หลงอวี้กำลังนั่งขัดสมาธิหลับตาปรับลมหายใจภายในห้อง
หลังจากเพิ่งกลืนโอสถหยกวิเศษลงไป เขาก็ค่อยๆ ซึมซับพลังฟ้าดินที่แฝงอยู่ภายในนั้นออกมาใช้งานและหล่อหลอมเข้ากับร่างกายเพื่อยกระดับพลังให้สูงขึ้น
โอสถเกิดจากการที่นักหลอมโอสถใช้สมุนไพรวิเศษและวัตถุดิบต่างๆ มาหลอมรวมกัน และดึงสรรพคุณออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด
ตัวอย่างเช่น โอสถหยกวิเศษ แม้จะเป็โอสถระดับต่ำสุด แต่ถ้าผู้ใช้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป โอสถชนิดนี้จะช่วยให้การฝึกก้าวหน้ากว่าผู้อื่นไปราวๆ ครึ่งปี!
ดังนั้นหากมีทุนทรัพย์มากพอจะซื้อโอสถสมุนไพรวิเศษต่างๆ ความเร็วในการฝึกก็จะเร็วกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว เพียงแต่หลังจากใช้โอสถชนิดใดไปแล้ว ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานโอสถชนิดนั้น หากยังใช้โอสถชนิดเดิมต่อไป ผลลัพธ์ที่ได้จะด้อยลงไปมาก
“อีกทั้งผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคนก็มีพร์ไม่เท่ากัน ความสามารถในการซึมซับโอสถจึงต่างกัน ไม่รู้ว่าอย่างข้าจะเป็เช่นไร”
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดก็เริ่มโคจรลมปราณที่มีอยู่น้อยนิดในชีพจรไปด้วย เขาลองหลอมโอสถหยกวิเศษที่กลืนลงไปเมื่อครู่เข้ากับร่างกาย
พลังฟ้าดินอันเข้มข้นกระแสหนึ่งแผ่กระจายจากโอสถหยกวิเศษ ชีพจรในตัวเขาซึมซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาััได้ว่าพลังฟ้าดินได้ถูกแปรเป็ลมปราณในร่างเพื่อให้เขาสามารถใช้งานได้
จากที่เขามีลมปราณภายในร่างกายแค่เสี้ยวเดียวทว่าเพียงครู่เดียวมันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
พละกำลังของเขาก็เช่นกัน จากเดิมที่มีอยู่พันชั่งตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นทีละนิด
หนึ่งพันหนึ่งร้อยชั่ง...
หนึ่งพันสองร้อยชั่ง...
ใช้เวลาไม่นานโอสถหยกวิเศษได้ถูกหลอมละลายภายในร่างกายของเขาจนหมดแปรเปลี่ยนเป็พลังฟ้าดินอันเข้มข้น ทว่าเขาไม่สามารถซึมซับพลังฟ้าดินเหล่านี้ได้ทั้งหมด
“ ข้าซึมซับพลังของโอสถได้แค่สามส่วนเอง ”
หลงอวี้รู้สึกผิดหวัง เพราะความสามารถในการซึมซับโอสถได้สามส่วนเป็ระดับที่ใกล้เคียงกับเฟิงเหยาเท่านั้น
ในความเป็จริง การที่สามารถซึมซับพลังโอสถได้สามส่วนในแผ่นดินเทียนอวี้นับเป็พร์ระดับที่ไม่เลว หากเข้าไปอยู่ในเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ของอาณาจักรต้าถังอาจถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ ก็ว่าได้ ที่เป็เช่นนั้นเพราะว่าผู้ฝึกยุทธ์ในแผ่นดินเทียนอวี้ส่วนใหญ่สามารถซึมซับโอสถได้เพียงส่วนเดียว
แต่หลงอวี้เคยเป็สุดยอดมือสังหารในชาติที่แล้ว จึงเข้มงวดกับเป้าหมายของตัวเองเป็ที่สุด ในเมื่อตอนนี้เขาได้เข้าสู่วิถียุทธ์แล้วย่อมต้องพุ่งเป้าไปถึงจุดสูงสุดเท่านั้น
“ พลังฟ้าดินของโอสถแค่สามส่วนหรือ… ยังขาดอีกมากทีเดียว! ”
หลงอวี้กำหมัดแน่น ในตอนนั้นเอง จู่ๆ สัญลักษณ์ับนหน้าอกก็ร้อนขึ้นอีกครั้ง
“ หืม ”
หลงอวี้ขมวดคิ้ว หรือว่าสัญลักษณ์นี่จะมีความสามารถพิเศษอื่นอีก
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น พลังงานลึกลับกระแสหนึ่งได้แผ่กระจายจากสัญลักษณ์ัเขียวอย่างรวดเร็ว พลังงานแบบเดียวกับที่ช่วยเปิดชีพจรทั่วร่างให้กับเขา
พลังงานลึกลับกระแสนี้เข้าไปห่อหุ้มพลังฟ้าดินของโอสถหยกวิเศษส่วนที่ร่างกายไม่ได้รับไว้ทั้งหมด ทันใดนั้นหลงอวี้ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าพลังฟ้าดินส่วนที่เหลือนั้นได้ถูกร่างกายของเขาซึมซับเข้าไปแล้ว
“ ยอดเยี่ยมมาก! ”
หลงอวี้ใจเต้นรัว ััทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ด้วยความสามารถของสัญลักษณ์ัเขียว พลังฟ้าดินของโอสถหยกวิเศษได้ถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้ระดับวรยุทธ์์ของเขาทะลวงขีดจำกัดไปถึงขั้นที่สองในชั่วพริบตา
วิถีวรยุทธ์ขั้นที่สองมีพละกำลังถึงสองพันชั่ง เขาสามารถปล่อยพลังออกมาได้มากกว่าขั้นแรกถึงหนึ่งเท่า!
