ณ เมืองอิ๋นเยวี่ย
นกกระเรียนที่กำลังบินในระดับต่ำตามเส้นทางในเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขนาดใหญ่ เหล่าขุนนางของต้าฮั่นต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับความต่างทุกสิ่งอันของที่นี่ ซึ่งดูราวกับคนละโลกกันก็ไม่ปาน ทั้งบรรยากาศโดยรอบและร้านค้าแต่ละร้าน ที่สร้างเป็อาคารสวยงามขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับพื้นที่บนท้องถนนทั้งหมด
ผู้ฝึกตนจำนวนมากเดินอยู่ตามท้องถนน ปะปนไปกับนกโดยสาร
นกกระเรียนน้อยใหญ่เ่าั้ บินผ่านไปมาตามท้องถนน มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่บรรทุกคน และยังมีอีกหลายสิบตัวกำลังทำหน้าที่ลากเกวียน เช่นเดียวกันกับที่กู่ไห่และพวกนั่งอยู่
ขุนนางทั้งหลายดูจะประหลาดใจ แต่กู่ไห่กลับรู้สึกปกติ เพราะมันก็เหมือนกับรถเมล์ในโลกก่อน ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้นับร้อยคน เพียงแต่มีรูปแบบต่างกันเท่านั้น
“ระหว่างทางมีร้านขายยา ร้านสมบัติวิเศษ แล้วร้านขายกู่ฉิน[1] ส่วนใหญ่เป็อย่างไรหรือ?” กู่ไห่ถามอย่างใคร่รู้
“แน่นอนว่ากู่ฉินของเมืองอิ๋นเยวี่ยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ชื่อ ‘อิ๋นเยวี่ย’ นี้ เ้าไม่คิดหรือ ว่ามันพ้องเสียงกับบางอย่าง?” หลงหว่านชิงถามยิ้มๆ
“อิ๋นเยวี่ย? อิ๋นเยวี่ย? อินเยวี่ย[2]?” กู่ไห่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เกือบแล้ว... นี่เป็ที่เข้าใจของคนรุ่นหลัง! หลายคนในทะเลอีเจียนจะมาที่นี่ เพื่อเสาะหากู่ฉินที่เหมาะสมกับพวกตน แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่ากู่ฉินของที่นี่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย
กู่ฉินคือเส้นทางแห่งการฝึกตนสายหนึ่งที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถเข้าใจมันได้บ้าง” หลงหว่านยิ้ม
“อืม!” กู่ไห่พยักหน้า
“เมืองอิ๋นเยวี่ยมีนักกู่ฉินอยู่มากนับไม่ถ้วน ดังนั้นที่นี่จึงมีกู่ฉินที่ดีที่สุด เพราะเป็เมืองที่อยู่ห่างไกล จึงสามารถรอดพ้นความขัดแย้งมากมายที่เกิดขึ้นในใต้หล้า
ก่อนที่จะสถาปนาราชวงศ์์ต้าเฉียน เมืองอิ๋นเยวี่ยก็มีมาอยู่ก่อนแล้ว นี่เป็สถานที่ปลีกวิเวกของเหล่านักกู่ฉิน และยังมีหมู่บ้านช่างทำกู่ฉินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ชื่อว่า ‘หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย’ ด้วย” หลงหว่านชิงอธิบาย
“โอ้? หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย?” กู่ไห่แปลกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าเล่า
“ใช่แล้ว! หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยได้อุทิศตนในการทำกู่ฉิน และพวกเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับเื่ของบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อย ไม่มีสิทธิ์ทางการเมืองและการทหาร แต่ศักดิ์ศรีของหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยนั้น แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่อาจล่วงเกินได้” หลงหว่านชิงอธิบาย
“โอ้! มีบารมีสูงกว่าท่านอ๋องหรือ? นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก จักรพรรดิ์ต้าเฉียนไม่สนใจเื่นี้หรือ?” กู่ไห่ถามกลับด้วยความกังขา
“ท่านตาข้าหรือ? หมู่บ้านแห่งนี้ แม้แต่ท่านตาก็ต้องยอมรับ ครั้งหนึ่ง เขาเคยไปเยี่ยมเ้าบ้านาุโแห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยด้วยตนเอง อีกทั้งท่านเ้าบ้านยังมอบกู่ฉินระดับเซียนให้กับท่านตาด้วย
เ้ารู้หรือไม่? ว่านอกจากมันจะเป็กู่ฉินระดับเซียนในตำนานแล้ว ยังถือได้ว่าเป็กู่ฉินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งใต้หล้านี้มีไม่มากนัก
ราชวงศ์์ต้าเฉียนมีกู่ฉินระดับเซียนสองตัว แต่ก็ล้วนมาจากหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยทั้งสิ้น!” หลงหว่านชิงอธิบาย
“สองตัว?”
