แววตาของมู่เฟิงนั้นแน่วแน่และมั่นคงมาก ในเมื่อเขาทราบเื่เหล่านี้แล้ว เขาก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็แรงจูงใจที่จะผลักดันเขาให้แข็งแกร่งขึ้น
เมื่อลูกผู้ชายถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เขาต้องแบกรับก็คือความกดดันและความรับผิดชอบ
แบกรับความกดดันไม่ไหว? คนที่ถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดันก็เป็เพียงแค่คนขลาดเขลาเท่านั้น และเห็นได้ชัดว่ามู่เฟิงผู้นี้ไม่ใช่คนขลาดเขลาเช่นนั้น
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางถูกความกดดันนี้บดขยี้อย่างแน่นอน สักวันหนึ่งข้าจะต้องสังหารเผ่าทูต์ ทำให้ใต้หล้าต้องสั่นะเื และสังหารพวกมันทุกคนที่พรากคนที่ข้ารักไป”
รูม่านตาสีโลหิตของมู่เฟิงทอประกายเย็นะเื
“ตอนนี้เ้าควรสงบใจและพักผ่อนให้มากเพื่อพักฟื้นร่างกาย เส้นโลหิตของเ้าได้ตื่นขึ้นแล้ว ต่อไปข้าจะทยอยถ่ายทอดความสามารถของเผ่าชูร่าให้กับเ้า และหลังจากนี้เ้าอย่าได้เผยร่างชูร่าให้คนนอกเห็นเป็อันขาด”
“แม้ในอาณาจักรแห่งนี้จะเป็เพียงอาณาจักรขนาดเล็กที่ไม่ควรมีใครรู้จักเผ่าชูร่า แต่ในทวีปแห่งนี้อาจจะมีคนของเผ่าทูต์ดำรงอยู่ หากถูกพวกเขาค้นพบเข้า เ้าได้ตายอย่างแน่นอน”
ซีเยว่กล่าวเตือน
มู่เฟิงพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
ณ ลานจัตุรัสภายในจวนตระกูลมู่
ร่างไร้ิญญาจำนวนหนึ่งถูกวางเรียงอยู่บนลานจัตุรัสโดยมีผ้าขาวปกคลุมร่างกาย
บรรดาศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็แสดงท่าทีเศร้าโศกออกมา มีหลายคนกำลังร้องไห้อย่างขมขื่นต่อหน้าร่างไร้ิญญา
“ท่านผู้นำตระกูล จากเหตุการเมื่อคืนมีผู้คนาเ็และเสียชีวิตทั้งหมดสองร้อยแปดสิบสามคนขอรับ เราสูญเสียผู้ฝึกยุทธ์ไปครึ่งหนึ่ง ผู้าุโอีกสองท่าน รวมถึงท่านมู่จงด้วยขอรับ”
ท่านลุงฝูที่อยู่ด้านข้างมู่ไห่กล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
มู่ไห่กวาดตามองไปยังร่างไร้ิญญาเบื้องหน้า สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้น โศกเศร้า และยังมีร่องรอยของโทสะที่เกิดจากความไร้กำลังของตน
“เ้าเขียนจดหมายส่งข่าวหาตระกูลหลักแล้วหรือยัง?”
มู่ไห่ถามเสียงต่ำ
“เมื่อคืนข้าเร่งให้คนนำจดหมายไปส่งยังตระกูลหลักแล้ว คาดว่าคงถึงวันมะรืนขอรับ”
ท่านลุงฝูกล่าวรายงาน
“เฮ้อ เื่ที่คุณชายเฟิงอยู่ที่นี่ถูกเปิดโปงแล้ว เขาคงอยู่ที่นี่อีกต่อไปไม่ได้แล้ว”
มู่ไห่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อารมณ์เศร้าโศกและความขุ่นเคืองกำลังปนเปกันอยู่ภายในใจของเขา
เขาทราบดีว่าผู้บงการคือใคร เพียงแต่เขาไม่สามารถแก้แค้นอีกฝ่ายได้ เนื่องจากเขาไม่มีอำนาจพอ
เป็ความเสียใจที่ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างถึงที่สุด
ท่านลุงฝูทอดถอนใจ และไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“แต่เมื่อคืนนี้ยอดฝีมือระดับหยวนตานของหนานหาวถูกสังหารที่นี่ ข้าเกรงว่าเขาคงจะไม่ยอมรามือโดยง่ายเป็แน่ เราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”
ท่านลุงฝูถามอีกครั้ง
“คนของตระกูลมู่มีจำนวนมากเกินไป ไม่อาจย้ายถิ่นฐานได้ แล้วเราจะทำอะไรได้ คงต้องรอดูท่าทีของตระกูลหลักก่อน ยิ่งไปกว่านั้น เหล่ามือสังหารล้วนถูกล้างบางไปั้แ่เมื่อคืนแล้ว ใน่เวลาอันสั้นนี้หนานหาวคงยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
มู่ไห่กล่าว เมื่อคิดถึงฉากที่มู่เฟิงบ้าคลั่งขึ้นมา เขาก็ยังนึกผวาอยู่ในใจ
“จริงสิ แล้วเื่คุณชายเฟิง...”
