จนกระทั่งเจินจูวางเครื่องประดับทั้งหมดลงตรงหน้าพวกนาง
หวังซื่อและหลี่ซื่อเริ่มไม่สงบขึ้น
์... เครื่องประดับทั่วทั้งห้องล้วนเหลืองอร่ามสุกสกาววิบวับนัก สะท้อนกับแสงส่องประกายจนดวงตาของพวกนางจวนจะบอดอยู่แล้ว
ซื้อเครื่องประดับมามากเท่าไรกันนี่?
คงไม่ใช่ว่าซื้อเครื่องประดับหมดสองหมื่นเหลียงเลยใช่หรือไม่?
เจินจูวางเครื่องประดับที่ฮูหยินกั๋วกงมอบให้ไว้ด้านข้าง แล้วแยกประเภทของที่ตนกับผิงอันซื้อออกมา
“เครื่องประดับในกล่องสามชั้นนี่ เป็ฮูหยินกั๋วกงมอบให้ข้า ด้านในที่มีหยกห้อยเอวสองชิ้นเป็ของผิงอัน แล้วยังมีจี้ห้อยปี่เซียะบนคอเขา นั่นก็เป็ของที่ฮูหยินกั๋วกงมอบให้เช่นกันเ้าค่ะ”
“ส่วนทางนี้คือของที่ข้ากับผิงอันเลือกให้คนที่บ้านเ้าค่ะ”
“โอ๊ะ แล้วยังมีทัดดอกไม้หนึ่งห่อใหญ่ด้วย อันนี้ในวังมอบเป็รางวัลให้จวนกั๋วกง ฮูหยินกั๋วกงนำมามอบให้ข้าทั้งหมดเลยเ้าค่ะ”
ปิ่นดอกไม้ที่ในวังมอบเป็รางวัล? หวังซื่อยิ่งฟังหัวใจก็ยิ่งเต้นรัวแรง บั้นปลายชีวิตนี้นางมีวาสนาได้เห็นของที่ในวังมอบให้เป็รางวัลด้วยงั้นหรือ?
รอยย่นบนใบหน้าของนางปรากฏขึ้นบางๆ รอยยิ้มยกขึ้นอย่างระงับไว้ไม่อยู่
หลี่ซื่อยังไม่เท่าไร สตรีครอบครัวขุนนางระดับสูงที่ได้รับรางวัลชมเชยจากในวังทุกปี นางเคยเห็นมาไม่น้อยเช่นกัน
แต่สิ่งที่นางตื่นใคือ เครื่องประดับที่ฮูหยินกั๋วกงมอบให้เจินจู แทบทุกชิ้นล้วนงดงามประณีต ลวดลายสลับซับซ้อนล้ำค่า ของมากมายเพียงนี้ทำให้นางกระวนกระวายรู้สึกใจไม่สงบอยู่เล็กน้อย
แม้เป็การช่วยชีวิตซื่อจื่อของจวนกั๋วกง แต่…
หลี่ซื่อระมัดระวังในเื่เล็กๆ น้อยๆ จนชินแล้ว ได้เห็นสิ่งของมีค่ามากมายเพียงนี้อย่างกะทันหัน ช่างทำให้นางเป็กังวลจริงๆ
“ชิ้นนี้เป็กำไลหยกไขมันแพะกระมัง? งดงามมากเกินไปแล้วจริงๆ” หวังซื่อหยิบกำไลหยกหนึ่งชิ้นออกมาจากกล่องเครื่องประดับสามชั้นอย่างระมัดระวัง พร้อมกับยกขึ้นส่องแสงสว่างแล้วมอง ช่างโปร่งแสงแวววับ ขาวนวลไร้ตำหนิ
“อื้ม น่าจะใช่นะเ้าคะ” เจินจูก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร ได้ยินการแนะนำของฮูหยินกั๋วกงกับเยว่หลัน... น่าจะใช่กระมัง
“ว้าว ย่าได้วาสนาจากเ้าแล้ว ถึงสามารถลูบคลำกำไลหยกล้ำค่าเพียงนี้ได้ ไอ๊หยา ช่างมีวาสนาจริงๆ” หวังซื่อทอดถอนใจติดๆ กัน
“ท่านย่า ท่านลองสวมสักหน่อย ดูว่าใส่เข้าไปได้ไหม?”
