จันทร์เสี้ยวข้างขึ้นดุจคันศรหลบเร้นอยู่หลังเมฆทึบรัตติกาลขุ่นเข้มดังสีหมึกบนจานฝนแลดูล้ำลึกยากพรรณนา ยามที่เหยาโม่หว่านกับทิงเยว่ไปถึงประตูห้องเก็บฟืนหลิวสิ่งได้มารออยู่ที่นั่นนานแล้ว
“คุณหนู บ่าวใช้เงินซื้อลมหายใจของเกาหมัวมัวไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ”พอหลิวสิ่งเห็นเหยาโม่หว่าน ก็เข้าไปหาทันที
“พวกเ้ารออยู่ข้างนอกเถิด” เหยาโม่หว่านพยักหน้าเล็กน้อยก่อนผลักประตูเดินเข้าไปในห้องเก็บฟืน ทิงเยว่ซึ่งอยู่ด้านนอกมองหลิวสิ่งด้วยความสงสัย
“คุณหนูชิงชังเกาหมัวมัวแทบเป็แทบตายมิใช่หรือเหตุใดจึงยื้อชีวิตนางไว้เล่า”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณหนูว่าอย่างไร ข้าก็จะทำตามนั้นล่ะ”หลิวสิ่งกล่าววาจาหนักแน่นดุจคำมั่นสัญญา
หลังจากผ่านเข้าห้องเก็บฟืนไปแล้ว เหยาโม่หว่านก็หันกลับมาปิดประตูให้สนิทจากนั้นค่อยย่างเท้าไปยังตำแหน่งที่มีตะเกียง ก่อนจุดเทียนให้แสงสว่าง นางเห็นร่างโชกเืที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ของเกาหมัวมัวนอนครวญครางเสียงแ่ด้วยความเ็ปอยู่บนกองฟางเรือนผมถูกกล้อนด้วยไฟจนหดเหี้ยนราวกับตอหญ้าแห้งเหลืองกรอบ ร่างกายเต็มไปด้วยาแเหวอะหวะจากการถูกเฆี่ยนเศษเนื้อเจือด้วยเืและน้ำหนองเกรอะกรังอยู่บนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ใบหน้าถูกนาบด้วยเหล็กร้อนจนกลายสภาพเป็น่าเกลียดน่ากลัว
“ไฉนพวกเขาถึงกล้าทำร้ายหมัวมัวขนาดนี้หนอ ไม่คิดจะตรวจสอบกันเลยหรือไรว่าในน้ำแกงเมล็ดบัวนั้นมีพิษจริงหรือเปล่า” เหยาโม่หว่านเดินมาถึงด้านข้างของเกาหมัวมัวแล้วย่อตัวลงช้า ๆ พร้อมเอ่ยวาจาราวกับรู้สึกปวดใจ
หลังจากได้ยินเสียงของเหยาโม่หว่าน เกาหมัวมัวก็ได้สติแจ่มชัดตระหนักรู้ขึ้นมาทันที
“ไม่มีพิษ? ถ้าน้ำแกงเมล็ดบัวไม่มีพิษ แล้วสุนัขจะตายได้อย่างไรเล่า”นี่คือคำถามเดียวกับที่หมัวมัวผู้สอบสวนย้อนถามนางขณะอยู่ในห้องลงทัณฑ์ทรมาน
“ต้องมีคนวางยามันก่อน ถึงค่อยปล่อยเข้าไปในห้องน่ะสิน้ำแกงเมล็ดบัวมีทั้งโสมมนุษย์กับเขากวางที่เคี่ยวจนรสชาติกลมกล่อม ขนาดคนยังชอบ นับประสาอะไรกับสุนัข?”เหยาโม่หว่านเอ่ยวาจาอย่างนุ่มนวล ค่อย ๆ อธิบายให้ฟังอย่างอดกลั้น
“จริงด้วย! ต้องใช่แน่ ๆ ไม่เป็ธรรมเอาเสียเลย...ข้าถูกคนปรักปรำชัดๆ คุณหนู บ่าวขอร้องล่ะเ้าค่ะ ช่วยไปบอกนายท่านทีเถิดว่านี่เป็การใส่ความ... แต่เอ๊ะ!คุณหนูสาม...หรือว่าจะเป็ท่าน?” แม่นมเกาเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจ ทว่าทันทีที่เห็นสีหน้าของเหยาโม่หว่านดวงตาพลันเปลี่ยนเป็กราดเกรี้ยว เอื้อมสองมือเข้ามากระชากแขนเสื้อของหญิงสาวอย่างแรง
“ใช่ คนที่ให้ร้ายเ้าคือข้าเอง ไม่เพียงเท่านั้นข้ายังจงใจพูดต่อหน้าโต้วเซียงหลันให้เข้าใจผิดคิดว่าเ้ายังมีความจงรักภักดีต่อนายเก่าอยู่จึงปล่อยให้ข้ารอดชีวิต พร้อมกับมอบเงินให้อีกด้วย และก็เป็ข้าอีกนั่นแหละ ที่สั่งให้หลิวสิ่งวางยาสุนัขเพื่อใส่ความเ้าโดยเฉพาะแต่แล้วอย่างไรเล่า? เ้าในยามนี้แค่จะเดินสักครึ่งก้าวยังลำบาก ถึงจะคลานไปอยู่แทบเท้าโต้วเซียงหลันคงต้องให้นางยอมเชื่อเ้าเสียก่อน ถึงจะพอไหว” ริมฝีปากน้อยมุ่ยยื่น จ้องมองเกาหมัวมัวด้วยแววตาใสซื่อไม่มีพิษมีภัย
