เหมยกงกงออกไปแล้ว จวินจิ่วเฉินที่รับบทเป็ “ตัวร้าย” ก็ยังคงต้องทำให้ถึงที่สุด เนื่องด้วยถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้เมื่อกูเฟยเยี่ยนเข้าไปในพระราชวังแล้วก็จะไม่สามารถอธิบายได้
เขาไม่เพียงแค่ส่งกู้อวิ๋นหย่วนออกจากจวนตระกูลเฉิง แต่ยังส่งออกจากเมืองจิ้นหยางด้วยตนเองอีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนตามมาตลอดทางโดยไม่พูดจาใดๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องอำลากันจริงๆ นางจึงเกิดความอาลัยอาวรณ์
กู้อวิ๋นหย่วนโค้งคำนับด้วยความถ่อมตน “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยขอลาไปก่อน”
จวินจิ่วเฉินคารวะตอบในทันที “หวังว่าจะได้พบกันในโอกาสหน้า”
กู้อวิ๋นหย่วนจึงรีบเอ่ยออกมา “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยคือแพทย์ การได้พบกันอีกครั้งถือว่าไม่ใช่เื่ดี เอาเป็ว่าหลังจากนี้หวังว่าจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว”
จวินจิ่วเฉินสงบนิ่งมาก “ชีวิตของคนเรามีการเกิดแก่เจ็บตายเป็เื่ธรรมดา เปิ่นหวางไม่เคยเลี่ยงการใช้คำเช่นนี้มาก่อน”
ดูเหมือนว่ากู้อวิ๋นหย่วนค่อนข้างจะเห็นด้วย เขายิ้มแย้มแล้วมองไปยังกูเฟยเยี่ยน
ทั้งๆ ที่กูเฟยเยี่ยนทราบว่าเขาไม่ใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเขาแล้วก็อดเกิดความเศร้าไม่ได้ นางรู้สึกเหมือนกับว่าต้องแยกจากท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอีกครา
แม้ว่าภายในใจจะมีความอาลัยอาวรณ์ แต่กูเฟยเยี่ยนก็ไม่กล้าพรั่งพรูความรู้สึกออกมามากนัก นางโน้มกายอย่างจริงจังพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เลี่ยงใช้คำเช่นเดียวกันกับเตี้ยนเซี่ย! แพทย์กู้ หวังว่าจะได้พบกันในโอกาสหน้า! ”
กู้อวิ๋นหย่วนมองไปที่นางพลางมองจวินจิ่วเฉินอีกครั้งด้วยรอยยิ้มจำใจ “เช่นนั้นก็…หวังว่าจะได้พบกันในโอกาสหน้า หวังว่าจะได้พบกันในโอกาสหน้า! ”
หลังจากที่กล่าวอำลาเรียบร้อยกู้อวิ๋นหย่วนจึงก้าวขึ้นไปบนม้าแล้วจากไป
กูเฟยเยี่ยนมองแผ่นหลังของกู้อวิ๋นหย่วนด้วยแววตาที่พรั่งพรูถึงความอาลัยอาวรณ์ จวินจิ่วเฉินก็มองไปที่เขาราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเื่อะไรอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของกูเฟยเยี่ยน
จนกระทั่งแผ่นหลังของกู้อวิ๋นหย่วนจางหายไปในระยะไกล จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยออกมา “แพทย์หญิงกู เ้ากลับไปก่อน การเดินทางในครั้งนี้นับได้ว่าเปิ่นหวางได้รับคำสั่งให้คุ้มกันเ้า ดังนั้นเปิ่นหวางจึงต้องเข้าไปรายงานการปฏิบัติภารกิจในพระราชวังเสียก่อน”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงครู่หนึ่งพลันเข้าใจความหมายของเขาทันที!
