ผู้าุโของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสายหมอกกำลังตามล่าเงานั้นสุดความสามารถ แต่ก็ต้องหยุดการตามล่าเมื่อเห็นว่าเงาดำได้หลบหนีเข้าไปในป่ามืด ป่านี้ที่เต็มไปด้วยปีศาจและสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมาย พวกเขาไม่กล้าตามเข้าไป เนื่องจากมีการลงนามในสัญญาที่จะไม่รุกล้ำเข้าไปในป่านี้ ป่ามืดนั้นมีพลังมากกว่า 8 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมกันเสียอีก พวกเขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจและกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันทีและรายงานให้ทุกคนทราบ
ในป่ามืด เงาดำได้เคลื่อนตัวไปที่บริเวณต้นไม้ใหญ่และที่นั่นมีชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ ถ้าเจียงหยุน อยู่ที่นี้เขาจะจำชายคนนี้ได้แน่นอนเพนาะคนนั้นคือผู้ฝึกฝนปีศาจที่โจมตี เจียงหยุน ที่อดนใต้นั้นเอง ผู้ฝึกฝนปีศาจคนนี้ถามขึ้น
“ได้ของมาหรือไม่?”
เงาดำตอบเสียงสั่น “แน่นอน ราคาก็ตามที่ตกลงกันไว้ และค่ารักษาเ้าต้องเป็คนจ่ายด้วย”
ผู้ฝึกฝนปีศาจพยักหน้า “อืม ได้” ทั้งสองแลกเปลี่ยนสิ่งของและแยกย้ายกันทันที
ที่เมืองหมื่นบุษบาในทวีปเหนือ ในห้องซ่องสุดหรู ชายผมดำใส่ชุดสีดำตัดทองนั่งมองดูสาวๆ เต้นรำอย่างไม่สนใจใคร คนนี้ คือ เย่เฉินนั่นเอง ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนปีศาจเดินเข้ามา เย่เฉินถามขึ้นทันที “ได้คืนมาหรือไม่?”
เย่เฉินใช้สมบัตินักบุญและยาระดับสูงที่เขาต้องจ่ายมหาศาลเพื่อจ้างหอแห่งความมืดมิดในทวีปกลางในการทำภารกิจครั้งนี้ มันคือความเ็ปที่เขาต้องยอมรับ แต่เขารู้ดีว่ามันคุ้มค่า เพื่อที่จะสร้างความเ็ปให้กับเจียงหยุนและขโมยแหวนกลับมา เขาได้ทำสัญญาหอแห่งความมืดมิดในทวีปกลาง แค่เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้
ผู้ฝึกฝนปีศาจตอบ “แน่นอนครับ” และส่งแหวนให้กับเย่เฉิน เย่เฉินก็ดีใจมากและสั่งให้เขาออกไปก่อนจากนั้น เย่เฉินถามด้วยความห่วงใย “ท่านอาจารย์ ท่านเป็อย่างไรบ้าง?”
เสียงของหลง ซี่เฉ๋า ดังขึ้นในหัวของเย่เฉิน "ข้า้าพลังิญญา"
เย่เฉินไม่รีรอ เขารีบโยนหินิญญาระดับสูงสุดให้นางหลายก้อน เมื่อนาง ดูดซับพลังงานเสร็จ นางก็พูดด้วยความโกรธ “ข้าจะต้องสับไอ้เด็กเวรนั้นเป็ 1000 ชิ้นด้วยมือข้าเอง”
เย่เฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านอาจารย์?”
หลง ซี่เฉ๋า นางระงับความโกรธและตอบ " ไอ้เด็กเวรนั้นมันทำลายการฝึกฝนของข้า ตอนนี้เ้าอย่าพึ่งไปยั่วยุเจียงหยุน ตัวเขาแปลกประหลาด ทั้งเทคนิควิชา และการเพาะปลูก รวมถึงทักษะทางด้านรูปแบบมันทรงพลังเกินไปรอจนกว่าเ้าจะไปถึงระดับนักบุญก่อนค่อยจัดการมันในทีเดียว"
เย่เฉินพยักหน้า เขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน จากการต่อสู้ครั้งที่แล้วมันทำให้เขาต้องใช้สมองมากขึ้น เย่เฉินถามต่อ “แล้วเราควรทำอะไรต่อดีครับ ท่านอาจารย์?”