“ทั้งหมดได้มาจากเ้าบ้านาุโของหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย ตัวที่เขามอบให้กับท่านตา ชื่อว่า ‘ติ้งติ่ง’ ส่วนอีกหนึ่งคือ ‘พั่วจวิ้น’ ซึ่งมอบให้กับท่านอ๋องลู่หยาง” หลงหว่านชิงอธิบาย
“ติ้งติ่ง? พั่วจวิ้น?”
“ดังนั้น เ้าอย่าได้มองว่าหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย เป็เพียงหมู่บ้านที่ทำกู่ฉินเท่านั้น ท่านตาเคยไปเยี่ยมเยือนท่านอ๋องลู่หยางแห่งเมืองอิ่งโจวมาก่อน เขาเกรงใจท่านเ้าบ้านมาก เ้าคิดว่าท่านอ๋องยังจะกล้าหาเื่หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยอีกอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงอธิบาย
กู่ไห่พยักหน้า
“อีกอย่าง จากที่ข้าได้ยินมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ท่านเ้าบ้านคล้าย้าคัดสรรผู้เหมาะสม เพื่อให้กู่ฉินระดับเซียนตัวสุดท้าย ซึ่งมีชื่อว่า โกวเฉิน” หลงหว่านชิงบอก
“โกวเฉิน? กู่ฉิน?” กู่ไห่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“อืม! ข่าวนี้แพร่สะบัดไปถึงปรมาจารย์กู่ฉินนับไม่ถ้วนทั่วหล้า เพราะนั่นคือกู่ฉินระดับเซียนแห่งหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย ซึ่งจะมีผู้ได้เพียงสี่คนเท่านั้น ท่านตาของข้า ท่านอ๋องลู่หยาง ส่วนอีกหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ริ่วจื่อ’ ดูเหมือนจะถูกส่งออกไปนานแล้ว และ ‘โกวเฉิน’ นั้น ก็คือตัวสุดท้าย!” หลงหว่านชิงอธิบาย
“ติ้งติ่ง พั่วจวิ้น ริ่วจื่อและโกวเฉิน?” กู่ไห่ทวนคำเสียงเบา พลางครุ่นคิดบางอย่าง
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ถนัดในการดีดกู่ฉิน ส่วนท่านไต้ซือที่ดูจะคุ้นเคยอยู่บ้าง ก็กลับไม่ยอมไปร่วมงาน!” หลงหว่านพูดอย่างเศร้าใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไต้ซือหลิวเหนียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หลุดยิ้มเจื่อนๆก่อนเอ่ย “ข้ามีความรู้เื่กู่ฉิน หมากล้อม พู่กัน และภาพวาดก็จริง แต่กลับเชี่ยวชาญการวาดภาพที่สุด ส่วนหมากล้อมและกู่ฉินนั้น ก็รู้เพียงเล็กน้อย สำหรับหมากล้อม แม้จะเล่นได้ แต่เมื่อเทียบกับท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่แล้ว ก็ถือว่ายังห่างชั้นมากนัก!”
