ตึง!
คลื่นกระบี่ที่พุ่งโจมตี หยุดค้างกลางเวหา ด้วยฝ่ามือของผู้มาใหม่
“อะไรกัน?” ท่าทีของซ่งเซิงผิงเปลี่ยนไปทันที
เขาทุ่มกำลังทั้งหมดแล้ว ทว่าคลื่นกระบี่กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
ผู้ที่เดินออกมาจากรอยแยกของห้วงมิติ ก็คือไต้ซือหลิวหนียน ที่หายตัวไปนานนับเดือนนั่นเอง
“ช่างเป็คลื่นกระบี่ที่มีจิตสังหารรุนแรงนัก หากมันพุ่งมาเร็วกว่านี้คงจะเสียบทะลุร่างข้าไปแล้ว” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าว
แกรก!
ซ่งเซิงผิงพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มี เพื่อดันกระบี่ของตนอีกครั้ง
ปัง!
คลื่นกระบี่พลันะเิออกเป็เสี่ยงๆ กระบี่ยาวในมือเขา ค่อยๆ ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นเป็จำนวนมาก
“หลิวเหนียน?” ซ่งเซิงผิงซัดฝ่ามือออกไปขวาง
คลื่นฝ่ามือก่อตัวและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย ราวกับลมพายุ
“ฮึ่ม!” ไต้ซือพ่นลมหายใจเล็กน้อย ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกมา ทำท่าจิ้มลงกลางอากาศ แล้วคลื่นพลังรูปร่างคล้ายนิ้วมือ ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ตูม!
แม้คลื่นพลังจะถูกต้านเอาไว้ได้ แต่แรงโจมตียังไม่สูญสลาย เพียงพริบตา คลื่นพลังของไต้ซือหลิวเหนียน ก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าซ่งเซิงผิง
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!” ท่าทีของซ่งเซิงผิงพลันเปลี่ยนไป รีบใช้ข้อศอกป้องกันการโจมตีอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ร่างของเขาถูกกระแทกจนลอยกระเด็น
“พรวด!”
ซ่งเซิงผิงกระอักโลหิตทันที ก่อนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนก
ได้ยินมาไม่น้อย ว่าไต้ซือหลิวเหนียนนั้นเก่งกาจนัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะกล้าแกร่งถึงเพียงนี้ ตนเองในตอนนี้ ไม่อาจเทียบได้เลยจริงๆ
“ถอย!” ซ่งเซิงผิงร้องสั่งเสียงดัง
ฟึ่บ!
พลางหมุนตัว ร่อนลงจากูเา ตรงไปยังหลี่ชิงเหอ
ฟึ่บ!
เขาคว้าร่างของหัวหน้าสำนักชิงเหอขึ้นมา ก่อนจะเหาะหนีไป
“ท่านหัวหน้าสำนักหนีไปแล้วหรือ?”
“แม้แต่หัวหน้าสำนัก ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?”
“จบกัน... หนีเถอะ!”
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรต่างตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น พากันล่าถอยตามคำสั่งของท่านหัวหน้าสำนัก
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ… ฮึ่ม!” ไต้ซือหลิวเนียนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนเอื้อมมือซ้ายออกไป
บนมือซ้ายของเขา พลันปรากฏสร้อยประคำเส้นหนึ่ง ไต้ซือหลิวเหนียนโยนสร้อยประคำในมือขึ้นฟ้าทันที
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น เงาสร้อยประคำมากมาย ก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเหล่าศิษย์ซ่งเจี่ยที่กำลังวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ
“อ๊าก!”
ร่างของผู้ที่คิดจะหลบหนี ถูกมัดไว้ด้วยเงาสร้อยประคำทันที
“ปล่อยข้าๆ!” กลุ่มคนครึ่งอสูรต่างร้องด้วยความหวาดกลัว
ในจุดที่ไกลออกไป เงาสร้อยประคำหลายสาย พุ่งตรงไปที่ร่างของซ่งเซิงผิงและหลี่ชิงเหอ ซึ่งเหาะหนีอยู่
ซ่งเซิงผิงเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นซัดพลังสร้อยประคำออกไปให้พ้นตัวทันที
ตูม!
