สตรีในชุดดำกล่าวว่า “ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปกับองค์หญิงเพคะ”
มู่หรงจิ่งเทียน “ใคร?”
สตรีชุดดำ “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียน เซวียนหยวนเช่อ เพคะ!”
แววตาหยอกล้อของมู่หรงจิ่งเทียนพลันเปลี่ยนไป ที่เข้ามาแทนที่คือความเ็าและคมปลาบ “เซวียนหยวนเช่อหรือ เขาก็มาป่าหมอกดำด้วยหรือ”
คิ้วของเขาขมวดมุ่นด้วยใช้ความคิดครู่หนึ่ง มุมปากหยักขึ้นเป็รอยยิ้ม “เขาจะต้องมาที่นี่เพราะเชื้อไฟจุดิญญาแน่นอน เปิ่นไท่จื่อไม่มีทางปล่อยให้เขาสมปรารถนา!”
เฟิ่งเฉี่ยนพลันกระจ่างแจ้ง ที่แท้ในถ้ำเมฆาอัคคีเป็สถานที่ซ่อนตัวของเชื้อไฟจุดิญญา มิน่าเล่าเซวียนหยวนเช่อจึงตกปากรับคำช่วยองค์หญิงจื่ออวิ๋นอย่างง่ายดาย นางยังคิดว่าเขาถูกความงามของนางทำให้ลุ่มหลงเสียอีก นางลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงในการเดินทางครั้งนี้!
พูดจบ เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป!
ทันทีที่เขาจากไป สายตาไม่เป็มิตรหลายคู่นั้นก็สาดใส่ร่างของนางอีกครั้ง อาจารย์ผู้ฝึกสัตว์หลายคนถลึงตาใส่นางแต่ไม่พูดไม่จา ผู้ที่เอ่ยปากลั่นวาจาก่อนเป็คนแรกก็คือสตรีในชุดรัดกุมสีดำ น้ำเสียงที่นางกล่าวเปี่ยมไปด้วยแววดูแคลน
“เ้ารู้หรือไม่ว่าในแต่ละวันมีสตรีมากมายเพียงใดที่คิดจะปีนขึ้นเตียงของไท่จื่อ”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองนาง ไม่พูดจา
สตรีชุดดำแค่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดต่ออีกว่า “สตรีเยี่ยงเ้า ข้าเห็นมามากแล้ว ปากบอกว่ารักไท่จื่อแทบเป็แทบตาย แต่ความจริงแล้วที่รักก็คือชื่อเสียงลาภยศเงินทองของเขา ไม่มีความจริงใจต่อฝ่าาแม้แต่น้อย! อย่าคิดว่าฝ่าาถูกรูปโฉมของเ้ามอมเมา ก็จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็หงส์ได้หรอกนะ ข้าขอเตือนเ้าไว้แต่เนิ่นๆ ให้เลิกล้มความคิดนี้เสีย เพราะเ้าไม่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากองค์ไท่จื่อด้วยซ้ำ!”
เฟิ่งเฉี่ยนโมโหจนหัวเราะออกมา มีเ้านายอย่างไรย่อมมีสาวใช้เยี่ยงนั้น สองนายบ่าวล้วนมีความเคยชินพูดเองเออเองราวกับเป็พิมพ์เดียวกัน!
“ข้าละเห็นใจเ้าจริงๆ แอบรักเ้านายของตนเองแต่กลับไม่อาจแสดงความรู้สึกออกมาได้ ความรู้สึกชนิดนั้นคงไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่กระมัง”
นับั้แ่ครั้งแรกที่เห็นนาง ในแววตาของนางเต็มไปด้วยเพลิงของความริษยา คนที่มองเห็นล้วนอ่านใจนางออก เดิมทีไม่อยากจะเปิดโปงนางแต่นางยั่วโทสะเหลือเกิน!
คิดว่านางเป็ลูกพลับนิ่ม คิดจะบีบก็บีบใช่หรือไม่
ถูกผู้อื่นเปิดโปงความในใจสตรีชุดดำอับอายจนกลายเป็โทสะดึงกระบี่ประจำตัวข้างเอวออกมา “ข้าขอเตือนเ้า เลือกเอาระหว่างเ้าจากไปเองหรือไม่ก็ให้ข้าส่งเ้าออกไป ข้าไม่มีทางให้โอกาสเ้าตามติดองค์ไท่จื่ออีกเด็ดขาด!”
