ิเป่าจูดึงท่านป้าขึ้นมาจากพื้น บอกไปว่าไม่เป็ไร ดูเหมือนว่าอารมณ์จะดีมาก
ไม่สนใจว่าคนภายนอกจะมองอย่างไร นางปิดประตูเรือนพร้อมกับลั่นดาลเสีย
เห็นนางไม่รู้สึกคับข้องหมองใจที่ถูกปรักปรำ ท่านป้าก็ปลอบนางสองสามคำแล้วถึงวางใจจากไป
เวลาอาหารเย็น
ทั้งสามนั่งล้อมอยู่รอบโต๊ะ
ิเป่าอวี้อดใจไม่ไหว ถามออกมา “พี่หญิง พวกเราจะย้ายออกจากหมู่บ้านจริงหรือ”
ย้ายออกจากหมู่บ้าน พวกเขาจะไปไหนได้
“ใช่ พวกเราจะไปอยู่ในเมืองกัน” ิเป่าจูครุ่นคิด แล้วเล่าแผนการของตนเองให้น้องชายฟัง
เดิมทีนางวางแผนว่าจะซื้อหน้าร้านสักแห่งเปิดโรงหมอ
แต่วันนี้ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อมาก่อเื่ เป็การปูทางไว้ให้นาง รอหลังจากชำระเงินครบ นางก็จะเข้าไปดูบ้านในเมือง อย่างไรเสียส่วนที่เหลืออีกสิบตำลึงไม่รอถึงหนึ่งเดือนก็ได้
สามีภรรยาสกุลิเป็เงามืดในวัยเด็กของสองพี่น้องมาโดยตลอด อยู่ให้ห่างจากที่นี่ย่อมดีที่สุด ิเป่าอวี้มีความสุขยิ่ง กินข้าวได้เพิ่มขึ้นอีกครึ่งถ้วย
“เ้าต้องมีชีวิตยืนยาวกว่าหวังปา [1] แน่นอน” หลี่ไหวฺอวี้เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ประโยคหนึ่ง
“หมายความว่าอย่างไร” ิเป่าจูไม่เข้าใจความหมาย แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของหลี่ไหวฺอวี้ต้องไม่ใช่คำชมอย่างแน่นอน
หลังจากอยู่ด้วยกันมา่หนึ่ง นางพอจะจับอุปนิสัยของคนผู้นี้ได้แล้ว ขาดมโนธรรม ไร้ความอดทน ปากเสีย และพูดมาก ทำอะไรตามใจตนเอง ชอบทำตัวเหมือนคนอันธพาลเสเพล
“ถูกคนใส่ร้ายป้ายสีก็ยังกล้ำกลืนโทสะได้ เ้ารู้หรือไม่ คนที่ลักขโมยของหากถูกทางการจับไปจะถูกลงโทษอย่างไร” หลี่ไหวฺอวี้ถาม
วิธีที่นางจะเอาตัวรอดจากท่านลุงผู้นั้นมีอีกมากมายหลายวิธี แต่ไม่นึกว่านางจะเลือกหนทางอันตรายอย่างการยอมรับผิดแบบนี้
ที่แท้ก็หมายความว่าอย่างนี้นี่เอง ิเป่าจูใช้ตะเกียบจิ้มเต้าหู้ปรุงรสชิ้นหนึ่งใส่ปาก
เคราะห์ดีที่เมื่อครู่นี้ท่านป้าทำเต้าหู้มาให้นางอีกชุด มิเช่นนั้นเย็นนี้พวกเขาก็คงไม่มีอะไรจะกินจริงๆ หากเข้าเมืองอีก นางต้องซื้ออาหารเยอะขึ้นหน่อย
ความหมายของหลี่ไหวฺอวี้เรียบง่ายมาก เขาคิดว่านางแบกหม้อดำใบใหญ่ไว้กับตัว เจอเื่อะไรก็หดหัวเหมือนเต่า แต่ความผิดนั้นจะติดตัวไปชั่วชีวิต
“พวกเขาจะไม่ทำเื่ที่ไม่มีประโยชน์” ิเป่าจูพึมพำออกมาคำหนึ่ง
เื่วันนี้หุนหันพลันแล่นไปหน่อย นางยอมรับ แต่ตอนนั้นเป็สถานการณ์เร่งด่วนไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญมากมาย
หัวใจสำคัญคือเื่ที่ตนเองรู้วิชาแพทย์ หากให้สองคนนั้นรู้ ถึงเวลาคิดจะสลัดทิ้งก็ยากแล้ว
ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อเป็คนเห็นแก่ผลประโยชน์ บอกว่าขโมยของ ประเด็นหลักก็คือ้าผลประโยชน์
หากสบช่องหลอกเอาเงินมาจากนางได้ก็ยิ่งดี แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่เสียหายอะไร
ดังนั้นมั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่ปล่อยให้เื่ไปถึงทางการแน่นอน เพราะต้นเหตุก็มาจากพวกเขากุเื่ขึ้นมา จะกล้าย้ายหินมาทับเท้าของตนเองได้อย่างไร
“เช่นนั้นต่อไปเล่า รอให้เ้ามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา พวกเขาจะปล่อยเ้าไปหรือ”
อย่าบอกเขาเชียวเล่าว่าเป้าหมายของนางคือการเป็หมอนั่งตรวจในโรงหมอธรรมดาทั่วไป ด้วยทักษะการแพทย์ของนาง เป็ไปไม่ได้ที่จะไร้ความทะเยอทะยานที่จะมีเชื่อเสียงโด่งดังแม้แต่น้อย
ตอนนี้ิเถี่ยจู้สามีภรรยากำลังถูกผลประโยชน์เบื้องหน้าบังตา แต่ถ้าวันใดที่รู้ความสามารถของิเป่าจู ก็จะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาอีก อาจเกิดบ้าขึ้นมา นำเื่สกปรกวันนี้ไปฟ้องที่ว่าการอำเภอ
ชีวิตที่แสนงดงามของนางิเป่าจูก็นับว่าจบสิ้นแล้ว
ฟังมาถึงตรงนี้ ิเป่าจูก็เงยหน้ามองเขา นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้ฟังคำดีๆ จากปากเขาบ้าง ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
ชื่อเสียงโด่งดัง?