“ปิดปากให้เงียบ ใครก็ตามที่ทราบเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษตามกฎของตระกูล”
มู่ไห่กล่าวอย่างจริงจัง แม้เขาจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมู่เฟิง แต่เขาก็ทราบได้โดยสัญชาตญาณว่าจะต้องเป็เื่ร้ายแรงอย่างแน่นอน
ท่านลุงฝูพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมก่อนจะออกไปจัดการตามคำสั่ง
สามวันต่อมา จวนตระกูลมู่ภายในเมืองหลวง
“ปัง!”
เมื่อมู่เฉินได้อ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในจดหมาย ใบหน้าของเขาก็เขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาผุดตัวลุกขึ้นยืนในทันที แววตาของเขาในตอนนี้กำลังคุกรุ่ไปด้วยโทสะ
“หนานหาว เ้ามันรังแกกันเกินไปแล้ว!”
มู่เฉินไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาแผดเสียงคำรามออกมาดังลั่น
เสียงคำรามนี้ทำให้ผู้คนในตระกูลมู่ต่างก็ตื่นใ พวกเขาหันไปมองยังเรือนพักของท่านผู้นำตระกูลด้วยความสงสัย
เหตุใดวันนี้ท่านผู้นำตระกูลจึงได้เกรี้ยวกราดนัก?
ผู้าุโใหญ่ของตระกูลมู่และมู่เยี่ยต่างก็รีบรุดเข้ามายังเรือนพักของมู่เฉินหลังจากได้ยินเสียงของเขา พวกเขาทราบในทันทีว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น และมันก็ทำให้มู่เฉินสูญเสียความเยือกเย็นในยามปกติไป
“พี่ใหญ่ ท่านเป็อะไรไป?”
เมื่อมู่เยี่ยมาถึงก็เอ่ยถามขึ้นในทันที
“ท่านผู้นำตระกูล เกิดเื่อะไรขึ้น?”
ผู้าุโมู่หวาก็ดูงงงวยกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
“พวกเ้าดูกันเอาไว้เถิด”
มู่เฉินโยนจดหมายให้คนทั้งคู่ หลังจากพวกเขาได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของคนทั้งสองก็พลันเปลี่ยนเป็ใ โกรธเคืองและงุนงงทันที
“หนานหาวผู้นี้ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะส่งมือสังหารไปจัดการคนถึงตระกูลรอง”
มู่เยี่ยกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล
“แต่คิดไม่ถึงว่าจางจวีที่ถูกส่งตัวไปจะถูกมู่เฟิงสังหาร จะเป็ไปได้อย่างไร จางจวีผู้นั้นคือยอดฝีมือระดับหยวนตาน ส่วนมู่เฟิงมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝูเท่านั้น”
หลังจากผู้าุโใหญ่ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมด เขาก็พลันกล่าวขึ้นด้วยความใ
อารมณ์ของมู่เฉินเริ่มสงบลงหลังจากได้ยินคำพูดเ่าั้ เขาหรี่ตาลงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เกรงว่าเื่นี้คงเกี่ยวข้องกับน้องสะใภ้เป็แน่ ตัวตนที่แท้จริงของนาง มีเพียงแค่นางและมู่เทียนเท่านั้นที่รู้ความจริง”
มู่เฉินกล่าวขึ้น คนทั้งสองต่างก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมหลังจากได้ฟังคำกล่าวนี้ ภรรยาผู้นั้นของมู่เทียนมีวรยุทธ์สูงส่งเทียมฟ้าจนผู้คนในตระกูลมู่ต่างก็พากันตกตะลึง
สีหน้าของมู่เยี่ยพลันเปลี่ยนเป็ซับซ้อน เหตุผลที่เขาบาดหมางกับมู่เทียน นั่นเป็เพราะในตอนที่พวกเขาอยู่ในกองทัพ พวกเขาสองคนได้พบกับสตรีผู้นั้นพร้อมกันและยังตกหลุมรักในความงามของนางเหมือนกัน
แต่ท้ายที่สุดนางก็เลือกมู่เทียน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่เทียนจึงย่ำแย่ลง และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ก็ทำให้เขาไม่ชอบมู่เฟิงที่เป็บุตรของมู่เทียนและสตรีผู้นั้นไปด้วย
แต่เื่ราวของนางกลับกลายเป็เหมือนเื่ต้องห้ามสำหรับตระกูลมู่ ทำให้ไม่มีใครได้ทราบเื่ราวที่แท้จริงเกี่ยวกับตัวนางเลย
“ซิน...”
