เห็นท่าทางพ่ายแพ้ของเซียวเฉิน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้ เ้าหมอนี่เพิ่งเข้าสู่สถานศึกษาก็เหิมเกริมเสียแล้ว ยากนักที่จะได้เห็นเขาพ่ายแพ้ นางจึงอารมณ์ดีเป็พิเศษ
“ไม่ใช่พี่สาวไม่เชื่อเ้า เ้าจะบอกว่าเ้าฆ่าสัตว์ปิศาจระดับห้าได้ยังพอไหว แต่สัตว์ปิศาจระดับหกเทียบได้กับขั้นตานฟ้าเชียวนะ ความสามารถขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าอย่างเ้า หลบหนียังพอไหว เื่ฆ่า...จุ๊จุ๊...”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จุปาก เซียวเฉินย่อมรู้ความหมาย
“ข้าว่าเ้ามาหาข้า คงมิใช่เพื่อทำให้ข้าไม่พอใจกระมัง” เซียวเฉินเอ่ย
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้ม “ข้าพูดถูกสินะ” ว่าแล้วก็เลิกคิ้ว แสดงนิสัยเหมือนนักเลงที่เกี้ยวพาสตรีดีงาม ทำเอาเซียวเฉินหน้าง้ำ
“เ้าน่าเบื่อเกินไปแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เล่นสนุกอย่างเต็มที่ “พี่สาวก็น่าเบื่อแบบนี้ เ้ายุ่งเกี่ยวได้หรือ ฮึ!”
“เช่นนั้นศิษย์พี่มู่หรงเล่นต่อเถอะ ข้ายังมีธุระ” ว่าแล้วก็หยิบผลึกสัตว์ไปฝึกบำเพ็ญทันที เวลานี้ระดับขั้นของเขาค่อนข้างต่ำ ดังนั้น เขาจึงต้องเร่งจังหวะการฝึกบำเพ็ญ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีกระทั่งความสามารถในการปกป้องตนเอง
วิ้งวิ้ง!
ภายใต้หนังตาของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ เซียวเฉินสนใจแต่การฝึกบำเพ็ญ ทิ้งมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไว้ด้านข้าง นางเบิกตาโตมองดูเขา สุดท้ายมีโทสะจนกระทืบเท้า
“ฮึ จริงๆ เลย ถึงกับทิ้งข้าไว้ด้านข้าง เดิมทียังคิดจะมาขอให้เ้าไปช่วย” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เห็นเซียวเฉินฝึกบำเพ็ญก็ไม่กล้ารบกวน แค่บ่นกระปอดกระแปดเบาๆ แล้วเดินออกไป
มุมปากของเซียวเฉินโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม
จากนั้นเซียวเฉินก็จมอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ เมื่อหล่อหลอมผลึกสัตว์ของสัตว์ปิศาจระดับหกจนหมดสิ้นก็ทำให้เขาบรรลุขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าระดับสูงสุดทันที และเมื่อหล่อหลอมผลึกสัตว์ระดับห้าก็ทำให้เขาทะลวงเข้าสู่เจ็ดชั้นฟ้าและหยุดอยู่ระดับกลาง การเลื่อนขั้นแบบนี้ทำให้เขาใสุดขีด
คิดไม่ถึงว่าผลึกสัตว์จะมีพลังเสวียนแข็งแกร่งกว่าผลึกเสวียนมากขนาดนี้
เป็ของดีจริงๆ
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว การฝึกของเซียวเฉินก็ยังไม่หยุด จนกระทั่งตกกลางคืน เขาจึงลืมตา ฝึกวิชาและปรับพลังให้มั่นคงทั้งวัน ทำให้ระดับขั้นของเขาเสถียรโดยสมบูรณ์ ขณะที่เขาเพิ่งลงจากเตียงก็เห็นข้อความแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ
“เซียวเฉิน รีบฝึกบำเพ็ญเข้า พี่สาวจะรออยู่ที่สำนักในนะ”
เซียวเฉินอ่านข้อความที่มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ทิ้งไว้แล้วอดยิ้มไม่ได้
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เป็ศิษย์สำนักใน ไม่รู้ว่านางได้ขึ้นผังชางหวงหรือไม่ มีชื่ออยู่อันดับที่เท่าไร...
