ตุบๆๆๆ!
กู่ไห่ ฮวางบู ซ่างกวนเหิน และเกาเซียนจือ ะโลงไปในหุบเหว
ตอนนี้ คนทั้งสี่ยืนอยู่บนกระดองเต่า เพื่อตรวจสอบกระดานหมากล้อมขนาดใหญ่ที่วางอยู่
กระดองเต่าอันนี้ ดูเหมือนจะถูกนำไปขัด จนมีลักษณะมันวาวดั่งแก้วผลึก
“นายท่าน หางชีพจรันี้ พวกเราไม่อาจนำมันขึ้นมาได้” ซ่างกวนเหินกล่าว พลางยิ้มเจื่อนๆ
“หืม?” กู่ไห่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าชีพจรันั้นเลอค่านัก แต่รู้หรือไม่ ว่ามันมีพลังมากเพียงใด? ต่อให้ปลดผนึกออก ท่านก็ต้องมีพลังมากพอที่จะแตะต้องมัน
อีกอย่าง นี่คือหางชีพจรั หากปลดผนึกออก มันต้องหนีไปแน่ และของสิ่งนี้ ก็ถือว่ามีพลังค่อนข้างรุนแรง ยากต้านทาน” ซ่างกวนเหินอธิบาย
“หมายความว่าอย่างไร? ผู้บัญชาการซ่างกวนเหิน แม้แต่อสูรเมฆาของนายท่าน ก็ยังรับมือมิได้หรือ?” เกาเซียนจือเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เส้นชีพจรันี้ มิได้เกิดขึ้นแค่บนเกาะจิ๋วหวู่ แต่กระจายไปทั่วทะเลพันเกาะ จึงถือว่าแผ่นดินต่างๆ ในทะเลพันเกาะ ได้ร่วมกันหล่อเลี้ยงมัน หาก้าจะชีพจรั เ้ารู้หรือไม่ว่าต้องพื้นที่ใหญ่ขนาดไหน?” ซ่างกวนเหินกล่าว
“ขนาดไหนหรือ?” เกาเซียนจือถามอย่างกังขา
“อย่างน้อยก็ต้องครอบคลุมทั้ง 'เกาะทัว'” ซ่างกวนเหินกล่าวเสียงเรียบ
“ทัว? เกาะทัว? เกาะจิ๋วหวู่?” เกาเซียนจือเบิกตากว้าง
ซ่างกวนเหินพยักหน้า
แววตาของกู่ไห่สั่นระริก? ต้องมีอำนาจปกครองแผ่นดินที่ใหญ่เทียบเท่าเกาะจิ๋วหวู่ ซึ่งมีขนาดใหญ่มิใช่น้อย
ความเป็มาของซ่างกวนเหินนั้น ช่างลึกลับนัก เขารู้แทบจะทุกสิ่งเกี่ยวกับโลกใบนี้
หลังจากที่ฟังอย่างเงียบๆ ชายหนุ่มก็มิได้เอ่ยสิ่งใด แต่ก็สามารถอนุมานจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้ จึงมิได้สนใจชีพจรัอีก เพียงเอื้อมมือไปคว้ากระบี่กระดูก
“ฮึ่ม!”
ทันทีที่ขยับเข้าใกล้ กระดองเต่าพลันปิดผนึก กั้นม่านพลัง
“หืม?” กู่ไห่มองภาพตรงหน้าด้วยความงงงัน
ทุกคนลองเอื้อมมือไปคว้ากระบี่กระดูก แต่ไร้ผล เพราะม่านพลังแข็งแกร่งเกินไป
“ผนึกนี้ เป็กระดองของป้าเซี่ย!” ซ่างกวนเหินกล่าวเสียงต่ำ
“ป้าเซี่ย?” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างสงสัย
“ขอรับ! ก็คือสัตว์อสูรที่มีร่างกายเป็เต่า แต่ศีรษะเป็ั เพราะมีสายเืของั ยามใดที่มันได้กลืนกินชีพจรั ก็จะกลายร่างเป็ั แล้วกระดองเต่าจะถูกถอดออก
กระดองอันนี้ ถูกทิ้งเอาไว้โดยราชันเผ่าั จากนั้นผู้าุโกวนฉีก็นำมันมาสร้างเป็อาวุธวิเศษ” ซ่างกวนเหินยืนยัน
กู่ไห่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ราชันอสูรทะเลในอดีต ก็ได้ชีพจรัอย่างนั้นหรือ? ดังนั้นมันจึงมายังเกาะจิ๋วหวู่ใช่หรือไม่?
