ่อไม่สงสารหนูเหรอ”
“ซูอี้เฉิงทำอะไรลูกอีกล่ะ”
คนไปพ่อย่อมรู้จักลูกสาวตัวเองดีเวลาทะเลาะหรือโดนซูอี้เฉิงทำท่าทีรังเกียจใส่ ลั่วเสี่ยวซีก็มักจะกลับมาอยู่บ้าน
ลั่วเสี่ยวซีถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โธ่ พ่อไม่ต้องรู้ทันลูกสักเื่ได้ไหมเนี่ยว่าแต่ แม่หนูอยู่ข้างบนหรือเปล่า หนูขอขึ้นไปหาแม่ก่อนนะคะ”
พูดจบลั่วเสี่ยวซีก็รีบวิ่งไปทันทีคนเป็พ่อส่ายหัวอย่างอ่อนใจพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบจากนั้นจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียมห้องให้กับลูกสาวและไปบอกพ่อครัวว่าคุณหนูกลับมาแล้วพรุ่งนี้เช้าให้เตรียมของโปรดของเธอไว้ด้วย
ลั่วเสี่ยวซีพูดถูกที่เขาพยายามหาเงินมามากมายขนาดนี้ ก็เพื่ออยากให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุดให้ได้มีโอกาสเลือกทางเดินของตัวเอง
แต่เกรงว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขาคงให้กับลูกสาวไม่ได้ก็คือซูอี้เฉิง
...
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ลู่เป๋าเหยียนจัดการเื่ในบริษัทสาขาและเื่งานของสวี่โยว่หนิงเป็ที่เรียบร้อยเขาก็พาูเี่อันกลับมาที่เมือง A
สนามบิน
ูเี่อันหลับบนเครื่องบินมาตลอดทางหลังลงจากเครื่องจึงเดินสะลึมสะลือ ปล่อยให้ลู่เป๋าเหยียนจูงมือเดินออกไปแม้ว่าเสียงในสนามบินจะเอะอะวุ่นวายมากแค่ไหน แต่มันกลับดูอยู่ห่างไกลสำหรับเธอเหลือเกินสมองของูเี่อันในตอนนี้คิดเพียงอยากล้มตัวลงนอน
เมื่อขึ้นรถภาพวิวอันคุ้นเคยที่เคลื่อนผ่านไป ทำใหู้เี่อันเริ่มตาสว่างขึ้นมาบ้างเธอลุกขึ้นนั่งและถามลู่เป๋าเหยียนว่า
“พรุ่งนี้ฉันควรกลับไปทำงานได้แล้วหรือเปล่า”
“อย่าเพิ่ง”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ฉันลางานให้เธอแล้ว พักอยู่ที่บ้านต่ออีกหน่อย มะรืนฉันจะพาเธอไปที่หนึ่ง”
ูเี่อันไม่ได้ถามเขาว่าจะพาเธอไปที่ไหนเธอ “อืม” ตอบรับกลับไป จากนั้นจึงปิดตาลงเพื่อนอนต่อถึงแม้รถจะหักเลี้ยวเอนซ้ายเอนขวามากแค่ไหน เธอก็ยังไม่ยอมตื่น
ลู่เป๋าเหยียนไม่เคยรู้มาก่อนว่าูเี่อันจะนอนเก่งขนาดนี้เมื่อเห็นเธอใกล้จะเอียงล้มลงไปเขาจึงรีบยื่นมือเขามาโอบเธอให้เอนเข้ามาซบไหล่ของเขา
ูเี่อันเองก็เหมือนจะชินกับการดูแลของเขาถึงแม้ว่าจะหลับไม่รู้เื่ แต่เธอก็คว้าแขนเขามากอดอย่างไม่เกรงใจและนอนอย่างสบายใจ
ลู่เป๋าเหยียนลูบผมยาวสลวยเสียงลมหายใจแ่เบาเริ่มดังขึ้นให้ได้ยิน
ถ้าคนที่อยู่ข้างกายเธอเป็คนอื่นจะเป็อย่างไรนะเธอยังจะนอนหลับอย่างสบายใจแบบนี้หรือเปล่า?
