“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณเสี่ยวเฮย อืม...ดูท่าหลังรวมร่างสัตว์อสูรแล้วพลังิญญาก็จะเพิ่มขึ้นตามระดับขั้นพลังปราณรบไม่น้อยทีเดียว เพิ่มขึ้นมาจนสามารถต้านทานภาพลวงตาของที่นี่ได้ เสี่ยวเฉยออกมาเถอะครั้งนี้ดีที่ได้เ้าช่วยเอาไว้!” เย่ชิงหานนึกถึงเสี่ยวเฮยที่เป็ผู้ช่วยชั้นดีในยามคับขันทำให้ตนเองผ่านด่านภาพลวงไปมาได้จึงได้รีบเรียกมันออกมา
หน้าอกปรากฏเงาสีดำออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างของเสี่ยวเฮยเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นมา จากนั้นสายตาที่ทั้งเป็ห่วงและตำหนิจากดวงตาน้อยๆ ของเสี่ยวเฮยมองมาที่เขาพร้อมกับส่งกระแสเสียงมา “ลูกพี่ ข้าบอกไปั้แ่แรกแล้วว่าเมื่อภาพลวงตาโจมตีเข้ามาให้เรียกใช้การรวมร่างสัตว์อสูร เมื่อสักครู่อันตรายจนเกินไปข้าเป็ห่วงแทบแย่!”
เสี่ยวเฮยเป็สัตว์อสูรของเขา ถ้าหากเย่ชิงหานไม่เรียกมันออกมาจากมิติสัตว์อสูรมันก็ไม่สามารถออกมาได้ เมื่อสักครู่สถานการณ์อันตรายเป็อย่างมาก มันก็ไม่กล้าที่จะส่งกระแสเสียงมารบกวนสมาธิของเขา เพราะนั่นอาจจะทำให้ผลลัพธ์ยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม
“เหอะๆ ข้าขอโทษด้วยเสี่ยวเฮย!” เย่ชิงหานลูบหัวของมันเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างรู้สึกเสียใจ “เมื่อก่อนข้ายังไม่แน่ใจ ข้าคิดว่าหลังจากที่พวกเรารวมร่างกันแล้วภาพลวงตาจะแยกการโจมตีออกเป็เฉพาะส่วนของใครของมันระหว่างข้าและเ้า แต่ไม่คิดว่าพลังิญญาของพวกเราจะรวมเข้าด้วยกัน ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไปก็ดีเลยหากมีการโจมตีจากภาพลวงตามาอีกพวกเราก็ใช้การรวมร่างรับมือกับมัน ต่อไปการจะผ่านด่านแรกดินแดนแห่งภาพลวงตาก็ง่ายดายมากขึ้น”
เย่ชิงหานนึกมาตลอดว่าถ้าหากเรียกเสี่ยวเฮยออกมาละก็ ภาพลวงตาที่โจมตีเข้ามาก็จะโจมตีใส่เสี่ยวเฮยด้วย เสี่ยวเฮยยังเล็กผ่านเื่ราวต่างๆ มายังไม่มากจึงไม่รู้ว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีที่แปลกประหลาดของภาพลวงตาได้หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเรียกมันออกมา
แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว หลังจากรวมร่างสัตว์อสูรพลังิญญาของเขาและเสี่ยวเฮยจะรวมกันเป็หนึ่งเดียว ถือเป็เื่น่ายินดีที่คาดไม่ถึง นับตามระดับพลังฝีมือหลังจากรวมร่างสัตว์อสูรแล้วจะบรรลุไปถึงระดับขั้นที่สามขอบเขตจ้าวนักรบ ถ้าหากระดับขั้นพลังิญญาเทียบเท่าระดับขั้นพลังปราณรบละก็ ก็เท่ากับว่าหลังจากรวมร่างสัตว์อสูรระดับขั้นพลังิญญาจะอยู่ที่ระดับขั้นที่สามขอบเขตจ้าวนักรบเช่นเดียวกัน เช่นนี้อัตราความสำเร็จในการทะลวงผ่านด่านดินแดนแห่งภาพลวงตาที่เหลืออีกหกด่านก็จะง่ายดายมากยิ่งขึ้น การทะลวงผ่านด่านแรกดินแดนแห่งภาพลวงตาก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป...
