ซูิเยว่จ้องร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของจี๋โม่หานโดยไม่ได้เบือนหน้าหนี สายตามองไปมาแล้วก็เดาะลิ้น “หุ่นดีไม่เบาเลยเพคะ”
มุมปากของจี๋โม่หานยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยการหยอกล้อ “จริงหรือ แค่มองท่อนบนจะรู้ได้อย่างไรว่าเปิ่นหวังรูปร่างดี ต้องมองทั้งตัวสิถึงจะดูออก”
เขาพูดไปมือก็วางอยู่ตรงเอวกางเกง ซูิเยว่เบิกตากว้างใ กกหูร้อนผ่าว ปากก็รีบบอก “หยุด หยุด หยุด หยุด”
นางเชื่อว่าจี๋โม่หานคนนี้อยากทำอะไรก็ทำได้เลย เกรงว่าวินาทีต่อมาเขาอาจจะถอดกางเกงลงก็เป็ได้
จี๋โม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ ปล่อยมือที่จับเอวกางเกงออก “เขินหรือ? เ้าชอบดูไม่ใช่หรือ?”
“ใครเขาชอบดูกัน” เดิมทีซูิเยว่คิดว่าตัวเองฝึกหนังหน้ามาได้พอสมควร แต่คิดไม่ถึงว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า หลังจากที่นิสัยของจี๋โม่หานเปิดเผยออกมา ซูิเยว่ก็พบว่าหน้าเขาหนากว่านางอีก “ที่แท้หนังหน้าขององค์ชายสามนั้นก็หนาขนาดนี้นี่เอง”
“นั่นต้องดูว่าทำกับใคร”
ซูิเยว่กลอกตามองบนแล้วดันจี๋โม่หานให้ยืนหันข้าง จากนั้นก็เอาเข็มทองออกจากตรงเอวของเขา
“เรียบร้อยแล้วเพคะ”
จี๋โม่หานสวมชุดเรียบร้อยและออกจากห้องพร้อมกับซูิเยว่ คนที่เฝ้าอยู่ต่างคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะออกมาไวกันขนาดนี้
ซูิเยว่เดินไปถึงตรงกลางศาลาแล้วนั่งลงตรงข้ามจี๋โม่หาน นางรินน้ำชาให้ตัวเองก่อนจะถามถึงสถานการณ์ในวันนี้
“ฝ่าามองไม่ออกใช่หรือไม่ เขาไม่สงสัยแล้วใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าจิ้งจอกเฒ่านั้นสงสัยอยู่แล้ว” มุมปากของจี๋โม่หานยกยิ้มเย็น “แม้แต่หมอหลวงที่เก่งกาจที่สุดในวังเขาก็พามาด้วย แต่ว่า....”
จี๋โม่หานหยุดไปก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วพูดต่อ “วิชาแพทย์ของพวกเขาจะไปสู้แม่หนูของข้าได้อย่างไร ตอนนี้ฮ่องเต้เฒ่ากับองค์ชายห้าลดความระมัดระวังลงแล้ว พวกเขาคิดว่าเปิ่นหวังป่วยหนักจนรักษาไม่ได้และใกล้ตายเต็มที”
ซูิเยว่หัวเราะเบาๆ “ถึงตอนนั้นหากสองคนนั้นรู้ว่าท่านไม่ได้ป่วย สีหน้าก็คงจะน่าดูทีเดียว จริงสิ ที่อยู่ที่หม่อมฉันให้ไป ท่านไปตรวจสอบแล้วหรือยัง?”
ความจริงแล้วซูิเยว่มั่นใจว่าทั้งสี่ที่นี้ถูกทั้งหมด นางเคยได้ยินองค์ชายห้าพูดถึงเมื่อชาติที่แล้ว แต่เพราะเส้นเวลาจากการกลับมาเกิดใหม่ บางทีอาจทำให้เกิดความคาดเคลื่อน
“ข้าให้เชียนซวินจือไปตรวจสอบมาแล้ว” จี๋โม่หานพยักหน้า “มีสองที่เป็ที่ร้าง ส่วนอีกสองที่พบว่าเป็คนขององค์ชายห้าจริงๆ ตอนนี้ข้าได้ส่งคนไปเฝ้าที่นั่นเอาไว้แล้ว”
นี่ก็อยู่ในการคาดเดา อย่างไรสถานที่ปิดซ่อนมิดชิดแบบนี้จะไปหาเจอได้ง่ายๆ ได้อย่างไร
ซูิเยว่ฟังจบแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง “เช่นนั้นตอนนี้ท่านวางแผนจะทำอย่างไร?”