ทั้งสองหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ไต้ซือหลิวเนียนมองไปรอบบริเวณ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
ที่ด้านข้าง มีรูปปั้นหินวางกระจัดกระจายมากกว่าสามพันตัว ไม่ไกลกันนั้น คือร่างที่ปกคลุมไปด้วยไอสีดำของกู่ไห่ ซึ่งกำลังล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าได้รับาเ็สาหัส บนพื้นโดยรอบเต็มไปด้วยกองกระดูก
เขาเคยพบสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยซากศพของศิษย์สำนักชิงเหอ ที่ถูกฉีกร่าง ควักหัวใจออกไป จึงทำให้เขารับรู้ถึงเื่เหล่านี้
กลุ่มคนครึ่งอสูรที่ถูกพันธนาการร่างด้วยสร้อยประคำ ต่างจ้องมองไต้ซือหลิวเหนียนและกู่ไห่ ด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว กลิ่นคาวงูบนศีรษะของพวกเขา ช่างน่ารังเกียจอย่างหาที่เปรียบมิได้
“เกิดอะไรขึ้น? ถังจู่อยู่ที่ใด?” ไต้ซือหลิวเหยียนถามกู่ไห่
“เร็ว! รีบจับตัวไว้ พวกเขาเป็คนนำตัวถังจู่ไป... เร็วเข้า! อย่าปล่อยให้หนีไปได้” กู่ไห่ชี้ไปยังทิศทางที่ซ่งเซิงผิงเหาะหนีไป พลางร้องบอก
ได้ยินเช่นนั้น ไต้ซือก็มิได้เอ่ยอะไรอีก เพียงเร่งตามร่างของสองผู้หลบหนีทันที
ฟึ่บ!
พริบตา ไต้ซือก็เหาะไปไกล
“แค่กๆๆ!” กู่ไห่กระอักโลหิต และลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
ที่พื้นดิน มีกองกระดูกสองถึงสามร้อยกองกระจายอยู่เต็มบริเวณ และเพราะในตอนนี้ ร่างของศิษย์ครึ่งอสูรกว่าห้าร้อยคน ได้ถูกจับกุมตัวเอาไว้ โดยสร้อยประคำของไต้ซือหลิวเหนียน จึงทำให้พวกเขาไม่อาจหนีไปไหนได้
แววตาของกู่ไห่ดูเยียบเย็น ขณะเดินซวนเซไปยังกลุ่มคนครึ่งอสูรตรงหน้า
“เ้าจะทำอะไรน่ะ?” กลุ่มคนครึ่งอสูรถามด้วยความโกรธแค้น
ฟ่อๆๆ!
อสรพิษต่างแยกเขี้ยวขู่คำรามอีกฝ่าย ที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา
กู่ไห่เช็ดเืที่มุมปาก ก่อนเผยรอยยิ้มร้าย
ฉึก!
กระบี่ในมือ แทงเข้าใส่ร่างของหนึ่งในกลุ่มคน
ฟู่!
ทันใดนั้น ควันสีดำก็ลอยออกมา แล้วแปรสภาพกลายเป็หัวกะโหลกขนาดเล็ก พุ่งเข้ากัดกินเืเนื้อของชายครึ่งอสูรตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก!”
ชายผู้โชคร้ายส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเ็ป
แต่ไม่นาน ร่างของผู้โชคร้ายก็เหลือเพียงกระดูก
ฟึ่บ!
เงาของสร้อยประคำหายไป โครงกระดูกหล่นกระจัดกระจายทั่วพื้น
“อะไรกัน? ศิษย์พี่ถูกกระบี่ของกู่ไห่กลืนกินอย่างนั้นหรือ? กิน?”