มองดูกระดองเต่าและชีพจรั ก่อนที่สายตาคมของชายหนุ่มจะเคลื่อนไปจับจ้องกระบี่กระดูก ที่ยังคงปล่อยไอสีดำออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วไปหยุดอยู่ที่กระดานหมากล้อมบนกระดองเต่า ด้วยความใคร่รู้
“กลหมากตารางยี่สิบเก้าเส้น?” ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย
กระดานหมากล้อมบนกระดองเต่า มีเส้นตารางทั้งหมดยี่สิบเก้าเส้น? ข้างๆ มีเม็ดหมากสีดำวางอยู่ ราวกับกำลังรอใครสักคน
“เป็กระดานหมากล้อมที่ซับซ้อนจริงๆ” เกาเซียนจือกล่าว พลางแสดงสีหน้าพิศวง
ทันใดนั้น กู่ไห่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
กระดานหมากล้อมนี้ สำหรับคนอื่นๆ แล้ว คงจะดูซับซ้อนเกินไป แต่กับกู่ไห่แล้ว ก็มิได้ซับซ้อนมากขนาดนั้น เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาสักหน่อย
เขาตรวจสอบกระดานหมากล้อมตรงหน้าอย่างละเอียด ราวหนึ่งก้านธูปเห็นจะได้
“เป็กระดานหมากอันยอดเยี่ยม... ค่ายกลที่ดี!” ดวงตาชายหนุ่มเป็ประกาย
ชายหนุ่มคีบเม็ดหมากสีดำขึ้นมา ก่อนค่อยๆ วางลงบนกระดาน
กึก!
เม็ดหมากถูกวางลงไปแล้ว
จู่ๆ กระดานหมากบนกระดองเต่า ก็มีเม็ดหมากสีขาวตัวหนึ่งวางลงมาจากอากาศ
กึก!!
ราวกับว่า ในตอนนี้มีคนกำลังเดินหมากกับกู่ไห่กระนั้น
...
ในเวลาเดียวกัน
ที่ตำหนักเต่าั
ตูม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเฉินเทียนซานกระเด็นเข้าใส่ผนังตำหนักอีกฝั่งหนึ่ง
ฟึ่บ!
ตำหนักทรุดตัวลงทันที
“ผู้บัญชาการ ท่านไม่เป็ไรนะ?” กลุ่มคนโฉดกระโจนเข้าไปดูอาการทันที
“เว่ยหยาง ท่านจะทำอะไรน่ะ?” เฉินเทียนซานที่ลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง ตวาดถามอย่างโกรธเกรี้ยว
เว่ยหยางที่ตาบอดในตอนนี้ ปราดเข้าคว้าตัวหลี่เหว่ย ก่อนทะยานขึ้นฟ้า
“บอกกู่ไห่ ว่าขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ สิ่งที่ข้าเคยเอ่ยกับเขาไปทุกประโยค ล้วนเป็ความจริง เพียงแต่การทำลายผนึก ต้องระวังให้มาก และต้องชนะเท่านั้น เพราะหากแพ้จะสูญเสียเม็ดหมาก และตายในที่สุด” เว่ยหยางะโตอบ
ฟุ่บ!
แล้วชายชราก็พาร่างของหลี่เหว่ย บินออกจากค่ายกลใหญ่
“เสียเม็ดหมากและตาย?” สีหน้าของเฉินเทียนซาน พลันเปลี่ยนไป
ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดเิไท่จึงไม่สามารถทำลายผนึกได้ มิใช่ว่าไร้ฝีมือในการเล่นหมาก แต่เป็เพราะไม่กล้าวางหมากต่างหาก
“ผู้บัญชาการ ท่านไม่เป็ไรนะ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาโผเข้าหา
“ไม่! หืม… แย่แล้ว! นายท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย” สีหน้าของเฉินเทียนซานพลันเปลี่ยนไป ไม่สนใจที่จะไล่ตามเว่ยหยางอีก แต่กลับพุ่งตัวไปยังหุบเขาชีพจรัแทน
...