“ผังชางหวงหรือ…” ดวงตาของเซียวเฉินมีประกายวาบขึ้น เขาก็ต้องเป็คนที่มีชื่ออยู่บนผังชางหวง
เซียวเฉินเพิ่งเดินออกจากห้องก็เห็นเงาร่างสายหนึ่ง
เป็มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
“ศิษย์พี่มู่หรง หรือว่าที่สำนักในของเ้าไม่ต้องฝึกวิชา?” ทำไมไม่มีอะไรก็แล่นมาหาตนเองเสมอเลยนะ? เซียวเฉินคิดในใจ แต่เขาไม่กล้าพูดประโยคนี้ออกมา
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เหล่มองเซียวเฉิน
“ทำไม ไม่ต้อนรับหรือ”
เซียวเฉินรีบโบกไม้โบกมือ “เปล่า จะเป็แบบนั้นได้อย่างไร”
คือมิกล้าไม่ต้อนรับหรอก
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีรอยยิ้มบนใบหน้าทันที เอ่ยแบบปากไม่ตรงกับใจ “ชิ พี่สาวงามดุจบุปผา มาที่ห้องของเ้าก็นับเป็เกียรติของเ้าหนูอย่างเ้าแล้ว ยังกล้าไม่ต้อนรับหรือ”
เซียวเฉินยิ้ม ไม่ได้ต่อคำพูดของนางอีก แต่ถามว่า “เมื่อวานเ้าบอกว่ามาตามข้าไปช่วย เป็เื่ใด?”
“เ้าได้ยินหรือ?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ใ
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“เ้าบอกว่าสังหารสัตว์ปิศาจระดับหกได้มิใช่หรือ พี่สาวจะเชื่อเ้าชั่วคราว ข้าอยากให้เ้าช่วยข้าจับลูกเสือตัวหนึ่งกลับมาเป็สัตว์เลี้ยง” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว
เซียวเฉินหมดวาจา
ตอนไม่มาตามข้าไปช่วย ข้าพูดอย่างไรก็ไม่เชื่อ ตอนนี้มาตามข้าไปช่วย ข้าไม่พูดเ้ากลับเชื่อ
“ศิษย์พี่มู่หรง ข้าจำได้ว่าเมื่อวานเ้าไม่เชื่อข้าชัดๆ ทำไมตอนนี้กลับเชื่อแล้วล่ะ” เซียวเฉินมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มๆ
ดวงหน้างามของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แดงก่ำ “ข้าลองกลับไปคิด คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกว่าบางทีเ้าอาจจะมีความสามารถนี้ นี่เ้าก็บอกมาสิว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ว่าแล้วก็เงยหน้ามองเซียวเฉิน ดวงตาคู่นั้นถลึงจนกลมกว้าง บ่งบอกความหมายว่าข้าเป็ศิษย์พี่เ้าต้องเชื่อฟังข้าอยู่หลายส่วน
เซียวเฉินยิ้ม “ช่วย”
ดวงตาของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มเป็จันทร์เสี้ยวในพริบตา งดงามจับใจ
ณ เทือกเขาเฟิ่งหวง เซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มาถึงลำธารกลางเทือกเขา เซียวเฉินมองป่าอันอุดมสมบูรณ์ตรงเบื้องหน้าแล้วอดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่มู่หรง พวกเราจะจับลูกเสือปิศาจอะไรหรือ?”
“ลูกพยัคฆ์กลืนดารา”
“พยัคฆ์กลืนดาราสัตว์ปิศาจระดับหก?” เซียวเฉินเอ่ยอย่างใ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉิน “ทำไม กลัวแล้วหรือ?”