มู่เยี่ยเผลอพึมพำกับตัวเองเมื่อหวนนึกถึงอดีต
“การที่เฟิงเอ๋อร์สามารถสังหารจางจวีได้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางเป็แน่ นางมีวรยุทธ์แข็งแกร่งมากขนาดนั้น นางจะไม่ทิ้งสิ่งที่สามารถปกป้องชีวิตของเฟิงเอ๋อร์เอาไว้ได้อย่างไร”
มู่เฉินกล่าวขึ้น ในขณะที่คนทั้งสองต่างก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
“เมื่อมือสังหารทั้งหมดถูกมู่เฟิงสังหารไปแล้ว เกรงว่าเื่ที่เขาแอบหลบซ่อนตัวอยู่ในตระกูลรองคงจะถูกเปิดเผยในอีกไม่ช้า เราควรพาตัวเฟิงเอ๋อร์กลับมาก่อน หากปล่อยให้เขาอยู่ที่นั่นต่อไปจะต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่”
มู่เยี่ยขมวดคิ้วขณะกล่าวขึ้น
หลังได้ยินดังนั้นมู่เฉินก็นิ่งเงียบไป เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ประสานมือไว้ที่ท้องน้อยและพยายามครุ่นคิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นมู่หวาก็กล่าวขึ้นว่า “ข้ามีแผน ไม่จำเป็ต้องรับเฟิงเอ๋อร์กลับมา เราสามารถใช้แผนการนี้สร้างความสับสนได้”
“หืม ผู้าุโใหญ่เชิญกล่าว”
ดวงตาของมู่เฉินเป็ประกาย เขารีบเอ่ยเร่งเร้า
หลังจากมู่หวาอธิบายแผนการของเขาแล้ว มู่เฉินและมู่เยี่ยก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
“ฮ่าๆ แผนการยอดเยี่ยมมาก เช่นนี้ต่อไปเฟิงเอ๋อร์ก็จะไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอีก จนกว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”
มู่เฉินหัวเราะ
หลังจากนั้นมู่เฉินก็ลงมือเคลื่อนไหวทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาลอบบินไปยังตระกูลรองอย่างเงียบเชียบ
วรยุทธ์ของมู่เฉินคือระดับหยวนตานขั้นห้า ระยะทางกว่าพันลี้นี้เขาใช้เวลาบินเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
เมื่อมาถึงเมืองอันหนานเขาก็ตรงไปยังจวนตระกูลมู่สายรองในทันที
เดิมทีมู่ไห่และคนอื่นๆ ้าจะต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่ แต่มู่เฉินไม่้าเปิดเผยการเดินทางของเขา ดังนั้นเมื่อมาถึงเขาก็ตรงไปหามู่เฟิงในทันที
มู่เฉินมองดูมู่เฟิงที่กำลังนอนซมอยู่บนเตียง เวลานี้เด็กหนุ่มมีที่ผิวขาวซีดและเส้นผมก็กลายเป็สีขาวราวกับหิมะ ั์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“เฟิงเอ๋อร์ ลุงใหญ่ขอโทษเ้า นึกไม่ถึงว่าส่งเ้ามายังตระกูลรองแล้ว ยังทำให้เ้าต้องเผชิญหน้ากับพวกมือสังหารอีก”
มู่เฉินถอนหายใจ
“ท่านลุงใหญ่ ข้าไม่เป็อะไรขอรับ จริงสิ ในเมื่อตำแหน่งของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ข้ายังต้องอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ขอรับ?”
มู่เฟิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะถามขึ้น
“เ้ายังต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าได้กระจายข่าวเท็จเื่การตายของเ้าออกไปแล้ว เื่นี้คงสร้างความสับสนให้กับหนานหาวได้บ้าง เพียงแต่ตอนที่เ้าอยู่ในเมืองอันหนานเ้าจะไม่สามารถไปไหนมาไหนให้ผู้คนพบเห็นได้”
มู่เฉินกล่าว
มู่เฟิงพยักหน้าเมื่อได้ยินดังนั้น เขาพอจะคาดเดาความคิดของมู่เฉินออก
จากนั้นมู่เฉินก็บินกลับไปพร้อมกับศพของจางจวี
หลังจากนั้นทางตระกูลมู่ก็ได้ปล่อยข่าวออกไปว่าคุณชายเฟิงถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตแล้ว
เมื่อรับร่างของจางจวีมาแล้ว มู่เฉินก็รีบบินกลับไปยังเมืองหลวงและตรงไปยังจวนอ๋องของหนานหาวเพียงลำพังด้วยท่าทางอาฆาตแค้นทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้