เขาประเมินนางสูงมากจริงๆ
ใคร่ครวญถึงอุปนิสัยของท่านลุงอย่างจริงจัง เขาไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อย อาจร้ายกาจยิ่งกว่าตอนนี้
“จงอยู่กับปัจจุบัน”
ิเป่าจูพูดจบ สายตาก็จดจ้องเต้าหู้ในชามเขม็ง
ท่านป้าใส่เครื่องปรุงอะไรลงไปเพิ่มกันแน่ ทำไมถึงอร่อยกว่าที่ตนเองทำมาก อืม... เดี๋ยวต้องไปขอคำชี้แนะเสียหน่อยแล้ว
ท่าทางที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนาง หลี่ไหวฺอวี้เห็นอยู่ตำตา เขาก้มหน้าพุ้ยข้าวกินเงียบๆ
อย่างไรก็เป็เื่ของผู้อื่น จะกังวลโดยสูญเปล่าไปไย ไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับเขาที่จะเตือนผู้ใดถึงขั้นนี้ ดังนั้นเขาจึงเงียบไป
“พี่ไหวฺอวี้ ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าโทษของการลักขโมยต้องถูกลงโทษอย่างไรบ้าง” ิเป่าอวี้เห็นสองคนคุยกันก็ไม่กล้าพูดแทรก รอจนกระทั่งสงบลงแล้วถึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“อยากรู้หรือ” หลี่ไหวฺอวี้เลิกคิ้ว พลางส่งถ้วยเปล่าให้
ิเป่าอวี้ขอร้องผู้อื่นอยู่ จึงตักข้าวอีกชามพูนๆ อย่างรวดเร็วส่งกลับไปพร้อมกับพยักหน้าอย่างจริงจัง
เขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหลี่ไหวฺอวี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังลอบชื่นชมอยู่เงียบๆ พี่ไหวฺอวี้รู้กฎหมายมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร เขาน่าทึ่งมากจริงๆ
เห็นได้ว่าใครบางคนแม้เบื้องหน้ากำลังกินข้าวอยู่ แต่แท้จริงแล้วกลับเงี่ยหูแอบฟัง หลี่ไหวฺอวี้หัวเราะเบาๆ มุมปากคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย
“สักคำว่าขโมยที่หน้าผาก ตัดมือสองข้าง ส่งตัวไปเป็ทาส” น้ำเสียงที่ใช้เฉลยคำตอบเยียบเย็นจนน่ากลัว ต่างจากรอยยิ้มบนใบหน้าโดยสิ้นเชิง
“หา...”
ิเป่าอวี้ใจนร้องออกมา “นี่ช่าง... นี่ช่าง...”
เขาอึกอักพูดความคิดในใจไม่ออกเป็เวลานาน เขาอยากพูดว่า นี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน แม้ว่าขโมยจะทำความผิด แต่บทลงโทษจะรุนแรงเกินไปหรือไม่
มือของิเป่าจูสั่นระริก เต้าหู้ที่เพิ่งคีบขึ้นมาร่วงลงไปบนโต๊ะ ิเป่าจูใช้มือหยิบเข้าปากเคี้ยวกิน
เสแสร้ง ยังเสแสร้งอีก
หลี่ไหวฺอวี้เห็นนางทำตัวเหมือนเต่าหดหัวในกระดอง ความโกรธกริ้วสายหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
ไม่มากมาย เพียงบางเบา แต่ก็พอที่จะทำให้คนเ้าอารมณ์อย่างเขาโกรธจนลุกออกจากโต๊ะ
“เอ๋ พี่ไหวฺอวี้ ท่านจะไปไหน”
คุยกันอยู่ดีๆ ไยจึงผลุนผลันลุกขึ้นออกไปเล่า
“ไปหาที่ซึมซับกลิ่นอายมนุษย์หน่อย ไม่ต้องสนใจข้า” หลี่ไหวฺอวี้ตอบแต่ไม่หันกลับมา
แต่คนนั่งร่วมโต๊ะอีกคนกลับห่อเหี่ยว โยนหินลงน้ำย่อมเกิดฟองคลื่น ฮ่องเต้ไม่ทุกข์ร้อนแต่ขันทีกลับร้อนใจ [2] แท้ๆ
ภายใต้ความฉุนเฉียว หลี่ไหวฺอวี้จึงลืมนึกไปว่าตนเองก็ถูกด่ารวมไปด้วย
“พี่หญิง พี่ไหวฺอวี้หมายความว่าอย่างไร”
ซึมซับกลิ่นอายมนุษย์คืออะไร ในบ้านไม่มีหรือ?