“โอ้? ท่านไต้ซือหลิวเนียน ท่านเชี่ยวชาญเื่การวาดภาพอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถามด้วยความพิศวง
“ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง!” ท่านไต้ซือไม่ได้ปฏิเสธ
“จริงด้วย! กู่ไห่ แล้วเ้าเข้าใจกู่ฉินแค่ไหน?” หลงหว่านชิงถามอย่างสงสัย
กู่ไห่ยิ้มอย่างขมขื่น “กู่ฉิน? ข้าเพียงแค่เคยได้ยินเสียงของกู่ฉิน และในอดีตก็เคยขายกู่ฉินมามาก แต่เมื่อพูดถึงการบรรเลงแล้ว คิดว่าด้วยทักษะของข้า คงจะดีดเงอะงะไม่เป็เพลง ท่านก็รู้ ว่าข้าชำนาญการเดินหมาก”
“น่าเสียดายจริงๆ ที่คราวนี้ หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยเลือกแค่นักกู่ฉินเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมแล้ว” หลงหว่านชิงรำพึง พลางคลี่ยิ้มอย่างนึกเสียดาย
“ท่านถังจู่ แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วม แต่หออี้ผินของเราก็ยังมีท่านหัวหน้าสังกัดมู่ มู่เฉินเฟิงคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการบรรเลงกู่ฉิน บางทีเขาอาจจะมีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีมอบกู่ฉินที่หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยก็เป็ได้” ท่านไต้ซือหลิวเนียนบอก
“มู่เฉินเฟิง? ฮึ่ม! ตอนนั้นที่เขาเรียนกู่ฉิน ก็เพื่อเอาใจท่านแม่ของข้าเท่านั้น!” หลงหว่านชิงเอ่ยด้วยความขัดใจ
ท่านไต้ซือหลิวเนียนยกยิ้มบาง ก่อนตอบ “แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเขามีพร์มิใช่หรือ? ถึงแม้ฝีมือจะแย่กว่าแม่ของท่านเล็กน้อย ทว่ากลับเป็ผู้ที่ดีดกู่ฉินได้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง!”
หลงหว่านชิงขมวดคิ้วแน่น แต่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทุกคนยังคงเดินทางไปตามเส้นทางในเมืองต่อ
ทันใดนั้น ในจุดไกลออกไป ก็เห็นผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกัน รอบๆ ร้านค้าแห่งหนึ่ง
“นั่นคือ ‘หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า’ พวกเขาขายกู่ฉินแทบทุกชนิด หาก้ากู่ฉินประเภทไหน ก็สามารถหาได้จากหอกู่ฉินแห่งนี้!” หลงหว่านชิงกล่าวกลั้วหัวเราะ
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ดูจะเป็ร้านมีชื่อเสียงมาก เช่นนั้นแล้ว มีกู่ฉินระดับเซียนบ้างหรือไม่?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
“มี... แต่ไม่ขาย!”
“หืม?”
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า เป็กิจการของท่านอ๋องลู่หยาง กู่ฉินของท่านอ๋องคือพั่วจวิ้น เป็กู่ฉินระดับเซียน เ้า้าซื้ออย่างนั้นหรือ? แต่นั่นมันเป็ไปไม่ได้!” หลงหว่านชิงกล่าว พลางยิ้ม
“รถกระเรียน์ แวะที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าสักครู่ วันนี้ปรมาจารย์กู่ฉินท่านใดกัน ที่ดึงดูดลูกค้าของหอกู่ฉินได้เช่นนี้?” หลงหว่านชิงถามอย่างตื่นเต้น
สารถีบังคับให้นกกระเรียนค่อยๆ หยุดลง “นี่คือเสียงกู่ฉินของเซียนหว่านเอ๋อร์ขอรับ!”
“เซียนหว่านเอ๋อร์?” ใบหน้าของกู่ไห่แสดงความสนใจใคร่รู้
และตอนนั้นเอง ก็มีเสียงกู่ฉินดังขึ้น
ติ๊งๆ… เตงๆๆ!
