ลู่หวยเหรินโกรธจนแทบตายแล้ว
ก่อนหน้าที่คุณนายลู่จะพูดเื่การแต่งงานครั้งนี้กับลู่จิ่งซาน เขาไม่เคยชอบบ้านตระกูลสวี่เลย ยิ่งตอนนี้มองสวี่จือจือก็ยิ่งไม่ชอบใจ
นี่มันตัวซวยชัดๆ
“ภรรยาจิ่งซาน เธอยังเด็กอยู่ ไม่ต้องเข้าไปหรอก” จ้าวลี่เจวียนพูดพลางยิ้ม “ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ ฉันต้องเข้าไปดูน้องสะใภ้หน่อยว่าไม่สบายตรงไหน จะต้องพาไปสถานีอนามัยไหม”
ลู่หวยเหรินปวดหัว
พวกเธอคนหนึ่งคนสองมายุ่งเื่คนอื่นทำไมกันนักหนา?
“คุณแม่ว่ายังไงคะ?” จ้าวลี่เจวียนหันไปถามคุณนายลู่
“แม่” ลู่หวยเหรินรีบร้อนพูดก่อนที่คุณนายลู่จะทันได้ตอบ “เมื่อวานวุ่นวายมากเกินไป เสวี่ยฉินก็เลยเหนื่อยมาก แต่แค่พักผ่อนก็หายแล้ว”
“ไม่ได้หรอก” คุณนายลู่นั่งอยู่บนรถเข็น ขมวดคิ้วพูดกับจ้าวลี่เจวียน “สะใภ้ใหญ่ เธอไปดูหน่อยว่าป่วยจริงหรือเปล่า? ถ้าป่วยก็ไปรักษา ตระกูลลู่ไม่ได้จนขนาดไม่มีเงินหรอกนะ ไม่ต้องเอาทุกเื่ไปโยนให้จิ่งซาน”
แค่แต่งงานก็เหนื่อยจนป่วย? ข้ออ้างนี้คุณนายลู่ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
ลู่หวยเหรินอยากจะตบปากตัวเองสักที
หญิงชรารักลู่จิ่งซานที่สุด ทำไมเขาถึงได้หาข้ออ้างแบบนี้กันนะ?
ในเมื่อหญิงชราได้เห็นด้วยแล้ว จ้าวลี่เจวียนก็ไม่ลังเล รีบฉวยโอกาสตอนที่ลู่หวยเหรินกำลังเศร้าใจ เดินเข้าไปในห้องของพวกเขาทันที
เธอยังคงมีมารยาท เคาะประตูเสียก่อน
“เสวี่ยฉิน? ได้ยินว่าเธอไม่สบาย ฉันเข้ามา...” เธอยังพูดไม่ทันจบก็เปิดประตูเข้าไปแล้ว “คุณแม่ ในห้องไม่มีใครอยู่เลยค่ะ!”
หายไปจริงๆ ด้วย!
“เป็ไปไม่ได้!” พี่ใหญ่เหอตอบสนองเป็คนแรก รีบวิ่งเข้าไปข้างใน
เมื่อวานเหอเสวี่ยฉินแอบบอกเขาเองว่าวันนี้ให้พาคนมาช่วยตามหาคนในบ้าน ยิ่งทำให้เป็เื่ใหญ่ได้เท่าไหร่ยิ่งดี แล้วแบบนี้จะทำยังไงกัน?
แทนที่จะทำให้ชื่อเสียงของสะใภ้ใหม่เสียหายเพื่อที่จะได้ควบคุมง่าย กลับทำให้ตัวเองต้องเสียไปด้วย?
“หายไปทั้งคืนเลยเหรอคะ?” สวี่จือจือพูดจบก็เอามือปิดปาก ดวงตาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลู่หวยเหริน “จะหนีไปไหนได้กัน?”
“เมื่อกี้พวกคุณพูดอะไรกันนะ เื่ไม่รักษาขนบธรรมเนียม ต้องเอาไปแขวนป้ายประจาน? เดินแห่ไปตามท้องถนน?” สวี่จือจือมองเหอเสวี่ยฮวาด้วยความชื่นชม “ฉันเข้าใจผิดไปเอง ที่แท้คุณก็เป็คนตรงไปตรงมา เสียสละเพื่อส่วนรวมแบบนี้นี่เอง!”