หลังจากก้าวไปถึงขั้นสองได้แล้ว พลังฟ้าดินของโอสถหยกวิเศษที่ยังถูกเผาผลาญไม่หมดได้ถูกเก็บเอาไว้ในตันเถียนของเขา
พลังที่เหลืออยู่นี้จะรีบซึมซับให้หมดทันทีไม่ได้ เพราะหลงอวี้เพิ่งจะทะลวงขีดจำกัดมาได้หมาดๆ พลังจึงยังไม่มั่นคง เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับพลังขั้นที่สองก่อน จากนั้นค่อยรับพลังที่เหลือเข้าไปจะได้ผลดีกว่า
ขณะเดียวกันในตอนที่ยกระดับไปขั้นที่สองนั้นเขาได้พบว่าสัญลักษณ์ัเขียวบริเวณหน้าอกเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เขาไม่รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นคืออะไร
“ ตัวตนของสัญลักษณ์ัเขียวเป็อย่างไรกันแน่...”
หลงอวี้พึมพำ
เพราะสัญลักษณ์นี้ เขาถึงกับสามารถซึมซับพลังฟ้าดินทั้งหมดของโอสถได้สมบูรณ์ หากแพร่งพรายออกไปคงได้กลายเป็ข่าวใหญ่
นั่นหมายความว่า ภายใต้เงื่อนไขทรัพยากรการฝึกฝนแบบเดียวกัน ความเร็วในการฝึกของเขามากกว่าอัจฉริยะอย่างเฟิงเหยาถึงสามเท่า!
หากเขาพึ่งสัญลักษณ์ัเขียวนี้ เขาจะสามารถลดระยะห่างระหว่างเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์วัยเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว และเขาอาจก้าวข้ามผู้คนทั้งหมดได้ในเวลาไม่นาน
สัญลักษณ์ัเขียว จะกลายเป็ความลับสำคัญที่สุดของหลงอวี้ เขาไม่คิดจะบอกใครแม้แต่เฟิงฉางเกอ เื่นี้ยากที่จะรับไหว หากได้บอกความจริง เขาเกรงว่าอาจไม่เป็ผลดีต่ออีกฝ่ายในอนาคต
หลายวันต่อมา หลงอวี้หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนบำเพ็ญพลังภายในห้อง ณ คฤหาสน์เฟิงแห่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าหลงอวี้สามารถฝึกวรยุทธ์์ได้ นอกจากเฟิงฉางเกอ
ส่วนเื่ราวในวันที่เกิดเหตุ เฟิงฉางเกอได้ลองตรวจสอบดูว่าเป็บ่าวรับใช้คนไหนที่คิดลอบทำร้ายหลงอวี้ และในตอนที่พบศพบ่าวรับใช้สองคนนั้นเขาถึงกับต้องตกตะลึง
หนึ่งในบ่าวรับใช้สองคนนั้น มีคนที่มีระดับวรยุทธ์ขั้นสอง!
นั่นหมายความว่า หลงอวี้ก้าวเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ได้ไม่ทันไรก็สามารถสังหารคนระดับวิถีวรยุทธ์ขั้นสองได้
น่าเหลือเชื่อจริงๆ
เฟิงฉางเกอไม่ได้แพร่งพรายเื่นี้ออกไป เขารู้ว่าเื่แบบนี้คนยิ่งรู้เยอะยิ่งไม่เป็ผลดีต่อหลงอวี้ โดยเฉพาะขุมอำนาจอันน่ากลัวที่ในเขตพระราชฐาน หากพวกมันล่วงรู้ว่าหลงอวี้สามารถฝึกวรยุทธ์ได้แล้วล่ะก็ จะต้องเกิดการเคลื่อนไหวเป็แน่...
