ูเาด้านหลังตระกูลเย่ เมืองชาง
เย่เทียนหลงสีหน้าซับซ้อนมองดูเด็กสาวรูปร่างอ่อนแอและบอบบางที่นอนอยู่บนเตียง ภายในใจรู้สึกสงสัยเป็อย่างมากหันไปมองเย่ชิงหนิวและเย่ไป๋หู่ที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยถามขึ้น “นี่ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้วทำไมนางยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก?”
หนึ่งปีก่อนเพื่อที่จะหาทางกู้คืนจิตใจของเย่ชิงหานกลับมาเขาจึงนำทรัพย์สมบัติครึ่งตระกูลเดินทางไปยังเกาะเร้นลับเพื่อขอแลกยาิญญาเทวะ เพียงแต่ว่าสิ่งที่แลกกลับมากลับไม่ใช่ยาิญญาเทวะแต่เป็ “ผลึกเทวะ” แทน
เขาไม่เคยเห็นยาิญญาเทวะมาก่อนและยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลึกเทวะอะไรนั่นอีกด้วย เนื่องจากต้องเก็บรักษาพลังที่อยู่ภายในตัวยาทั้งเขาและเย่ชิงหนิวจึงต่างไม่มีใครกล้าเปิดกล่องหยกที่ใช้บรรจุยาออกมาตรวจสอบดู ทำเพียงแค่ใช้พลังิญญาตรวจสอบดูและพบว่าภายในมีพลังิญญาที่บริสุทธิ์มหาศาลอัดแน่นอยู่เท่านั้น หลังจากที่เย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพ เขากลับมาถึงตระกูลเย่พบกับท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษและได้รับป้ายคำสั่งโลหิตเทพา จากนั้นจึงได้มอบกล่องหยกที่ได้รับมาจากเ้าเกาะแห่งเกาะเร้นลับให้เย่ไป๋หู่
เพียงแต่...ไม่คาดคิดว่าข้างในกล่องหยกจะไม่ใช่ยาิญญาเทวะแต่กลับเป็ “ผลึกเทวะ” แม้กระทั่งท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษที่ได้รับรู้ยังรู้สึกแปลกประหลาดใจ แต่เื่พวกนี้ยังไม่สำคัญ เื่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษบอกให้แต่งตั้งเย่ชิงอวี่เป็ว่าที่หัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไป และยังได้บอกอีกว่าหากไม่มีผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ภายในระยะเวลาไม่เกินสิบปีเย่ชิงอวี่จะกลายเป็เทพ?
ระดับขอบเขตเทพ์หมายถึงอะไร?
ตัวเขา เย่ชิงหนิว และเย่ไป๋หู่ต่างรู้เป็อย่างดี อีกทั้งตลอดยี่สิบปีมานี้ั้แ่ที่พวกเขาเริ่มเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ล้วนเสาะแสวงหาหนทางเพื่อเดินไปให้ถึงระดับขอบเขตนี้มาโดยตลอด ทุกวันคืนมุ่งหวังที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเทพ์ที่เป็ตำนานเล่าขานนี้ให้ได้ ระดับขอบเขตเทพ์เป็สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการมีอายุขัยอยู่อย่างยาวนานราวกับเป็ะ สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตา มีพลังอานุภาพที่สูงส่ง มีความสามารถพิเศษน่าอัศจรรย์มากมาย
ผู้ฝึกยุทธ์คนใดบ้างที่จะไม่อยากกลายเป็เทพ? ใครบ้างที่จะไม่อยากมีชีวิตที่ยืนยาวราวกับเป็ะ?
เพียงแต่ปากประตูทางเข้าของระดับขอบเขตเทพ์นั้นสูงจนเกินไป ประวัติศาสตร์นับหมื่นปีของทวีปัเพลิงผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายที่สามารถทะลวงผ่านด่านนั้นและก้าวข้ามออกไปได้มีกี่คน? ประวัติศาสตร์ของตระกูลเย่ ผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มีมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่มีกี่คนที่กลายเป็เทพได้? มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือเย่รั่วสุ่ย
หลงผี่ฟูพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งหรือไม่? แน่นอนว่าแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ดูได้จากที่อาศัยพลังฝีมือของตนเพียงคนเดียวใช้ท่าฝ่ามือสยบัจับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์สามคนที่กำลังทำการะเิตัวเองโยนไปมาได้ราวกับโยนของเล่น เพียงแต่...แม้ว่าขาข้างหนึ่งของเขาจะก้าวเข้าไปสู่ระดับขอบเขตเทพ์แล้วก็ตามแต่ก็ต้องมีโชคชะตาและวาสนาที่ยิ่งใหญ่ด้วย หากมีโชคชะตาวาสนาที่ดีเพียงวันเดียวก็กลายเป็เทพได้ หากโชคชะตาวาสนาไม่ดีชีวิตนี้ก็คงต้องแก่ตายอยู่ที่เมืองั
พวกเขาทั้งสามแข็งแกร่งหรือไม่? แน่นอนว่าภายในเขตปกครองเทพาไม่ต้องพูดถึง เพียงแต่...พวกเขาทั้งสามคนแม้แต่ปากธรณีประตูของระดับขอบเขตเทพ์หน้าตาเป็อย่างไรยังไม่รู้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้เลยว่าเวลาของชีวิตที่ยังเหลืออยู่จะมีโอกาสััได้ถึงปากธรณีประตูแห่งนั้นหรือไม่?