ดูท่าเขาคงต้องดูแลปีศาจน้อยของเขาตนนี้ไว้ไม่ให้คลาดสายตา
จากสนามบินมาถึง Dingya Mountain Villa ระยะทางไม่ไกลมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดที่หน้าประตูบ้านลู่เป๋าเหยียนปลุกูเี่อันขึ้นมา เธอขยี้ตาตื่นขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือภาพของคฤหาสน์สามชั้นอันคุ้นเคยแสงไฟสีนวลอบอุ่นที่สะท้อนออกมาจากทางหน้าต่าง ราวกับกำลังรอคอยการกลับมาของเธอ
ูเี่อันส่งยิ้มให้กับลู่เป๋าเหยียน
“พวกเราถึงบ้านแล้วล่ะ”
‘คุณชายครับถึงบ้านแล้วครับ’ คำพูดพวกนี้ คนขับรถเคยพูดกับเขานับครั้งไม่ถ้วน
แต่เมื่อมันออกมาจากปากของูเี่อันทำไมเขาถึงรู้สึกแตกต่างออกไป
สถานที่แห่งนี้เหมือนมีความหมายของคำว่าบ้านจริงๆขึ้นมา บ้านที่สามารถมาพักหลบลมฝน บ้านที่มีคนที่เขาอยากทะนุถนอมอาศัยอยู่ทุกพื้นที่มีแต่ความอบอุ่นไม่ใช่แค่เพียงสถานที่นอนพักที่ไม่ต่างอะไรกับอพาร์ทเมนต์ในเมือง
“อืม”ลู่เป๋าเหยียนตอบพร้อมรอยยิ้มบาง “ลงจากรถกันเถอะ”
ลุงสวีรับเดินเข้ามาต้อนรับ“คุณชาย คุณผู้หญิง คุณชายซูมาหาครับ”
“พี่ชายหนู?”
ูเี่อันรู้สึกแปลกใจถ้าไม่มีเื่ด่วนอะไร ปกติพี่ชายเธอคงไม่มาหาดึกขนาดนี้
เธอรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องรับแขก
“พี่คะ”
ซูอี้เฉิงลุกขึ้นส่งยิ้มใหู้เี่อัน
“ทำไมผอมลงอีกแล้วเรา”
ูเี่อันลูบหน้าตัวเอง“ผอมที่ไหนกัน นี่ก็ดึกแล้ว พี่มาหาหนูหรือหาลู่เป๋าเหยียนคะ”
“พี่มาหาลู่เป๋าเหยียน”ซูอี้เฉิงมองออกว่าน้องสาวตนกำลังเป็ห่วง “วางใจเถอะพี่แค่อยากคุยกับเขาเื่งาน”
ูเี่อันหันกลับไปมองลู่เป๋าเหยียนที่เพิ่งเดินเข้ามาพอดีเธอยิ้มและพูดว่า
“งั้นเชิญคุยกันตามสบายนะคะหนูขอตัวกลับห้องก่อน อ้อใช่ พรุ่งนี้เที่ยงพี่พอมีเวลาหรือเปล่าคะไปกินข้าวกันไหม”
แน่นอนว่าซูอี้เฉิงไม่ปฏิเสธ“อยากไปกินที่ไหนส่งที่อยู่มาให้พี่ด้วยแล้วกัน”
ูเี่อันยิ้มพลางพยักหน้าจากนั้นจึงกลับขึ้นห้องของตน
จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าูเี่อันขึ้นห้องไปแล้วซูอี้เฉิงจึงเริ่มพูดกับลู่เป๋าเหยียน
“ฉันมีเื่หนึ่งอยากขอให้นายช่วย”
ในวงการธุรกิจของเมือง A ซูอี้เฉิงไม่ใช่คนธรรมดาน้อยครั้งที่เขาจะลงทุนขอร้องใครสักคน ลู่เป๋าเหยียนเชิญให้เขานั่งลง
“เื่อะไร”
“นายต้องรับปากฉันก่อนว่าจะไม่บอกเื่นี้กับเจี่ยนอัน”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อฟัง ‘คำขอร้อง’ของซูอี้เฉิงจบ ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ได้รับปากในทันทีเขามองจ้องซูอี้เฉิงอย่างพินิจพิจารณา
“ให้เซ็นสัญญาไม่ยากแต่เื่งานหลังจากนั้น คงยาก”
“ฉันรู้ฉันไม่ให้นายเหนื่อยฟรีอยู่แล้ว”
ซูอี้เฉิงยิ้มและเอาน้องตัวเองมาขายอย่างไม่ลังเล
“เจี่ยนอันมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่เื่หนึ่งที่เกี่ยวกับนายถ้าในอีกสามเดือนข้างหน้านายยังไม่รู้ ฉันจะบอกนายเอง”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ดีล”