“เอ๋ นี่ไม่ได้นะ นั่นเป็ของที่ฮูหยินกั๋วกงมอบให้เ้า จะนำมาสวมไปมั่วได้เช่นไร”
“ในเมื่อเป็ของข้า ข้าอยากให้ผู้ใดสวมก็จะให้ผู้นั้นสวมเ้าค่ะ”
“เฮ้อ เ้าเด็กผู้นี้”
สุดท้ายกำไลก็สวมเข้าไป ดูแล้วเล็กอยู่บ้างเพราะฝ่ามือของหวังซื่อค่อนข้างหนาเล็กน้อย
นางวางกลับไปด้วยความระมัดระวัง แล้วหยิบปิ่นทองดอกไม้ไหวผีเสื้อสี่ตัวหนึ่งชิ้นขึ้นมา กลางปีกสีเขียวที่แกะสลักด้วยแผ่นหยกเจียระไนชิ้นประณีต เส้นทองคำเป็พู่ละเอียดห้อยหยกและไข่มุกปล่อยลงมา กวัดแกว่งไหวเบาๆ สั่นไปมาอย่างนุ่มนวล เม็ดไข่มุกกวัดแกว่งและชิ้นหยกขยับไหว ฝีมือชั้นสูงงดงามละเอียดดูล้ำค่าอย่างมาก
“…งดงามเกินไปแล้วจริงๆ ปิ่นดอกไม้ไหวประณีตเพียงนี้ เจินจูของพวกเราปักลงไปแล้วต้องงดงามมากอย่างแน่นอน”
เจินจูเพียงยิ้มกว้าง ในมือวุ่นอยู่กับการแบ่งของเรียงรวมกันให้เรียบร้อย นางซื้อเครื่องประดับจิปาถะมามากมาย เตรียมมอบให้พวกจ้าวหงยู่และพานเสวี่ยหลันด้วยเช่นกัน
หลี่ซื่อคอยช่วยอยู่ด้านข้าง เห็นเจินจูนำกล่องเครื่องประดับต่างกันไปจำนวนสี่กล่องวางซ้อนอยู่ที่หัวเตียงของนาง จึงอดถามขึ้นไม่ได้ “เจินจู กล่องเหล่านี้จะนำไปไว้ที่อื่นหรือไม่?”
“ไม่เ้าค่ะ นั่นเป็ของที่ข้าซื้อให้ท่านโดยเฉพาะ เป็เครื่องประดับบนศีรษะสี่ชุด” เจินจูเงยหน้าขึ้นมองปราดหนึ่ง แล้วจัดการของในมือต่อ
สี่ชุด!? หลี่ซื่อจ้องตาโต ใช้มือที่สั่นเทาเปิดออกดูทีละกล่อง
มีทองห้อยระย้าแปดสมบัติ ทองฝังไข่มุกและอัญมณีแกะสลักลายฉลุ ชิ้นหยกประดับเลี่ยมทอง ปิ่นไข่มุก แปรงประดับมวยผม ที่เกล้ามวยผม ต่างหู สร้อยคอ แหวน กำไลข้อมือ……
สุ่มหยิบแต่ละชิ้นขึ้นแล้ววางแผ่ออกมาให้เห็นเต็มไปหมด สีทองเหลืองอร่ามแพรวพราว หลี่ซื่อลมหายใจสะดุดตื่นตะลึง ไม่คิดเลยว่าจะซื้อมาให้นางมากมายเพียงนี้
นางมองเจินจูด้วยความโมโหทีหนึ่ง แม้ในใจจะดีใจเป็อย่างมาก แต่นี่มันมากเกินไปแล้วจริงๆ
หวังซื่อเข้ามาใกล้และมองอย่างละเอียด พลางส่งเสียงจุ๊ปาก “นี่ล้วนเป็ความกตัญญูของลูกเ้า เ้าก็รับไว้เถอะ”
“ฮิๆ ท่านย่า อันนี้เป็กำไลหยกมรกตแข็ง เป็ชิ้นที่ข้าตั้งใจซื้อให้ท่านโดยเฉพาะเ้าค่ะ” เจินจูหยิบกำไลหยกมรกตแข็งสีเขียวสดทั้งชิ้นออกมาจากในกล่องที่ประณีตหนึ่งกล่อง
หวังซื่อดวงตาเป็ประกายพร้อมกับเดินเข้ามา
เจินจูจับมือของนางยกขึ้นแล้วสวมเข้าไปด้วยความระมัดระวัง
อื้ม... ไม่เลว ขนาดพอดีเลย
หวังซื่อยกข้อมือขึ้น สีเขียวมรกตอิ่มน้ำดูชุ่มฉ่ำ โปร่งแสงประดุจน้ำในบ่อใสบริสุทธิ์ ความดีใจข้างในพรั่งพรูเอ่อล้นทันที
“สวยจริงๆ ขับผิวยิ่งนัก ท่านแม่ ท่านสวมแล้วเหมาะมากเ้าค่ะ” หลี่ซื่อกล่าวชมออกมาจากใจจริง
“งั้นหรือ?” หวังซื่อหมุนข้อมือพลิกดูไปมาด้วยความสำราญใจ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกชื่นชอบ