“ไม่ๆ! ข้าไม่อยากถูกกิน… ไม่นะ!”
“กู่ไห่ โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น!”
ท่ามกลางเสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิต ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกพรั่นพรึงต่อความตาย ที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
กู่ไห่คลี่ยิ้มร้ายกาจ ก่อนเอ่ย “หากเป็มนุษย์ ข้าก็คงไม่อาจสังหารได้ แต่ตอนนี้ พวกเ้ายังนับว่าเป็มนุษย์อยู่อีกหรือ? เ้าพวกมารกินคน... เป็อย่างไรบ้างล่ะ รสชาติของหัวใจและเืเนืุ้์? มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?
นับแต่ที่เ้าเลือกจะกลายเป็อสูร นั่นก็หมายความว่าเ้า้าจะยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเหล่ามนุษย์แล้ว
ศัตรูของเผ่ามนุษย์... ฆ่าพวกมันให้สิ้น!”
ฉึกๆๆ!
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
“ข้าจะไม่กินคนอีกแล้ว อย่าสังหารข้า!”
กระบี่เจวี๋ยเซิงของกู่ไห่ กลืนกินมนุษย์ครึ่งอสูรไปคนแล้วคนเล่า พวกอสูรเหล่านี้ เขาไม่มีทางปรานีเด็ดขาด เพราะหากไม่ฆ่าล้างให้สิ้น มนุษย์อีกมากมายต้องโดนพวกมันกินแน่
ฆ่าๆๆๆ!
แครกๆๆ!
โครงกระดูกหล่นกระจายเต็มพื้นที่
คนครึ่งอสูรทั้งหมดถูกสังหารโดยกู่ไห่ เมื่อกระบี่เจวี๋ยเซิงได้กลืนกินเืเนื้อ หนึ่งในพันของพลังเ่าั้ ก็จะถูกกลั่นออกมาและไหลเข้าสู่ร่างของชายหนุ่ม นี่ก็คือพลังที่เขา้าที่สุด
อาการาเ็เมื่อครู่ ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พลังชี่จำนวนมากพุ่งตรงไปยังจุดตันเถียนทันที
ตูม!
ลมกระโชกแรง พัดผ่านร่างไป
“ก่อ์ ขั้นที่แปด?” ดวงตาของกู่ไห่เป็ประกาย
หลังจากที่กระบี่เจวี๋ยเซิง กลืนกินคนครึ่งอสูรไปมากถึงแปดร้อยคน ก็ทำให้เขาสามารถเลื่อนระดับพลังได้หนึ่งระดับอย่างนั้นหรือ?
ชายหนุ่มเหลือบมองกองกระดูกด้านล่าง ด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมพูดเสียงเรียบ “มนุษย์กินคน!”
“ตัวท่านเอง ก็มิได้ต่างอะไรกับคนพวกนี้มิใช่หรือ?” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
กู่ไห่หันไปมองทันที
จึงพบว่าไต้ซือหลิวเหยียนได้กลับมาแล้ว ดวงตาคมของอีกฝ่ายแลดูกองกระดูกเบื้องล่าง ก่อนมองชายหนุ่มด้วยแววตาเย็นะเื
แม้จะไม่รู้ว่ากู่ไห่ทำอะไรลงไป แต่กองกระดูกทั้งหมดนี้ ก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้แล้ว ว่าเขาเองก็ใช้พลังชั่วร้ายบางอย่างเช่นเดียวกัน
ไต้ซือหลิวเหนียนเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง
ชายหนุ่มก็มิได้เกรงกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด ยังคงกระชับกระบี่เจวี๋ยเซิงในมือไว้มั่น พลางถามเสียงเย็น “แล้วอย่างไร? ท่านคิดว่ากลุ่มมารกินคนพวกนี้ ไม่สมควรถูกฆ่าอย่างนั้นหรือ?”
