เมื่อเห็นว่าทั้งมู่ชิงอู่และหานอวิ๋นซีเงียบไป สาวชงชาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เื่เหล่านี้ที่แม่ทัพใหญ่ถาม ในโรงน้ำชาจะมีบันทึกรายงานไว้ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าโกหก
ไม่นานมานี้ คุณหนูรองของตระกูลหานได้ทิ้งกระป๋องชาฤดูใบไม้ผลิคุณภาพสูงไว้ที่นี่ มีแขกหลายคนที่มาดื่มชาและทิ้งชาไว้ แล้วก็ไม่เคยกลับมาหาอีกเลย เช่นนี้ด้วยที่นางมีเจตนาไม่ดี จึงซ่อนกระป๋องชานั้นไว้
ใครจะไปรู้ว่าวันรุ่งขึ้นจะมีคนจากตระกูลหานมาตามหามัน นางเองก็ไม่เต็มใจที่จะเอาออกมา จึงได้แต่โกหกว่าไม่เห็นมัน
ชาที่คุณหนูรองหานส่งมาล้วนเป็ชาคุณภาพสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะดีกว่าชาในโรงน้ำชา หากสามารถขายต่อในตลาดชาได้ ต้องได้ราคาดีอย่างแน่นอน
เดิมทีสาวชงชาตั้งใจจะหาเวลาแอบเอาออกไปขาย แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น
นางหวาดกลัวขวัญหนีดีฝ่อขนาดนี้ จะกล้าเอาชาไปขายเสียที่ไหนกัน แค่ขอร้องไม่ให้ใครรู้เื่ที่นางเอาไปก็พอแล้ว หากหัวหน้าโรงน้ำชารู้ว่านางขโมยชาจากลูกค้า นางคงต้องตาย
เมื่อเห็นว่ามู่ชิงอู่ก็เงียบเช่นกัน หานอวิ๋นซีก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจและพูดว่า “แม่ทัพใหญ่ หากท่านทำให้ข้าสบายใจได้ ข้าจะทำให้ท่านเชื่อข้าเช่นกัน ไม่ต้องกังวล!”
คำพูดนี้ สาวชงชาไม่เข้าใจแต่มู่ชิงอู่กลับเข้าใจ
ในตอนที่ตรวจสอบมู่หลิวเยวี่ย เขาสัญญาว่าเขาจะไม่ลำเอียง ตอนนี้ความสงสัยที่ใหญ่ที่สุดตกอยู่ที่ตระกูลหาน และหวังเฟยก็ทำสัญญาแบบเดียวกัน
คิดไม่ถึงว่าหวังเฟยที่เป็สตรีผู้มีฐานะสูงส่งก็มีความชอบธรรมที่น่าเกรงขามเช่นกัน มู่ชิงอู่ประสานมือเข้าด้วยกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพและไว้วางใจ
ความไว้วางใจนี้ทำให้หานอวิ๋นซีตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขึ้น และในขณะเดียวกันก็มีความมุ่งมั่นมากขึ้น ไม่ว่าใครคือฆาตกร ตราบใดที่เป็ฆาตกรตัวจริง นางจะต้องหาเจออย่างแน่นอน
“เ้าเคยชงชาที่คุณหนูรองของตระกูลหานส่งมาที่นี่หรือยัง?” ในที่สุดนางก็เปิดปากพูด
สาวชงชาส่ายหัว “ชาส่วนใหญ่ที่คุณหนูรองของตระกูลหานนำมาชงจะเป็ชาที่เปิดไว้แล้ว และส่วนที่เหลือก็จะให้พวกข้าเป็รางวัล แต่ชาที่มอบให้คุณหนูมู่นั้นจะเป็ชาที่ยังไม่ได้เปิดเพคะ”
“เป็ชาชนิดเดียวกันหรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
“บางทีก็ใช่ บางทีก็ไม่ใช่ ไม่แน่นอนเพคะ” สาวชงชาตอบตามจริง
“ยังมีเหลืออีกหรือไม่?” หานอวิ๋นซียังคงถามต่อไป