“นังตัวร้าย! ข้าจะฆ่าเ้า!” เดิมทีเกาหมัวมัวก็หายใจร่อแร่ใกล้ตายอยู่รอมร่อยิ่งถูกยั่วยุหนักเข้า โทสะยิ่งโจมตีสู่หัวใจ สุดท้ายจึงกระอักโลหิตออกมากองใหญ่
“ข้าร้าย? ดูท่าเกาหมัวมัวคงจะลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าผู้ใด...เป็คนวางยาพิษในโอสถของมารดาข้าทำให้นางต้องตายตาไม่หลับ ผู้ใด...เป็คนขายข้าให้กับหออี๋เซียง ทำให้ข้าต้องถูกหยามิ่ศักดิ์ศรีและผู้ใด...ที่ทุบตีทิงเยว่อย่างโเี้แล้วจับมาแขวนไว้ในห้องนี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดความผิดแต่ละเื่เกรงว่าต่อให้เ้าลงนรกขุมที่สิบแปดก็ยังชดใช้ไม่พอเลยด้วยซ้ำ!”เหยาโม่หว่านสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นอย่างเฉยชา แม้แต่น้ำค้างเหมันต์ยังไม่เยียบเย็นเท่าแววตาของนางเพลานี้
“จะ...เ้าเป็ใคร?” เกาหมัวมัวเบิกตากว้าง มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
“หมัวมัวจำไม่ได้หรือ ข้าโม่หว่านอย่างไรเล่า” เหยาโม่หว่านคลี่ริมฝีปากทอยิ้มน้อยๆ ดวงตากระจ่างสดใสดูไร้พิษสง
“เป็ไปไม่ได้ ไม่ใช่...เ้ามิใช่เด็กโง่งมผู้นั้นเ้าเป็ใครกันแน่” ขณะที่เกาหมัวมัวแสดงความเกรี้ยวกราดตะคอกใส่นาง เหยาโม่หว่านก็หยิบผงพิษลั่วเยี่ยนซาออกมาจากแขนเสื้อแล้วโปรยลงไปบนาแของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ
“ข้าเป็ใคร อีกไม่ช้าเ้าจะรู้เอง...” เหยาโม่หว่านมองร่างที่กำลังดิ้นพล่านอย่างทุกข์ทรมานบนกองฟางด้วยแววตาเฉยชาใบหน้าของนางยามนี้ลุ่มลึกยากจะคาดเดา ไม่ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย
“ทั้งหมดนี้ฟูเหรินใหญ่เป็คนสั่งให้ข้าทำทั้งสิ้นหากข้าสมควรตาย ฟูเหรินใหญ่...ก็สมควรตายยิ่งกว่า...” เกาหมัวมัวพยายามออกแรงเฮือกสุดท้ายในที่สุดก็ระบายความคับแค้นของตนเองออกมาสำเร็จ
“เพราะฉะนั้นข้าถึงจะให้นางมีชีวิตแบบ อยู่-ไม่-สู้-ตายอย่างไรเล่า...” น้ำเสียงของเหยาโม่หว่านทิ้งความเย็นะเืราวกับเสียงเพรียกของภูตผีปิศาจลอยวนอยู่ในห้องเก็บฟืนเนิ่นนานไม่จางไป
หลังจากที่นางออกมาด้านนอก เกาหมัวมัวได้สิ้นลมหายใจแล้ว
“เผาห้องเก็บฟืนเสีย” เหยาโม่หว่านปรายตาไปที่หลิวสิ่งซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่นางตายไปแล้วนะขอรับคุณหนู...” หลิวสิ่งทักท้วงด้วยสีหน้าฉงน
“แล้ว...ถ้าข้าอยากเห็นร่างนางถูกทำลายกระดูก มอดไหม้เป็เถ้าถ่านจะทำอย่างไรดีเล่า?” เหยาโม่หว่านชะงักฝีเท้า แววตาสุกใสค่อย ๆ เปลี่ยนเป็คมกล้าชวนให้หนาวเหน็บเข้ากระดูก
“หลิวสิ่งจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ” เด็กหนุ่มผงกศีรษะอย่างแรงก่อนหมุนตัวจากไปทันที
ราตรีเงียบสงัด เหน็บหนาวราวกับน้ำแข็ง ระหว่างทางกลับเรือนหนิงหวาทิงเยว่คิดจะเอ่ยปากอยู่หลายครา แต่กลับพูดไม่ออก
“ทิงเยว่จงจำไว้ ยามต้องเผชิญหน้ากับปิศาจ เราจำเป็ต้องร้ายกาจยิ่งกว่าพวกมันเพื่อความอยู่รอดของตนเอง นอกเสียจากว่าจะกำจัดความชั่วร้ายจนหมดสิ้นไปได้แล้ว เข้าใจหรือไม่?”จู่ ๆ เหยาโม่หว่านก็หยุดเดิน เหลือบสายตามองสาวใช้คนสนิท