ข้อความแรกที่ฉันได้รับจากผู้ติดต่อของฉันที่ไม่ได้อัปเดตอะไรเลยใน่ไม่กี่วันมานี้คือ [OK?] และ [YES]
คนที่ส่งมาคือคนที่ฉันเปลี่ยนชื่อเล่นเป็ 'ยาชิมะ' หรือก็คือบุคคลผู้ทำข้อตกลงลับๆ กับฉันนั่นเเหละ
หลายวันผ่านไปในชั่วพริบตา นับั้แ่ครั้งสุดท้ายที่ฉันนัดกับโยตะว่าจะทำอาหารให้ ฉันก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาเลย ไหนจะกังวลอีกที่เขาอาจคิดว่าฉันกลัวจะติดต่อไป เพราะฉันไม่อาจทำเื่ที่คุยโม้ไปได้
สุดท้ายฉันก็มีวันหยุดเต็มวันเสียที พอฉันตื่นเมื่อไหร่ ก็ส่งข้อความไปหาโยตะทันที
เมื่อเห็นคำตอบตกลงจากโยตะแล้ว ฉันก็ส่งอิโมจิรูปข้าวกับพระอาทิตย์ตกกลับไป โดยหวังให้เขาเข้าใจว่า มันคือรหัสบอกว่าฉันกำลังเตรียมอาหารเย็นให้เขาอยู่
จนกระทั่งเขาตอบว่า [YES] เป็ครั้งที่สอง ฉันจึงออกไปซื้อวัตถุดิบจำเป็ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
แม้ฉันกับแม่มักจะไปตลาดสดตอนที่เป็เด็กอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าให้ไปที่ตลาดสดแล้วละก็ฉันจะแต่งตัวเล็กๆ ไปเดินในซูเปอร์มาร์เก็ตดีกว่า เพราะมันดูไม่โดดเด่นเท่าไหร่
ในเมื่อฉันเป็คนดังด้วยแล้ว ข่าวอาจแพร่สะพัดไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว ฉันเลยยังไม่กล้าพอที่จะไปเดินตลาดสด
อีกอย่างวันนี้เป็วันหยุด การแต่งตัวให้เหมือนนักเรียนออกไปซื้อของคงช่วยกลบตัวตนได้เหมาะ
หลังจากเลือกวัตถุดิบตามที่จดไว้ และตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดขาดเหลือ ฉันก็ใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายในการเตรียมส่วนผสมอาหารอย่างละเอียด
นี่เป็เวลานานมากเลยล่ะที่ฉันปล่อยให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองรู้ว่า ฉันทำอาหารเก่งแค่ไหน ฉันมีความสุขจนแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของโยตะ
ฉันเชื่อว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองที่แม้แต่แม่ยังชื่นชม จะต้องได้รับการยกย่องชูเกียรติจากเขาเป็แน่
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉันก็ยกภาชนะใส่อาหารและกระติกน้ำร้อน แล้วไปกดกริ่งประตูที่ห้องโยตะ
แน่นอนว่าเสื้อผ้าของฉันก็เลือกอย่างพิถีพิถันเช่นกัน เรียกได้ว่าเก็บทุกรายละเอียดจริงๆ
โยตะใช้เวลามาเปิดประตูนานกว่าที่คิด ฉันเริ่มรู้สึกกังวลแล้วว่าเขาลืมไปแล้วหรือเปล่า แต่ฉันที่จำได้ว่าเขาตอบกลับข้อความมาแล้ว จึงเชื่อว่าเขาจะไม่ผิดนัดแน่นอน
หลังจากรออยู่นาน โยตะที่สวมชุดอยู่บ้านแบบเรียบง่ายก็มาเปิดประตู
ผมของเขาดูยุ่งเหยิงและรุงรังกว่าตอนไปเรียนนิดหน่อย ตอหนวดที่คางของเขาก็มองเห็นได้ชัด แล้วการที่ฉันจ้องมองไปทุกส่วนของเขา ดูเหมือนจะเตือนฉันอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
“โยตะ นายเพิ่งตื่นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ฉันงีบหลับไปตอนบ่าย”
“ดีเลย ฉันกลัวว่านายจะหลับไม่ค่อยพอ”
"เพราะงั้นฉันถึงต้องใช้ประโยชน์จากวันหยุดนี้ เพื่อนอนหลับพักผ่อน"
“เอาอาหารไปวางบนโต๊ะเลยดีไหม?”
“อืม”
ฉันวางภาชนะใส่อาหารลงบนโต๊ะทีละอย่าง โดยที่เขาไม่ได้มาช่วยสักนิด แถมยังเดินไปหยิบเสื้อผ้า แล้วเดินตรงแหน็วไปที่ห้องน้ำด้วย
อยู่ๆ เสียงน้ำก็ดังมาจากข้างใน และตามมาด้วยเสียงมีดโกนหนวดไฟฟ้าที่ลอดออกมาจากประตูที่เปิดอยู่ ฉันจึงถามโยตะที่อยู่ในห้องน้ำไป
"ฉันใช้ถ้วยจานได้ทุกชิ้นเลยไหม?"