เสียงกู่ฉินนั้นดังไม่มากนัก แต่กลับทำให้รอบด้านเงียบสงัด ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ต่างก็หลับตาลง และค่อยๆ ตกลงไปในห้วงแห่งดนตรีที่ตนได้ยิน
กู่ไห่เงยหน้าขึ้น จึงเห็นหญิงสาวในชุดขาวสวมผ้าคลุมหน้า ผมหนาของนางรวบเกล้าอย่างเรียบร้อย มือทั้งสองข้างเรียวยาวขาวสะอาด เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันบริสุทธิ์สดชื่น ซึ่งราวกับจะพุ่งตรงเข้ามาหา
แต่ผู้คนกลับไม่ได้สนใจในรูปลักษณ์ของเซียนหว่านเอ๋อร์แต่อย่างใด เพราะตอนนี้ เสียงกู่ฉินช่างดึงดูดใจนัก มันมอมเมาผู้ฟังให้ตกลงไปในภวังค์ของความไพเราะ อย่างยากที่จะไถ่ถอน
กู่ไห่ค่อยๆ จมลงสู่ภวังค์เช่นกัน เขาหลับตาลงช้าๆ รู้สึกราวกับว่า กำลังอยู่ในทุ่งดอกไม้อันกว้างใหญ่ จิตใจสงบ ผ่อนคลายดั่งรูขุมขนทั่วร่างถูกเปิดออก
เวลานี้ไม่อยากนึกถึงสิ่งใด เพียง้าเพลิดเพลินกับความรู้สึกอันบริสุทธิ์ ที่เสียงกู่ฉินนำมาให้เท่านั้น
คล้ายว่าในชั่วขณะนี้ จะสามารถดูดซับพลังได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่า
จิตใจและร่างกายว่างเปล่า ไร้ซึ่งความคิดใดอื่น ได้แต่ติดตามเสียงกู่ฉินออกไปยังฟากฟ้า
จากนั้นไม่นาน กู่ไห่ก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
ทันทีที่ได้สติกลับมา สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
“ช่างเป็เสียงกู่ฉินที่ทรงพลังนัก!” กู่ไห่มองไปยังห้องใต้หลังคาของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ในห้องว่างเปล่า เนื่องจากเซียนหว่านเอ๋อร์ได้จากไปนานแล้ว
“ช่างเป็เสียงกู่ฉินที่ทรงพลังยิ่ง หากฟังเพลงนี้ระหว่างการต่อสู้ คงถูกอีกฝ่ายเชือดจนกลายเป็เศษเนื้อนับพันชิ้น” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ
บริเวณโดยรอบ ผู้คนต่างก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
“เสียงกู่ฉินของเซียนหว่านเอ๋อร์ช่างร้ายกาจนัก ทำเอาข้าไม่รู้สึกตัวเลย” หลงหว่านชิงถอนหายใจ
“ท่านไม่คิดว่ามันอันตรายเกินไปหรอกหรือ?” กู่ไห่ถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
“อันตราย? นี่มิใช่การชำระล้างจิตใจครั้งยิ่งใหญ่หรอกหรือ? ผู้คนมากมาย เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาในการฝึกฝน หากได้พบปรมาจารย์กู่ฉินที่สามารถบรรเลงเพลงขับกล่อมเช่นนี้ พวกเขาย่อมก้าวข้ามอุปสรรคที่ติดขัดมานาน ปรมาจารย์กู่ฉินจึงก็เป็ที่นิยมมาก” หลงหว่านชิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ตูม!
ไกลออกไป จู่ๆ ก็มีกระแสลมพัดผ่านร่างของผู้ฝึกตน ที่นั่งลงกับพื้นเพื่อฟังเพลง
“ข้าทะลวงผ่านแล้ว ข้าบรรลุพลังแล้ว... ขอบคุณหว่านเซียนเอ๋อร์ ขอบคุณเซียนหว่านเอ๋อร์ ข้าติดอยู่ที่ระดับพลังนี้มาสามสิบปีแล้ว... ขอบคุณเซียนหว่านเอ๋อร์?” ผู้ฝึกตนร้องะโ
ผู้ฝึกตนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างพากันได้สติ ทว่าเซียนหว่านเอ๋อร์ได้จากไปแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกผิดหวัง
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า... ช่างสมชื่อนัก! เข้าไปดูกันเถอะ ว่ามีกู่ฉินที่เหมาะสมกับพวกเราหรือเปล่า?” เหล่าผู้ฝึกตนต่างพากันเข้าไปในหอกู่ฉิน
“กู่ไห่ เ้าเห็นหรือไม่?” หลงหว่านชิงหัวเราะ
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ พลางเอ่ย “อย่างไรเสีย ข้ากลับไม่ชอบความรู้สึกนี้เป็อย่างมาก!”