หุบเขาชีพจรั
กึกๆ!
กู่ไห่วางหมากครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ยังไม่มีฝ่ายใดได้กินหมากแม้แต่เม็ดเดียว
“เป็หมากที่ดี!” ดวงตาชายหนุ่มเต็มไปด้วยความจริงจัง
กึก!
กู่ไห่วางหมากลงไปอีกครั้ง
“นายท่าน ได้กินหมากแล้ว!” ดวงตาของเกาเซียนจือเป็ประกาย
ทันใดนั้น เม็ดหมากสีขาวก็ถูกนำออกไป
ตูมๆ!
เหมือนผนึกจะคลายออกเล็กน้อย
ทันใดนั้น ชีพจรัก็ค่อยๆ เคลื่อนไหว บริเวณโดยรอบเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
“นายท่าน อย่าเล่นหมากล้อมนั่น มิฉะนั้นท่านอาจตายได้!” เฉินเทียนซานที่เพิ่งวิ่งมาถึง ร้องบอกอย่างกังวล
แต่กู่ไห่ที่อยู่ด้านล่างในยามนี้ กลับยืนขึ้นแล้ว ไม่จำเป็ต้องวางหมากอีกต่อไป
เมื่อผนึกคลายออก ชีพจรัก็ขยับเล็กน้อย ชายหนุ่มเข้าใกล้กระบี่กระดูกมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็สามารถัักระบี่กระดูกได้อย่างที่้า
แม้ว่ากระดานหมากล้อมเช่นนี้จะหาได้ยาก แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากกระดานหมากทั่วไปที่ตนเคยพบเห็น
หมากล้อมกระดานนี้ถูกแก้ไขแล้ว และเขาต้องนำกระบี่กระดูกขึ้นมาให้ได้เสียก่อน
แม้จะสามารถเข้าใกล้กระบี่กระดูกได้ แต่ก็ยังต้องระวังสิ่งรอบกาย ชายหนุ่มกวาดตาไปทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันมามองกระบี่ตรงหน้า พบว่าบนตัวกระบี่ในยามนี้ ปรากฏรอยแตกร้าวมากมายเหมือนใยแมงมุม กระบี่กระดูกกำลังจะแตกสลายอย่างนั้นหรือ?
“สิ่งที่เว่ยหยางเอ่ยไว้ เป็เื่จริงหรือนี่? กระบี่กระดูกจะแตกเป็เสี่ยงๆ ชีพจรัจะดูดซับพลังจากกระบี่ เพื่อฟื้นฟูพลังของตัวเอง?” ดวงตาชายหนุ่มเป็ประกาย
ตอนนั้นเอง จู่ๆ เฉินเทียนซานะโลงมา
“นายท่าน เว่ยหยางพาหลี่เหว่ยหนีไปแล้ว!” เขากล่าว พลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“รู้แล้ว... ข้าเป็คนปล่อยพวกเขาไปเอง!” กู่ไห่กล่าวเสียงเรียบ มิได้หันไปมองผู้มาใหม่แต่อย่างใด
“หา?” เฉินเทียนซานชะงัก... เหตุใดข้าจึงไม่รู้เล่า?
“เ้าคิดว่า เขาจะเชื่อใจข้าั้แ่แรกพบอย่างนั้นหรือ? มีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของเิไท่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ และข้าก็ไม่มีความแค้นกับเขา แต่เขากับเิไท่มีความแค้นต่อกัน ในภายภาคหน้า เขาสามารถช่วยข้าต่อกรเิไท่ได้” ชายหนุ่มอธิบาย
“หา?” เฉินเทียนซานอึ้งไป
“นายท่าน โปรดระวังกระบี่กระดูก!” ซ่างกวนเหินขมวดคิ้วแน่น
กู่ไห่พยักหน้า ก่อนยกมือขึ้น
“ฮึ่ม!”
บนตัวกระบี่กระดูก มีไอสีดำมากมายพวยพุ่งออกมา คล้ายจะปฏิเสธการของชายหนุ่ม
“ขึ้นมาเถอะ!”
ตูม!
กระบี่กระดูกที่กู่ไห่กำลังยกออกมานี้ ประหนึ่งหนักเป็พันจิน[1]
“โฮก!”