นางตอบ "ฝึกฝนเพิ่มระดับพลัง รอการแข่งขันแดนเหนือ ในอีก 6 เดือนต่อจากนี้"
เมื่อเย่เฉินได้ยินดังนั้น เขาก็คิด "ใช่แล้ว การแข่งขันแดนเหนือ มันคือโอกาสของเขาที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตนเองและลบล้างความอับอายก่อนหน้านี้ " และเขาก็หัวเราะออกมาเพราะเจียงหยุน ไม่ควรเข้าร่วมเนื่องจากถูกรอบโจมตีและได้รับาเ็ และเสียงจากนอกห้องก็ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง
" โอ้มาแล้วเหรอ "
ตัดกลับมาที่ยอดเขาพระบุตรระบบส่งเสียงแจ้งเตือนที่เจียงหยุน อย่างกะทันหัน:
[ขอแสดงความยินดีที่โฮสต์ได้ปราบปรามธิดาแห่งโชคชะตา หลงซี่เฉ๋าเสียค่าโชค 2,500,000 และโฮสต์ได้รับค่าวายร้าย 25,000,000 แต้ม หลงซี่เฉ๋า เหลือค่าโชค 1,000,000 แต้ม]
แต้มวายร้าย : 28,000,000 แต้ม
ระบบยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
[โฮสต์ท่านคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย รูปแบบปกปิด์ของท่านมันโกงเกินไปแล้ววมันสามารถดูดโชคออกมาได้ขนาดนี้ถ้ามันไปถึงระดับจักรพรรดิละก็ฮาฮาฮา และท่านได้ทิ้งอะไรบางอย่างไว้ในตัวนางงั้นเหรอโฮสต์แล้วจดหมายที่ส่งไปก่อนหน้านี้ส่งไปให้ใครงั้นเหรอ โฮทส์?]
เจียงหยุนเพียงยิ้มเล็กน้อยและตอบระบบว่า "ความลับ"
ระบบยังคงพยายามอ้อมโลกเพื่อจะค้นหาความจริงจากเจียงหยุน แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายมันก็ต้องยอมแพ้
เจียงหยุนรู้ั้แ่แรกแล้วว่ามีบุคคลระดับการเพาะปลูกนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แอบอยู่บนยอดเขานี้ เขาใช้รูปแบบที่จัดวางไว้เพื่อตรวจสอบเมื่อมีคนเข้ามาในระยะของรูปแบบ เขาจะทราบทันที จากนั้นเขาก็ปิดการรับรู้ของ หลงซี่เฉ๋า และสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อจัดฉากต่างๆ ในการคืนแหวนให้เย่เฉินโดยไม่ให้ใครน่าสงสัยว่ามันคือเป้าหมายหลักของเขาที่วางไว้
หลังจากที่คิดถึงแผนการในอนาคต เจียงหยุนยิ้มออกมาอย่างเ็า ระบบพูดขึ้น:
[ท่านดูเหมือนพวกโรคจิตเลย โปรดโฮสต์อย่าทำหน้าแบบนั้นอีก! โปรดเก็บหน้าหล่อๆ ของโฮทส์ไว้ดีกว่า]
เจียงหยุนหยุดนิ่งก่อนจะด่าระบบไปชุดใหญ่จนระบบขาดการเชื่อมต่อชั่วคราว
ขณะนั้นเองเขาได้รับการแจ้งเตือนว่ามีคนเข้ามาในยอดเขา เมื่อเขาตรวจสอบพบว่าเป็ศิษย์พี่และศิษย์น้องของเขาสองคน จางซินเย่ มู่ชูหยวน และตัวหมาเลียอีกสามตัว กวนเิเหยา หลี่หยูตง กู่ชิงเสวี่ย
เมื่อทั้งห้าคนเข้ามาและเรียกเจียงหยุน เขาก็บอกให้พวกนางเข้ามาได้
เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นเจียงหยุนนั่งอยู่คนเดียวอย่างสง่างามและเต็มไปด้วยอำนาจ มู่ชูหยวน ถามเขาทันที:
"ท่านได้รับาเ็อะไรรึเปล่า? "
เจียงหยุนตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย: " ไม่ ข้าไม่ไดัรับาเ็แต่อย่างใด "
มู่ชูหยวน ไม่สนความเ็าของเจียงหยุน ถามต่อ: " เกิดอะไรขึ้นที่นี้อย่างงั้นเหรอ ศิษย์พี่? "
เจียงหยุนตอบสั้นๆ : " เหตุการณ์เล็กน้อย มีคนพยายามลอบสังหารข้าถ้า เ้าอยากรู้รายละเอียดเ้าควรไปถามอาจารย์ดีกว่า หมดเื่ที่จะถามรึยัง?"