เหอเสวี่ยฮวา “แกพูดจาเหลวไหล”
เธอจะให้พี่สาวตัวเองต้องถูกแขวนป้ายประจานได้ยังไง!
“ก็คุณเป็คนพูดเองนี่ว่าถ้าเป็สมัยก่อน พวกผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัวแบบนี้ก็ควรจะจับไปถ่วงน้ำให้ตายไปเลยไม่ใช่หรือคะ?” สวี่จือจือพูดพลางหัวเราะ “ทำไมตอนนี้เปลี่ยนคนแล้ว มาตรฐานของคุณถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?”
สองมาตรฐานชัดๆ!
“แก!” ใบหน้าใหญ่ของเหอเสวี่ยฮวาแดงก่ำด้วยความโมโห กระทืบเท้าพลางพูดกับลู่หวยเหริน “พี่เขย พี่ดูสิ!”
“ออดอ้อนอีกแล้ว ไร้ยางอายสิ้นดี” สวี่จือจือพูดเสียงเบา แต่ถึงแม้ว่าเสียงของเธอจะเบา คนที่อยู่ในที่นี้ก็ได้ยินกันทุกคน
ในชั่วขณะหนึ่ง สายตาที่มองทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป
สองสามีภรรยาคู่นี้จะน่าสนใจเกินไปแล้วกระมัง!
เมียหายไปทั้งคืน แต่คนเป็สามีกลับไม่โกรธ ยังช่วยปกปิด แถมยังดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับน้องเมียอีกด้วย!
เื่ฉาวๆ ของน้องเมียกับพี่เขย พวกเขาเองก็เคยได้ยินมาไม่น้อย
เพียงแต่ว่ามองดูลู่หวยเหรินแล้วก็ไม่น่าจะเป็คนแบบนั้นนี่นา! ถึงกับกินได้แม้กระทั่งเหอเสวี่ยฮวา หน้าบาน และมีแต่กระแบบนั้น?!
นับถือ นับถือจริงๆ!
“พอแล้ว เลิกพูดกันได้แล้ว” ลู่หวยเหรินพูดด้วยสีหน้าดำคล้ำ “รีบไปตามหาคนเร็วเข้า อย่าให้มีเื่อะไรเกิดขึ้น”
เหอเสวี่ยฮวาถลึงตาจ้องมองสวี่จือจือด้วยความเคียดแค้น
นังเด็กเหลือขอ อย่าให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอแล้วกัน เธอจะทำให้มันตาย!
แต่เห็นสวี่จือจือไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังเลิกคิ้วเงยหน้าท้าทายเธออีก แทบจะทำให้เหอเสวี่ยฮวาล้มทั้งยืนด้วยความโมโห!
“หิวไหม?” สวี่จือจือกำลังแลบลิ้นใส่แผ่นหลังเหอเสวี่ยฮวาอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มมีเสน่ห์จากผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าทะเล้นที่เธอเก็บไม่ทันก็ถูกเขาเห็นเข้าอย่างจัง
ถ้าเป็คนคุ้นเคยกับลู่จิ่งซาน จะต้องดูออกว่าตอนนี้ชายหนุ่มมีความสุขมากทีเดียว
“ค่ะ” สวี่จือจือตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วถามเขา “พวกเราไม่ไปตามหาคนด้วยเหรอ?”
“ไม่ต้องหรอก” ลู่จิ่งซานเข็นรถให้คุณนายลู่ “พวกเราจะไปกินข้าวกับคุณย่า”
ไม่ต้องไปตามหาเหอเสวี่ยฉินจอมปลอมคนนั้น สวี่จือจือก็รู้สึกว่ามื้อเช้านี้กินได้สามชามเลย
“พี่” ลู่ซืออวี่ขมวดคิ้วพูด “น้าเหอหายตัวไป พวกเราไม่ควรจะไปตามหาหน่อยเหรอคะ?”
กินข้าวมันสำคัญกว่าตามหาคนอีกเหรอ?
