อากาศในเดือนกรกฎาคมร้อนจนทำให้ผู้คนหงุดหงิด โดยเฉพาะเมืองที่เต็มไปด้วยรถราที่วิ่งกันขวักไขว่และเสียงจอแจของผู้คน ก็คงจะมีแต่หลินหร่านผู้นุ่มนวลไร้ซึ่งอารมณ์โกรธเคืองเท่านั้นที่ยังใจเย็นได้อยู่
“นี่มันอะไรกัน ดูสิว่ามันช้าขนาดไหนเนี่ย!” ชายร่างกำยำคนหนึ่งแย่งเอากล่องข้าวไปจากมือของหลินหร่านก่อนยื่นนาฬิกาข้อมือมาตรงหน้าเขา
‘ช้าไปแค่สองนาทีเอง ถึงจะเป็พนักงานบริษัทที่เวลาสำคัญราวกับทองคำก็ไม่มีอะไรให้เสียหายสักหน่อย’
“ขอโทษครับๆ ครั้งหน้าจะไม่เป็แบบนี้แล้ว ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ” หลินหร่านก้มหัวพร้อมกล่าว
“ผิดพลาดไปกี่เื่แล้วเนี่ย” ชายคนนั้นยังคงแสดงท่าทีไม่พอใจ
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลินหร่านที่ดูซื่อๆ เขาก็ไม่รู้ควรจัดการอย่างไร ยังต้องมาเจอกับท่าทีนุ่มนิ่มพูดเสียงเบาอย่างกับเด็กอีก มันทำให้เขาคิดว่าการที่ตนเองพูดเสียงดังเหมือนกำลังทำบาป
ชายร่างกำยำเห็นหลินหร่านพูดอะไรไม่ออกพลันรู้สึกเสียใจ จึงได้แต่ขมวดคิ้วแล้วหมุนตัวเดินออกไป
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกลก็รู้สึกว่าเสื้อของตนถูกอะไรบางอย่างดึงไว้ เมื่อหันกลับไปมองถึงพบว่าเป็มือเรียวขาวดึงมุมเสื้อเขาไว้อย่างระมัดระวัง
“รบ...รบกวนคุณช่วย...ให้คะแนนห้าดาวได้ไหมครับ” หลินหร่านรู้สึกผิดที่มาขอร้องแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าเดือนนี้คะแนนไม่ถึงเป้าแล้วต้องถูกไล่ออกละก็ เขาไม่มีทางมาขอร้องลูกค้าเพื่อให้คะแนนตนเยอะๆ แน่
หลินหร่านมีนิสัยอ่อนโยน ปกติจะหลีกทางให้ผู้อื่น เขามักช่วยเหลือทุกคน หลายครั้งจึงส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการส่งอาหารให้กับลูกค้า
และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ช้าอะไรมากมาย แต่ด้วยความที่หลินหร่านมีนิสัยเช่นนี้ คนอื่นเห็นจึงมักรู้สึกว่าน่าแกล้ง หลายครั้งเขาเลยถูกร้องเรียน พอหลายครั้งเข้า เ้าของร้านจึงให้โอกาสเขาเป็ครั้งสุดท้าย ต้องได้คะแนนดีๆ จากลูกค้าเท่านั้นถึงจะได้ทำงานต่อ
อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะวันนี้ฝนตกหนัก ครั้งนี้เขาไม่มีทางมาช้าแน่
ชายร่างกำยำมองหลินหร่านที่มีท่าทีเช่นนั้น เขาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “รู้แล้วน่า!” จากนั้นดึงมือของหลินหร่านออกก่อนเดินหนีไป
หลินหร่านกะพริบตาพร้อมถอนหายใจ หวังว่าครั้งนี้จะทำให้เขารักษาปากท้องต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นค่าเช่าห้องเดือนนี้ต้องไม่มีจ่ายเป็แน่
หลินหร่านเป็เด็กกำพร้า อยู่คนเดียวมาั้แ่เล็กยันโต แม้ตอนเด็กจะอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ก็ไม่มีเพื่อนสักคนเพราะเป็คนขี้ขลาด แล้วก็เพราะตัวเขาเองไม่ค่อยกล้าพูด ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้คนชอบ จนถึงอายุ 18 ก็ยังไม่มีครอบครัวไหนมารับไปเลี้ยงดู
ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกให้เขาลองออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เขาเองก็รู้ว่าอย่างไรตนเองก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไปได้ตลอด
หลินหร่านเดินลงจากบันไดแล้วหยุดยืนตรงหน้าประตูของตึกเก่า มองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มด้านนอก ได้ยินเสียงสายฝนที่กระหน่ำลงมา เมื่อหยาดฝนตกลงมาบนพื้น เสียงฝนกระทบบนห้องเช่าจึงดังก้องอยู่ในหู
หลินหร่านทอดสายตามองคืนฝนตกที่ดูมืดครึ้ม ฝนตกลงมาทั้งวัน มันมากับเสียงฟ้าร้องที่มักทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
หลินหร่านจอมขี้ขลาด ไม่ใช่แค่เื่สานสัมพันธ์กับคนอื่นเท่านั้น เขายังขี้ขลาดในทุกๆ เื่ กลัวแม้กระทั่งความมืด
ปกติแล้วสภาพอากาศแบบนี้ผู้คนจะอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน แต่นี่เป็่เวลาเก็บเงินของเหล่าพนักงานส่งอาหาร ดังนั้นหลินหร่านจึงต้องออกมาทำงานเพื่อความอยู่รอด
เสียงโทรศัพท์ของร้านขายอาหารเดลิเวอรี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง หลินหร่านหยิบขึ้นมาดู บางครั้งเสียงที่ดังขึ้นมาก็เป็เสียงท้องร้องของเขาเอง
ใช่แล้ว เพื่อที่จะไปส่งอาหารตามออร์เดอร์ ทำให้เขายังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย
หลินหร่านกลืนน้ำลาย ควานหาซาลาเปาที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา
“เหมียวๆๆ~” ในขณะที่หลินหร่านกำลังลังเลอยู่ว่าจะรับออร์เดอร์หรือว่าจะกินมื้อเที่ยงก่อน กลับมีเ้าแมวเหมียวเนื้อตัวมอมแมมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนโผล่มา มันจ้องอาหารในมือหลินหร่านแล้วส่งเสียงร้องไม่หยุด
“เอ่อ...” หลินหร่านมองตามสายตาของเ้าเหมียวที่กำลังมองมาที่ซาลาเปาเนื้อสับในมือเขา
เขาหลับตาลงด้วยความรู้สึกหนักใจ ก่อนตัดสินใจเอาซาลาเปาของตนเองให้เ้าเหมียวในที่สุด
พอหลินหร่านป้อนซาลาเปาให้เ้าเหมียวเสร็จก็สวมเสื้อกันฝน ขณะที่กำลังเดินไปยังรถไฟฟ้านั้น
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าผ่าแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนกลับผ่าลงมา ทำให้หลินหร่านที่ยืนอยู่กลางสายฝนพลันรู้สึกมึนหัว
ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดลงมาเหมือนอยากทำให้โลกทั้งใบสว่างวาบ หลินหร่านเงยหน้ามองแล้วได้พบกับสายฟ้าที่สว่างวาบไปทั่วท้องฟ้า ดูระยิบระยับราวกับดวงดาว
“สวยจัง” หลินหร่านอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
สายฝนตกลงมาบนใบหน้าของหลินหร่าน หลินหร่านยังคงดื่มด่ำอยู่กับความสวยงามของท้องฟ้า
‘เปรี้ยง!’
‘ครืน!’
เสียงนี้ยังดังก้องอยู่ในหู หลินหร่านรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ถูกฟ้าผ่าจากหนึ่งในหนึ่งร้อยล้านครั้ง
่เวลาที่หมดสติไปนั้น หลินหร่านหวนนึกถึง่ชีวิตของตนเอง ชีวิตที่แสนจะธรรมดาราบเรียบราวกับน้ำ ใช้ชีวิตเพียงแค่ให้ตนเองมีชีวิตอยู่
เวลานี้ เขาเกิดความคิดที่แสนจะสงบขึ้นมา ‘ตายไปเถอะ ตายไปทั้งแบบนี้แหละ ไม่มีใครสนใจ ให้มันเป็แบบนี้แหละดี’
………..