ไต้ซือหลิวเหยียนมองกู่ไห่นิ่งๆ ก่อนเอ่ย “สมควรฆ่า... แต่ก็ไม่อาจใช้วิธีเช่นนี้”
“สมควรฆ่า? ทว่าวิธีการสังหารของท่านและข้า ย่อมแตกต่างกันออกไป ตามอุดมการณ์ของแต่ละคน เช่นนี้แล้ว ท่านก็คิดจะกำจัดพวกเดียวกันอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเ็า
ไต้ซือมองอีกฝ่าย แล้วหยุดคิดชั่วครู่
“กู่ไห่ ข้ากับถังจู่ชื่นชมท่านมาก อย่าเดินผิดทางเลย” ไต้ซือหลิวเหนียนเอ่ยเสียงต่ำ
“เหอะ! ผิดทางแล้วอย่างไร? มันก็เื่ของข้า มิใช่สิ่งที่ท่านควรเก็บมาใส่ใจ” ชายหนุ่มพูดอย่างมึนตึง
ไต้ซือจ้องมองอีกฝ่าย นิ่งไปชั่วครู่ แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก แต่จำต้องสะกดกลั้นอารมณ์ส่วนลึกเอาไว้
“ไม่ตามพวกเขาไปหรือ?” กู่ไห่ถาม
ไต้ซือส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบ “ซ่งเซิงผิงมีแหวนั เขาใช้แหวนวงนั้นช่วยในการหลบหนีไปแล้ว!”
“แหวนั?” ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ที่นี่มีเื่อะไรกันแน่? ท่านช่วยบอกได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น? แล้วถังจู่อยู่ที่ไหน?” ไต้ซือหลิวเหยียนเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
กู่ไห่ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟัง
“เข้าใจแล้ว แค่ข้าออกไปไม่นาน... ซ่งเซิงผิง? ช่างกล้านัก!” ไต้ซือหลิวเหยียนกล่าวเสียงต่ำ
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือความปลอดภัยของถังจู่” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น
“คาดว่าในเวลาอันสั้นนี้ คงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับถังจู่แน่” ไต้ซือหลิวเหยียนเอ่ย
“หืม?” กู่ไห่กังขา
“เจียวหลงตัวนั้น ข้ารู้จัก ฟู่เสวี่ย? เขารู้ตัวตนของถังจู่ดี ดังนั้นแม้จะจับตัวถังจู่ไป แต่คงจะไม่กล้าทำร้ายนางแน่ นอกเสียจากว่าเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ต่อให้เขาได้ชีพจรัปฐี ก็ไม่มีที่ให้หลบหนี” ไต้ซือหลิวเหนียนพูดอย่างมั่นใจ
“ถึงกระนั้น ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ อย่างไรก็ต้องรีบไปช่วยถังจู่” ชายหนุ่มกล่าวเสียงต่ำ
ไต้ซือหลิวเหยียนพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง!”
“ไต้ซือหลิวเหนียน ผู้ใต้บังคับบัญชาสามพันคนนี้ติดตามข้ามาเพื่อช่วยเหลือท่าน ด้วยเหตุนี้ถึงได้กลายเป็รูปปั้นหิน ท่านพอจะมีวิธีทำให้พวกเขากลับมาเป็ปกติหรือไม่?” กู่ไห่มองดูเหล่ารูปปั้นหินด้วยความกังวล
ไต้ซือมองรูปปั้นหินสามพันตัว คิ้วของเขาพลันขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนถอนหายใจเล็กน้อย “หาก้าแก้คำสาปให้พวกเขา ก็มีเพียงวิธีเดียว”
“หืม?”