ทันใดนั้น ชีพจรัปฐีก็คำรามเสียงสนั่น
เมื่อไม่มีกระบี่กระดูก... ก็ไร้ซึ่งพันธนาการใดๆ
ตูมๆ!
หางชีพจรัดิ้นรนอย่างแรง ประหนึ่ง้าจะหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
หินหลอมเหลวร้อนๆ กระเด็นไปทั่ว เห็นเช่นนั้นทุกคนจึงใช้พลังชี่ปกป้องร่างกายอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก!” ทันใดนั้น กู่ไห่ก็ส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป
“นายท่าน!” ทุกคนต่างะโเรียกอย่างใ
ถึงตอนนี้ จึงเห็นร่างของชายหนุ่ม ถูกปกคลุมไปด้วยพลังชี่สีดำมืดของกระบี่กระดูก พลังชี่ชั่วร้ายที่แสนรุนแรงแผ่กระจายเป็วงกว้าง ทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าใกล้กู่ไห่ได้
ทันทีที่กระบี่กระดูกพุ่งออกมา มันก็ย้อนกลับไปหาชายหนุ่มอีกครั้ง
ฉึกๆ!
กระบี่กระดูกซึ่งพุ่งเข้ามา ได้แทงเข้าที่ฝ่ามือของชายหนุ่ม ก่อนจะทะลุเข้าไปในร่าง สร้างความเ็ปอย่างหาที่เปรียบมิได้ในทันที
“ชั่วช้า!” มือซ้ายของกู่ไห่ พยายามดึงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว
ทว่า พลังของกระบี่กระดูกนั้นมากเกินไป เพียงพริบตา มันก็เข้าไปในร่างเขาจนหมดสิ้น
กู่ไห่รีบนั่งขัดสมาธิ ด้วยท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อััได้ถึงจิตตระหนักดวงหนึ่งที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างของตน
“หืม? เ้านี่หรือ!? เป็ร่างกายที่ดีนี่นา... มา... ให้ข้าครอบงำจิตใจ ยอมให้ข้าแทนที่เ้าเสียแต่โดยดี!” เสียงอันชั่วร้ายดังขึ้น
จิตดวงนั้น พุ่งตรงไปยังจิตใจของชายหนุ่ม
กู่ไห่หน้าถอดสี พยายามรวบรวมสติ เพื่อต่อต้านความชั่วร้ายจากกระบี่กระดูก ที่หมายจะครอบงำจิตใจตน
“ช่างมีเจตจำนงอันแข็งแกร่งยิ่ง มนุษย์เช่นเ้า ถือว่าไม่เลวเลย แต่เมื่อเจอข้า ต่อให้ข้ามีพลังไม่เต็มที่ แต่พลังแห่งจิตสำนึก ไม่ว่าใครก็เทียบไม่ได้ทั้งนั้น นี่มิใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเ้าจะต้านทานได้ ข้าคือเทพเ้า ต่อหน้าเทพอย่างข้า จงยอมจำนนเสียเถอะ” เสียงชั่วร้ายจากกระบี่กระดูกดังขึ้นอีกครั้ง
ตูมๆๆ!
คลื่นพลังที่รุนแรง พุ่งเข้าสู่สมอง กู่ไห่พยายามอย่างหนักเพื่อคงสติของตนเอาไว้ ไม่ให้สลบ นี่เป็ครั้งแรก ที่ชายหนุ่มพบว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ดึงกระบี่นี่ออกมาเด็ดขาด
ตูมๆ!
ความปรารถนาของกระบี่กระดูกช่างแรงกล้านัก มันพุ่งผ่านเข้าสู่หว่างคิ้วของกู่ไห่ทันที
ตูม!