สามวันหลังจากนั้น
หลงอวี้ที่ฝึกฝนพลังขั้นสองจนเชี่ยวชาญและสามารถปล่อยพลังกว่าสองพันชั่งออกมาได้อย่างเป็ธรรมชาติแล้ว เขาได้ออกจากบ้านหลังเล็กที่อาศัยอยู่ไปด้วยความพอใจ
เขาตั้งใจว่าจะไปที่หอวิทยายุทธ์ตระกูลเฟิง เพื่อไปเลือกหาคัมภีร์วิชาวิทยายุทธ์มาฝึกสักเล่มสองเล่ม
แม้ทักษะการฆ่าคนที่เขามีอยู่จะเชี่ยวชาญถึงขั้นสุดยอด แต่ยังไม่เพียงพอที่จะการันตีความปลอดภัยให้กับตัวเขาในแผ่นดินเทียนอวี้ได้ วิทยายุทธ์ในแผ่นดินเทียนอวี้ค่อนข้างซับซ้อนและวุ่นวาย โดยเฉพาะเื่ที่ต้องใช้ลมปราณในร่างกายร่วมด้วย เป็เื่ที่หลงอวี้ต้องทำความเข้าใจอย่างหนัก
ตระกูลเฟิง หอวิทยายุทธ์
เมื่อเงาร่างของหลงอวี้ปรากฏขึ้นหน้าประตูหอ ลูกหลานตระกูลเฟิงมากมายต่างก็จับจ้องเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
ไอ้สวะที่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้มาที่หอวิทยายุทธ์ทำไมกัน
ตระกูลเฟิงที่เป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองอวี้กวนนั้น ย่อมต้องมีสายเืลูกหลานกระจายตัวอยู่มากมาย แต่ในเวลานี้ทั้งหมดมารวมตัวอยู่ที่เดียวกัน ไม่น้อยไปกว่าร้อยคน
ที่หอวิทยายุทธ์ของตระกูลเฟิงแห่งนี้ จะมีลูกหลานจำนวนหนึ่งพากันมาเลือกหาวิทยายุทธ์เพื่อนำไปฝึกฝนตลอดทั้งปี
ตอนที่หลงอวี้ก้าวเท้าเข้าไปในประตูหอวิทยายุทธ์ อยู่ๆ ก็มีน้ำเสียงหยิ่งผยองดังขึ้นจากด้านหน้า
“ วะฮ่าฮ่า ทุกคนดูสิว่าใครมา นี่ไม่ใช่ยอดเศษสวะที่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้หรอกหรือ ”
ทันทีที่จบประโยค ฉับพลันก็เกิดเสียงหัวเราะจากรอบข้างดังสนั่น
หลงอวี้เงยหน้าขึ้นมองนายน้อยเฟิงลั่วที่เมื่อสามวันก่อนยังคิดจะปล้นเงินเขายืนขวางทาง เฟิงลั่วจ้องมาเขาด้วยท่าทีดูแคลน!
“ เฟิงลั่ว เ้าจะหาเื่หรือไร ”
“ สวะอย่างเ้ากล้ามาหอวิทยายุทธ์ด้วยหรือ เ้าคิดจะฝึกวิทยายุทธ์หรือนี่ ”
เฟิงลั่วยังคงมองหลงอวี้อย่างดูถูก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ ผู้คนทั้งหลายต่างรู้ว่าวิทยายุทธ์ทั้งหมดล้วนต้องใช้ลมปราณ สวะอย่างเ้าที่ฝึกฝนบำเพ็ญพลังไม่ได้ จะไปเอาลมปราณมาจากไหน ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ”
“ แล้วถ้าข้าจะเข้าไปเล่า ”
น้ำเสียงของหลงอวี้กลายเป็เย็นเยือก
เ้าเฟิงลั่วชอบมาหาเื่เป็ประจำ เขาได้แต่อดทนมาครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ยังมาขวางไม่ให้เขาเข้าไปในหอวิทยายุทธ์อีก! หากยังทนต่อไปคงเสียชื่อที่เคยเป็สุดยอดมือสังหารในชาติก่อนแล้ว
“ เ้าอยากเข้าไปมากขนาดนั้นเชียว ”
สายตาที่เฟิงลั่วมองหลงอวี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง “ หากเ้าตั้งใจจะเข้าไปชื่นชมความลึกล้ำของวิทยายุทธ์ตระกูลเฟิงจากใจจริงละก็ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เพื่อพิสูจน์ถึงความตั้งใจของเ้า ข้าขอให้เ้าคุกเข่าโขกหัวให้ข้าสามครั้ง ตบหน้าตัวเองสิบครา จากนั้นให้เ้าคลานจากใต้เท้าข้าเข้าไปเท่านี้ก็เพียงพอ เ้าคิดเห็นอย่างไร ข้าใจกว้างมากเลยใช่หรือไม่ ”
โขกหัวสามครั้ง ตบหน้าตัวเองสิบครา จากนั้นให้คลานเข้าไปจากใต้เท้ามันงั้นหรือ
ลูกหลานตระกูลเฟิงจำนวนไม่น้อยต่างมองเขาราวกับกำลังดูเื่สนุกเช่นนั้น
แม้เฟิงลั่วจะมีระดับวรยุทธ์แค่ขั้นสาม ไม่นับเป็ยอดฝีมืออะไร แต่เ้าหลงอวี้นั่นเป็แค่เศษสวะที่แม้แต่จะเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ก็ยังทำไม่ได้
เศษสวะเช่นนั้น กล้ามาที่หอวิทยายุทธ์ของตระกูลเฟิง ก็สมควรที่จะถูกเหยียดหยามแล้ว!
พวกเขาอยากเห็นจริงๆ ว่าเ้าหลงอวี้นั้นจะถอยกลับไปอย่างไร!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้