“ถึงตอนนั้นเ้าก็จะรู้เอง” จี๋โม่หานยกยิ้ม “ตอนนี้ข้าได้หว่านแหลงไปแล้ว เหลือก็แค่เก็บแหเท่านั้น”
ซูิเยว่อยากรู้ว่าจี๋โม่หานวางแผนทำอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ไล่บี้ถาม แต่เพียงครู่เดียวนางก็รู้ว่าแผนของจี๋โม่หานคืออะไร
กลางดึกคืนนั้น สวนด้านนอกเมืองก็เกิดไฟไหม้ขึ้น ต่อมาทหารคุ้มกันความปลอดภัยเมืองหลวงโจวถังเซิงก็รีบมา เขาพบว่ามีคนฝึกทหารพลีชีพเอาไว้ด้านใน หลังจากถูกพบเข้าก็ได้ต่อสู้กับทหารไปรอบหนึ่ง แต่ทหารพวกนั้นได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว คนที่ถูกจับได้ก็ฆ่าตัวตายทันที
ต่อมาโจวถังเซิงก็ตรวจสอบด้านใน เขาจึงพบหลักฐานที่สร้างข่าวลือใส่ร้ายองค์ชายสามจี๋โม่หานในนั้น รวมถึงตราประทับประจำตัวขององค์ชายห้า
ขณะเดียวกัน หอโคมเขียวในเมืองจู่ๆ ก็ถูกคนขององค์รัชทายาทพาทหารมาปิดล้อม พร้อมกับบอกว่าจะตรวจสอบคนต้องสงสัย แต่พวกเขากลับพบเส้นทางลับในหอ แต่พอเข้าไป ด้านในก็ว่างเปล่า ไม่พบอะไร
เช้าวันต่อมาข่าวนี้ก็มาถึงหูของซูิเยว่ ตอนที่นางรู้เื่นี้ ข่าวก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว อย่างไรข่าวไฟไหม้ด้านนอกเมืองก็ใหญ่ขนาดนั้น มองจากเมืองหลวงไปก็เห็นขอบฟ้าก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดง
ที่แท้นี่ก็คือแผนการยืมมือคนอื่นจัดการที่จี๋โม่หานบอกไว้ เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว เื่นี้ก็ดูไม่เกี่ยวกับเขาอีก
อีกทั้งถึงแม้โจวถังเซิงจะปิดข่าวเอาไว้ แต่ก็ยังมีข่าวส่วนหนึ่งเล็ดลอดออกมาอย่างยากที่จะปิดบัง ผู้คนจึงรู้กันว่ามีคนอยากใส่ร้ายจี๋โม่หาน พอเื่นี้เผยแพร่ออกไป ภายในชั่ววินาทีก็ลือกันไปทั่วเมือง ทุกคนต่างเข้าใจเื่ราวในทันที
หัวหน้าทหารคุ้มกันเมืองหลวงโจวถังเซิงรีบนำเื่นี้ไปรายงานทันที ฝ่าาทรงกริ้วมาก เขาสั่งให้คนไปตรวจสอบเื่นี้มาให้หมด จากนั้นก็ตรวจพบว่าสวนที่เกิดไฟไหม้นั้นเป็ขององค์ชายห้าจริง
อย่างไรเื่นี้ก็เป็เื่ใหญ่มาก ฮ่องเต้จึงรีบปิดข่าวนี้อย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้ข่าวที่องค์ชายห้าเป็คนวางแผนหลุดออกไป
เริ่มจากข่าวองค์ชายสามจี๋โม่หานก่อฏแพร่ออกไปได้สามวัน สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดิน
ตอนนี้กระแสทางด้านประชาชนก็ถึงกับล้มไป เมื่อรู้ว่าจี๋โม่หานถูกองค์ชายห้าใส่ร้าย พวกเขาต่างยินดีที่จะช่วยเรียกร้องความเห็นใจให้กับจี๋โม่หานที่ได้รับความไม่ยุติธรรม
แต่ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดเดาของจี๋โม่หานอยู่แล้ว เมื่อวานที่ไฟไหม้ก็เป็เขาที่ส่งคนไปวางเพลิง ต่อมาก็เป็คนขององค์รัชทายาทไปตามเก็บ