“อืมๆ รีบๆ ทะลวงผ่านด่านแรกไปให้ได้ ที่นี่แปลกประหลาดจนเกินไปข้าเองก็ไม่อยากอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว...” เสี่ยวเฮยกลอกกลิ้งดวงตามันขลับแวววาวของมันไปมา มองดูม่านหมอกสีขาวที่อยู่โดยรอบทิ้งสี่ทิศด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น
“ตกลง รอให้ข้าฝึกอีกสองเดือนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบ จากนั้นใช้ร่างสัตว์อสูรคาดว่าระดับพลังิญญาก็คงจะบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเช่นเดียวกัน พวกเราค่อยมาทะลวงผ่านด่านแรกไปด้วยกัน...”
เย่ชิงหานพยักหน้าดวงตาทอประกายแสงไฟร้อนแรงขึ้น หากนับเวลามาอยู่ภายในที่แห่งนี้ก็ครึ่งปีแล้ว ภายในใจรีบร้อนอยากที่จะออกไปจากที่บ้าๆ แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเช่นเดียวกัน รีบกลับไปยังูเาด้านหลังตระกูลไปดูว่าน้องสาวที่อ่อนแอและบอบบางคนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้วหรือยัง? หรือว่าตอนนี้นางอาจจะฟื้นขึ้นมาแล้วและกำลังยืนรอคอยอยู่อย่างเหม่อลอยทีู่เาด้านหลังตระกูลพร้อมกับคาดหวังการกลับมาของเขาอยู่ตลอดก็เป็ได้...
.................................
ูเาด้านหลังตระกูลเย่ เมืองชาง
ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดหวีดหวิวผ่านมายังูเา พัดจนใบหญ้าเขียวขจีที่อยู่บนยอดเขาลู่เอนไปมาตามแรงลม พัดจนผิวน้ำของทะเลสาบเล็กๆ กลางหุบเขากระเพื่อมเกิดระลอกคลื่นน้ำขึ้นมา พัดจนเสื้อผ้าและกระโปรงของหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างทะเลสาบปลิวสะบัดลอยไปตามแรงลม
หญิงสาวนางหนึ่งใบหน้าสวยใสรูปร่างเย้ายวนอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวกระโปรงสีแดง อีกนางหนึ่งหน้าตาอ่อนโยนอากัปกิริยาอ่อนหวานน่าเอ็นดูอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาว แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดกลับเป็ผมสีขาวที่ราวกับสีของหิมะซึ่งขาวยิ่งกว่าชุดที่นางสวมใส่อยู่มากหลายส่วน
ทั้งสองคนก็คือเย่ชิงอู่และเย่ชิงอวี่ เย่ชิงอู่ยังคงชอบใส่ชุดสีแดงทั้งตัว แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือั้แ่กลับมาถึงตระกูลนางใส่แค่ชุดเสื้อคลุมยาวที่เป็กระโปรงเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดหนังแนบเนื้อเหมือนเดิมอีกทำให้ดูมีลักษณะของกุลสตรีขึ้นมาอีกไม่น้อย ส่วนเย่ชิงอวี่หลังจากผ่านการพักฟื้นบำรุงร่างกายเป็เวลาครึ่งเดือน ร่างกายฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วันก็สามารถลุกเดินลงมาจากเตียงได้ เย่ชิงอู่ทนต่อการรบเร้าของนางไม่ไหวจึงได้พานางออกมาเดินเล่นในบริเวณละแวกใกล้เคียง
“พี่สาวอู่ ท่านว่าพี่ชายของข้าเมื่อไหร่ถึงจะกลับมาจากการฝึกฝนในป่าม่านหมอก?” เย่ชิงอวี่ยืนอยู่ข้างทะเลสาบสองตาเหม่อมองออกไปยังที่ห่างไกล ภายในดวงตาปรากฏแววของความคะนึงหาวาบผ่านขึ้นมา
“เื่นี้...บอกแน่นอนไม่ได้ อาจจะปลายปีนี้หรืออาจจะปีหน้า เพราะเป็การออกไปฝึกฝน!” เย่ชิงอู่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความอับจนปัญญา เพื่อที่จะปิดบังเื่ที่เย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพ ตอนนี้เย่เทียนหลงออกคำสั่งให้ทุกคนปิดปากให้สนิทพร้อมทั้งพูดจานัดแนะกันให้ดีๆ ว่า ตอนนี้เย่ชิงหานออกไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่บริเวณพื้นที่รอบนอกของป่าม่านหมอกภายใต้การนำของผู้าุโของตระกูล
ป่าม่านหมอกแม้จะเป็หนึ่งในสถานที่อันตรายของทวีปัเพลิง เล่าลือกันว่าบริเวณใจกลางของป่ามีมารอสูรที่แข็งแกร่งเป็จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายตัว อีกทั้งยังได้ยินมาว่าาาของป่าม่านหมอกอสูรศักดิ์สิทธิ์ัเขียวขาข้างหนึ่งของมันเหยียบเข้าไปสู่ระดับเทพอสูรซึ่งเป็ระดับที่สามารถกลายร่างเป็มนุษย์ได้ แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพมันก็สามารถต่อสู้ประมือด้วยได้
แต่เขตพื้นที่รอบนอกป่าม่านหมอกไม่ค่อยมีอันตรายเท่าไร มีเพียงมารอสูรระดับต่ำอยู่เต็มไปหมดเท่านั้น เป็สถานที่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ของเขตปกครองเทพาชอบใช้เป็ที่ฝึกฝนหาประสบการณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ระดับพลังฝีมือของเย่ชิงหานในตอนนี้ไม่ต่ำเหมือนเมื่อก่อนแถมยังมีผู้าุโของตระกูลเป็ผู้นำพาไป เย่ชิงอวี่จึงไม่รู้สึกเป็ห่วงเื่ความปลอดภัยของเขามากนัก
เพียงแต่...นางหลับใหลมาปีกว่าๆ และเพิ่งจะตื่นขึ้นมาแน่นอนว่าอยากที่จะเจอพี่ชายซึ่งเป็ญาติสนิทเพียงคนเดียวที่มีอยู่ ได้ยินเย่ชิงอู่พูดว่าเย่ชิงหานกว่าจะกลับมาก็คงประมาณตอนปลายปีหรืออาจจะปีหน้า ยิ่งทำให้ภายในใจของนางนั้นรู้สึกน้อยใจและอ้างว้างเป็อย่างมาก
“อืม! แล้ว...เยว่ชิงเฉิงสวยไหม?” เย่ชิงอวี่ขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นหันหน้าไปเอ่ยปากถามอีกหนึ่งคำถาม หลายวันมานี้เย่ชิงอู่เล่าเื่ราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเย่ชิงหานให้นางฟัง นอกจากเื่ที่เย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพที่ถูกเปลี่ยนเป็ไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ป่าม่านหมอกแล้ว เื่อื่นๆ ทั้งหมดนางล้วนเล่าออกมาให้เย่ชิงอวี่ฟัง แน่นอนว่ายังมีเื่ในคืนดื่มเหล้าฉลองจนเมาตอนที่อยู่สวนที่พักภายในนครแห่งเทพที่นางไม่ได้เล่าออกมา รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเย่ชิงหานด้วย
“คิกๆ! ยายเด็กน้อย เ้าเริ่มหึงแล้วใช่ไหม? วางใจได้ข้ารู้จักพี่ชายของเ้าดี ต่อให้...สาวงามทั่วทั้งแผ่นดินแต่งเป็เมียเขา แต่ภายในใจของเขาก็ยังคงเป็เ้าน้องสาวคนนี้ที่เขาชอบที่สุด!” เย่ชิงอู่ยิ้มพรายออกมา นางรู้ดีว่าภายในใจของเย่ชิงหาน เย่ชิงอวี่นั้นมีความสำคัญมากมายเพียงใด และเข้าใจความรู้สึกที่เย่ชิงอวี่มีต่อเย่ชิงหาน นางนับถือในตัวเย่ชิงอวี่ที่เพื่อเย่ชิงหานแล้วยอมสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตนเองโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตอนนี้ได้ยินเย่ชิงอวี่ถามถึงเื่ของเยว่ชิงเฉิงนางจึงพูดหยอกล้อขึ้น “อืมมม...สำหรับเยว่ชิงเฉิงจะอธิบายอย่างไรดี? เป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเยว่ แน่นอนว่าเป็ยอดสาวงามระดับแผ่นดิน นิสัย พร์ พลังฝีมือล้วนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ข้าเชื่อว่าต่อไปพวกเ้าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดองและมีความสุข เพราะพวกเ้าทั้งสองคนมีนิสัยหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน อาทิเช่น จิตใจดีงาม นิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน!”
“พี่ชิงอู่อย่าพูดมั่วข้าไม่ได้หึงสักหน่อย!” เย่ชิงอวี่ถูกเย่ชิงอู่พูดหยอกล้อใบหน้าเริ่มปรากฏแววของความเขินอายขึ้น แก้มสองข้างแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยสายตามองหลบฉากไปแวบหนึ่ง ทันใดนั้นนางเบิกตากว้างขึ้นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วมองจ้องไปยังเย่ชิงอู่ “ความจริงแล้วพี่สาวชิงอู่ก็เป็คนดี จิตใจดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงดงามถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าพี่ชายก็คงชอบท่านมากเหมือนกันแน่ๆ เลย...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้