ก่อนที่มู่ชูหยวนจะพูดต่อ กวนเิเหยา หลี่หยูตง และกู่ชิงเสวี่ยก็ถามด้วยเสียงที่อ่อนโยน: "ท่านช่วยคืนแหวนให้น้องชายเย่เฉินได้ไหม? "
บรรยากาศกลับกลายเป็เงียบงันและน่าอึดอัดในทันที พวกนางทั้งสามคนเริ่มคิดว่าพูดอะไรผิดไปและกำลังจะกล่าวคำขอโทษ แต่กลับไม่สามารถขยับตัวหรือพูดอะไรได้ พวกนางทั้งสามถูกแช่แข็งทันทีโดยไม่ทันรู้ตัว
มู่ชูหยวนไม่ได้สนใจเื่นี้เลยแม้แต่น้อย นางคิดว่าพวกนางสมควรโดนแล้วและนางก็ไม่ได้สนิทกับศิษย์น้องของนางมากด้วย แต่จางซินเย่รู้สึกว่าเจียงหยุนทำเกินไปนางพยายามป้องกันแล้วแต่พลังของเขารวดเร็วมากจนเธอเองก็ไม่สามารถตามทัน แขนของนางก็ถูกแช่แข็งเหมือนกันเมื่อนางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงหยุนพูดขึ้นทันที:
"ถ้าท่านจะพูดอะไรเพื่อพวกเขาละก็.. จงเก็บคำเ่าั้ไว้ในใจ และ ก้าวออกจากยอดเขาแห่งนี้ไปซะ"
จางซินเย่กำลังจะตอบโต้อีกครั้ง แต่มองเห็นสายตาเ็าของเจียงหยุนที่พร้อมจะโจมตีนางเสมอ นางคิดหากนางพูดต่อ เขาจะโจมตีนางแน่นอน นางจึงทำได้เพียงพาน้องสาวทั้งสามออกไป เมื่อเธอกำลังจะจากไป นางพูดว่า:
"เ้าเปลี่ยนไปมาก จนข้าไม่แน่ใจว่านี่คือเ้าจริงหรือเปล่าศิษย์น้อง "
แล้วเธอก็จากไปพร้อมกับน้องสาวทั้งสาม มู่ชูหยวนไม่ได้ออกไปแต่กลับถามเขาว่า: "ศิษย์พี่จะเข้าร่วมการแข่งขันการแข่งขันแดนเหนือรึเปล่า?"
เจียงหยุนคิดในใจว่าการแข่งขันแดนเหนือคือการต่อสู้เพื่อทรัพยากรและสิทธิในการสำรวจอาณาจักรลับระดับจักรพรรดิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งศิษย์ไปเป็ตัวแทนต่อสู้ และนิกายหรือราชวงศ์ที่ผ่านการคัดเลือกก็จะเข้าร่วมในการแข่งขันนี้ด้วยการส่งศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดสถานที่ละ 100 คนเพื่อเป็ตัวแทนในการต่อสู้ และนิกาย หรือ ราชวงศ์ที่ทรงพลัง หรือ ครอบครัวผู้ฝึกฝน ที่ผ่านการคัดเลือกจากการต่อสู้แย่งโค้วต้ากันก็จะเข้ารวมในการแข่งขันแดนเหนือนี้ด้วยโดยจะมีศิษย์เข้ารวมประมาณ 1600 คนแล้วแบ่งเป็ 100 กลุ่มและกลุ่มละ 16 คน ต่อสู้กันโดยเหลือเอาคนที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มละ 8 คน และเข้าไปต่อสู้กันต่อให้เหลือ 32 คน และ 32 คนสุดท้ายนี้ ก็จะได้รับโค้วต้าในการสำรวจอาณาจักรลับ
เขาตอบว่า: " แน่นอน "
มู่ชูหยวนยิ้มแล้วพูดว่า" ครั้งนี้ท่านต้องพาข้าไปหากินอาหารอร่อยๆ นะ ข้าบังคับ "
มู่ชูหยวนยิ้มและทำความเคารพก่อนจากไป เจียงหยุนนิ่งไปเล็กน้อยแล้วยิ้มเล็กน้อยให้นาง เขาและนางในสมัยยังเด็กชอบแอบไปขโมยนกสายฟ้าที่ผู้าุโ 2 เลี้ยงเอาไว้มาย่างกินกันเสมอแต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วเขาลบความคิดเ่าั้ทันที แล้วกลับมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรดีกับต้นกำเนิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ัแสงดี
เขาคิดว่าให้โคลนธรรมดาไปดีกว่า เพราะเมื่อเขาไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิ เขาสามารถยกระดับทักษะโคลนสังสารวัฏได้และมันสามารถสร้างร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่ดีกว่านี้ได้