“กินข้าว” ิเป่าจูปรับสภาพอารมณ์จนดีขึ้นมาบ้างแล้ว คีบเต้าหูใส่ถ้วยให้น้องชาย
ครืน...
หลังจากนั้นก็มีแสงสีขาวผ่าวาบลงมากลางอากาศ ท้องนภาถูกเมฆหนาบดบังจนมืดครึ้ม หยาดฝนร่วงลงมาจากข้างบนเปาะแปะๆ
“ฝนตกแล้ว”
ิเป่าอวี้กำลังเก็บกวาดเศษอาหารบนโต๊ะ เขาวางถ้วยตะเกียบลง ยืดตัวตรงชะเง้อมองไปข้างนอก น่าจะเป็ฝนทิ้งท้ายของฤดูร้อนกระมัง
สมุนไพรที่ปลูกถูกน้ำฝนชะล้างจนเห็นเป็สีเขียวที่เข้มขึ้น เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เห็นแล้วน่าชื่นใจ
“แย่แล้ว”
ิเป่าอวี้กับพี่สาวต่างอยู่ในท่าเอื่อยเฉื่อยอยู่พักใหญ่ แต่ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ ร้องะโออกมา “พี่ไหวฺอวี้ยังอยู่ข้างนอก”
จริงด้วยสิ ออกไปครู่หนึ่งแล้ว
ทั้งสองตัดสินใจรอ แต่รอมานานแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคน
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แผ่กำจายไปทั่วท้องนภา
“พี่หญิง พวกเราออกไปหาดีหรือไม่”
พวกเขาจะต้องรอถึงเมื่อไร ฝนก็หนักขนาดนี้ หากพลั้งลื่นหกล้มหรือเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร
“เ้าอยู่บ้าน ข้าจะไปหาเอง”
ิเป่าจูตัดสินใจออกไปหาหลี่ไหวฺอวี้
น้องชายร่างกายบอบบาง แม้ตอนนี้จะดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว กินได้ มีเสื้อผ้าสวมใส่เพียงพอ แต่สุดท้ายการบำรุงก็ไม่อาจทำได้ใน่สั้นๆ ถ้าเปียกฝนต้องไอเย็นอาจล้มป่วยได้ง่ายมาก
นางหาทั่วแล้วถึงรู้ว่าในบ้านไม่มีร่มเตรียมไว้ นึกได้ว่าที่มุมหนึ่งในสวนมีปาเจียว [3] สูงเท่าคนอยู่ต้นหนึ่ง จึงใช้เสื้อบังแล้วออกไปตัดใบของมันมาคลุมศีรษะถึงพอจะออกไปได้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนไปที่ใด
ิเป่าจูเดินหาไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนพบว่าหลี่ไหวฺอวี้ติดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ นางรู้สึกว่าเขาดูน่าเวทนาอยู่บ้าง
แม้ต้นไม้จะมีกิ่งใบค่อนข้างดกหนา แต่ไม่สามารถกันลมฝนรุนแรงได้ หลี่ไหวฺอวี้เปียกปอนไปเกือบทั้งตัว แต่เพราะความโกรธทำให้เขาพลัดหลงทาง
ปกติแล้วเขาจำทางได้ ไม่มีทางหลง แต่จนใจที่ฝนตกอย่างหนัก วิสัยทัศน์การมองเห็นก็ไม่ชัดเจน จึงแยกเส้นทางไม่ออก
เดินฝ่าฝนมา่หนึ่งก็พบว่าเหมือนจะยังวนอยู่ที่เดิม จึงหยุดรอใต้ต้นไม้ให้ฝนหยุดก่อน
เชิงอรรถ
[1] มีชีวิตยืนยาวกว่าหวังปา มาจาก ‘หวังปาพันปี เต่าหมื่นปี’ ซึ่งเป็ถ้อยคำมงคล หมายถึงอายุยืนยาว แต่ในที่นี้ใช้ในความหมายประชดประชัน จึงให้ความหมายในทางตรงกันข้าม
[2] ฮ่องเต้ไม่ทุกข์ร้อนแต่ขันทีกลับร้อนใจ หมายถึง คนในเหตุการณ์ไม่ร้อนใจ แต่คนรอบข้างกลับเป็เดือดเป็ร้อนแทนช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้
[3] ปาเจียว คือ กล้วยน้ำว้า