ทันทีที่นางดึงดาบออกมา ยอดฝีมือในชุดเกราะสีดำก็ดึงดาบออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะบีบให้นางไป!
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ พวกเขาไม่้าให้นางรั้งอยู่ที่นี่ นางเองก็ไม่เสียดมเสียดายที่จะรั้งอยู่ต่อ!
“ข้าไปเอง”
นางพูดแล้วก็หมุนตัวออกเดิน
สตรีชุดดำคิดไม่ถึงว่านางจะจากไปอย่างง่ายดายและเด็ดขาดเช่นนี้ จึงเดินตามนางแล้วพาดกระบี่ลงบนลำคอของเฟิ่งเฉี่ยน “ช้าก่อน! ปลดเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกของฝ่าาออกมาด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พอแล้วจริงๆ นางอดทนมามากพอแล้ว “ได้ ให้เ้า!”
นางปลดเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกออกจากกาย โยนกลับไปให้สตรีชุดดำ
สตรีชุดดำเก็บกระบี่เพื่อรับเสื้อคลุม เฟิ่งเฉี่ยนใช้จังหวะนี้วาดเท้าออกไปสองก้าวด้วยย่างก้าวประหลาด พร้อมกับออกหมัดซัดเข้าไปที่กระดูกซี่โครงใต้ซอกรักแร้ของนาง!
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
โจมตีด้วยหมัดสามครั้งติดกัน!
ตำแหน่งนี้เป็หนึ่งในจุดอ่อนที่สุดของร่างกายมนุษย์ ทันทีที่ถูกโจมตี มันอาจไม่ถึงขั้นเอาชีวิต แต่จะทำให้สิ้นเรี่ยวแรงในระยะเวลาสั้นๆ!
สตรีชุดดำลมตึงทั้งยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
นางคาดไม่ถึงว่าจะเสียท่าให้กับคนที่ตนเองไม่เห็นอยู่ในสายตา!
เฟิ่งเฉี่ยนคว้าเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกที่ลื่นหลุดออกไปจากมือนั้นก่อนที่มันจะตกลงสู่พื้น แล้วกางออกคลุมร่างกายอีกครั้ง!
คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้แต่มองอย่างตะลึงงัน ด้วยถูกภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้ตื่นตระหนก!
นี่มันกระบวนท่าประหลาดอันใดกัน ไฉนพวกเขาจึงไม่เคยเห็นมาก่อน
หากพวกเขาไม่ได้มองผิดไปแล้วละก็ ชัดเจนเหลือเกินว่านางไม่ใช่กระทั่งเทพยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง แต่ถึงกับล้ม ชิวหลิง ซึ่งเป็เทพยุทธ์ขั้นสามลงได้อย่างง่ายดาย
รอเมื่อพวกเขาได้สติกลับมา เฟิ่งเฉี่ยนเดินจากไปได้ระยะหนึ่งแล้ว คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไม่รู้ว่าควรตามไปหรือไม่
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ไปไหนไกล ในใจนางยังคงคิดถึงหมูเทพหนึ่งร้อยตัวนั่น หากหมูเทพเหล่านี้ล้วนตกมาเป็ของนางจะดีเพียงใดหนอ
นางเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น เมื่อสักครู่พวกเขาร่วมกันรังแกกดขี่นาง นางไม่มีวันปล่อยให้พวกเขารังแกนางฝ่ายเดียวหรอกนะ!
ดังนั้น...
มุมปากของนางยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์!
ชิวหลิงคิดไม่ถึงว่าตนเองตกอยู่ในมือของนางจิ้งจอกเ้าเล่ห์ นางถูกโทสะเข้าครอบงำพูดกับสหายอีกคนว่า “เ้าพาคนสองสามคนไล่ตามไป สังหารนางให้ข้า!”
สหายลังเลใจ “หากไท่จื่อทรงรู้เข้า...”
ชิวหลิงเคียดแค้นใจ “เ้าโง่หรือ! ในป่าหมอกดำมีตรงไหนบ้างที่ไม่มีสัตว์ร้ายปรากฏ ให้ฝ่าาเข้าใจว่านางถูกสัตว์ป่าสังหารก็ได้แล้วมิใช่หรือ”
สหายแจ่มแจ้งแก่ใจ “ยังคงเป็พี่หญิงหลิงที่เฉลียวฉลาด ข้าไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
หลังจากสหายออกไปแล้ว ชิงหลิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “คิดจะต่อกรกับข้า เ้ายังอ่อนหัดนัก!”
