บทที่ 2:ิญญาในร่างใหม่.
สติของถังเหมยหลินลอยคว้างกลับคืนสู่ร่างอย่างเชื่องช้า ราวกับนักเดินทางผู้หลงทางที่เพิ่งค้นพบบ้านของตนเองอีกครั้ง ความรู้สึกแรกที่ััได้ไม่ใช่ความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่เป็ความหยาบกระด้างของแคร่ไม้ไผ่ที่รองรับแผ่นหลัง และกลิ่นอับชื้นของดินผสมกับสมุนไพรจางๆ
ครั้งนี้...นางไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างแตกตื่น
ภาพความทรงจำที่มิใช่ของตนเองไหลบ่าเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตกอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่กระแสน้ำอันบ้าคลั่งที่ทำลายล้าง หากแต่เป็ธาราแห่งข้อมูลที่ค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ทุกอณูของจิติญญา
“พี่ใหญ่ข้าจะตัดเชือกออกให้ท่านพี่ก่อน” ซูก๋วนไม่รอช้ารีบใช้มีดตัดผ้ามัดตราสังทั้งมือและท้าวของนางออก ในขณะที่แม่ยังยืนตะลึง ความทรงจำของเด็กสาววัย15 เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
นางเห็นภาพของครอบครัวที่ยากจนข้นแค้น มีเพียงมารดานาม ซูเจิน และน้องชายนาม ซูก๋วน เป็ที่พึ่ง บิดาเสียชีวิตในาชายแดนเมื่อหลายปีก่อน ทิ้งไว้เพียงหนี้สินและภาระ
เพียงไม่นานความทรงจำทั้งหมดเริ่มนิ่ง นางเห็นความอดทนของมารดาที่ทำงานหนักจนมือด้านชา เห็นความสดใสของน้องชายที่คอยเป็กำลังใจให้เสมอ และเห็น...สาเหตุการตายของร่างนี้
ไข้ป่า...
เป็เพียงไข้ป่าธรรมดาที่คร่าชีวิตเด็กสาวผู้โชคร้ายไปอย่างง่ายดาย ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ของถังเหมยหลินะโก้องในหัวว่า หากเพียงมียาปฏิชีวนะหรือแม้แต่น้ำเกลือดีๆ สักขวด เด็กสาวคนนี้ก็คงไม่ตาย
"พี่ใหญ่! ท่านฟื้นแล้วจริงๆ!"
เสียงของซูก๋วนปลุกนางจากภวังค์ หลังจากเก็บเศษผ้าที่มัดมือและท้าวออก เด็กหนุ่มปรี่เข้ามาข้างๆ แคร่ ดวงตาที่เคยแดงก่ำบัดนี้ฉายแววแห่งความหวังอันเปี่ยมล้น เขายื่นถ้วยกระเบื้องบิ่นๆ ที่มีน้ำข้าวอุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาให้
ทว่าซูเจิน ผู้เป็มารดา กลับยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้อง สายตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนระหว่างความรัก ความยินดี และความหวาดกลัวที่ฝังรากลึก นางจำแววตาและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของบุตรสาวได้อย่างชัดเจน
ถังเหมยหลิน...หรือซูเหยียนในบัดนี้ ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า กล้ามเนื้อทุกส่วนยังคงอ่อนแรงจากการเจ็บป่วยมานาน นางมองน้องชายด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง ก่อนจะหันไปสบตากับมารดา
"ท่านแม่...ข้าหิวน้ำ" นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ยังแหบพร่า แต่พยายามเลียนเสียงของซูเหยียนคนเดิมให้ได้มากที่สุดซูเจินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินไปรินน้ำจากไหดินมาให้ แต่ก็ยังเว้นระยะห่างอย่างระแวดระวัง
ในฐานะแพทย์ทหาร ถังเหมยหลินวิเคราะห์อาการของร่างกายนี้ทันที...ภาวะขาดน้ำรุนแรง ไข้สูงที่เพิ่งลดลง และร่างกายที่ขาดสารอาหารอย่างหนัก น้ำข้าวในถ้วยคงช่วยได้บ้าง แต่ยังไม่พอ
"ซูก๋วน" นางเรียกชื่อน้องชาย ความทรงจำของซูเหยียนทำให้นางเรียกชื่อนี้ได้อย่างเป็ธรรมชาติ "ไปต้มน้ำให้เดือด แล้วหาเกลือมาให้ข้าสักหยิบมือได้หรือไม่?"