กระทั่งหลินหร่านตื่นขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้เขาได้มาอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งแล้ว กลายเป็เด็กน้อยอายุ 10 ขวบที่ดูน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตา
เวลานี้ หลินหร่านรู้แล้วว่าเขาข้ามภพมาแน่ๆ ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรนัก
เท่าที่เขารู้ เขาได้ข้ามกาลเวลามายังสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าสมัยราชวงศ์อวี้ เป็บุตรชายที่ถือกำเนิดในจวนแม่ทัพของท่านแม่ทัพฮวาเวย
มารดาของเ้าของร่างเดิมเป็หญิงที่ตั้งครรภ์ลำบาก นางให้กำเนิดบุตร่ที่อายุมากแล้ว ภายหลังคลอดเขา ผู้เป็มารดาถึงได้จากโลกนี้ไป
เพราะอย่างนั้น อนุภรรยาเอกอย่างนางเว่ยจึงได้ขึ้นเป็ฟูเหรินคนต่อไปอย่างง่ายดาย บุตรสาวกับบุตรชายของนางก็ได้เป็คุณชายกับคุณหญิงที่เกิดจากฟูเหรินของจวนแม่ทัพ
ต่อจากนั้น เ้าของร่างเดิมถูกลดขั้นลงไปเป็คุณชายรอง ต้องอยู่ภายในความดูแลของนางเว่ยในทันที
ในตอนแรก ่ที่แม่ทัพฮวาเวย1 หลินฮวาเหนียนยังอยู่ในจวน มักจะคอยอวยพรให้เ้าของร่างเดิมเติบโตอย่างปลอดภัยจวบจนอายุสิบขวบ
แต่ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ในปีที่เขาอายุสิบขวบกลับเกิดาขึ้นที่ชายแดน จึงมีกฤษฎีกาจากราชสำนัก ให้หลินฮวาเหนียนออกรบเพื่อปกป้องชายแดน
นับั้แ่วันนั้น เป็ระยะเวลาเจ็ดปีแล้วที่หลินฮวาเหนียนยังไม่หวนกลับมา
เื่ราวทั้งหมดเริ่มตอนที่เ้าของร่างเดิมอายุสิบขวบ ที่สถานะของเขาค่อยๆ ลดลง
หลังจากที่หลินฮวาเหนียนออกไป นางเว่ยก็้าเอาชีวิตเ้าของร่างเดิม
่ฤดูหนาวอันแสนหนาวเหน็บในเดือนสิบสอง นางเว่ยได้สั่งให้คนผลักเขาเข้าไปในหลุมน้ำแข็ง
กว่าจะให้คนนำตัวออกมา ร่างนั้นก็หมดลมหายใจไปแล้ว ทว่า ่ที่นางเว่ยแสร้งเศร้าโศกเสียใจจัดงานศพของเขาขึ้นมานั้น หลินหร่านกลับฟื้นขึ้นมาต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมงานศพ พูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือ หลินหร่านได้ข้ามภพมาในตอนนี้เองนั่นแหละ
จนถึงตอนนี้ ข่าวลือที่คุณชายรองของจวนแม่ทัพฟื้นคืนชีวิตจากความตายก็ได้กระจายไปทั่ว เพราะตอนที่หลินหร่านเกิดมารดาก็เสียชีวิต ไม่นานตัวเขายังมาตายและฟื้นขึ้นมาอีก
คุณชายรองหรือบุตรชายคนที่สองของจวนแม่ทัพ เื่ราวแห่งความอัปมงคลนี้ กลายเป็ที่โจษจันของชาวเมืองทุกซอกซอยเมืองหลวงอวี้อันเสียแล้ว
จากการที่หลินหร่านไม่ได้สิ้นชีวิตอย่างที่หวัง ด้วยเหตุนี้ นางเว่ยจึงพยายามหาทางจัดการ ยิ่งได้ยินเื่ราวที่เล่าขานกันปากต่อปาก นางจึงใช้โอกาสนี้ขับไล่หลินหร่านออกไปจากจวน
เวลานี้ หลินหร่านอายุ 11 ปี เขาได้ข้ามภพมาอยู่ที่นี่เป็เวลาครึ่งปีแล้ว
เขาที่ถูกขับไล่ออกจากจวนแม่ทัพได้รับการดูถูกเหยียดหยามสารพัด การได้ข้ามภพมาใช้ชีวิตอย่างน่าอดสูเช่นนี้ สู้อาศัยอยู่ที่ภพเดิมส่งเดลิเวอรี่ยังจะดีเสียกว่ากระมัง
เวลาผ่านไปไม่นาน หลินหร่านได้รับรู้ถึงความทรงจำและตัวตนของเ้าของร่างเดิมมากขึ้น มันช่างน่าเศร้าเสียจริง “จะกินอึก็ยังไม่ทันตอนร้อนเลย2 ”
--------------------------------------------------------------
1 ฮวาเวย หมายถึง นามรองของหลินฮวาเหนียน
2 จะกินอึก็ยังไม่ทันตอนร้อน เป็สำนวนจีน หมายถึง ชักช้า ทำอะไรก็ไม่ทันคนอื่น