สาวชงชาลุกขึ้นทันที ครู่หนึ่งก็นำชามาสองกระป๋อง “นี่คือกระป๋องชาที่คุณหนูรองของตระกูลหานทิ้งไว้ที่นี่ครั้งล่าสุดเพคะ”
หานอวิ๋นซีตรวจสอบใบชาแต่ไม่พบสารพิษอะไร ทุกอย่างเป็ปกติ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มู่ชิงอู่ก็ชงชาด้วยตนเองและดื่ม ทันทีได้กลิ่นชา สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“มีอะไรหรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามด้วยความสงสัย
เหตุผลที่มู่หลิวเยวี่ยยอมรับชาจากหานรั่วเสวี่ย อย่างน้อยชาชนิดนี้คงก็ไม่ใช่ชาธรรมดา
“รสชาตินี้…ชานี้เป็ชาฤดูใบไม้ผลิชุดแรกในชายแดนทางตอนใต้ซึ่งเป็ชาเขียวชั้นดี” มู่ชิงอู่มั่นใจมาก
ต้นชาต้นเดียวกันที่ปลูกในสถานที่ต่างกันจะให้ใบชาที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน ภูมิอากาศ ดิน และแหล่งน้ำเป็ตัวกำหนดความแตกต่างของธาตุในชา ซึ่งนำไปสู่ความแตกต่างในรสชาติของชา
คนธรรมดาไม่อาจลิ้มรสได้ แต่ปรมาจารย์ด้านชาที่มีประสบการณ์แค่ดมกลิ่นก็รู้ได้อย่างชัดเจน
“นี่เป็ชาฤดูใบไม้ผลิชุดแรกจากชายแดนทางตอนใต้จริงๆ เ้าค่ะ มีเพียงดินสีแดงในชายแดนทางตอนใต้เท่านั้นที่สามารถปลูกชาเขียวที่มีรสชาตินี้ได้ แม่ทัพใหญ่ช่างเก่งกาจมากเ้าค่ะ!” สาวชงชาชมเชย
อันที่จริง นางอยากจะบอกว่ากระป๋องที่คุณหนูรองของตระกูลหานไม่ได้ส่งมานั้นดีกว่ากระป๋องนี้เสียอีก แต่น่าเสียดายที่นางไม่กล้า
“ชานี้หายากหรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามด้วยความสงสัย
“หวังเฟย ชาของชายแดนทางตอนใต้นั้นเป็ที่้ามากที่สุด โดยเฉพาะชาฤดูใบไม้ผลิ ผลิตได้น้อยแต่คุณภาพดีและมักถูกจองก่อนที่จะถูกเก็บเพคะ” สาวชงชาตอบตามความเป็จริง
ถ้าไม่ได้ดื่มชานี้บวกกับที่สาวชงชาเตือนเขา มู่ชิงอู่คงไม่สังเกตเห็นว่าชาเขียวที่ตนเองดื่มบ่อยที่สุดมีต้นกำเนิดต่างกัน
เขามองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเคร่งขรึมและพูดอย่างจริงจังว่า “สองสามปีมานี้ ข้าหลงใหลในชาชนิดนี้มาตลอด ในบรรดาชาที่มู่หลิวเยวี่ยส่งมาให้นั้น มีชาเขียวของชายแดนทางตอนใต้จำนวนไม่น้อย”
ชาเขียวจากชายแดนทางตอนใต้?
หานอวิ๋นซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางฉวยโอกาสในขณะที่มู่ชิงอู่และสาวชงชาไม่ได้ให้ความสนใจ หยิบชาสองสามใบอย่างเงียบๆ แล้วใส่ไว้ในกระเป๋ายาที่นางพกติดตัว จากนั้นก็หยิบเข็มทองเล่มหนึ่งขึ้นมา เก็บน้ำชาส่วนหนึ่งใส่เข้าไปในระบบล้างพิษเพื่อแยกแยะ
การแยกแยะครั้งนี้ นำไปสู่ข้อสรุปที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ในทันที ปริมาณธาตุเหล็กในใบชาและน้ำชาเหล่านี้สูงมาก!
ก่อนหน้านี้นางเคยแยกใบชาสองชุดและจับคู่ส่วนผสมต่างๆ ในใบชากับพิษงูหมื่นตัว แต่นางก็ล้มเหลวมาโดยตลอด
ครั้งแรกที่วิเคราะห์เกี่ยวกับประเภทของชา ครั้งที่สองที่มุ่งเน้นไปที่ชาของสามฤดู ส่วนแหล่งกำเนิด ยังไม่เคยวิเคราะห์มาก่อน
ชาเขียวฤดูใบไม้ผลิของชายแดนทางตอนใต้ จะใช่มันหรือไม่นะ?
หานอวิ๋นซีไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ทันทีที่นางวิเคราะห์ส่วนผสมในใบชาเหล่านี้ นางก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนเป็ระบบการล้างพิษอย่างชาญฉลาดในทันที
นางขมวดคิ้วแน่นด้วยใบหน้าจริงจัง จดจ่อกับมัน โดยหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน
มู่ชิงอู่และสาวชงชาที่มองจากด้านข้าง ก็คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนาง
“หวังเฟย ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” มู่ชิงอู่ถามด้วยความเป็ห่วง
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว หานอวิ๋นซีก็สงบสติอารมณ์และถอนหายใจเบาๆ “ข้าสบายดี”
ล้มเหลวอีกครั้ง!
ชาเขียวของฤดูใบไม้ผลิจากชายแดนทางตอนใต้ก็ล้มเหลว ไม่ใช่มัน
เป็เพราะพวกเขาเข้าใจหานรั่วเสวี่ยผิด หรือเป็เพราะชาที่หานรั่วเสวี่ยนำมาชงกับชาที่ส่งให้มู่หลิวเยวี่ยนั้นยังมีอะไรที่แตกต่างกันอย่างนั้นหรือ?
ถ้ามี ปรมาจารย์ด้านชาอย่างมู่ชิงอู่ที่ดื่มบ่อยขนาดนี้ ดื่มนิดเดียวก็คงรู้ได้แล้ว
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือสั่งให้สาวชงชาและสาวใช้โดยรอบออกไป
ทันทีที่คนออกไป มู่ชิงอู่ก็รีบถาม “หวังเฟย ท่านพบอะไรหรือไม่?”
“ชาที่หลิวเยวี่ยให้เ้ามีรสชาติแตกต่างจากชาอื่นหรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามอย่างจริงจัง
มู่ชิงอู่รู้เจตนาของหวังเฟยที่ถามคำถามนี้ดี แต่เขาไม่รู้ว่าจะให้คำตอบที่ชัดเจนกับนางอย่างไร
“หวังเฟย มันยากที่จะพูด ใบชาที่มาจากแหล่งกำเนิด ฤดูกาลและพันธุ์เดียวกันจะมีรสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก หากพวกเขาอบและเก็บรักษาตามปกติ และมีความแตกต่างที่เล็กน้อยมาก”
มู่ชิงอู่หยุดชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “สำหรับชาชุดเดียวกันจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ชาที่หลิวเยวี่ยส่งมาจะดีกว่าชาอื่นๆ ที่ส่งมา ส่วนใหญ่ในแง่ของวิธีการอบและการเก็บรักษาให้สดใหม่ แน่นอนว่าบางครั้งก็เกี่ยวข้องกับน้ำ ภาชนะและเวลาในที่ใช้ในการชงชาด้วย เื่เหล่านี้เป็เื่ที่พูดยาก”
หานอวิ๋นซีเข้าใจคำพูดของมู่ชิงอู่ทันทีที่ได้ยิน เห็นได้ชัดว่าเป็ไปไม่ได้ที่จะหาคำตอบจากปัจจัยที่ไม่แน่นอนและผันแปรเหล่านี้
แค่วิธีการอบอย่างเดียวก็มีความแตกต่างที่ยิบย่อยเล็กน้อยอย่างมาก พวกเขาจะหาแต่ละอย่างได้จากที่ไหน?
