ดวงตานางจ้าวฉายแววดุร้ายนางอาศัยท่าก้มหน้าประสานมือคำนับมาปกปิดความร้ายกาจในดวงตาของตน
“ฮูหยินใหญ่โปรดไว้ชีวิต ฮูหยินช่วยพวกบ่าวด้วยเถิดเ้าค่ะ”สาวใช้หลายคนพากันคุกเข่าคลานเข้ามาที่ขาของหลิ่วจิ้ง โขกหัวพร้อมกันไม่หยุดโดยมิได้นัดหมาย
ได้ยินเสียงโขกหัวโป๊กๆๆ หลิ่วจิ้งจึงหมดอารมณ์ชมละครต่อไปเหตุใดคนเหล่านี้ถึงถูกนางจ้าวลากเข้ามาเป็ผีตายแทนเสียได้ล้วนเป็ผู้คนที่น่าเวทนานัก
“ตายจริง นี่มันเื่ใดกันเหตุใดเรือนฮูหยินใหญ่จึงไม่มีคนมาคอยดูแลเลยสักคนเล่า”
เสียงสดใสดั่งนกขมิ้นออกจากเขาของอาหนูดังมาจากนอกห้อง เสียงมาถึงคนก็มาถึงด้วย อาหนูเชิดหน้าชูอกเดินเข้าไปในห้องโดยมีจื่อเซียวช่วยเปิดม่านที่ประตูให้
พออาหนูเห็นเห็ดหลินจือเืบนพื้นมีมดขึ้นเต็มไปหมดก็หันมองทางนางจ้าวอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่เมื่อพบว่าดอกหญ้าเงาเ้าที่นางมอบให้กระถางนั้นยังคงจัดวางที่หัวเตียงของนางจ้าวใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็สุขก็ยิ่งสดใสเสียยิ่งกว่าเก่า
นางจ้าวนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง ค่อยๆขยับตัวอย่างระมัดระวังเพื่อให้นั่งในท่าที่สบายขึ้นทั้งยังเป็การปกปิดสายตาได้ใจของนางไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“คารวะฮูหยิน ฮูหยินใหญ่สบายดีหรือไม่เ้าคะ” แม้จะฝืนใจ แต่อาหนูก็ยังคารวะอย่างเต็มพิธีอีกทั้งใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มแสนเย้ายวน
นางจ้าวขมวดคิ้วแน่น นางไม่ชอบรอยยิ้มนี้ของอาหนูเป็ที่สุดโดยเฉพาะเมื่อท่านแม่ทัพเคยเอ่ยกับนางบนเตียงหลังจากรุกเร้ากันเสร็จว่า “ไฉ่เอ๋อร์หากริมฝีปากระเรื่อของเ้าในยามนี้ รวมกับรอยยิ้มชวนใหลหลงของอาหนูเป็คนเดียวกันจะทำให้บุรุษทั่วหล้าหลงใหลเพียงใด?” ตอนนั้นนางก็แทบอดใจไม่ไหว อยากเอามีดกรีดหน้าอาหนูสักหลายๆ หน
“โธ่ ฮูหยินใหญ่นี่ท่านเป็อันใดไป ขมวดคิ้วเช่นนี้เพราะไม่ชอบให้อาหนูมาเยี่ยมหรือเ้าคะ”
นางจ้าวนึกถึงค่ำคืนเหลือทนนั้น สีหน้าดุร้ายด้วยความชิงชังรังเกียจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินอาหนูเอ่ยคำเย้ยหยัน นางพลันงอตัวโก่งคอจะอาเจียนอยู่หลายครั้งเพื่อกลบเกลื่อนท่าทีของตน
“ใช่เสียที่ไหนกัน เห็นหรือไม่ลูกที่อยู่ในท้องมักทำให้ไม่สบายเช่นนี้รู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียนตลอดเวลา สีหน้าจึงไม่ใคร่ดีนัก”
อาหนูแอบชังอยู่ในใจ การที่ไม่มีบุตรธิดาสักคนเป็เื่ทุกข์ใจที่สุดของนางแต่ฮูหยินใหญ่กลับเอาแต่ทำท่ายินดีปรีดาที่ได้ตั้งครรภ์