เจินจูมองนางแวบหนึ่งแล้วยิ้มจนดวงตาหยี จากนั้นหันกลับมาจัดระเบียบข้าวของต่อ
“ทำไมท่านป้าสะใภ้ไม่มาล่ะเ้าคะ?” นางถามไปเรื่อยเปื่อย
การกระทำของหวังซื่อหยุดชะงักลงไปชั่วครู่ สบตากันกับหลี่ซื่อปราดหนึ่ง ลังเลอยู่เล็กน้อย “ป้าสะใภ้เ้าร่างกายไม่ค่อยดี เลยไม่ได้มาน่ะ”
“เอ๋ ทำไมไม่สบายได้? ไม่ได้ไปหาท่านหมอหรือเ้าคะ?” เจินจูถามด้วยความประหลาดใจ
หลังจากเหลียงซื่อตะกละจนอ้วนขึ้น ก็ไม่ชอบออกมานอกบ้านสักเท่าไร
หวังซื่อคิดเล็กน้อยแล้วเล่าเื่ราวให้นางฟัง
ที่แท้ตอนที่พวกเจินจูออกจากหมู่บ้านวั้งหลินไปได้ไม่นาน หวังซื่อก็ได้พาเหลียงซื่อไปตรวจโรคที่ฝูอันถัง บอกว่าไปตรวจโรค อันที่จริงแค่อยากให้ท่านหมอในร้านสั่งยาลดความอ้วนให้สักหน่อย
เ้าของร้านหลิวต้อนรับพวกนางด้วยความกระตือรือร้นเป็อย่างมาก เรียกท่านหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดมาตรวจชีพจรให้ ท่านหมอบอกว่าเหลียงซื่อหยางตับบกพร่อง [1] หยางม้ามและไตพร่อง ลมปราณและเืติดขัด [2] มีอาการร้อนชื้นที่ตับและถุงน้ำดี [3] ม้ามพร่องเสมหะชื้น เป็ลักษณะอาการของโรคอ้วนอย่างเห็นได้ชัด ถ้ายังเป็เช่นนี้และยังอ้วนขึ้นไปอีก ผ่านไปไม่นานร่างกายจะล้มเหลวทรุดลงได้
ตอนแรกเหลียงซื่อยังใมากอยู่ ยอมที่จะดื่มยาสมุนไพรและควบคุมปริมาณอาหารแต่โดยดีอยู่สองสามวัน แต่ต่อมาเฝิงซื่อมารดาของนางมาเยี่ยม ได้ทราบว่านางดื่มยาลดน้ำหนัก อดหัวเราะเยาะขึ้นไม่ได้ บอกว่าหวังซื่อร่วมมือกับฝูอันถังหลอกลวงนาง แค่อ้วนนิดหน่อยเท่านั้นเองจะเกิดโรคมากมายซับซ้อนเพียงนั้นเสียที่ไหน
เมื่อเหลียงซื่อคิดตามก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เ้าของร้านหลิวของฝูอันถังมักไปมาหาสู่กับครอบครัวน้องสามี มีความเป็ไปได้มากว่าจะสมรู้ร่วมคิดกันกับแม่สามีล่อหลอกนางขึ้น
เมื่อนางคิดได้เช่นนี้ก็เกิดรากความคิดงอกฝังลึกลงไปในสมอง เลิกดื่มยาไปเลยทันทีและยังคงทานดื่มเข้าไปอย่างเต็มที่ดังเดิม
หวังซื่อที่โมโหถึงขั้นดุด่านางด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่เหลียงซื่อก็ยังท่าทางหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก [4]
หูฉางหลินเกิดความโกรธจนฟาดเหลียงซื่อไปหนหนึ่ง เหลียงซื่อทำตัวดีได้สักพัก แต่ผ่านไปได้ไม่นานก็สันดานเก่ากำเริบขึ้นมาอีก
หวังซื่อปวดศีรษะอย่างยิ่ง ลากนางเข้าเมืองไปอีกรอบ ครั้งนี้เปลี่ยนท่านหมอจากโรงหมอที่ใหม่ การวินิจฉัยโรคของท่านหมอก็คล้ายคลึงกันกับท่านหมอจากฝูอันถัง
ทว่าเหลียงซื่อยังคงไม่เชื่ออยู่เช่นเดิม รู้สึกว่าท่านหมอทั่วทั้งเมืองล้วนถูกหวังซื่อซื้อตัวไปหมดแล้ว