การที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยส่งแพทย์กู้ออกไปแล้วเสด็จไปยังพระราชวังนั้นเห็นได้ชัดว่าร่วมมือแสดงละครกับนางโดยการไปเป็กองหน้าให้นาง
นางรีบโน้มกายขอบคุณ “ขอบพระคุณเตี้ยนเซี่ย! นู๋ปี้เข้าใจ นู๋ปี้…”
หญิงสาวยังพูดไม่จบจวินจิ่วเฉินก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกโกรธเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองพูดมากเกินไป ทว่าภายในใจยังคงมีความปีติ ยิ่งมองแผ่นหลังของจวินจิ่วเฉินมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกว่างดงามไร้ที่ติและมีความเคารพนับถือชื่นชอบเพิ่มพูนขึ้นมา
ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้จะมีจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไปเป็กองหน้าแต่นางก็อยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน
ครั้นจวินจิ่วเฉินก้าวเท้าเข้ามาในพระราชวัง กูเฟยเยี่ยนก็ไล่ตามหลังมา จวินจิ่วเฉินไปที่ห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าเทียนอู่ฮ่องเต้ กูเฟยเยี่ยนไปหาเหมยกงกง
ครั้นเหมยกงกงเห็นกูเฟยเยี่ยนก็พูดน้ำเสียงกราดเกรี้ยวทันที “นังหนู เกิดเหตุใดขึ้นกันแน่? เ้าเตรียมรอให้ฝ่าาตัดสินโทษได้เลยนะ! ”
กูเฟยเยี่ยนร้องเรียกปรักปรำ “เหมยกงกง นู๋ปี้นัดแนะกับแพทย์กู้ไว้ตั้งนานแล้ว ทว่าเขาเปลี่ยนใจกะทันหัน นู๋ปี้ไม่มีวิธีจริงๆ นู๋ปี้คุกเข่าต่อหน้าแพทย์กู้ภายในห้องของท่านแม่ทัพแล้ว! ในตอนที่อยู่หน้าประตูท่านก็ได้ยินว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเชิญเขาแต่เขาก็ยังไม่ให้เกียรติไปรับประทานอาหารสักมื้อ นู๋ปี้ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ ”
เหมยกงกงพิจารณานางด้วยความสงสัยราวกับไม่เชื่อ
กูเฟยเยี่ยนจึงเอ่ยต่อ “เหมยกงกง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงยืนกรานที่จะไปส่งเขาตรงหน้าประตูเมือง นู๋ปี้ที่เป็เพียงคนรับใช้จะไปขัดขวางได้อย่างไร อีกอย่างคือถ้านู๋ปี้ขัดขวางขึ้นมาเตี้ยนเซี่ยย่อมเกิดความคลางแคลงใจ! ในตอนนี้แพทย์กู้น่าจะยังไปได้ไม่ไกลนัก หรือว่าท่านจะไปสอบถามด้วยตนเองสักครั้งดี? ”
เหมยกงกงจ้องมองด้วยความไม่พอใจแต่ก็รีบไล่ตามไปอย่างไม่รอช้า
แน่นอนว่าเขาทราบดี แม้แต่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยังยื้อแพทย์กู้เอาไว้ไม่ได้ ตัวเขาเองย่อมไม่สามารถยื้อได้ ทว่ากูเฟยเยี่ยนพูดมาขนาดนี้แล้ว หากเขาไม่ไป ครั้นฝ่าากล่าวโทษขึ้นมาเขาก็ต้องรับโทษพร้อมกับกูเฟยเยี่ยนเช่นกัน
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ออกไปแต่คอยอยู่ในภายในพระราชวัง การรอคอยในครั้งนี้ยาวนานจนถึง่เวลาพลบค่ำ
เหมยกงกงหน้าหงอยคอตกกลับมา นางจึงรีบเอ่ยถาม “เป็อย่างไรบ้าง ไล่ตามทันหรือไม่? ”
เห็นได้ชัดว่าเหมยกงกงไม่ได้สงสัยนางเฉกเช่นตอนแรกแล้ว เขาเอ่ยด้วยความจำใจ “แพทย์กู้ท่านนี้ดูอ่อนโยนสง่างามแต่เหตุใดถึงรับมือได้ยากเพียงนี้ ข้าพเ้าตามเขาไปตลอดทาง พูดจนปากแห้ง ขาดเพียงแค่คุกเข่าต่อหน้าเขาแล้ว แต่เขาไม่แม้แต่จะสนใจพูดกับข้าพเ้าเลย ข้าพเ้าก็ไม่มีวิธีแล้วเช่นกัน! ”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจมาก นางคิดไม่ถึงว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะเดินทางเชื่องช้าจนถูกไล่ตามได้ทัน ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะให้ความร่วมมือในการไม่พูดจากัยเหมยกงกงแม้แต่ประโยคเดียวจริงๆ
มิน่าล่ะ!
มิน่าล่ะเหมยกงกงถึงได้ไม่สงสัยนางอีก
คำพูดของเหมยกงกงที่กล่าวต่อหน้าเทียนอู่ฮ่องเต้ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าใครๆ ตราบใดที่เหมยกงกงไม่สงสัยนาง นางก็จะเผชิญหน้ากับเทียนอู่ฮ่องเต้ได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น
นับได้ว่างานนี้กู้อวิ๋นหย่วนช่วยเหลือจนถึงที่สุดจริงๆ ! นอกจากกูเฟยเยี่ยนจะประหลาดใจและดีใจแล้ว ภายในใจยังมีความซาบซึ้งอีกด้วย นี่ถือได้ว่าเป็วาสนาจากท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวหรือไม่นะ?