เดิมทีหานอวิ๋นซี้าค้นหาวิธีทำใบชาพิษ จากนั้นเลยทำตามสูตรเพื่อค้นหาหลักฐาน ตอนนี้ดูเหมือนว่าหากทำตามเบาะแสนี้ ต่อให้รอถึงปีมะโว้ก็อาจไม่พบอะไรเลย
นางแยกแยะความคิดของนาง ทิ้งปัจจัยที่มีอิทธิพลต่างๆไว้ และกลับไปที่จุดที่น่าสงสัยนั่นก็คือชา
หากมั่นใจว่าจุดที่น่าสงสัยคือชา ตอนนี้พวกเขาก็มีทางเดียวที่จะไปได้ นั่นคือการค้นหาใบชาที่อาบยาพิษ
อย่างไรก็ตาม ใน่เวลาวิกฤตเช่นนี้ ฆาตกรอาจจะระวังตัวไว้แล้ว หากจะหาใบชาที่อาบยาพิษ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น?
หากพวกเขาปล่อยสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่ทิ้งไป เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงเริ่มค้นหาจากคนที่พวกเขาสงสัยเท่านั้น
สิ่งที่หานอวิ๋นซีกำลังคิดอยู่คือสิ่งที่มู่ชิงอู่กำลังคิด เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของมู่ชิงอู่ นางกลับยิ้มออกมา
“แม่ทัพใหญ่ การมาครั้งนี้ยังพอได้เบาะแสอะไรอยู่บ้าง ถึงเื่ชาจะไม่มีความคืบหน้า อย่างน้อย...ก็รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว”
ความจริงแล้ว เบาะแสที่ได้มาในวันนี้ ความสงสัยที่มีต่อหานรั่วเสวี่ยนั้นมีไม่น้อย รวมกับสิ่งที่นางพบที่เรือนของอี๋เหนียงสามแล้ว ความสงสัยนั้นยิ่งมีมากขึ้นไปอีก
หานอวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการที่หลงเฟยเยี่ยเข้ามายุ่งในเื่นี้ อย่างไรก็ตาม เื่นี้เกี่ยวข้องกับคนทรยศจากเป่ยลี่ และหลงเฟยเยี่ยได้สืบสวนเื่นี้อย่างลับๆ มาโดยตลอด นางรอคอยอย่างเงียบๆ อยู่ในใจเพื่อให้หลงเฟยเยี่ยค้นหาเบาะแสอื่นๆ
มู่ชิงอู่ไม่คิดว่าการไปในครั้งนี้จะได้รู้เื่ของคุณหนูรองของตระกูลหาน หลังจากกลับมา เขาต้องรายงานต่อฉินอ๋องโดยเร็วที่สุด เขาคิดว่าหาก้าขอให้ฉินอ๋องไปตรวจสอบห้องนอนของหลี่ซื่อผู้เป็อี๋เหนียงสามแห่งตระกูลหานและคุณหนูรองก็คงไม่ใช่เื่ยาก
เื่นี้เกี่ยวข้องกับคดีสายลับของอาณาจักรเป่ยลี่ ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน จึงไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะเปิดเผยเื่นี้กับหวังเฟย
ทั้งคู่มุ่งความสนใจไปที่ผู้ต้องสงสัยอย่างไม่ลังเล และฝากความหวังไว้ที่หลงเฟยเยี่ย เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ความคิดของอีกฝ่าย
มู่ชิงอู่พยักหน้า “หวังเฟยวางใจเถิด เื่นี้ จวนแม่ทัพจะตรวจสอบโดยเร็วที่สุดและจะแจ้งให้ทราบทันทีที่มีข่าวใดๆ”
“ข้าเองก็จะแจ้งให้เ้าทราบเหมือนกันหากมีอะไรคืบหน้า” หานอวิ๋นซีพูดอย่างตรงไปตรงมา
มู่ชิงอู่ถึงกับตกตะลึง เป็ไปได้หรือไม่ว่านาง้าสอบสวนตระกูลหานด้วยตัวเอง? ต้องรู้ว่า ประการแรก นางเป็บุตรสาวของตระกูลหานที่แต่งงานแล้ว คงไม่ดีนักที่จะกลับไปที่บ้านของตัวเองบ่อยๆ และประการที่สอง นางที่มีสถานะเป็ฉินหวังเฟยควรจะมีความเกรงกลัวบางเื่บ้าง
“หวังเฟย ตามที่ข้าดูแล้ว ท่านน่าจะ...”
ก่อนที่มู่ชิงอู่จะเกลี้ยกล่อมนาง หานอวิ๋นซีก็ยืนขึ้นอย่างเกียจคร้าน “ไปกันเถอะ ไปซื้อชากัน!”
ความคิดของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย นาง้าที่จะปล่อยวางและไม่อยากจะพูดเื่นี้ในตอนนี้
มู่ชิงอู่ที่ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ก็ถามว่า “หวังเฟยชอบชาแบบไหน ข้าจะได้สั่งให้สาวชงชายกมาให้”
“ได้ยินมาว่า…หนานซานหงของที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว ข้าอยากจะขึ้นไปเก็บด้วยตัวเองบนูเาสักหน่อย” หานอวิ๋นซีคิดในใจ นางต้องติดสินบนหลงเฟยเยี่ยและขอให้เขาไปตรวจสอบห้องของอี๋เหนียงสามโดยเร็วที่สุด
ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานของชายผู้นั้น ในอีกสามสี่วันก็คงจะมีข่าวคราวมา หากตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร นางก็ยังมีเวลาอีกสองสามวันในการตรวจสอบอีกครั้ง
“หวังเฟยช่างรู้ดีจริงๆ หนานซานหงของโรงน้ำชาเทียนเซียงมีไว้สำหรับราชวงศ์เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับให้คนทั่วไปซื้อกลับบ้าน” มู่ชิงอู่พูดด้วยรอยยิ้ม
หานอวิ๋นซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “พูดเช่นนั้นคือซื้อไม่ได้หรือ?”
“ข้าซื้อไม่ได้ แต่หวังเฟยเป็คนของราชวงศ์ ดังนั้นท่านสามารถซื้อได้ แค่ไม่รู้ว่าวันนี้ข้าจะได้อานิสงส์จากหวังเฟยด้วยหรือไม่?” มู่ชิงอู่ถามติดตลก
หลังจากคุยกันไปมา เขาก็ผ่อนคลายขึ้นมากโดยไม่รู้ตัว ไม่เคารพและระมัดระวังเหมือนก่อนหน้านั้น แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ
หานอวิ๋นซีรีบเร่งเร้าในทันที “อย่างนั้นไปกันเถอะ”
ภายใต้การแนะนำของสาวชงชา มู่ชิงอู่และหานอวิ๋นซีก็ขึ้นไปที่ไหล่เขาของูเาด้านหลัง นี่คือพื้นที่เพาะปลูกหนานซานหง เป็แถวเรียงชิดกันและเป็ทางเดินให้คนผ่านไปได้เพียงคนเดียว แม้ว่าต้นชาจะไม่สูง แต่ก็ไม่ได้เตี้ย เมื่อยืนอยู่ข้างใน ร่างกายก็ถูกต้นชาปกคลุมไปครึ่งหนึ่ง
จากการแนะนำของปรมาจารย์ชา ในไม่ช้าหานอวิ๋นซีก็เชี่ยวชาญในทักษะการเก็บชา แล้วเดินไปที่ต้นชาพร้อมกับมู่ชิงอู่
อย่างไรก็ตาม มันเป็ถนนบนูเา ทำให้เท้าของหานอวิ๋นซีเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง มู่ชิงอู่ที่ไม่ได้สนใจที่จะเก็บชาสักเท่าไร ก็คอยดูแลอยู่ข้างๆ หานอวิ๋นซีตลอดเวลา ด้วยกลัวว่านางจะล้มหรือเท้าพลิก
เมื่อเห็นว่าใบชาจำนวนมากมีร่องรอยถูกแมลงกัด หานอวิ๋นซีจึงพูดกับตนเองว่า “มีศัตรูพืชมากขนาดนี้ ไม่ได้ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเลยสินะ?”
ในยุคปัจจุบันเป็เื่ปกติที่จะฉีดพ่นยาฆ่าแมลงบนใบชา ถึงขนาดที่ชาวไร่ชาไร้ยางอายหลายคนใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้ยาฆ่าแมลงที่รัฐห้ามใช้
“ยาฆ่าแมลง?” มู่ชิงอู่ไม่เข้าใจ
หานอวิ๋นหันศีรษะไปรอบๆ และอุทานออกมาว่า “ยาพิษ!”
ถ้านำพิษงูหมื่นตัวมาพ่นใส่ต้นชามันจะเป็อย่างไรกันนะ?