นางจ้าวเอ่ยยิ้มๆ กับอาหนูว่า “อาหนูเองก็พยายามอีกสักหน่อยตั้งครรภ์บุตรสักคนให้ไวๆ เข้า จะได้เข้าใจถึงความลำบากของข้าในยามนี้”
นางพูดพลางเอื้อมมือไปกุมท้อง แม้จะบอกว่าลำบากแต่ใบหน้ากลับเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
อาหนูขมขื่นอยู่ในอก ก่อนองค์หญิงจะเข้าจวน ท่านแม่ทัพมักมาสำเริงสำราญกับนางที่เรือนเป็ประจำนี่ก็เกือบจะเจ็ดปีแล้ว เหตุใดท้องนางจึงไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลยเล่า
นางไม่ควรแสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจของตนต่อหน้าผู้อื่นโดยเฉพาะนางจ้าวที่กำลังได้อกได้ใจอยู่ตรงหน้านาง
“การไม่มีทายาทก็มีข้อดีอยู่ เห็นหรือไม่คืนวานท่านแม่ทัพเพิ่งจะชมข้าว่าหากสตรีในจวนล้วนตั้งครรภ์กันหมดแล้วความรุ่มร้อนของเขาจะไประบายกับผู้ใดได้ ฮูหยินใหญ่ท่านไม่ทราบยามอาหนูนึกถึงความเร่าร้อนของท่านแม่ทัพเมื่อคืนก็อดรู้สึกเขินอายขึ้นมามิได้”
อาหนูพูดพลางต้องก้มหน้าลงด้วยความขวยเขิน
ได้ยินคำของอาหนู หลิ่วจิ้งแอบใจเต้นอยู่ลึกๆคงมิใช่ว่าเมื่อคืนหั่วอี้ถูกนางกระตุ้นเพลิงราคะจนภายหลังต้องไประบายกับอาหนูหรอกนะ
“พวกเ้า บ่าวโง่เง่าพวกนี้ ออกไปคุกเข่าข้างนอกเรือนก่อนแต่ละคนไม่มีหัวคิด ไม่เห็นหรือว่าเ้านายกำลังสนทนากัน ยังมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกอัปมงคลเสียจริง”
ดูท่านางจ้าวจะโกรธหนักแล้วนางเอื้อมมือไปคว้ากระถางดอกหญ้าเงาเ้าโยนใส่พวกบ่าวที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเสียงดังโครมคราม กระถางดอกไม้แตกกระจายอยู่บนพื้น ดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งกระเด็นออกมานอกกระถาง
เวลานั้นเอง เหมยเซียงกำลังยกกาน้ำชาที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามาคงเพราะใจึงทำกาน้ำชาหลุดมือ บังเอิญเหลือเกินที่น้ำชาร้อนๆกลับราดลงบนดอกหญ้าเงาเ้าจนหมด หลังเกิดเสียงชี่ๆ หลายครั้งดอกไม้ที่เดิมทีกำลังเบ่งบานก็เหี่ยวลงราวกับถุงพองลมที่ถูกเข็มแทง
“แย่แล้ว บ่าวสมควรตายนัก ฮูหยินใหญ่โปรดอภัยด้วยเ้าค่ะ”เหมยเซียงเห็นว่าทำผิดใหญ่หลวงจึงตื่นใจนหน้าเสีย คุกเข่าลงกับพื้นโขกหัวให้นางจ้าวไม่หยุดนางโขกหัวแรงจนหน้าผากเป็รอยเืขึ้นมาทันใด
“ช่างเถิดๆ เหมยเซียงเ้ารีบออกไปเสีย ไปให้ไกลๆรู้ทั้งรู้ว่าข้ากำลังดูแลบำรุงครรภ์ สร้างกุศลให้ลูกอยู่ เืนี่ข้าเห็นแล้วกระอักกระอ่วนนักเ้ารีบออกไปเสีย”