ราวกับศีรษะจะะเิออกเป็เสี่ยงๆ ดูเหมือนมันกำลังทำลายการป้องกันทั้งหมดของเขา ให้พังลงในพริบตา
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น เม็ดหมากสีดำที่ลอยอยู่กลางเวหา ในช่องมิติที่หว่างคิ้วของชายหนุ่ม ก็ปล่อยไอพลังสีดำเข้าใส่ควันดำในกระบี่กระดูก
“อะไรกัน? เ้ามีสมบัติวิเศษได้อย่างไร? หากเป็แต่ก่อน สมบัติเช่นนี้คงทำร้ายข้าไม่ได้... ไม่สิ! เ้าเป็มนุษย์ จะมีมันได้อย่างไร? นี่เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ควันดำในกระบี่เอ่ยขึ้น
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่น ควันสีดำถูกทำลาย และตอนนี้มันกำลังกลายเป็โครงกระดูกนับไม่ถ้วน ลอยอยู่ในช่องว่างมิติที่หว่างคิ้ว
กู่ไห่ใจสั่นระรัว รับรู้ได้ถึงจิตตระหนักรู้ของตน ที่กำลังพุ่งไปยังชิ้นส่วนที่แตกกระจายของกระบี่
ตูมๆ!
จิตสำนึกของชายหนุ่ม กลืนกินชิ้นส่วนของกระบี่กระดูกอย่างรวดเร็ว
“ไม่ๆ! เ้าไม่อาจกลืนกินข้าได้ จิตตระหนักของข้า... จิตสำนึกของข้า ข้าเป็กระดูกบรรพชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เคยมีใครทำอะไรข้าได้ แต่ตอนนี้ กำลังจะถูกจิตของมนุษย์กลืนกินอย่างนั้นหรือ เป็ไปไม่ได้... ไม่!” เสียงร้องะโในกระบี่ ค่อยๆ แ่ลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระบี่กระดูกในร่างถูกทำลายไป สิ่งชั่วร้ายที่แฝงมา จึงไร้ซึ่งแรงต้านทาน ได้แต่ปล่อยให้จิตสำนึกของกู่ไห่กลืนกินไปอย่างรวดเร็ว
ตูมๆ!
จิตสำนึกของกู่ไห่ กลืนกินเศษกระบี่กระดูก และควันดำอันชั่วร้ายไปจนหมด ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ออกจากช่องว่างมิติที่หว่างคิ้ว ขณะที่บางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับร่างของเขา
กู่ไห่ยังคงถูกล้อมรอบไปด้วยควันสีดำมืด ทำให้ทุกคนไม่สามารถเข้าใกล้ได้ เพียงครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ควันดำลอยออกจากหน้าอกของเขา
มันพุ่งปะทุ จนเสื้อผ้าฉีกขาด หัวใจที่อยู่ใต้ซี่โครงดำมืดในอกข้างซ้ายเต้นระรัว
เขาค่อยๆ ลูบทรวงอกด้านซ้ายอย่างแ่เบา
“ซี่โครง? ข้ามีซี่โครงเพิ่มขึ้นมาหรือนี่? อีกทั้งในตอนนี้ ยังรู้สึกว่ามันเป็ส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว? จิตสำนึกของข้า กำลังควบคุมซี่โครงนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่เบิกตากว้าง
หลังจากกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น ชายหนุ่มก็ยื่นมือขวาออกไป ราวกับรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
ฉึก!
ทันใดนั้น หน้าอกของเขาก็ถูกเจาะเป็รู มีกระดูกชิ้นหนึ่งแทงทะลุออกมา เมื่อก้มลงมองชัดๆ กลับพบว่ามันคือด้ามจับ
กู่ไห่พยายามเก็บอาการตื่นตระหนก ก่อนจะค่อยๆ ดึงมันออกมา
แครกๆๆ!
เขาค่อยๆ ดึงกระดูกสีดำออกจากหน้าอกตัวเอง เมื่อถูกดึงจนสุด มันก็กลายเป็บางอย่างที่มีลักษณะยาวเรียว และมีไอสีดำพวยพุ่ง
“อ๊าก!” เกาเซียนจือและพวก ถูกควันสีดำโอบรัด จนต้องถอยออกไปเรื่อยๆ ด้วยความพิศวง
ชิ้ง!