“นิดหน่อย” เซียวเฉินเอ่ยยิ้มๆ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปรายตามองเซียวเฉินแวบหนึ่ง “ใช้ไม่ได้”
เซียวเฉินตามมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ท่องป่าอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็มาถึงด้านนอกถ้ำแห่งหนึ่ง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์หยุดฝีเท้าแล้วชี้ถ้ำแห่งนั้น เอ่ยว่า “ที่นี่แหละ”
เซียวเฉินเพิ่งจะสืบเท้าไปข้างหน้าก็ถูกมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ดึงกลับมา
“ตอนนี้แม่เสือต้องยังอยู่ในถ้ำแน่ พวกเราค่อยเข้าไปตอนมันออกไปหาอาหารดีกว่า แบบนี้จะเลี่ยงการต่อสู้อันดุเดือดได้” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มกล่าว เห็นได้ชัดว่ามีแผนการแต่แรก
เซียวเฉินผงกศีรษะ จากนั้นคนทั้งสองก็รอแม่พยัคฆ์กลืนดาราออกไปหาอาหารอยู่ในป่าด้านข้าง รอมาตลอด่เช้า ในที่สุดก็มีเสือขนาดั์ตัวหนึ่งเดินออกมาจากในถ้ำ เพียงแต่เสือตัวนี้ยาวสามเมตร มีขนาดใหญ่ผิดปกติ บนตัวมีจุดแสงราวกับดารากระพริบแสงรางๆ ทรงพลังน่าเกรงขามยิ่ง
เมื่อแม่พยัคฆ์กลืนดารากระทืบเท้าเผ่นโผนออกไปและหายไปโดยไร้ร่องรอยแล้ว มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ตบเซียวเฉินเบาๆ เอ่ยว่า “ไป พวกเราไปขโมยลูกเสือกันเถอะ” ว่าแล้ว คนทั้งสองก็ะโออกมาและมุดเข้าถ้ำในเวลาเดียวกัน
เห็นตรงกลางถ้ำมีเสือตัวเล็กๆ นอนร้องหิวอยู่สามตัว ดวงตายังไม่ลืม น่ารักน่าชังอย่างยิ่ง ขนบนร่างอ่อนนุ่ม มีจุดเล็กๆ เป็จุดๆ เหมือนหิ่งห้อย กรงเล็บเล็กๆ วาดไปมาพริบตาก็ล้มหงาย
เห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีความคิดชั่วร้ายเต็มหัวใจ เซียวเฉินอดเอ่ยเตือนไม่ได้ “ศิษย์พี่มู่หรง พวกเรารีบอุ้มลูกพยัคฆ์กลืนดาราแล้วไปจากที่นี่กันดีกว่า ไม่เช่นนั้นอีกครู่หนึ่งหากแม่เสือกลับมาก็จบสิ้นแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้า จากนั้นยื่นมือไปอุ้มแค่ตัวเดียวไว้ในอก ลูกเสือไม่มีรังก็ร้องตลอดเวลา มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปลอบโยน ลูกเสือก็ไม่ร้องอีก แต่หาท่าสบายนอนหลับในอ้อมอกของนางแทน
“ลูกเสือน้อย เ้าน่ารักจริงๆ พี่สาวชอบเ้ามาก” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ย เซียวเฉินที่อยู่ด้านข้างอดยิ้มไม่ได้
ต่อหน้าตนนางก็เรียกตัวเองว่าพี่สาว
คนทั้งสองออกจากถ้ำ ขณะจะจากไป จู่ๆ ในป่าก็มีเสียงคำรามสะท้านหูดังขึ้นมา
คนทั้งสองสีหน้าแปรเปลี่ยน
“แย่แล้ว แม่มันกลับมาแล้ว” เซียวเฉินเอ่ย
สวบสวบ!
แม่พยัคฆ์กลืนดาราะโออกจากป่า มองเห็นเซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้วก็คำรามด้วยโทสะไม่หยุด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความดุร้ายกระหายเื
แต่มันกลับไม่คืบหน้าเพราะกลัวว่าจะทำร้ายโดนลูกของมัน
นี่คือความเป็แม่!
เซียวเฉินกระซิบบอกมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ “ศิษย์พี่มู่หรง ท่านเดินอุ้มพยัคฆ์กลืนดาราน้อยออกไป ข้าจะต้านทานแม่มันเอาไว้”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ส่ายศีรษะทันที
“ได้อย่างไรกัน นี่คือสัตว์ปิศาจระดับหกเชียวนะ เ้าคนเดียวจะจัดการได้ไฉน? ข้าจะจัดการมันกับเ้าด้วย”
“ถ้าศิษย์พี่เป็ห่วงข้า เช่นนั้นเ้าก็ไปก่อน ซ่อนพยัคฆ์กลืนดาราน้อยไว้ในที่ลับตาแห่งหนึ่ง จากนั้นกลับมาช่วยข้า แล้วพวกเราค่อยกลับสถานศึกษาชางหวง”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉินอย่างกังวล สุดท้ายผงกศีรษะ
“ก็ได้ ไม่ช้าข้าจะกลับมา”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เหินกายจากไป แม่พยัคฆ์กลืนดาราคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวจะตามไปทันที แต่กลับถูกเซียวเฉินขัดขวางไว้
ตูม!
ตราประทับทองอันหนึ่งฟาดออก ตรงเข้าหาแม่พยัคฆ์กลืนดารา
แม่พยัคฆ์กลืนดารากระโจนหลบ มองเซียวเฉินแล้วคำรามดังจนหูแทบหนวก
โฮก!
เซียวเฉินยิ้ม “คู่ต่อสู้ของเ้าคือข้า”
แม่พยัคฆ์กลืนดาราคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง มันถูกขโมยลูกไปก็ราวกับเสียสติ เดิมทีเป็สัตว์ปิศาจระดับหก มีความสามารถขั้นตานฟ้าอยู่แล้ว การโจมตีแบบนี้ยังแข็งแกร่งและยุ่งยากน่ารำคาญกว่าพยัคฆ์มารหน้าผีสัตว์ปิศาจระดับหกที่เซียวเฉินสังหารก่อนหน้านี้เสียอีก
เซียวเฉินอดมีสีหน้าหนักใจไม่ได้
เขาฟาดเคล็ดวิชาในมือออกมาไม่ขาดสาย เปลวเพลิงโชติ่ ทรงพลังไร้ขีดจำกัดประหนึ่งอัคคีเทวะแห่งฟ้าดินที่เผาไหม้ทุกสิ่ง แต่แม่พยัคฆ์กลืนดารานั้นกลับไม่เกรงกลัว มันตบอุ้งเท้าลงมา ผืนแผ่นดินปริแตกเป็รอยแยก
“แกร่งกล้านัก”
อัคคีเทวะไหลอยู่ในมือของเซียวเฉินดุจหินหนืดใต้พิภพ พริบตาก็พ่นออกมา หงสาขยับปีก ทะยานไปเข่นฆ่า อานุภาพไร้เทียมทาน ทลายได้อย่างง่ายดาย
“ขนนก์หงสา ทลาย!”
ตูม!
ฝุ่นละอองปลิวว่อนดั่งัทะยานสู่ฟากฟ้า แม่พยัคฆ์กลืนดาราและเซียวเฉินโดนอานุภาพแกร่งกร้าวจนะเืลอยไปในเวลาเดียวกัน
แม่พยัคฆ์กลืนดารากลิ้งหนึ่งตลบ จึงปราดมาใช้กรงเล็บตบเซียวเฉินที่ยังไม่ตอบสนอง แขนถูกตะปบเป็รอยโลหิตสี่สาย หยิบยืมแรงผลักลอยคว้างออกไป จากนั้นโจมตีด้วยกระบวนท่าประทับัพลิกต้านทานการโจมตีที่เหลือ
“เสือกลืนดาราแข็งแกร่งเพียงนี้เชียว!”
เซียวเฉินมีสีหน้าหนักใจสุดขีด ต่อมา หงสาเื้ัก็สยายปีกอีกคำรบ ทะเลเพลิงปั่นป่วน เพียงแต่ครั้งนี้ หงสาประหนึ่งสสารที่จับต้องได้ ั์ตาคู่นั้นเปี่ยมอานุภาพแห่งเทพ กอปรด้วยแรงกดดันจากา
แม่พยัคฆ์กลืนดาราใร่างสะท้าน ดวงตาฉายแววพรั่นพรึง
“เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสา”