‘ถ้าทำงานหนึ่งวันแล้วได้เงินมหาศาล...เอาไหม ติดต่อมาที่เบอร์ข้างล่างนี้’ หญิงสาวเปิดโน้ตใบน้อยอ่านทันทีที่กลับถึงบ้าน
--------------------------------
กังสดาลถูกญาติสาวที่กำลังจะแต่งงานเดือนหน้า ชวนออกมาเจอกันที่ห้องเสื้อซึ่งเป็สตูดิโอชุดแต่งงานแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
“เราเจอกันที่ตรงรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ดีกว่านะ จะได้เดินลงไปที่ร้านด้วยกัน เรากลัวหลงอ่ะ” กังสดาลกังวลเพราะเธอไม่ค่อยมาแถวนี้บ่อยนัก
“ได้สิ…ตามนั้นเลย เจอกันสิบโมงครึ่ง ออกจากร้านจะได้ไปหาอะไรกินที่เอ็มโพเรียม” รินญา ญาติผู้น้องชวนกังสดาลมาเป็เพื่อนครั้งแรก เพราะเห็นว่าญาติคนนี้ไม่ค่อยออกบ้านไปไหน วันหยุดเธอได้แต่ทำกับข้าวดูแลย่าลำดวนที่บ้าน ซึ่งนางเป็ย่าของรินญาด้วย
กังสดาลหยุดมองชุดแต่งงานตรงกระจกหน้าร้านด้วยสายตาชื่นชม เธอยังยืนใจลอยนึกฝันหวานไปไกลว่า สักวันเธอจะมีโอกาสได้สวมชุดสุดสวยเช่นนี้เหมือนญาติสาวที่โชคดีบ้างไหม
“เข้ามา...ยืนมองอยู่นั่น...มาช่วยกันเลือกหน่อย” รินญามองญาติเธออย่างขำๆ
“โทษที...ชอบชุดนี้ รินลองดูสิ...” กังสดาลเอ่ยแนะนำ
“บานฟู...แบบนี้ไม่ชอบ...” ญาติสาวส่ายหน้า
“เราว่าลองใส่ดูก่อน อาจเหมาะนะ เพราะรูปร่างเธอบางมาก” กังสดาลอยากให้ญาติเธอลองดู เท่าที่มองด้วยสายตาชุดไม่ได้บานมากมาย
“งั้นได้...จะลองตัวนี้ก่อนเลย...เบลเข้ามาที่ห้องลองด้วยกันเลย”
“ออกมาดูกระจกสิ...เราว่ามันดูดีมากเลย” กังสดาลมองแล้วมันฟูย้วยตรงส่วนล่าง ไม่ใช่บานฟูอย่างที่ญาติเธอพูดกล่าวหาชุดนี้ั้แ่แรกอย่างไม่ใยดี ตรงท่อนบนที่รัดหน้าอกปักเลื่อมเป็ลายดอกไม้ซับในด้วยผ้าบางพลิ้ว คอเสื้อกว้างถึงไหล่ดูสวยเข้ารูปไม่เผยหน้าอก...ดูเรียบร้อย
“เฮ้ย...อยากได้แบบเปิดกระชับหน้าอก เผยแผ่นหลัง” รินญาชอบแนวเปลือยไหล่อยากโชว์ผิวขาวของเธอ
“โห...นี่มันโป๊นะ” กังสดาลส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับชุดตัวที่สองที่ญาติสาวกำลังลอง เธอช่วยวิจารณ์ให้
“เบล...ไม่ชอบอย่าว่าแรง ใจเราฝ่อนะ...รู้ด้วย” เสียงนางขุ่นนิดๆ
“สาวอย่างเธอ...เรียบร้อยเกิ้น...” ญาติเธอมองหน้าเธออย่างตลก
“คงใช่มั้ง...แต่อาจแรดก็ได้...ในวันข้างหน้าน่ะ...” กังสดาลพูดไปก็หัวเราะกับคำพูดของตัวเอง
“เออ...แบบเฉดหัวผัวออกบ้าน แล้วเอากิ๊กเข้าบ้าน รึ” รินญาพูดร้อนแรงเกินไป
“เฮ้ย...แรง...”
กังสดาลมัวแต่มองญาติเธอหมุนตัวไปมา เลยก้าวเหยียบเท้าคนข้างหลัง หันไปเจอหน้าชายคนหนึ่งอยู่ในเครื่องแบบเหมือนคนขับรถโรงแรม
“ขอโทษค่ะ...เอ่อ...มองไม่เห็นจริงๆ นะคะ” กังสดาลทำหน้าเจื่อนๆ ขณะพูด
“ไม่เป็ไรครับ...ผมเดินตามหาเ้านาย...ท่านไม่รู้อยู่ตรงไหน” ชายอายุกลางคนประมาณสี่สิบเศษพูดอย่างนอบน้อม
“เราไม่เห็นใครแถวนี้เลยนะ...” รินญาส่งเสียงตอบให้แทนเธอ
“ครับ...คงจะออกไปข้างนอกแล้วมั้ง” ชายหนุ่มเปิดประตูกระจกหน้าร้านเดิน
ออกไปทันทีที่พูดจบ
“ร้านเงียบออก...ไม่เห็นจะมีใครโผล่เข้ามา รึว่าตอนเราอยู่ข้างในห้องลองเสื้อกัน” กังสดาลเอ่ยกับญาติเธอ
“เอาตัวนี้ไหม ถ้าชอบ ถ้าเป็เรา เอาตัวแรก...สวยหวาน” หญิงสาวยังชอบใจตัวแรกที่ญาติเธอลอง
“ไม่...เราชอบตัวนี้” รินญาทำหน้างอ
“เออ...คุณเ้าสาว...คนสวย ทำหน้าแบบนี้จะเผลอติดหน้างอยาวไปถึงวันแต่ง” กังสดาลหัวเราะชอบใจที่แซวเธอ
“โหย...เกลียดจริงๆ คนจิกกัดเนี่ย”
กังสดาลกำลังจะเดินไปหาชุดที่แขวนอยู่ด้านในเพื่อเอาให้ญาติสาวลอง เผื่อว่าเธออาจเปลี่ยนใจ
“อยากทำงานกับผมไหม...” เสียงชายหนุ่มสูงราว 180 ซม.ผิวสองสีรูปหน้าเรียวยาวนิ่งกำลังมองมาที่กังสดาลอย่างเรียบเฉย
“คุณเป็มิตรแท้ หรือมิตรเทียมกันคะ” กังสดาลถามออกไป
“หมายความว่าอะไร ผมไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มทำสีหน้า...งง ขณะจ้องแววตาของหญิงสาว
“โหย...สมัยนี้ มิตร คือ มิจฉาชีพ เราเรียกกันสั้นๆ คุณไม่เข้าใจ มาจากโลกไหนกัน” เธอมองหน้าเขากลับไปแบบต่อว่า
“โอเค...ผมคงไม่ใช่ทั้งมิจฉาชีพแท้และเทียม อย่างที่กล่าวหา” ชายหนุ่มพูดว่ากลับนิ่มๆ
“ผมมีข้อเสนอให้เล็กๆ น้อยๆ ...” ชายหนุ่มยังจ้องหน้ากังสดาลอยู่ เพื่อรอคำตอบ
“ขอคิดดูก่อนนะ...ไม่รู้คุณเป็ใคร...จ้างไปทำอะไรยังไม่รู้เลย” เธอตอบเขาเบาๆ เก็บกระดาษที่เขาพับยื่นส่งมาให้ลงในกระเป๋าถือทันที
กังสดาลขอตัวเดินเลี่ยงออกมาโดยไม่ได้พูดอะไรอีก รู้สึกใจคอไม่ดีคิดว่าคนเราทุกวันนี้มีอะไรแปลกประหลาด บนโลกเราใบนี้ช่างอยู่ยากขึ้นทุกวัน
“ริน...เอาชุดนี้ลองดูอีกชุดนะ...เราเริ่มหิวข้าวแล้ว” กังสดาลเลือกชุดสีนวลซึ่งน่าจะเหมาะกว่าชุดขาวล้วน
“เข้ามาช่วยหน่อย...” รินญาะโออกมา เธอจึงผลักประตูเข้าไป
“ถอดยากนะตัวนี้ มันเกาะอก เราว่าเอาตัวนี้เถอะ ถ้าชอบแนวอยากโชว์ผิว ตัวนี้เป็สายเดี่ยวลูกไม้...หวานและใส่ง่ายด้วย” กังสดาลเชียร์ชุดหลังนี้อย่างจริงจัง
พอนางเดินออกมาดูกระจก ผู้ช่วยในร้านออกปากชมทันทีว่าตัวนี้ดูดีที่สุด เหมาะกับรูปร่างและหน้าตาหวานสดใสของรินญา
“โอเค...เอาตัวนี้นะ...ช่วยตัดใหม่ให้เข้ารูป เสร็จเมื่อไหร่โทรมาที่เบอร์นี้นะคะ จะมาลองอีกครั้ง” รินญาส่งนามบัตรของเธอให้ผู้ช่วยสาวรุ่น เ้าของร้านเดินยิ้มลงมาจากข้างบนตรงมาทักทายสองคนทันที
“ชุดนี้แพงมาก ตัดแนวแบรนด์ดังเลยนะคะ” สาวใหญ่ส่งยิ้มให้สองสาวอย่างยินดี
“เหมาะกับรูปร่างมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ...”
รินญาหันไปชมกังสดาลที่ช่วยเลือกให้ถูกใจ
“ต้องชมสายตาของนาง...เยี่ยมสุดๆ”
กังสดาลมองอย่างโล่งอก ท้องเธอส่งเสียงร้องดังมาก ตอนเช้ารีบทำข้าวต้มใส่ฟักทองให้ย่า กลัวจะออกบ้านไม่ทัน ตอนนี้ข้าวต้มมันย่อยหดหายไปหมดแล้ว
“ไปหาอะไรกินเถอะ หิวจนตาลายแล้ว...” เธอกระซิบบอกญาติสาว
------------------
ทั้งสองรีบเดินขึ้นสะพานลอยของรถไฟฟ้ามาฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าห้าง รินญาตั้งใจอยากเลี้ยงอาหารจีน วันนี้เธออยากกินติ่มซำ
“เราเลี้ยงเอง...เธอเลือกชุดแต่งงานถูกใจเรามาก”
“เออ...ยังไงเอาเถอะ หิวจนอยากกินทุกอย่างล่ะ” กังสดาลรีบตามญาติเธอขึ้นไปชั้นสาม เป็อาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ดีที่วันนี้กลางสัปดาห์คนไม่แน่น
หญิงสาวเดินตามรินญาเข้าไปและเอากระเป๋าวางที่โต๊ะ แล้วเธอบอกญาติสาวว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่หาห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของร้าน เธอเห็นทางเข้าพอดีเป็ซอกเดินเข้าไปด้านใน..เธอมองตามทางขณะใกล้ถึง มีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำชาย เธอหยุดกึกเงยหน้ามองเขาซึ่งชายคนนี้เกือบปะทะกับเธอพอดี
“มาทำอะไรตรงแถวนี้...” ชายหนุ่มทักเธอ
“ตรงนี้มันเป็ห้องน้ำสาธารณะ...ไม่เห็นหรือว่ามีห้องน้ำหญิงด้วย” กังสดาลตอบแบบหัวเราะเบาๆ
“โอเค...ขอโทษ... นึกว่าคุณตัดสินใจแล้วตามผมมา” เขาพูดแก้เขินที่ไม่ได้สังเกตอะไร
“เหรอคะ... บังเอิญมาเจอคนที่คิดแบบนี้…แย่จัง!!!” กังสดาลไม่เบาจริงๆ อยากเสียมารยาท...ด่าออกไปตรงๆ
“แย่นะ...แต่อย่าทิ้งโน้ตใบนั้นล่ะกัน...มีค่ามาก” ชายหนุ่มพูดจบเดินจากไปทันที
กังสดาลเดินกลับมาที่ร้านและนั่งกินอาหารอย่างใจลอย กินอะไรไม่ลงไปเลยกับคำพูดของชายหนุ่ม นึกแล้วยังโมโหไม่หาย
ครั้นกลับมาถึงบ้านเธอเปิดอ่านโน้ตใบนั้นทันที หญิงสาวถึงกับอุทานออกมา
“มันอะไรกันนี่...บ้าไปรึเปล่า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้