เมื่อดึงออกมาทั้งหมด ก็กลายเป็กระบี่กระดูกเล่มหนึ่ง ที่มีลักษณะเรียวยาว มีขนาดประมาณสี่ฉื่อ โดยเมื่อเรียกออกมาใช้งาน ก็จะปรากฏควันสีดำขึ้นโดยรอบ
บนตัวกระบี่นั้น ยังคงมีร่องรอยแตกร้าวอยู่เป็จำนวนมาก บ่งบอกได้เป็อย่างดี ว่านี่คือกระบี่กระดูกเล่มเดียวกันกับที่ถูกดึงออกมาจากชีพจรั แล้วพุ่งเข้าสู่ร่างกายเขา
กู่ไห่รู้สึกว่าตัวเองได้เชื่อมติดกับกระบี่กระดูกเล่มนี้ ราวกับเป็ส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว... ไม่สิ! จิตสำนึกของเขากลืนกินจิตสำนึกเดิมในกระบี่เล่มนี้ไป จึงทำให้มันเปลี่ยนแปลง และเกิดความรู้สึกใหม่ๆ ขึ้น ภายใต้การควบคุมของเขา
ชายหนุ่มถือมันไว้ในมือ รู้สึกว่ากระบี่เล่มนี้สามารถตัดทุกอย่างได้ พลังของมันช่างมหาศาล ยากต้านทาน และให้ความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
กู่ไห่มองหน้าอกของตน ก่อนจะค่อยๆ แทงกระบี่กลับเข้าไป
แครก!
กระบี่กระดูกเจาะเข้าไปในผิว ก่อนจะค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกาย และกลายเป็ซี่โครงชิ้นพิเศษของเขา
ฟู่!
ภายใต้การควบคุมของจิตสำนึก ควันสีดำก็ค่อยๆ สลายไป รูบนหน้าอกของเขาก็เช่นกัน าแที่เกิดขึ้นบนร่าง สมานตัวเร็วอย่างประหลาด นอกจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดแล้ว ทุกอย่างก็ดูปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ก่อนหันไปมองรอบบริเวณ
ควันสีดำรอบกายหายไปแล้ว ชีพจรักำลังดิ้นพล่านอย่างบ้าคลั่ง หินหลอมเหลวร้อนๆ กำลังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ส่วนคนอื่นๆ ก็ออกจากหุบเหว ขึ้นไปรออยู่้าแล้ว
“ควันดําหายไปแล้วหรือ? นายท่าน รีบขึ้นมาเถอะ ูเาไฟกำลังจะปะทุแล้ว” เฉินเทียนซานกล่าวอย่างยินดี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัย
“พลังชี่สีดำเมื่อสักครู่ ช่างน่าพรั่นพรึงนัก ข้ารู้สึกเหมือนได้เห็นโลกที่แสนมืดมิด เต็มไปด้วยกองกระดูกมากมาย ภาพมายา... มันเป็ภาพมายาจริงๆ หากไม่รีบหนีออกมา นึกไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ฮวางบูแสดงสีหน้าหวาดผวา
“เหตุใดนายท่านจึงไม่เป็อะไรเลย?” เกาเซียนจือมองกู่ไห่ด้วยความประหลาดใจ
“ฟึ่บ!”
เขาะโออกจากหุบเขาทันที
“นายท่าน ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่? แล้วกระบี่กระดูกล่ะ?” ซ่างกวนเหินถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
ชายหนุ่มมองดูทุกคน แต่มิได้อธิบายอะไร เพียงก้มดูสถานการณ์ด้านล่าง
ตูมๆๆ!
หลังจากชีพจรัดิ้นไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผนึกก็ค่อยๆ คลายตัวลง ยอดเขาโดยรอบเริ่มสั่นะเื
อีกไม่นาน ชีพจรัคงจะหนีออกมาจากผนึกได้แน่
“ชีพจรักำลังจะหลุดออกจากผนึก?” ฮวางบูกล่าว ใบหน้าเคร่งเครียด
“บอกทุกคน ให้ออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!” กู่ไห่เอ่ยเสียงต่ำ
“ออกไป? แล้วเราจะไปที่ใดหรือ?” เฉินเทียนซานชะงัก เมื่อได้ยินคำสั่ง
“เ้าจะไม่แจ้งทางสำนักชิงเหอ ให้ระวังสำนักซ่งเจี่ยหรอกหรือ? ตอนนี้พวกเราจะกลับไปยังสํานักชิงเหอ และจวนสกุลกู่ของข้า” กู่ไห่กล่าว
“ขอรับ!” ทุกคนตอบ
-----------------------------------------
[1] จิน หน่วยวัดน้ำหนักของจีนในสมัยโบราณ โดย 1 จิน จะเท่ากับครึ่งกิโลกรัม หรือ 500 กรัม โดยประมาณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้