ต่อหน้าเหมยกงกงกูเฟยเยี่ยนไม่มีเวลาคิดมากนัก นางถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เฮ้ออ จะต้องอธิบายกับฝ่าาอย่างไรดี? เหมยกงกง ท่านพานู๋ปี้ไปพบฝ่าาเถอะ”
ทว่าเหมยกงกงกล่าวว่า “ฝ่าาทรงเล่นหมากรุกกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอยู่ ข้าพเ้าจะเข้าไปดูก่อน ฮึ่ม แม้ว่าเื่นี้จะไม่ใช่ความผิดของเ้าแต่เ้าก็มีความผิด เ้ารอที่นี่เสียก่อนเถอะ! ”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง นางไม่นึกเลยว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะมาเล่นหมากรุกกับเทียนอู่ฮ่องเต้ นางคิดว่าเขาจะมารายงานการปฏิบัติภารกิจแล้วก็กลับไป
ในเวลานี้เทียนอู่ฮ่องเต้กำลังกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผา การเล่นหมากรุกทำให้สูญสิ้นความอดทนและจิตใจ สำหรับเขาแล้วมันคือการทรมานอย่างแท้จริง!
เมื่อนึกย้อนไปถึงใบหน้าเอาจริงเอาจังโอหังและถือดีของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยพลางจินตนาการถึงท่าทางอดทนอดกลั้นของเทียนอู่ฮ่องเต้ กูเฟยเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ด้วยเหตุนี้กู้อวิ๋นหย่วนจึงแบกรับความรับผิดชอบไว้ทั้งหมด จวินจิ่วเฉินไปเป็กองหน้า ส่งผลให้คลายวิกฤตอันตรายของกูเฟยเยี่ยนลงได้อย่างง่ายดาย กูเฟยเยี่ยนที่ควรจะเครียดในตอนแรกกลับเกิดความปีติยินดี นางพบว่าที่จริงแล้วตนเองก็ไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้นเพราะในดินแดนแห่งนี้ตนเองมีสหายและได้ผูกมิตรกับผู้ที่มีฐานะสูงส่ง
่เวลาพลบค่ำ เหมยกงกงมาพากูเฟยเยี่ยนไปเข้าเฝ้าเทียนอู่ฮ่องเต้
จิ้งหวางรายงานการปฏิบัติภารกิจโดยกล่าวว่าตัวเขาคือผู้ที่ส่งแพทย์กู้ออกจากเมืองด้วยตนเอง และเหมยกงกงก็อธิบายเื่ราวอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้เทียนอู่ฮ่องเต้ฟังแล้วหนึ่งรอบ เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ได้ซักถามกูเฟยเยี่ยนอีก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เกิดความสงสัยในตัวนาง
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนเข้าไปในห้อง เทียนอู่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้บันดาลโทสะอีก เขาเพียงแค่จ้องมองนางด้วยใบหน้าจริงจังหม่นหมองและไม่พอใจ
กูเฟยเยี่ยนไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น นางคุกเข่าลงในทันที “ฝ่าาโปรดลดโทษให้นู๋ปี้นะเพคะ! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้กำหมัดเอ่ยถาม “เ้ายังมีวิธีการเชิญแพทย์กู้มาอีกหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง “ฝ่าาเพคะ นู๋ปี้จะไปมีความสามารถได้อย่างไร? ในครั้งนี้ก็พึ่งบุญวาสนาของหัวหน้าาุโแห่งหุบเขาเสินหนงถึงจะเชิญคนมาได้ หากว่าจะเชิญอีกครั้งเกรงว่าหัวหน้าาุโอาจจะไม่ยินยอมเพราะเื่นี้ไม่ใช่เื่เล็ก อีกอย่างคือถ้าหากหัวหน้าาุโเอ่ยถามขึ้นมานู๋ปี้ก็ไม่สามารถอธิบายอาการของฝ่าาได้”
เทียนอู่ฮ่องเต้เสียดายอย่างถึงที่สุด หมัดที่กำเอาไว้ทุบลงไปบนโต๊ะอย่างต่อเนื่อง ทางด้านของเหมยกงกงนั้นก้มศีรษะรออยู่ด้านข้างโดยไม่กล้าพูดอะไร ไม่ใช่ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ระบายอารมณ์ออกมา แต่เป็เพราะระบายออกมาแล้ว และความโกรธทั้งหมดล้วนตกอยู่ที่เหมยกงกง
เมื่อเห็นว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่พูดอะไรออกมา กูเฟยเยี่ยนจึงคุกเข่าพักผ่อนโดยไม่เริ่มพูดก่อน
อันที่จริงแล้วนางไม่เกรงกลัวว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะลงโทษนาง แต่เกรงกลัวว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะสงสัยนาง ตราบใดที่เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่สงสัยนาง นางก็จะปลอดภัย
ต้องทราบเอาไว้ว่านางเป็คนรับใช้ของจิ้งหวางฝู่ หาใช่คนรับใช้ของพระราชวัง! เื่ราวที่ปกปิดเป็ความลับเช่นนี้เทียนอู่ฮ่องเต้จะลงโทษนางได้อย่างไร? อีกอย่างคือเทียนอู่ฮ่องเต้ยังต้องอาศัยยาต่ออายุขัยจากนาง!
เทียนอู่ฮ่องเต้อัดอั้นตันใจอย่างแท้จริง เขาทุบมือลงบนโต๊ะด้วยแรงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…