องค์ชายห้านั้นถือว่าทำตัวเองก็ต้องรับผลกรรมไป ปาหินกระแทกเท้าตัวเอง ทั้งยังเสียฐานลับไปสองที่พร้อมกับลูกน้องอีกมากมาย
จวนองค์ชายห้าในตอนนี้ เขามองเหล่าลูกน้องที่อยู่ข้างเท้าด้วยสีหน้าดุดัน มุมขมับมีเส้นเืนูนขึ้นมา ก่อนจะตะคอกเสียงดัง “ไร้ประโยชน์ พวกเ้าล้วนไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่เื่มันอยู่ในแผนของเปิ่นหวังทั้งหมด เหตุใดจู่ๆ ถึงเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นได้”
เมื่อวานเขาเพิ่งรู้ข่าวที่ว่าจี๋โม่หานจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็เลยวางความระมัดระวังลง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ทั้งๆ ที่สถานการณ์ในเมืองยังส่งผลดีกับเขาทั้งนั้น ผลสรุปตอนนี้กลายเป็ว่าคนที่ตกอยู่ในความลำบากกลับเปลี่ยนมาเป็เขา
เหตุใดองค์รัชทายาทถึงรู้เื่ฐานลับพวกนั้นของเขา สถานที่พวกนั้นเขาได้ส่งให้คนอื่นไปดูแล เบื้องหน้าจะตรวจสอบอย่างไรก็ตรวจสอบไม่พบ
ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย จู่ๆ เหตุใดถึงได้ไฟไหม้ แล้วก็บังเอิญที่โจวถังเซิงพาคนออกไปพบที่นั่น
“ไร้ประโยชน์ พวกเ้ามันไร้ประโยชน์ทั้งหมด”
ตาขององค์ชายห้าแดงก่ำเหมือนกับสัตว์ร้ายที่คลุ้มคลั่ง สิ่งของภายในห้องถูกเขาทำแตกลงพื้นหมด กลุ่มลูกน้องที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ผ่านไปเนิ่นนาน องครักษ์คนหนึ่งก็พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ฝ่า....ฝ่าา ตอนนี้เื่ที่พวกเราต้องรีบทำก็คือจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร เื่ที่พวกเราใส่ความองค์ชายสามไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ประชาชนด้านนอกก็ช่วยเรียกร้องความยุติธรรมแทนองค์ชายสาม อีกทั้ง...ฮ่องเต้รู้เื่นี้แล้วว่าเป็แผนของฝ่าา จะต้องทรงกริ้วแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ....”
องค์ชายห้ากำหมัดและกัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่เป็แผนไม่มีทางพลาด เหตุใดถึงได้เกิดรอยรั่วขึ้นได้ ตอนนี้ประชาชนจะต้องไปยืนอยู่ข้างจี๋โม่หานกันจนหมดแล้ว แม้แต่เสด็จพ่อก็รู้แล้วว่าเขาเป็คนทำ
แต่ก็ยังดี ประชาชนรู้แค่ว่าจี๋โม่หานถูกใส่ร้าย แต่ไม่รู้ว่าคนที่ใส่ร้ายคือเขา
ในตอนนี้เอง องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกก็มารายงาน “ฝ่า....ฝ่าา ฮ่องเต้รับสั่งให้พระองค์เข้าวังทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าขององค์ชายห้าขาวซีด เพราะว่ากำหมัดแน่นเกินไปจนขึ้นข้อขาว เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ กดความหวาดหวั่นภายในใจเอาไว้