''ฝนอุกกาบาต'' ถึงแม้ว่าจะจบลงแล้วแต่เปลวไฟยังคงโหมกระหน่ำอยู่ การทำลายล้างมีอยู่อย่างต่อเนื่องหมอกควันยังคงตลบอบอวล และความตายก็ยังดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น
''โลงศพทองเหลือง'' นั้นดูลึกลับเป็อย่างมากภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงของเวทมนตร์ระดับสูงสุดนั้น ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
เมื่อฉินโจ้วไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆภายนอก จึงได้ก้าวออกมาจากโลงศพ เขาค่อยคลายความกังวลดูเหมือนว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งแปดที่ระดับ 70 นั้น กลายเป็เพียงเศษโคลนเศษเนื้อไปแล้ว
ฝนอุกกาบาตนั้นครอบคลุมพื้นที่เป็บริเวณกว้างมากจากการประเมินอย่างคร่าวๆ พบว่าพื้นที่ของเมืองลิงนั้นเสียหายไปมากกว่าหนึ่งในสี่ส่วนภายใต้การโจมตีโดยตรง ทำให้ความเสียหายของสิ่งก่อสร้างจำพวกร้านค้านั้นสูงกว่า 90% และมีผู้คนล้มตายไปไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคน
พลังป้องกันของกำแพงเมืองลดลงถึงขั้นวิกฤติแล้วเหลือเพียงแค่ 3% เท่านั้น แต่ยังคงรักษาเอาไว้ได้
ฉินโจ้วเก็บโลงศพกลับเข้าไปในขณะเดียวกันก็เดินมองไปรอบๆ สมกับที่เป็เวทมนตร์ระดับสูงสุดเสียจริงพลังทำลายล้างเทียบกับเวทระดับกลางหรือระดับสูงไม่ได้เลยแม้แต่น้อยความเสียหายของพื้นที่ที่ปรากฏ เขาคิดว่าอย่างน้อยๆ คงต้องรื้อทิ้งและสร้างใหม่เท่านั้น
เนื่องจากประตูเมืองนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองแต่ถึงอย่างนั้นทั่วทั้งเมืองก็มีความเคลื่อนไหวกันยกใหญ่ผู้เล่นในเขตพื้นที่อื่นๆ เริ่มตกอยู่ในความตื่นตระหนก พวกเขายังไม่รู้ว่าในเวลานี้ฉินโจ้วได้เดินวางมาดเข้ามาในเมืองโดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง
"กล้ามากนักนะ... เ้าเมามายซบตักสาวงาม!"เสียงคำรามก้องด้วยความโกรธเกรี้ยวดึงความสนใจให้ฉินโจ้วหันกลับไปมองที่ถนนผุพังสายหนึ่งมีบุคคลระดับสูงห้าคนพร้อมกับหลวีเซ่อจีกวงที่เป็หัวหน้ายืนอยู่
"นายคงเป็ผู้นำของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนหลวีเซ่อจีกวง ใช่หรือไม่ ?" ฉินโจ้วเหลือบตาไปมองก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"นายต้องชดใช้ในสิ่งที่นายได้ก่อเอาไว้ฉันจะทำลายนายและฉินหวังกรุ๊ปให้สิ้นซาก ไม่ตายไม่เลิกรา"หลวีเซ่อจีกวงพยายามระงับความโกรธของเขาเอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่เอ่ยคำหยาบคายออกมา
ฉินโจ้วได้แต่ถอนใจอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า"ดูเหมือนว่านายคงจะไม่รู้สำนึก เอาอย่างนี้... ลองอีกสักรอบแล้วกัน"หลังพูดจบเขาก็หยิบโลงศพออกมาอีก และมุดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วในระหว่างที่กำลังจะเข้าไปนั้น ม้วนคัมภีร์เวทก็ได้ถูกเรียกใช้งานอีกครั้ง
ฝนอุกกาบาตได้พุ่งเข้าใส่อีกครั้งเกิดการะเิไปทั่ว พื้นดินสั่นะเืราวกับแผ่นดินไหวหายนะได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง
"อ... อีกแล้วหรือ...???!!!"รองหัวหน้ากิลด์ทั้งสี่แสดงอาการใออกมาราวกับเห็นผี
"รีบหนี รีบไปเร็วเข้า" หลวีเซ่อจีกวงก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันเขาเป็คนแรกที่กลับมีสติ และะโขึ้น ในทันทีที่เสียงของเขาได้เปล่งออกไปก็เหมือนจะถูกกลบด้วยเสียงะเิจนหมด คนอื่นๆ ต่างได้ยินอย่างไม่ชัดเจน ทั้งหมดรีบวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกเพื่อ้ารักษาชีวิตของตนเองไว้
อุกกาบาตที่กำลังลุกไหม้นั้น ราวกับจะเผาท้องฟ้าให้กลายเป็สีแดงฉาน
ร้านค้าถูกทำลายจนพังพินาศบ้านเรือนเสียหายจากแผ่นดินไหว พื้นดินแตกระแหงไปทั่ว ผู้เล่นถูกซากปรักหักพังทับจนตายบ้างก็ถูกไฟคลอก เสียงของพ่อแม่ร้องไห้กันระงม วิ่งหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
ผลจากการทำลายล้าง สิ่งปลูกสร้างทุกชนิดและสิ่งมีชีวิตทุกประเภทต่างลดจำนวนลงจากการถูกทำลายด้วยความรวดเร็ว
สิบนาทีผ่านไป ฝนอุกกาบาตก็สิ้นสุดลงอาจเป็เพราะบริเวณนี้ใกล้กับทางตอนใต้ จึงเรียกชั่วคราวว่า พื้นที่เขตใต้เมื่อมองไปเห็นเป็เพียงพื้นที่ว่างเปล่า โดยมีฉากหลังเต็มไปด้วยความหายนะมากมาย
ดูเหมือนจะเหลือแต่หลวีเซ่อจีกวงกวงแล้วในบรรดารองหัวหน้ากิลด์ทั้งห้า มีเพียงคนเดียวที่สามารถหลบหนีออกมาได้ ประตูเมืองลิงไม่รู้ว่าพังลงมาั้แ่เมื่อไรหน้าตาและศักดิ์ศรีของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนนั้นถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานีจนไม่มีหน้าจะไปพูดกับใครได้อีก
หลังจากที่ ''ฝนอุกกาบาต'' ทั้งสองครั้งได้สิ้นสุดลงเมืองลิงก็ถูกทำลาย ไม่ว่าผู้เล่นที่อยู่ในเมืองจะโง่งมขนาดไหนก็ตามพวกเขาย่อมต้องรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในส่วนของผู้เล่นอีกสองเขตที่ไม่ได้รับผลกระทบก็เริ่มเก็บซ่อนของมีค่าเป็อันดับแรกก่อนจะรีบออฟไลน์ออกจากเกมไปอย่างรีบเร่ง ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นพวกเขาก็จะไม่กลับมาออนไลน์
ภายในห้านาที 99% ของผู้เล่นในเมืองก็หายไปดูสงบเงียบจนน่าขนลุกราวกับเป็เมืองร้างก็ไม่ปาน
หลังจากที่ฉินโจ้วออกมาจากโลงศพเขาก็เดินมุ่งหน้าต่อไปจนกระทั่งมาถึงสำนักงานใหญ่ของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนก่อนจะหยุดลงเนื่องจากเห็นใครบางคนที่ไม่คาดฝันมาก่อน ''ฉิวเฉ่ากัง''และยังมีผู้เชี่ยวชาญตามมาอยู่ด้านหลังอีกเป็จำนวนไม่น้อย ฉินโจ้วก็ไม่รู้ว่าเขาไปหาผู้เชี่ยวชาญมาจากไหนมากมายขนาดนี้หลวีเซ่อจีกวงที่ยืนอยู่ด้วยกันกับฉิวเฉ่ากังยังต้องถอยไปยืนอยู่ด้านหลังเล็กน้อยเมื่อมองจากมุมนี้ก็แสดงให้เห็นถึงสถานภาพของฉิวเฉ่ากังที่สูงกว่าอยู่พอสมควร
"เมามายซบตักสาวงามผมต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของคุณ แต่อย่างที่บอกไปคุณสร้างความรำคาญใจให้กับผมมากเกินไป ดังนั้นแล้วทั้งคุณและฉินหวังกรุ๊ปจะต้องถูกทำลายจนย่อยยับ"ถึงแม้ว่าฉิวเฉ่ากังจะยิ้ม แต่ก็เป็รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเยือก
"นี่เป็ความคิดของนายหรือหลวีเซ่อจีกวงกันแน่?"ฉินโจ้วคิดว่าคำถามนี้ค่อนข้างสำคัญมาก
"ฉิวเฉ่ากังคิดอะไรก็เหมือนกับที่ฉันคิด"หลวีเซ่อจีกวงตอบขึ้นก่อน
"ก็ได้... ในเมื่อนายคิดจะฆ่าฉัน ก็ไม่จำเป็ต้องพูดดีด้วยแล้วเอาฝนอุกกาบาตไปกินแล้วกัน" ฉินโจ้วหยิบโลงศพออกมาเรียกใช้ม้วนคัมภีร์เวทอีกครั้ง ก่อนจะรีบหลบเข้าโลงศพและปิดฝาโลงดัง ''ปัง''
"ไอ้บ้าเอ๊ย... มันยังมีอยู่อีกหรือ?"ใบหน้าที่หล่อเหลาของฉิวเฉ่ากังถึงกับบิดเบี้ยวนี่เป็ครั้งแรกที่ฉิวเฉ่ากังถึงกับสบถออกมาในขณะที่สาปแช่งก็รีบวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิต เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็หายไปเสียแล้ว ความเร็วของเขาทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาถึงกับตกตะลึงก่อนจะคิดในใจว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่าฉิวเฉ่ากังก็เป็ผู้เชี่ยวชาญที่เก็บงำฝีมือไว้คนหนึ่ง
"มันจะเป็ไปได้อย่างไรกัน?" สีหน้าของหลวีเซ่อจีกวงนั้นดูราวกับไม่น่าเชื่อถึงกับสมองทำงานผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย
"เวรเอ๊ย... ฝนอุกกาบาตรอบที่สามโลกเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้วหรือ ? ม้วนคัมภีร์เวทระดับสูงสุดหาได้ง่ายราวกับหัวกะหล่ำปลีแล้วหรือเนี่ย"รองหัวหน้ากิลด์ที่เหลือรอดอยู่เพียงคนเดียว รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ใกล้ถึงกาลล่มสลายแล้ว
ทุกอย่างเพิ่งจะกลับสู่สภาพปกติไม่นานท้องฟ้าเริ่มแดงฉาน อุกกาบาตที่กำลังลุกไหม้เป็ทางยาวก็โจมตีเข้าใส่เมืองใหญ่แห่งนี้อีกครั้งหมอกควันเริ่มกระจายไปทั่วบริเวณ แผ่นดินะเืเลื่อนลั่น
ด้วยความรุนแรงเช่นนี้สิ่งก่อสร้างทั้งหลายก็แตกหักกระจัดกระจาย ราวกับปราสาททรายที่โดนน้ำทะเลซัดจนมลายหายไปกับเกลียวคลื่น
ห้องโถงกิลด์ต้นไม้ทงเทียนนั้นเป็สถานที่เก็บตราคำสั่งสร้างเมืองและตราคำสั่งสร้างกิลด์พลังป้องกันของทั้งสองตรานี้ถูกเปิดใช้งานในระดับสูงสุดซึ่งค่าพลังป้องกันของห้องโถงแห่งนี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง หลวีเซ่อจีกวงก็รู้สึกเสียใจเมื่อมองเห็นรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนตราคำสั่งสร้างกิลด์ถ้าเกิดรอยแตกขึ้นสามรอย ตราคำสั่งสร้างกิลด์นี้ก็จะสูญสลายไปนั่นก็เท่ากับการล่มสลายของกิลด์ต้นไม้ทงเทียน
ห้องโถงหลักมีพื้นที่ด้านในแยกต่างหากถึงแม้ภายนอกจะดูเล็ก แต่ด้านในนั้นกลับกว้างขวางที่นี่มีผู้ใช้เวทของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนอยู่ราวสามแสนคนซึ่งจำนวนกว่าครึ่งอาศัยอยู่ในห้องโถงนี้คอยสนับสนุนพลังป้องกันของห้องโถงแห่งนี้ด้วยชีวิต มีแสงสีเทาแห่งความตายพวยพุ่งขึ้นอยู่ในห้องโถงนี้ตลอดเวลาและแน่นอนว่านั่นคือผู้เล่นที่เสียชีวิตไป
หลวีเซ่อจีกวงไม่เคยคิดเลยว่าเวลาสิบนาทีนั้นจะยาวนานมากจนเขารู้สึกว่ายาวนานราวกับผ่านมาชั่วชีวิตทุกวินาทีจะมีผู้เล่นตายลงราวพันคน จนหัวใจเ็ปราวกับมีาแ คนเ่าั้ล้วนมีความสำคัญต่อกิลด์ของเขาทั้งสิ้นทุกคนที่เสียชีวิตไปก็หมายถึงการสูญเสีย