“นั่นสิ” ลู่หลิงซานจ้องมองสวี่จือจือ “แม่ฉันเกิดเื่เพราะพวกพี่แต่งงานกัน พวกพี่ทำแบบนี้ไม่สนใจใยดี ช่างใจดำอำมหิตเสียจริง”
อารมณ์ดีๆ ของลู่จิ่งซานหายไปในทันที
“แกจะตามหาคนก็ไปเถอะ” คุณนายลู่พูดเสียงเรียบ “ย่าหิวแล้ว จือจือ มากินข้าวเป็เพื่อนย่า”
“ค่ะคุณย่า” สวี่จือจือแลบลิ้นใส่ลู่หลิงซาน เมื่อเดินเฉียดอีกฝ่ายก็เห็นลู่จิ่งซานเข็นคุณนายลู่เข้าไปในบ้านแล้ว
เธอกระซิบข้างหูลู่หลิงซาน “ฉันว่าเราสองคนอายุพอๆ กันเลยนะ แต่เพราะไม่มีสมองใช่ไหมล่ะถึงได้ตัวสูงขนาดนี้”
“เธอต่างหากที่ไม่มีสมอง” ลู่หลิงซานด่าด้วยความโมโห
“ถ้าเธอมีสมองก็ควรจะรู้ว่า” สวี่จือจือเลิกคิ้วกระซิบ “แม่ของเธอเอาแต่หาเื่ตอนที่เราแต่งงานกัน รองเท้าผุๆ แบบนี้ควรจับถ่วงน้ำจะดีกว่า”
ให้เธอไปตามหาเหอเสวี่ยฉินเหรอ?
ถุ้ย! กินข้าวไม่ดีกว่าเหรอ?
“เธอ!” ลู่หลิงซานใบหน้าแดงก่ำ อยากจะด่าแต่เห็นลู่จิ่งซานยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเ็า คำด่าของลู่หลิงซานก็เลยไม่กล้าพูดออกมา
ในบ้านหลังนี้ เธอไม่ได้กลัวลู่หวยเหริน แต่กลัวลู่จิ่งซานที่สุด
“รีบเข้ามากินข้าว” ลู่จิ่งซานหันไปมองสวี่จือจือ “ไม่ใช่บอกว่าหิวแล้วเหรอ?”
“มาแล้ว” สวี่จือจือรีบวิ่งตามไปอย่างเอาใจ
“พี่” ลู่หลิงซานกระซิบกับลู่ซืออวี่ “เกรงว่าต่อไปพวกเราคงจะไม่มีพี่ชายอีกแล้ว”
ลู่จิ่งซานปกป้องสวี่จือจือขนาดนั้น
ใบหน้าของลู่ซืออวี่ซีดเผือด
ภายในห้อง สวี่จือจือพูดอะไรก็ไม่รู้ทำให้คุณนายลู่หัวเราะลั่น ใบหน้าของเธอก็ยิ่งซีดเข้าไปอีก
“เธอบอกว่าไม่หรอก เขายังคงเป็พี่ชายของพวกเราเหมือนเดิม จะไม่เปลี่ยนไปหรอก” ลู่ซืออวี่แก้ตัว
“จะเป็ไปได้ยังไง” ลู่หลิงซานกลอกตา “แล้วทำไมเมื่อกี้พี่ชายถึงไม่เรียกพี่ไปกินข้าวล่ะ?”
“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ” ลู่หลิงซานพูดต่อ “เล่ห์เหลี่ยมเยอะยิ่งกว่าตะแกรง ร้ายกาจ ปากก็ดี เพิ่งเข้ามาไม่ถึงวันก็ทำให้คุณย่ามีความสุข แม้กระทั่งพี่ชายก็ยังเข้าข้างเธอเลย”
“ฉันไม่เป็อะไรหรอก แค่เป็ห่วงเื่แต่งงานของพี่”
“ลองคิดดูสิ ถ้าวันหลังพี่ไปพูดให้เขาฟัง แล้วเขาให้พี่ไปแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบขึ้นมา จะทำยังไง?”
“ไม่หรอก พี่ชายไม่ใช่คนแบบนั้น” ลู่ซืออวี่พูดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“พอแต่งเมียก็ลืมแม่ แล้วยิ่งไปกว่านั้น...” ลู่หลิงซานไม่ได้พูดต่อ มองดูลู่ซืออวี่ที่กัดริมฝีปากก้มหน้า มือก็กำชายเสื้อแน่น
เพียงแต่ความได้ใจนั้นอยู่ได้ไม่นานก็ถูกทำลายลง
เหอเสวี่ยฉินที่หายตัวไปทั้งคืนถูกพบตัวแล้ว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้