“แล้วแต่เธอ… ฉันขออาบน้ำก่อน”
เพราะเขากำลังจะอาบน้ำอยู่ เสียงจึงค่อนข้างอู้อี้
หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว ฉันจึงหยิบจานและช้อนส้อมที่ดูเหมือนไม่ได้ใช้มานานออกมา และไม่ต้องเป็ห่วง ฉันล้างมันก่อนจะวางลงบนโต๊ะแน่นอน
เมื่อฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยและพร้อมที่จะเริ่ม โยตะที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็จัดการตัวเอง และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
เขาดูกระฉับกระเฉงกว่าเดิม และใบหน้าก็สดชื่นขึ้นมาก แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากปกติคือ ผมอันยุ่งเหยิงที่ยังไม่ได้จัดทรงของเขา
แต่การได้เห็นเขาที่ค่อนข้างเป็กันเองกับฉันแบบนี้ ก็รู้สึกยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจ
“ฉันว่านายน่าจะล้างมือแล้วแหละ มาเริ่มมื้อเย็นกันเลยมั้ย?”
“อืม… ยังไงก็ได้”
ฉันแสดงท่าทีอวดอาหารบนโต๊ะที่ไม่ว่าจะเป็ ข้าวผัดผัก เกี๊ยวทอด หรือซุปมิโซะ ที่ล้วนเป็อาหารจานโปรดที่ทำเองได้ที่บ้าน
"... หอมจัง"
"ฮึ่ม… เดี๋ยวนายก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่กลิ่นเท่านั้น"
"ทานละนะ"
ฉันหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วประสานมือเข้าด้วยกัน ส่วนโยตะก็ทำเหมือนกัน
เสียงของเราแทบจะดังพร้อมกัน และไม่นานเราก็ลงมือ
"เดี๋ยวนะ"
"มีอะไรเหรอ?"
หลังจากที่โยตะซดซุปมิโซะ ตักผักใส่จาน แล้วตักข้าวเข้าปาก ปฏิกิริยาแรกที่ฉันได้รับนั้นไม่ใช่คำชม
เขากลับนั่งมองดูจานบนโต๊ะ ด้วยสีหน้างุนงงสับสนอย่างเห็นได้ชัดผ่านใบหน้าของเขา
"รสชาติดีกว่าที่คิดไว้มาก"
“เอ่อ... ฉันก็คิดว่ารสชาติไม่เลวนะ แต่ปฏิกิริยาของนายมันดูเว่อร์ไปหน่อยมั้ย?”
“รสชาติ… แตกต่างจากที่คิดไว้”
“ฮะๆ หนุ่มน้อยโยตะ ก็ฉันใช้กระเทียมที่เหลือจากเกี๊ยวทอดมาทำซุป หรือก็คือซุปมิโซะกระเทียมนั่นเเหละ”
โยตะที่ไม่ได้สนใจคำอธิบายของฉัน กลับไปจิบซุปร้อนๆ อีกครั้ง และส่งเสียงที่ดูเหมือนจะอร่อยมากๆ ออกมา
ขณะที่ฉันยังรู้สึกตื้นตันกับคำชมของเขา จู่ๆ ฉันก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา
“เดี๋ยวนะ...โยตะ ตอนแรกนายคิดว่ารสชาติมันจะแย่เหรอ?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย”
“แต่นายอาจจะคิดอย่างนั้น… ฉันเข้าใจละ”
แม้ว่านิสัยที่ไม่ดีของโยตะจะทำให้อารมณ์ของฉันขุ่นมัวไปชั่วขณะหนึ่ง แต่การได้เห็นเขากินด้วยความพึงพอใจ ก็ช่วยให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
ตอนแรกฉันกลัวว่าจะกินไม่หมด จึงขยับตะเกียบให้เร็วขึ้น เพื่อให้ตัวเองกินได้มากขึ้น
แต่เมื่อเห็นว่าโยตะกินเกี๊ยวและผักมากกว่าที่คาดไว้ ฉันก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มอันพึงพอใจบนหน้าไว้ได้
“เธอยิ้มได้น่ารังเกียจมาก”
“หืม จริงเหรอ? ไม่เป็ไรหรอก เพราะตอนนี้ฉันมีความสุขจริงๆ”
ฉันพอเข้าใจแล้วว่า ปฏิกิริยาจากใจจริงของโยตะนั้น ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าคำพูด
นี่มันดีกว่าที่คาดไว้เสียอีก นอกจากซุปมิโซะที่เตรียมไว้มากเกินไป โยตะก็กินทุกอย่างหมดจนไม่เหลือ
"อร่อยไหม?"
"..."
ฉันวางตะเกียบลงแล้วเอามือเท้าคาง คอยชื่นชมท่าทางที่อิ่มเอมของเขา
สำหรับคำถามของฉันที่ดูเหมือนจะเป็การประกาศชัยชนะ โยตะก็ก้มมองลงไปที่ชามเปล่าบนโต๊ะ และไม่ตอบฉัน
แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ได้ยินคำชมจากใจจริงของเขา
“อืม… รสชาติก็ไม่เลวนะ”
"อาหารเหล่านี้ดีต่อสุขภาพมากกว่าที่นายกินตามปกติมาก และรสชาติก็อร่อยด้วย จริงมั้ย?"
“เธออยากจะพูดอะไรอีก?”
“ถ้าฉันมีเวลาว่างสักวัน ฉันจะทำอย่างอื่นมากินด้วยกัน”
"ยังไงก็ได้"
“ฮิฮิ... งั้นขอยืมครัวนายล้างจานหน่อยนะ”
ฉันจัดภาชนะบนโต๊ะอาหารทีละชิ้น และนำพวกภาชนะที่นำติดตัวมาด้วยไปที่อ่างล้างจาน แต่โยตะกลับลุกขึ้นก่อน และคว้าทุกๆ อย่างบนโต๊ะอาหารทั้งหมดไปจากมือของฉัน
“ฉันล้างเอง”
เขานำพวกมันทั้งหมดไปวางลงในอ่างล้างจานอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากเขาเป็คนที่ค่อนข้างสูง จึงดูตลกเล็กน้อยในตอนที่เขากำลังล้างจานอยู่เงียบๆ
ฉันรู้ว่าคงไม่มีใครได้เห็นเขาในมุมมุมนี้ ฉันจึงถือโอกาสนี้ผุดรอยยิ้มอันสดใสออกมา
“ล้างจานเสร็จ ยังมีแอปเปิลสดๆ ให้กินอีกนะ”
“อืม”
“แอปเปิลน่ะช่วยให้สดชื่นด้วยนะ วันนี้นายไม่จำเป็ต้องดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเลย”
"ขอคิดดูก่อน"
ฉันรู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้แบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่มากกว่าแค่การมีความสัมพันธ์ลับๆ สิ่งเหล่านี้ฉันไม่เคยแบ่งปันให้กับใครสักคนเลย
ฉันต้องยอมรับว่านอกจากภายนอกที่ฉันชอบเกี่ยวกับเขาแล้ว เหมือนยังมีสิ่งน่ารักๆ ของเขาอีกเพียบที่รอให้ฉันค้นพบอยู่
สิ่งเหล่านี้เกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ในตอนที่อยู่ในลิฟต์วันนั้นอีก นี่มันไม่ใช่แค่การคลายความเหงาอีกแล้ว
เราทั้งคู่เข้าใจดีว่าวันนี้จะไม่สิ้นสุดแค่นี้ หลังจากเราทานผลไม้ และเก็บโต๊ะเสร็จ ฉันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แถมยังถามโยตะอีกว่า ฉันขออยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อดูทีวีได้ไหม
เดิมทีฉันคิดว่าตราบใดที่ฉันไม่ได้รับคำตอบที่ประชดประชันออกมาก็พอ เพราะมันไม่สำคัญว่าฉันจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังหรือไม่ แต่น่าแปลกที่โยตะเองก็มานั่งดูรายการทีวีตอนเย็นแสนน่าเบื่อกับฉัน
เรานั่งเคียงข้างกันบนโซฟาอยู่นาน และตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดแปลกๆ ราวกับเราทั้งคู่กำลังรอให้อีกฝ่ายร้องขอกิจกรรมต่อไป
อาจเป็เพราะอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใบหน้าของโยตะจึงแดงก่ำ และอุณหภูมิร่างกายของเขาที่ดูจะสูงกว่าปกติเล็กน้อย
หรือมื้อที่เราเพิ่งทานไปมีส่วนผสมหลายอย่างที่เป็ประโยชน์ต่อร่างกาย... จนฉันเองยังรู้สึกเลยว่าร่างกายอุ่นขึ้นไปด้วย
เหมือนโยตะจะสังเกตเห็นแล้วว่า ฉันกำลังแอบมองเขาอยู่ เขาจึงหันหน้ามาประสานตากับฉันจังๆ รูม่านตาลึกของเขานั้นกำลังตั้งคำถามกับฉัน
ใบหน้าของเขาค่อยๆ เข้ามาใกล้มากขึ้น และริมฝีปากของเขาก็เล็งมาที่ฉัน ฉันรู้แล้วล่ะว่าเขา้าสิ่งใด
การเปิดฉากเข้าสู่กิจกรรมหลักในวันแบบนี้คงไม่เสียหายอะไร… แต่ฉันกลับยื่นมือมากั้นระหว่างริมฝีปากของเราไว้