ทันทีที่พูดจบ เสียงดังพ่าบดังขึ้นด้านหลังศีรษะของนาง นางถูกตบศีรษะหนักๆ ครั้งหนึ่ง!
“ใคร? ใครกล้าตีข้า” ชิวหลิงหันหน้าไปมาอย่างโมโหโทโส ข้างหลังไม่มีใครสักคน บรรดาสหายล้วนยืนอยู่ไกลออกไปได้แต่มองนางด้วยสายตาประหลาด ไม่เข้าใจว่านางเป็อะไรไป
ชิวหลิงลูบหลังศีรษะของตนเองด้วยสีหน้าท่าทางราวกับเห็นผี “กลางวันแสกๆ หรือจะเจอผี”
ทันใดนั้น เสียงพ่าบ ดังขึ้นเป็ครั้งที่สอง ชิวหลิงนิ่งงันอยู่กับที่ ไม่รู้ว่ารอยฝ่ามือปรากฏขึ้นบนแก้มด้านขวาของนางั้แ่เมื่อใด
รอเมื่อนางได้สติกลับมาอีกครั้ง นางะโขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว นางหันซ้ายหันขวา “ใคร เป็ใครกันแน่ อย่าทำลับๆ ล่อๆ แน่จริงออกมาท้าดวลกัน!”
เพียะ!
แก้มซ้ายขึ้นรอยฝ่ามืออีกรอยหนึ่ง!
“กรี๊ด--” ชิวหลิงกรีดร้องเสียงแหลมและดึงกระบี่ออกมาทันที นางะโลมๆ แล้งๆ “สมควรตาย ออกมานะ ข้าจะฆ่าเ้า!”
เพียะๆๆ
ถูกตบอีกสามครั้งติดๆ กัน!
ใบหน้าของชิวหลิงบวมเป่งทันที นางลนลาน “ข้าไม่สนว่าเ้าเป็คนหรือเป็ผี เ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
นางตวัดกระบี่ฟาดฟันส่งเดช!
บรรดาสหายมองนางจากไกลๆ เห็นเพียงนางะโกับลมกับฟ้าอยู่คนเดียว ยังคิดว่านางเสียสติไปแล้วเสียอีก จึงได้แต่มองหน้ากัน
ชิวหลิงเสียสติไปแล้วจริงๆ นางถูกตบหลายฉาดโดยหาสาเหตุไม่ได้เช่นนี้ ไม่เสียสติจึงจะแปลก
นางรำกระบี่จึงไม่ต้องถูกตบอีก ชิวหลิงหยุดลงพักผ่อนครู่หนึ่ง นางยังหอบหายใจอยู่ ทันใดนั้น เพียะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ถูกตบแบบรัวๆ ติดกันสิบฉาด!
เสียงที่ดังแต่ละครั้งก้องกังวาน ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังเข้ามาในโสตประสาท!
ครั้งนี้คนที่อยู่ในเหตุทั้งหมดต่างได้ยิน ทุกคนได้แต่ยืนโง่งมอยู่ที่นั่น
จากมุมที่พวกเขายืนอยู่มองไปเห็นเพียงใบหน้าของชิวหลิงสะบัดซ้ายสะบัดขวาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของนางบวมและแดงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็หัวสุกรหัวหนึ่ง!
ชิวหลิงถูกตบเสียจนมึนงง ดวงตาทั้งคู่เห็นดาวระยิบระยับ เวียนหัวจนหัวหมุน
เนิ่นนานจึงได้ยินเสียงะโของนางที่ร้องออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจว่า “ช่วย ช่วยด้วย--”
เหล่าสหายจึงวิ่งเข้ามาล้อมเพื่อช่วยเหลือนาง
“พี่หญิงชิวหลิง ท่านไม่เป็อะไรกระมัง”
“ชิวหลิง ใบหน้าของเ้า...”
นอกเหนือจากคนกลุ่มนี้แล้ว เฟิ่งเฉี่ยนกำลังเป่าฝ่ามือแดงก่ำ ที่แท้ตบหน้าคนก็เป็งานที่เหนื่อยเช่นนี้เอง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้