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ความแข็งแกร่งของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนก็คงถดถอยลงไปไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว หลวีเซ่อจีกวงรู้สึกว่ามันเป็เวลานานมาก แต่ความเป็จริงเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่นาทีเท่านั้นหลังจากที่พบว่าจำนวนของผู้ใช้เวทนั้นลดลงราว 10% ของจำนวนก่อนหน้านี้ความเย็นเยียบเริ่มก่อตัวขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาจึงะโออกไป "เร็วเข้า...รีบให้นักบวชที่มีอยู่ตอนนี้พยายามรักษาชีวิตของผู้ใช้เวทไว้ เราต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่มี”
นักบวชจำนวนนับหมื่นคนกำลังใช้ทักษะช่วยกันรักษาอย่างพร้อมเพรียงทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้นมากอย่างน้อยความเร็วในการเสียชีวิตของผู้ใช้เวทก็เริ่มลดลง ทุกคนก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างเพราะถ้าห้องโถงแห่งนี้ถูกทำลาย ระดับเลเวลของพวกเขาต้องลดลงอย่างน้อยหนึ่งเลเวล
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลับเป็เสียงสิ่งของแตกหักดังขึ้นเบาๆ เสียงหนึ่งทันทีที่หลวีเซ่อจีกวงได้ยินก็ถึงกับใคล้ายกับได้ยินเสียงฟ้าผ่า สีหน้าแสดงถึงความหวั่นวิตกเมื่อเขาหันไปมองตราคำสั่งสร้างเมืองอีกครั้ง เป็ที่แน่ชัดแล้วว่านี่เป็การแตกร้าวครั้งที่สอง
เมื่อฝนอุกกาบาตหยุดลง ทุกคนต่างรู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นยาวนานราวกับหนึ่งชั่วอายุคนเสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นมีเพียงหลวีเซ่อจีกวงและรองหัวหน้ากิลด์ที่ให้ความสนใจกับค่าพลังป้องกันของห้องโถงรวมที่ลดต่ำลงเหลืออยู่แค่2% ในขณะที่ผู้ใช้เวทที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือไม่ถึงร้อยคนแล้วแต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็ดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว
"รอเดี๋ยวก่อน..."หลวีเซ่อจีกวงและรองหัวหน้ากิลด์ยังเดินออกมาไม่ถึงก็ได้ยินเสียงที่ตื่นตระหนกของฉิวเฉ่ากังที่อยู่เบื้องหน้าดังขึ้นในใจของหลวีเซ่อจีกวงรู้สึกไม่ดีเลย เขาไม่เคยเห็นฉิวเฉ่ากังเป็เช่นนี้มาก่อนหลังจากรีบก้าวตามออกไป เมื่อออกไปพ้นด้านหน้าแถว แล้วสังเกตดูเขาก็รู้สึกถึงลมเย็นวาบพัดผ่านเข้ามาในหัวจนแทบจะเป็ลม
หลังจากที่ฉินโจ้วปีนออกมาจากโลงศพและพบว่าห้องโถงใหญ่นั้นยังไม่ถูกทำลาย เค้าก็หยิบม้วนคัมภีร์เวทออกมาอีกหนึ่งม้วนซึ่งเป็ระดับสูงสุด ในขณะที่กำลังจะเรียกใช้อีกครั้ง
ฉินโจ้วก็ลดมือลงก่อนจะเอียงคอหันไปมองฉิวเฉ่ากัง และพูดขึ้นว่า "ฉิวเฉ่านายมีอะไรจะพูดก็รีบว่ามา ฉันกำลังรีบ"
ฉิวเฉ่ากังสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ฉันรู้ข้อเสนอที่นายร้องขอไว้เมื่อวานกับกิลด์ต้นไม้ทงเทียนแล้วในเวลานี้ฉันยินยอมตามที่ตกลงเอาไว้ หลังจากนี้ความแค้นระหว่างเราก็ถือว่าหายกันจากนี้น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองอีก นายคิดว่าอย่างไร?"