“ฆ่าหลี่ชิงเหอ หากเขาตาย คำสาปก็จะเสื่อมลงทันที” ไต้ซือหลิวเหยียนกล่าวเสียงเรียบ
ชายหนุ่มพยักหน้า “ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เป็ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร เกาะจิ๋วหวู่ในยามนี้ไม่สงบสุขอีกแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับถังจู่แม้แต่น้อย คงไม่พ้นที่จะเป็ความผิดข้า” ไต้ซือหลิวเหนียนพูด พลางส่ายหน้า
“พวกท่านได้ไปถึงยมโลกหรือไม่?” กู่ไห่ถามด้วยความใคร่รู้
ไต้ซือสั่นศีรษะ แล้วเล่าว่า “พวกเราไปยังเมืองภูตที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น แต่ยังหาไม่พบ ทว่าพอจะได้เบาะแสเล็กน้อย นั่นคือ เจอิญญาของบ่าวรับใช้คนหนึ่ง ที่ถูกสังหารไปพร้อมท่านแม่ของถังจู่ แต่เพราะข้าต้องรีบกลับมา จึงยังไม่ทันได้สอบถามเขา”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะยังมีเื่ที่ยุ่งยากยิ่งกว่านี้รออยู่
“ไต้ซือหลิวเหนียน ผู้ใต้บังคับบัญชาสามพันคนนี้ ข้าไม่อาจทิ้งเอาไว้ที่นี่ได้ ท่านช่วยนำร่างของพวกเขา กลับไปยังจวนสกุลกู่ได้หรือไม่?” กู่ไห่ถาม
“ได้!”
เอ่ยจบ ไต้ซือก็นำเรือเหาะออกมาจากแขนเสื้อ
ฟึ่บ!
เรือเหาะขยายขนาดพลัน เมื่อไต้ซือหลิวเหนียนโบกมือ กลุ่มเมฆสีขาวก็ปรากฏใต้กลุ่มรูปปั้น แล้วรูปปั้นหินกว่าสามพันตัวนั้น ก็ลอยขึ้นไปอยู่บนเรือเหาะ
ส่วนกู่ไห่ ก็รีบวิ่งไปยังเรือนที่อยู่ใกล้ๆ หาสถานที่หลบสายตาของไต้ซือหลิวเหนียน ก่อนจะเก็บกระบี่เจวี๋ยเซิง ที่ตอนนี้กำลังค่อยๆ กลายสภาพเป็กระดูกซี่โครงของเขาตามเดิม จากนั้นจึงเดินสำรวจไปทั่วเรือนต่างๆ ที่อยู่รายรอบ
“หัวหน้าสังกัดกู่ กำลังหาอะไรอยู่หรือ?” ไต้ซือหลิวเหยียนถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มยกยิ้มเจื่อนๆ ก่อนพูด “ข้าเป็หนี้ผู้ฝึกตนจำนวนมาก เพราะต้องนำหินิญญามากมายมาสร้างค่ายกล ดังนั้นจึงต้องหาหินิญญากลับไปคืนพวกเขา”
“โอ้?” ไต้ซือได้ยินเช่นนั้น ก็นึกประหลาดใจ
“ไม่ต้องหาแล้ว หนี้ของท่านข้าจะใช้คืนให้เอง อย่างไรเสียทั้งหมดนั่นก็เป็เพราะข้า” ไต้ซือบอก
“หืม?” กู่ไห่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ฟึ่บ!
ไต้ซือพลิกมือ แล้วนำหินิญญาชั้นสูงจำนวนมากออกมาส่งให้
ชายหนุ่มก็มิได้เกรงใจ เพียงรับมาเก็บเอาไว้
ไต้ซือหลิวเหยียนช่างใจกว้างนัก หินิญญาจำนวนนี้ มากกว่าที่ตนกู้ยืมมาถึงสิบเท่า คนตรงหน้าเขาคือผู้มั่งคั่งตัวจริง!
“ไปกันเถอะ” ไต้ซือหลิวเหนียนเอ่ย
กู่ไห่พยักหน้า และเดินขึ้นเรือเหาะไปพร้อมไต้ซือทันที จากนั้นเรือเหาะก็ลอยขึ้น มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลกู่อย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้