“บางทีเ้าอาจจะชอบมันในภายหลัง ั้แ่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าเปิดกิจการ ก็มักจะหาปรมาจารย์ด้านกู่ฉินมาบรรเลงกู่ฉินเสมอ
ในเมืองอิ๋นเยวี่ยนี้ ที่นี่เป็หอกู่ฉินซึ่งใหญ่ที่สุด! เ้าลองมองไปรอบๆ สิ ร้านกู่ฉินอื่นๆ ไม่กล้ามาเปิดขายข้างๆ เพราะรู้ว่าไม่อาจแข่งขันกับพวกเขาได้” หลงหว่านชิงพูด พลางยกยิ้ม
กู่ไห่พยักหน้า ก่อนตอบ “หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้านั้นมีความมั่งคั่ง อีกทั้งการประชาสัมพันธ์ก็ถือได้ว่าดีมาก แต่ข้ากลับคิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป!”
“หา?” หลงหว่านชิงส่งเสียงอย่างไม่เข้าใจ
กู่ไห่ส่ายหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นี่เป็เื่ของการตลาด เกี่ยวกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ถึงจะอธิบายไป หลงหว่านชิงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
รถเทียมนกกระเรียนยังคงโลดแล่นไปตามท้องถนน
หลังจากผ่านไปว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดมันก็หยุดลง
สถานที่แห่งนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนา เพื่อความเป็ส่วนตัว บริเวณโดยรอบยังถูกกั้นเอาไว้ด้วยรั้ว รอบด้านห้อมล้อมไปด้วยตำหนักจำนวนมาก ที่เวหาเบื้องบน มีเกาะลอยขนาดใหญ่
เหนือเกาะลอยก็มีหมอกหนาปกคลุมเพื่อความเป็ส่วนตัวเช่นกัน
ด้านหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ เขียนเอาไว้ว่า ‘ตำหนักเสี่ยวเยว่’
รถเทียมนกกระเรียน์หยุดลง พร้อมกันนั้น เหล่าบริวารชายหญิงต่างก็วิ่งมาแต่ไกล
“คารวะท่านถังจู่!” เมื่อทุกคนเห็นหลงหว่านชิง ต่างก็ทักทายอย่างนอบน้อม
“ถึงแล้ว! นี่คือตำหนักที่มารดาข้าสร้างเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ก็คือหออี้ผินที่ข้าพำนักอยู่” หลงหว่านชิงแนะนำด้วยรอยยิ้ม
---------------------------------------------
[1] กู่ฉิน หรือพิณ 7 สาย มีอายุมากกว่า 3,000 ปี ได้รับการขนานนามว่า ‘ าาแห่งเครื่องดนตรีจีน ’
ในสมัยก่อน กู่ฉินเป็เครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมในหมู่ปัญญาชน นักปราชญ์และกวี อย่างเช่น ขงจื้อ ขงเบ้ง เป็ต้น เพราะถือว่าเป็เครื่องดนตรีชั้นสูง ที่ต้องใช้สมาธิและความตั้งใจในการบรรเลง
กู่ฉิน เป็เครื่องดนตรีที่พัฒนาจนสมบูรณ์แบบ มาั้แ่สมัยราชวงศ์ฮั่น มีโน๊ตเพลงที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็ ‘มรดกโลก’ (The Oral and Intangible Heritage of the humanity) จากองค์การยูเนสโก้ และเป็หนึ่งใน 4 สิ่งล้ำค่าควรศึกษาของจีน ที่เรียกว่า ‘ฉิน ฉี ชู ฮว่า’ ซึ่งก็คือ กู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษร และการวาดภาพนั่นเอง
[2] อินเยวี่ย (音乐) แปลว่าดนตรี อ่านออกเสียงคล้ายกับชื่อเมืองอิ๋นเยวี่ย