"ดูเหมือนว่าพวกนายจะยังคงเข้าใจไม่ได้ชัดแจ้งถ้าเช่นนั้นเอาอีกรอบแล้วกัน อยากรู้เหมือนกันว่า กระดองเต่าอันนี้จะแข็งแค่ไหนกันเชียวถ้าฝนอุกกาบาตครั้งหนึ่งไม่พอ ก็ใช้สองครั้ง ถ้าสองครั้งยังไม่พออีก ก็สามครั้งหรือไม่ก็จนกว่ามันจะแตกออก ฝนอุกกา..." ก่อนที่ฉินโจ้วจะพูดจบฉิวเฉ่ากังก็พูดแทรกขึ้นว่า "ตกลง นาย้าอะไรว่ามา"
ฉินโจ้ววางม้วนคัมภีร์เวทที่เขายกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาส่องประกายเ็า ก่อนจะพูดขึ้นว่า"ในที่สุดก็ยอมให้ฉันได้พูดสักที เงื่อนไขนั้นง่ายมาก เงื่อนไขก่อนหน้านั้นยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่เพิ่มเติมบางส่วน ข้อแรก เพิ่มเหรียญทองเป็สามล้านเหรียญเนื่องจากชูหลิงสูญเสีย 3 ระดับเลเวลเลเวลละหนึ่งล้านเหรียญทอง เป็จำนวนเงินที่น้อยนิดมากสำหรับนาย ข้อสองฟางเซียวเสี้ยวต้องตาย เนื่องจากชูหลิงต้องกลับหมู่บ้านโนวิสดังนั้นเขาก็ต้องกลับไปด้วยเช่นกัน ข้อสาม ฉันสูญเสียคัมภีร์เวท ''ฝนอุกกาบาต'' ไปสามม้วนก็คิดม้วนละหนึ่งล้านเหรียญก็แล้วกัน ก็เท่ากับสามล้านเหรียญทอง เงื่อนไขของฉันมีเพียงเท่านี้ฉันให้โอกาสเพียงครั้งเดียว ถ้าตกลงก็ย่อมดี แต่ถ้าไม่... ฉันคงพูดได้เพียงแค่เสียใจ"
ทันทีที่ได้ยินเงื่อนไขของฉินโจ้วสีหน้าของฉิวเฉ่ากังและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปในทันทีหนึ่งล้านเหรียญทองต่อหนึ่งระดับเลเวล เขาช่างกล้าพูดเสียจริงไม่กลัวจุกตายเลยหรืออย่างไรกัน นี่ไม่ต่างจากการขู่กรรโชกกันซึ่งๆ หน้าเป็ระดับเลเวลที่แพงมาก ชูหลิงเองก็ระดับเลเวลแค่ 12 ไม่ใช่เลเวล 112 หรือกำลังจะขึ้นเลเวล 112 เสียหน่อย ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องแพงเช่นนี้
ม้วนคัมภีร์เวทราคาม้วนละหนึ่งล้านเหรียญทองนั่นไม่ใช่นายเป็คนใช้เองหรือ? บวกลบคูณหารแล้วก็รวมๆ 7.2ล้านเหรียญทอง นี่พอจะสร้างกิลด์ระดับสูงขึ้นมาใหม่ได้เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วต่อให้เป็การขู่กรรโชกแล้วอย่างไรพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างนั้นหรือ? ใครจะกล้าปฏิเสธ? ฉินโจ้วก็แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งแล้วและเขาก็มีโอกาสอีกเพียงแค่ครั้งเดียวถ้าดูจากที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคิดว่าเขาจะโกหกแน่
เมื่อฟางเซียวเสี้ยวได้ยินเงื่อนไขของฉินโจ้วผ่านช่องสื่อสารภายในสีหน้าของเขาถึงกับเขียวคล้ำ แม้แต่ลำไส้ก็เขียวไปด้วยเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มือไวไปฆ่าชูหลิงเลย สามล้านเหรียญทองในชีวิตของเขาเองยังไม่เคยได้รับเหรียญทองมากมายเท่านี้เลย เมามายซบตักสาวงามช่างโเี้ไร้ความปรานียิ่งนัก
สีหน้าของฉิวเฉ่ากังซีดเผือด ในส่วนของหลวีเซ่อจีกวงนั้นร่างกายถึงกับสั่นเล็กน้อย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็เพราะความตื่นเต้นหรือความโกรธส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่กล้าแม้จะหายใจบรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันได้ยินเพียงเสียงเปลวไฟกำลังลุกไหม้บ้านเรือนดังเปรี๊ยะๆ เท่านั้น
"ฉันสามารถให้คำมั่นกับนายได้แต่เหรียญทองมากมายขนาดนั้นทางเราคงจ่ายไม่ไหว มากที่สุดห้าล้านเหรียญทอง"ฉิวเฉ่ากังใช้เวลาราวสิบวินาทีก่อนจะเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงแหบพร่า ทันทีที่พูดจบทุกคนต่างจ้องมองไปยังฉินโจ้วด้วยความประหม่าซึ่งพวกเขาเองต่างก็ไม่รู้ในเวลาเดียวกันนี้สายตาของกองกำลังขนาดใหญ่ทั้งหมดในเขตเหยียนหวงต่างกำลังเฝ้ามองมาที่ฉินโจ้วด้วยเช่นกัน
พลังของเวทมนตร์ระดับสูงสุดนั้นได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของทุกคน
"นายกำลังคิดจะต่อรองอย่างนั้นหรือ?" มีแต่เพียงเสียงแสดงความรำคาญที่ฉินโจ้วส่งเสียงออกมาแต่ไม่มีคำพูดใดๆ ในขณะที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในโลงศพแล้ว และกำลังจะก้าวเท้าที่เหลือเข้าไปเขาก็หยุดลง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจหลังจากที่ได้ยินบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจฉินโจ้วก็ถอยออกมาจากโลงศพ หันกลับไปเผชิญหน้ากับฉิวเฉ่ากังและคนของกิลด์ต้นไม้ทงเทียนก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีที่เรียบเฉย "5.2 ล้านเหรียญทองห้ามต่อ"
"ตกลง" ทันทีที่เสียงของฉิวเฉ่ากังสิ้นสุดลงทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก รองหัวหน้ากิลด์เหลือบมองไปยังหลวีเซ่อจีกวงอย่างเงียบๆก่อนจะพบว่าท่าทีของเขาดูโล่งใจราวกับยกูเาออกจากอก
"ยินดีด้วยที่ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง"ฉินโจ้วก็รู้สึกโล่งอกด้วยเช่นกัน เพราะนี่เป็ทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เดิมทีคิดว่าจะต้องตัดสินกับกิลด์ต้นไม้ทงเทียนกันจนมัจฉาตายตาข่ายขาด(สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง) ถึงเขาจะมั่นใจว่าสามารถทำลายเมืองลิงลงได้การทำลายเมืองนั้นง่ายมาก แต่ต้องรับมือกับผลที่ตามมา ซึ่งนี่ถือเป็เื่ที่ยุ่งยากพอสมควรหลังจากนี้ฉินหวังกรุ๊ปก็ต้องทำธุรกิจ จึง้าสภาพแวดล้อมที่ดีเขาเองไม่อยากจะมานั่งปวดหัวที่จะต้องคอยป้องกันศัตรูที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเช่นนี้
เื่ต่อไปจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วฉินโจ้วได้ส่งหมายเลขบัญชี และรอกิลด์ต้นไม้ทงเทียนโอนเหรียญทองเข้ามาให้ 5.2 ล้านเหรียญทอง ต่อจากนั้นหลวีเซ่อจีกวงได้ออกแถลงการณ์ผ่านบอร์ดแสดงความคิดเห็นเพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในสองเื่ซึ่งก็คือเื่การวางะเิกำแพงเมืองและการลอบสังหารชูหลิงในส่วนของฟางเซียวเสี้ยวนั้น