นางจ้าวทำท่าเหมือนจะอาเจียน เหมยเซียงกลัวจะรบกวนฮูหยินใหญ่จึงไม่กล้าอยู่ในห้องต่อ“เ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ ฮูหยินใหญ่โปรดทำใจให้สบายครรภ์ของท่านสำคัญนักเ้าค่ะ”
เหมยเซียงพูดพลางถอยออกไปนอกห้องจากนั้นก็ะโใส่สาวใช้หน้าตาสะอาดสะอ้านซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่ลานบ้านคนหนึ่ง“จือเซี่ย เ้ารีบเข้าไปปรนนิบัติฮูหยินใหญ่ ระวังให้มากด้วยหากฮูหยินใหญ่สบายใจแล้ว ไม่แน่ว่าอาจละเว้นโทษให้เ้า”
“เ้าค่ะๆๆ ขอบคุณพี่เหมยเซียงที่สนับสนุน” สาวใช้ที่ชื่อว่าจือเซี่ยผู้นั้นรีบแยกตัวออกมาจากแถวของบ่าวที่นั่งคุกเข่าอยู่และวิ่งเหยาะๆเข้าไปในห้อง เหล่าบ่าวไพร่ที่ยังคงนั่งคุกเข่าล้วนมองตามจือเซี่ยไปด้วยสายตาอิจฉาต่างคิดในใจว่าเมื่อครู่หากคนที่เหมยเซียงเรียกชื่อเป็พวกตน ต่อให้ไม่ได้เลื่อนขั้นเป็สาวใช้ชั้นเอกแค่ได้เป็สาวใช้ชั้นรองก็ยังดี
“มองอะไร ยังไม่นั่งคุกเข่ากันให้ดีๆ” คงเพราะเมื่อครู่เหมยเซียงถูกฮูหยินใหญ่ตวาดใส่จึงอารมณ์ไม่ดีน้ำเสียงยามพูดจาถึงได้หนักกว่าเดิมมาก
บ่าวไพร่เ่าั้ใ พากันก้มหน้าและนั่งคุกเข่าให้ดีๆ
เหมยเซียงหันหลังเดินไปที่ห้องของตน ไม่มีใครเห็นว่านางยกมุมปากขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์
“โธ่เอ๊ย ดอกไม้หายากที่ข้าได้มาอย่างยากเย็นฮูหยินใหญ่เหตุใดท่านปล่อยนังบ่าวโง่เหมยเซียงไปง่ายดายนัก? อย่างไรก็ควรต้องตีด้วยไม้ใหญ่สิบไม้จึงจะได้นะเ้าคะ”อาหนูชิงชังในใจเหลือทนเมื่อเห็นว่าดอกไม้ไม่เหลือชีวิตรอดแล้ว
“วันๆ อย่าเอาแต่ทุบแต่ตีอยู่เลยฮูหยินผู้เฒ่าบอกแล้วว่าต้องสั่งสมบุญกุศลให้ลูก เมื่อครู่ข้าก็โมโหเกินไปจึงให้บ่าวพวกนั้นมานั่งคุกเข่าที่พื้นยามนี้เพิ่งสำนึกได้ว่าทำเช่นนั้นมิเท่ากับเป็การตัดทอนบุญกุศลของลูกหรอกหรือ”นางจ้าวพูดคล้ายว่านางคิดตกแล้ว จึงสั่งความกับจือเซี่ยที่เพิ่งเข้ามาในห้องว่า“รีบไปบอกให้คนที่อยู่ที่ลานเรือนแยกย้ายกันไปให้หมด ควรทำอะไรก็ไปทำเสียวันหน้าให้ทุกคนตั้งใจ ระมัดระวังให้มากขึ้นอย่าทำเื่ให้ข้าตำหนิพวกเ้าได้อีก”
“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่เมตตาเ้าค่ะ” จือเซี่ยนึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวเื่ราวก็กลับตาลปัตร พวกนางล้วนไม่ต้องได้รับโทษนางเอ่ยขอบคุณหนแล้วหนเล่าแล้วรีบไปบอกกับสาวใช้คนอื่นๆ ที่คุกเข่าอยู่ที่ลานบ้าน
เมื่อได้ยินว่าฮูหยินใหญ่ไม่เอาความเื่เห็ดหลินจือเืทั้งไม่ลงโทษพวกนางแล้ว ทุกคนจึงพากันยินดีและแยกย้ายออกไปทำงาน
_____________________________