ความโกรธของหวังซื่อเดือดพล่านไปทั่วทั้งหัวใจตับม้ามปอดและไต จึงทิ้งนางไว้แล้วเดินทางกลับหมู่บ้านมาคนเดียว
เมื่อเดินมาถึงถนนทางทิศใต้ หลิวผิงที่เห็นจึงกระตือรือร้นเชิญให้นางเข้าร้านไปดื่มชาก่อน
เมื่อสอบถามสาเหตุที่ทำให้นางโมโหจนแน่ชัดแล้ว หลิวผิงจึงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วออกความเห็นให้นาง
หมอชราของพวกเขามีตำรับยาเฉพาะหนึ่งสูตร หลังดื่มลงไปแล้วจะสามารถทำให้คนที่ทานของลงไปรู้สึกพะอืดพะอมเกิดอาการอยากอาเจียนออกมาได้ แต่ผลของยาค่อนข้างรุนแรงมาก อาจผอมลงไปจนถึงขั้นเสื้อผ้าหลวมโพรก ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ลมปราณและโลหิตทั้งสองเสียสมดุล แม้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทว่าจะทำลายสภาพจิตใจและความรู้สึกนึกคิด วันข้างหน้าต้องทานยาฟื้นฟูภายในบำรุงลมปราณและโลหิตสักระยะหนึ่ง จึงจะบำรุงกลับมาดีได้ ข้อดีของยานี้คือหลังผอมลงไปจะไม่ร้องหาอาหารอย่างรุนแรงอีก
เมื่อหวังซื่อได้ฟังจึงเกิดความสนใจขึ้น ในตอนนั้นนางไม่ได้รับปากไปทันที หลังจากกลับมาแล้วนางได้หารือกับหูฉางหลินอยู่ทั้งคืน วันต่อมาจึงไปฝูอันถังแล้วรับยามาสามเทียบ
หลังต้มเรียบร้อยแล้วให้เหลียงซื่อดื่มเข้าไป เหลียงซื่อคิดว่าเป็ยาลดความอ้วนธรรมดา จึงไม่ได้ใส่ใจนัก ดื่มอึกๆ เข้าไปจดหมด
เริ่มจากวันนั้นประสิทธิผลของยาได้กำเริบขึ้น ไม่ว่าจะทานอะไรเข้าไปก็สำรอกสิ่งนั้นออกมาจริงๆ ทั้งยังพะอืดพะอมขย้อนออกมาจนเหลียงซื่อแทบจะอาเจียนเอาอวัยวะภายในหลุดตามมาด้วย หวังซื่อทำตามข้อกำชับของท่านหมอ ให้กรอกเพียงน้ำเปล่าต้มสุกสองสามถ้วยใหญ่ให้นางทุกวันเท่านั้น ส่วนเหลียงซื่ออยากทานอะไรล้วนตามใจนางทุกสิ่ง
เพียงไม่กี่วันเหลียงซื่อผอมซูบลงไปจนเสื้อผ้าหลวมโพรก แก้มที่อิ่มเอิบอวบขาวได้ยุบตอบลงไปช้าๆ ไขมันหน้าท้องหย่อนคล้อย คนทั้งกายดูซูบไร้ชีวิตชีวา ไม่มีปฏิกิริยา้าพุ่งไปหาอาหารเหมือนที่ทำเป็ประจำอีก มากไปจนถึงขั้นเห็นอาหารก็เริ่มคลื่นไส้จนอยากอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
หวังซื่อต้มยาเทียบที่สองกรอกลงไปให้นางอีกครั้ง
เหลียงซื่อก็เริ่มทานของลงไปได้ช้าๆ แต่อาหารที่ทานเข้าในปากอย่างเอร็ดอร่อยในเมื่อก่อน ขณะนี้กลายเป็เหมือนเศษไม้ก้อนกรวด เคี้ยวไปสองคำก็จืดชืดไร้รสชาติ
ด้วยเหตุนี้ร่างกายของนางจึงผ่ายผอมลงอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้หวังซื่อได้ต้มยาเป็เทียบที่สามแล้ว
เวลาครึ่งค่อนเดือน เหลียงซื่อผอมมากจนเรียกได้ว่าผอมมากเกินไปนัก คนในบ้านเห็นแล้วต่างอกสั่นขวัญหาย อาหารสามมื้อทุกวันฝืนทานโจ๊กเปล่าลงไปไม่กี่คำ แล้วดื่มน้ำต้มสุกตามลงไปเป็ปริมาณมาก