ถือได้ว่าเป็คนจริงคนหนึ่ง กล้าทำกล้ารับผิดชอบ หลังจากที่ได้ข่าวว่าฉิวเฉ่ากังยอมรับข้อเสนอของฉินโจ้ว ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายทันทีดูเหมือนว่าการฆ่าตัวตายติดต่อกันมากกว่าห้าสิบครั้งจะเป็เื่ที่โเี้ยิ่งนักแต่เขาก็ยังคงยืนกรานอย่างแน่วแน่ เขาใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงจึงได้กลับไปเกิดที่หมู่บ้านโนวิสหลังจากนั้นคนที่สนิทสนมกับเขาก็ได้เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ฟางเซียวเสี้ยวออฟไลน์ออกจากเกมไป ก็ต้องเข้าโรงพยาบาลทันทีและรักษาตัวอยู่ราวครึ่งเดือนจึงจะได้ออกจากโรงพยาบาล
าการต่อสู้ในครั้งนี้กิลด์ต้นไม้ทงเทียนสูญเสียทรัพย์สินไปเป็จำนวนไม่น้อย ตราคำสั่งสร้างกิลด์ก็ได้รับความเสียหายถ้าพวกเขา้าฟื้นฟูมัน ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะใช้เวลากี่เดือนหรือกี่ปีจึงจะทำได้กว่า 90% ของเมืองลิงจำเป็ต้องก่อสร้างขึ้นใหม่ ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายออกไป5.2 ล้านเหรียญทอง ทำให้เงินในคลังเกือบจะหมดเกลี้ยงจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งศักดิ์ศรีและหน้าตาที่เคยมีสุดท้ายก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้
าครั้งนี้ มีการเคลื่อนไหวเป็อย่างมากทั่วทั้งเขตเหยียนหวงต่างก็ตกตะลึง แต่อย่างไรก็ดีที่น่าแปลกก็คือ ดูเหมือนว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้บนบอร์ดแสดงความคิดเห็นค่อนข้างน้อยมีคนพูดถึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นราวกับว่ามันถูกลบทิ้งด้วยฝีมือใครบางคนที่คอยดูเื่นี้ในส่วนของกลุ่มผู้นำหลักทั้งหลายต่างก็เก็บตัวเงียบ แทบไม่มีใครแสดงตัวออกมาคิดว่าคงจะมีการพูดคุยกันเป็การส่วนตัว จึงไม่มีใครรู้เื่นี้
มีผู้าุโบางท่านให้ความเห็นอย่างลับๆว่า กิลด์ต้นไม้ทงเทียนนั้นถูกทำลายเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวแต่อันที่จริงก็มีเื่ลับบางอย่าง เมื่อตอนที่เมามายซบตักสาวงามวางแผนที่จะปฏิเสธเงื่อนไขของฉิวเฉ่ากังนั้นมีใครบางคนได้ส่งข้อความมาหาเขา จึงทำให้เขาเปลี่ยนใจ
ถึงอย่างนั้นแล้วฉินโจ้วก็ไม่ได้รู้สึกกังวลกับผลลัพธ์ที่จะตามมาสักเท่าใดนักหรือเขาอาจจะไม่ใส่ใจก็เป็ได้ หลังจากที่ออฟไลน์ออกจากเกมไป ชูหลิง หวังโหรวและหนานกงเสี่ยว ก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้นให้กับฉินโจ้วมื้อเช้าที่กินกันตอนเที่ยงครึ่งอาจจะสายไปอยู่บ้าง ฉินโจ้วเองยังรู้สึกว่า ในตอนที่ฉิวเฉ่ากังเสนอเงินห้าล้านเหรียญทองนั้นหวังโหรวก็ได้ส่งข้อความหาเขาเพื่อให้ยอมรับเงื่อนไข
ทั้งหมดนี้เป็เพราะกลุ่มสายฟ้าได้พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่าเขตเหยียนหวงนั้นยัง้าการมีอยู่ของเมืองลิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้