จากนั้นเขาเรียกร่างโคลนสังสารวัฏทั้งเก้าออกมาและสั่งให้พวกมันเดินทางไปยังทวีปต่างๆ โดยจับคู่ทวีปละสองคน ยกเว้นทวีปตะวันออกที่ให้โคลนไปแค่ตัวเดียวเนื่องจากเป็ดินแดนที่อ่อนแอ เป้าหมายหลักคือหาทรัพยากร หาผู้ใต้บังคับบัญชา หาคนที่โชคดี ปล้น แย่งชิงร่างกายพิเศษ ข่มขู่ สร้างอำนาจ และอื่นๆ ส่วนอีกร่างเขาซ่อนไว้ในโถงใต้ดินของโถงพระบุตรพร้อมสร้างรูปแบบปกปิดไว้
เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จ เขาก็เข้าสู่โลกใบเล็กเพื่อจัดการโคลนและจัดสรรสิ่งต่างๆ ด้วยการจัดการรูปแบบรวบรวมิญญา 100 เท่าและรูปแบบเร่งเวลา 1000 เท่า โดยตอนนี้เขามีโคลนร่างกายระดับดิน 9 ตัว การเพาะปลูกขั้นิญญาแรกเริ่มระดับ 3 และ ร่างกายระดับิญญา 1000 ตัว การเพาะปลูกขั้น พระราชวังสีม่วง ระดับ 3 เมื่อนึกขึ้นได้เขามีร่างศักดิ์สิทธิ์ัแสงอยู่ร่างหนึ่งแล้วก็สร้างโคลนมา 1 ตัวและใส่ต้นกำเนิดร่างกายเข้าไปทันทีและปล่อยให้มันฝึกตน
ตัดมาที่ห้องโถงประชุมห้องเต็มไปด้วยความดุเดือด ผู้าุโคนที่สอง กงซุนเล่ย แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายหมอก เสนอว่าควรประกาศาทันที คนอื่นๆ ต่างก็เห็นด้วย แต่ผู้าุโคนที่ห้า จางยู พูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยและให้เหตุผลว่าการแข่งขันแดนเหนือกำลังใกล้เข้ามาแล้วไม่ควรเริ่มาใดๆ ทั้งนั้น
กงซุนเล่ยะโสวน: " นี้มันไม่ได้แสดงให้เห็นเหรอว่าพวกเรากลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปีศาจโลหิตงั้นรึ? "
หลินชิงอี้ตอนแรกโกรธมากและพร้อมจะประกาศา แต่เมื่อรู้ว่าศิษย์ของนางปลอดภัย นางก็สงบลง ตอนแรกนางเห็นด้วยกับกงซุนเล่ย แต่เมื่อจางยูพูดขึ้น นางก็ตัดสินใจปรึกษากับพระเ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์และพูดขึ้นว่า: " เราปล่อยเื่นี้ไปก่อนแล้วค่อยไปแก้แค้นคืนตอนงานแข่งขันแดนเหนือ เพราะเจียงหยุนเองก็ไม่ได้รับาเ็ใดๆ เลย"
เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้น ต่างใเพราะรู้ว่าการโจมตีนั้นมาจากนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก่อนที่จะสงสัยมากกว่านี้ หลินชิงอี้ ก็อธิบายว่าที่โดนโจมตีคือร่างโคลนน้ำแข็งของเจียงหยุน จากนั้นผู้คนก็หายสงสัยและเห็นด้วยตามคำพูดนางเพราะว่าถ้าพวกเขาเริ่มาอีก 6 ดินแดนที่เหลือจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน
ท่านใดนั้นก็มีคนลุกขึ้นเขาไม่พอใจมากๆ และไม่สนใจพร้อมเดินออกไปในทันที คนนี้คือ กงซุน เล่ย. เมื่อทุกคนเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรรวมถึง หลินชิงอี้ หรือ พระเ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเข้าใจ กงซุน เล่ย เนื่องจากลูกชายสุดรักสุดห่วงเพียงคนเดียวของเขาตายจากน้ำมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีศาจโลหิต ใน 6 เดือนก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้