ยามนี้นางยังนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่เลย
เจินจูฟังแล้วตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไอ๊หยา ยาลดความอ้วนของคนยุคโบราณนี่ร้ายกาจจริงเลยเชียว เวลาครึ่งเดือนก็ผอมลงไปมากเพียงนี้ แน่นอนว่าผ่านการลดที่รวดเร็วย่อมเป็การทำลายร่างกายจริงๆ
ดูท่าครั้งนี้เหลียงซื่อได้รับความทุกข์ยากลำบากแล้ว แต่หากสามารถรักษาปัญหาความตะกละของนางได้ก็คุ้มค่ายิ่งนัก
...หูฉางกุ้ย หูฉางหลิน และอาชิงควบเกวียนล่อกลับมา วัตถุดิบอาหารที่ซื้อมามีห่านสี่ตัว หมูครึ่งตัว และแกะที่ฆ่าแล้วทั้งตัว ทั้งยังมีเครื่องปรุงจำพวกข้าว แป้ง เกลือ น้ำตาลและอื่นๆ
หวังซื่อ หลี่ซื่อ จ้าวหงยู่ และพานเสวี่ยหลันเริ่มทำอาหารเลี้ยงมื้อเย็นขึ้น
สองพี่น้องหญิงชายสกุลหูกลับมาบ้าน แล้วยังมีแขกผู้มีเกียรติมาถึงบ้านอีก อย่างไรก็ต้องทำอาหารให้หลากหลายมากมายหน่อย
เจินจูจัดการสัมภาระตัวเองย้ายกลับเข้ามาในห้อง เสี่ยวฮุยยังรออยู่ในห้องของนางอย่างน่าเอ็นดู
“ไอ๊หยา เสี่ยวฮุย เกือบลืมเ้าไปแล้ว หิวแล้วใช่หรือไม่... เอานี่” นางล้วงเอาผักกวางตุ้งหนึ่งก้านออกมาให้มัน
กลับมาถึงหมู่บ้านวั้งหลิน เสี่ยวฮุยก็ควรกลับบ้านของมันแล้วเช่นกัน พามันไปเมืองหลวงไกลเพียงนั้น แล้วมันยังช่วยงานใหญ่ของนางให้เรียบร้อยอีก
“เสี่ยวฮุย อีกเดี๋ยวเ้าจะกลับเข้าไปในูเาแล้วใช่ไหม?”
“จี๊ดๆ” เพื่อนในูเารอมันอยู่
เจินจูลูบหัวเล็กของมัน จากนั้นหากระเป๋าใบเล็กสีเข้มหนึ่งใบออกมาจากในตู้หัวเตียง นั่นเป็กระเป๋าที่นางใช้ฝึกทำการเย็บปักในเมื่อก่อน
จากนั้นล้วงเอาเม็ดพุทราออกมาจากมิติช่องว่างหนึ่งกำ ไม่มากเท่าไร เหมือนจะมีเจ็ดถึงแปดเม็ดได้ แล้วใส่เข้าใปในกระเป๋าจากนั้นแขวนไว้บนคอของเสี่ยวฮุย
นางไม่กล้าให้อาหารที่บำรุงด้วยน้ำแร่จิติญญากับพวกมันมากเกินไป กลัวว่าจะให้กำเนิดหนูฉลาดออกมาหนึ่งกลุ่ม
ทำได้เพียงให้มันเอากลับไปด้วยจำนวนหนึ่งเป็ของที่ระลึกเท่านั้น
สัตว์ในูเาไม่ได้ขาดแคลนอาหาร ผลไม้จากต้น ธัญพืช เมล็ดพันธุ์พืช และรากใต้ดินทั่วทั้งูเาผืนหญ้ากว้างใหญ่ล้วนเป็อาหารของพวกมันทั้งนั้น
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยกล่าวขอบคุณ ดวงตาเม็ดถั่วเล็กๆ ทอระยิบระยับแวววาว
เจินจูประคองมันไปที่ข้างหน้าต่างลายฉลุ และเปิดออกเล็กน้อย
“ไปเถอะ พรุ่งนี้มากินเนื้อสายๆ หน่อยนะ”
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยตอบรับทีหนึ่ง แล้วะโออกไปด้วยความไวว่อง ไม่นานก็ปีนขึ้นไปบนสันกำแพงและหลบซ่อนตัวหายเข้าไป
เตียงอิฐในห้องยังไม่มีเวลาจุด ภายในห้องจึงหนาวเย็นเล็กน้อย เจินจูจัดเรียงสิ่งของให้เรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว ทันทีหลังจากนั้นได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บ้าน และถอดเครื่องประดับบนศีรษะลงมา
นางหยิบชาดอกกุหลาบออกมาจากมิติช่องว่างสองกระปุก ชาดอกไม้เหล่านี้ล้วนเป็ของในมิติช่องว่างที่นางเก็บรวบรวมไว้ จึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายเหนือธรรมชาติเป็พิเศษ
ทว่านางคิดไปคิดมา หากผลที่ได้ยอดเยี่ยมเกินไปเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก
จึงหยิบชาดอกกุหลาบสองกระปุกที่เก็บจากในลานบ้านบนตู้หัวเตียงออกมา จากนั้นนำสี่กระปุกผสมเข้าด้วยกัน แล้วแบ่งออกใส่กระปุกใหม่
ดอกกุหลาบที่ลานบ้าน นางผสมน้ำแร่จิติญญาเข้าไปรดน้ำอยู่ตลอด แม้ไม่ดีเท่าที่ปลูกในมิติช่องว่าง แต่ประสิทธิภาพดีกว่าชาดอกกุหลาบทั่วไปมากนัก
อื้ม... อีกเดี๋ยวนำไปมอบให้เซี่ยวเว่ยเหยา เพราะเซียวฉิงเร่งรัดอย่างรีบร้อนเพียงนั้น พวกเขาน่าจะออกเดินทางกลับเมืองหลวงในเช้าของวันพรุ่งนี้กระมัง
อีกสามวันก็จะเฉลิมฉลองปีใหม่ ดูท่าพวกเขาต้องใช้ชีวิตฉลองปีใหม่อยู่บนถนนเสียแล้ว
ไอ๊หยา การเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวฉิงนี่ช่างลำบากเหมือนกันนะนี่ วันเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ยังมอบหมายภารกิจแบบนี้ให้อีก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าผ่านการฉลองปีใหม่ไปก็จะส่งไปให้ที่จวนกั๋วกงอยู่แล้ว ยังต้องให้คนตามมารับกลับไปให้ได้เสียนี่
เจินจูส่ายหน้า สำหรับเซียวฉิงที่มีจิตใจดื้อรั้น ไม่ฟังการโน้มน้าวผู้อื่นเช่นนี้ นางชื่นชอบไม่ลงจริงๆ
วางสี่กระปุกซ้อนกัน เจินจูประคองขึ้นแล้วเดินไปทางลานด้านหน้า
เชิงอรรถ
[1] หยางตับบกพร่อง หมายถึง กลุ่มอาการที่เกิดจากหยางของตับและไตพร่อง ทำให้หยินแกร่งขึ้นสู่ส่วนบน มักมีอาการแสดงคือ วิงเวียนศีรษะ มีเสียงในหู ปวดตึงศีรษะและลูกตา ศีรษะหนักแต่เท้าเบา เอวและเข่าเมื่อยล้าอ่อนแรง ลิ้นแดงชีพจรตึง
[2] ลมปราณและเืติดขัด คือ โรคโคเลสเตอรอลในเืสูง หรือไขมันในเืสูงนั่นเอง
[3] อาการร้อนชื้นที่ตับและถุงน้ำดี คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากภาวะร้อนชื้นสะสมภายในร่างกาย ทำให้ตับและถุงน้ำดีเสียความสามารถในการขับระบาย มีอาการแสดงคือ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดแน่นชายโครง เบื่ออาหาร ไม่ชอบอาหารมัน ลิ้นแดงมีฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจรตึง ลื่น และเร็ว
[4] หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก หมายถึง ไม่มีความเกรงกลัวหรือหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น (โดยมากเป็คำด่าทอผู้ที่หน้าด้าน)