"เกลือหรือท่านพี่?" ซูก๋วนทวนคำอย่างแปลกใจ "เกลือเป็ของมีค่า ท่านจะเอาไปทำอะไร?" ในยุคนี้ เกลือคือสิ่งสำคัญที่ใช้ถนอมอาหารและมีราคาสูงสำหรับชาวบ้านจนๆ อย่างพวกเขา
"เชื่อพี่เถอะน่า" นางฝืนยิ้ม "ร่างกายข้า้ามันจริงๆ"
ถึงจะงุนงง แต่ซูก๋วนก็พยักหน้ารับแล้ววิ่งออกไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ความเชื่อมั่นที่เขามีต่อพี่สาวนั้นไม่เคยสั่นคลอน ทว่าการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ยิ่งตอกย้ำความสงสัยในใจของซูเจิน
"เ้า..." นางเค้นเสียงถาม "เ้าเป็ใครกันแน่ ซูเหยียนลูกข้าไม่เคยรู้เื่พวกนี้" ถังเหมยหลินสบตากับสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็มารดาในภพชาตินี้ นางรู้ดีว่าไม่มีทางอธิบายเื่ทะลุมิติให้คนยุคนี้เข้าใจได้ ทางรอดเดียวของนางคือต้องกลายเป็ "ซูเหยียน" ให้แเีที่สุด
"ข้า...ฝันไปเ้าค่ะท่านแม่" นางเริ่มด้นสด "ข้าฝันว่ามีเซียนท่านหนึ่งมาเข้าฝัน บอกวิธีรักษาตัวให้ข้า ท่านบอกว่าร่างกายข้าเสียสมดุล ต้องดื่มน้ำเกลือเพื่อเรียกพลังกลับคืนมา...ลูกก็คือซูเหยียนคนเดิมของท่านแม่นะเ้าคะ"
น้ำเสียงของนางเจือความอ้อนวอนและจริงใจ ทำให้กำแพงในใจของซูเจินอ่อนลงเล็กน้อย แม้จะยังไม่เชื่อสนิทใจ แต่ความเป็ห่วงบุตรสาวก็มีมากกว่า ขณะที่บรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วนกำลังจะคลี่คลายลง...
ทันใดนั้นความสงบก็จบสิ้นลง ประตูหน้าเรือนก็ถูกเปิดออก และมีเสียงตระโกนตามมา!
“พวกเาาวบ้าน้าพบปีศาจที่ฟื้นจากความตาย ลากมันออกมาเดี๋ยวนี้!"
เสียงะโห้าวหาญดังขึ้นจากหน้ากระท่อม ตามมาด้วยเสียงทุบประตูอย่างแรงจนกระท่อมแทบไหวะเื ซูเจินหน้าซีดเผือด ส่วนซูก๋วนที่เพิ่งกลับเข้ามาก็รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างๆ พี่สาว
เงาร่างสูงใหญ่ของชายชราในชุดผ้าป่านสีมอซอทอดทาบเข้ามาในกระท่อม เขาคือ ผู้เฒ่าฉี ผู้นำหมู่บ้านผู้ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมและความเชื่ออย่างเคร่งครัด ด้านหลังของเขามีชาวบ้านอีกสี่ห้าคนถือคบไฟและจอบเสียมยืนคุมเชิงอยู่ ดวงตาทุกคู่จ้องมองมายังซูเหยียนเป็ตาเดียว...สายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและหวาดกลัว
"เราต้องทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่สิงสู่ในร่างของนาง...ด้วยไฟ!"
สิ้นคำประกาศิตนั้น ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า คบไฟในมือส่องสว่างวาบ เผยให้เห็นเจตนาร้ายที่พร้อมจะเผาทั้งคนและกระท่อมให้วอดวาย ทันใดนั้น เสียงแหลมสูงปรี๊ดดด...ที่คุ้นหูชาวบ้านเป็อย่างดีก็ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความโกลาหล
“ปีศาจนั่นต้องถูกไล่ออกไป! พวกปีศาจจะอยู่ในหมู่บ้านของเราไม่ได้!”
นางคือแม่เฒ่าฉือ หญิงชราผู้มีลิ้นคมกล้า ราวกับหอก และเป็หัวโจกของการนินทาทั้งหลายประจำหมู่บ้าน นางเดินกระย่องกระแย่งออกมาจากฝูงชนตอนนี้มีเพิ่มขึ้นเกือบสิบคนแล้ว มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือชี้นิ้วสั่น ๆ มาที่ครอบครัวของซูเจิน
“นางซูเจิน! ข้ายังจำได้ดี...ตอนเด็กว่าเ้ามีดวงกินผัว และผัวนางก็ตายไปจริงๆ แต่ตอนนี้ลูกสาวตายแล้วฟื้น? ข้าไม่เชื่อ! และไม่มีเทพเซียนที่ไหนเมตตาพวกเ้า นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เป็ผีป่าต่างหากกำลังสิงร่างของนางเด็กซูเหยียน ต้องไหล่ออกไปให้พ้นหมู่บ้านของพวกเรา”
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นรอบด้าน แม่เฒ่าฉือเดินเข้ามาใกล้แคร่ไม้ของซูเหยียน ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“พวกเ้าดูแววตานางสิ! ดวงตาเยียบเย็นดั่งน้ำแข็ง มันไม่ใช่สายตาของมนุษย์! และน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนลูกสาวเ้าคนนั้นเลย!” ขณะที่ทุกคนที่มาในเรือนงานศพต่างก็กำลังช็อคเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พวกเ้าจะรอให้หมู่บ้านถูกสาปหรือ? จะให้ลูกหลานเราถูกปีศาจสิงหรือ?” แม่เฒ่าฉือแผดเสียงดังลั่น “จงไล่นางออกไป! ไล่ทั้งครอบครัวออกไปเสียจากหมู่บ้านจิ่งสุ่ย! ก่อนที่หายนะจะมาเยือน!” ถังเหมยหลินกำมือแน่น เืในอกวิ่งพล่านด้วยความเ็ป มิใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เพราะความอยุติธรรมที่ไร้เหตุผล
ซูเจินทรุดตัวลงก้มกราบต่อหน้าชาวบ้าน
“ได้โปรด...ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วยเถิด...อย่าไหล่พวกข้าไปเลย” เสียงสะอื้นของซูก๋วนดังสั่นอยู่ข้างแคร่
“ท่านพี่ข้าไม่ใช่ปีศาจ! นางคือพี่สาวข้า! นางแค่กลับมาหาข้า...กลับมาหาเรา...” แต่ไม่มีใครฟังเสียงของเด็กชายผู้เปราะบาง ไม่มีใครมองเห็นความสั่นไหวในดวงตาของมารดาผู้สิ้นหวังเลย
"แม่เฒ่าฉือพูดถูก นางฟื้นขึ้นมาได้อย่างไรทั้งที่สิ้นใจไปแล้ว!" ผู้เฒ่าฉีตวาดลั่นเห็นด้วย "หากมิใช่เพราะปีศาจเข้าสิงสู่ แล้วจะเป็อะไรได้! การมีอยู่ของมันจะนำพาหายนะมาสู่หมู่บ้านจิ่งสุ่ยของพวกเราอย่างแน่นอน!"
ซูเจินคุกเข่าลงอ้อนวอนทั้งน้ำตา "ท่านผู้เฒ่าทั้งสองได้โปรดเมตตาด้วย นางคือลูกข้าจริงๆ!"แต่ผู้เฒ่าฉีไม่ฟัง เขาชี้นิ้วที่เหี่ยวย่นมายังซูเหยียนซึ่งนั่งนิ่งอยู่บนแคร่ สายตาของนางที่มองตอบกลับไปนั้นสงบนิ่งและเ็าเกินกว่าจะเป็เด็กสาวธรรมดา
"ในฐานะผู้นำหมู่บ้าน ข้าขอประกาศ!" เสียงของผู้เฒ่าฉีดังก้อง
"เราต้องทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่สิงสู่ในร่างของนาง...ด้วยไฟ!"
สิ้นคำประกาศิตนั้น ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า คบไฟในมือส่องสว่างวาบ เผยให้เห็นเจตนาร้ายที่พร้อมจะเผาทั้งคนและกระท่อมให้วอดวาย
ถังเหมยหลินกำหมัดแน่น นางเพิ่งหนีจากความตายในสายน้ำมาหยกๆ กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ที่มีความเชื่องมงายนำทางอีกครั้งหรือ?แต่ร่างที่ยังอ่อนแรง นางจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?
สมองของแพทย์สนามเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก...นางไม่มีอาวุธ ไม่มีกำลัง แต่สิ่งที่นางมีคือความรู้...และความเข้าใจในจิตใจของมนุษย์ที่ล้ำหน้าคนยุคนี้ไปนับพันปี!
นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกของนางในโลกใบใหม่...ไม่ใช่ในสนามรบ แต่ในสนามแห่งความเชื่อและศรัทธาที่อันตรายไม่แพ้กัน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้