เนื่องจากว่าผู้ฝึกยุทธ์ั้แ่ระดับต่ำกว่าขอบเขตาาจักรพรรดิลงไปขอเพียงแค่อาศัยความมุมานะเพียรพยายามฝึกฝนบวกกับยาวิเศษ ผลไม้วิเศษต่างๆ ก็จะสามารถบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบได้ เพียงแต่...ั้แ่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิขึ้นไปไม่เพียงแต่ต้องฝึกฝนพลังปราณรบแต่ยังต้องศึกษาทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินอีกด้วย เย่เทียนหลงเริ่มศึกษาทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินตอนอายุสี่สิบปี จนถึงตอนนี้ศึกษาทำความเข้าใจมาเวลาหลายสิบปีแล้วแต่เพิ่งจะสามารถทำความเข้าใจไปได้เพียงสองสายเพียงเท่านั้นจากพลังลึกล้ำทั้งห้าสายที่อยู่ในพลังมหาปฐี อีกสามสายยังมองไม่เห็นแม้แต่ปากประตูที่จะเดินเข้าไป
แต่ตอนนี้ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ยกลับบอกว่าเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกที่มีคุณสมบัติร่างหยกิญญาที่เสียหายไปครึ่งหนึ่งคนนี้ เพียงแค่ดูดซับเอาผลึกเทวะเข้าไปเม็ดหนึ่งจากนั้นอีกสิบปีก็จะกลายเป็เทพ?
ระยะเวลาสิบปี ยังไม่ต้องพูดว่าระยะเวลาสิบปีจะสามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่? สมมติว่านางฝึกฝนจนบรรลุถึงได้ แต่ภายในระยะเวลาเพียงแค่สิบปีนางจะสามารถศึกษาทำความเข้าใจถึงความลึกล้ำมหัศจรรย์ของพลังทั้งห้าสายที่อยู่ภายในกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินแต่ละอย่างได้อย่างนั้นรึ? ต้องเข้าใจว่าความลึกล้ำมหัศจรรย์ของพลังมหาปฐีชนิดแรกเย่เทียนหลงใช้เวลาในการศึกษาทำความเข้าใจถึงยี่สิบปีจึงสามารถเลื่อนขึ้นมาอยู่ในระดับทักษะขั้นสูงได้
ดังนั้น สิ่งที่ได้ฟังจึงเป็เื่ที่น่าขบคิดเป็อย่างมาก เป็เื่ที่น่าพินิจพิเคราะห์และเป็เื่ที่น่าชวนให้สงสัย เพียงแต่พวกเขาทั้งสามกลับไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย หรืออาจจะพูดว่าพวกเขาทั้งสามกำลังบีบบังคับตนเองให้เชื่อในความจริงนี้
เพราะว่า...มันเป็คำที่เย่รั่วสุ่ยพูดออกมา คำของคนที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเทพ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน เขามีคุณสมบัติพูดคำเช่นนี้ และมีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ทั้งสามคนเชื่อ
ดังนั้นพวกเขาร้อนใจอยากที่จะให้เย่ชิงอวี่รีบฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาเพื่อมาพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าเื่ที่แปลกประหลาดลึกล้ำมหัศจรรย์เช่นนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? จะเกิดขึ้นอย่างไร?
.................................
“ท่านหัวหน้าตระกูลอย่าเพิ่งร้อนใจไป แม้ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอันใดพวกเราถึงไม่สามารถตรวจสอบดูสภาพอาการร่างกายของนางหนูคนนี้ได้ แต่ดูจากภายนอกเห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายสีหน้าอาการของนางดูดีขึ้นทุกๆ วัน อาจจะอีกไม่นานหรืออาจจะวันพรุ่งนี้นางก็จะตื่นขึ้นมาแล้วก็เป็ได้!”
เย่ไป๋หู่ที่อยู่ข้างๆ มองเห็นสีหน้าอาการของเย่เทียนหลงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดปลอบใจขึ้น
“ถูกต้อง! ท่านหัวหน้าตระกูล ของแบบนี้รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ นางไม่ตื่นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!” สภาพของเย่ชิงหนิวกลับดูผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงไปมาก เนื่องจากอาการของเย่ชิงอู่เขาล้วนเห็นอยู่ตลอดทำให้รู้สึกเ็ปอยู่ในใจ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกโมโหให้กับเย่ชิงหานที่แอบมาขโมยหัวใจของหลานสาวสุดที่รักของตนเองไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนเป็เหตุให้นางเศร้าเสียใจอยู่เช่นนี้ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจเริ่มหมดกำลังไร้เรี่ยวแรงลงทุกวัน เห็นนางเป็เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเช่นกัน
“ไม่รีบร้อน ข้าไม่รีบร้อนได้ด้วยรึ? ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษพูดเองว่าอีกสิบปีนนางหนูคนนี้จะกลายเป็เทพ! เฮ้ออ...” เย่เทียนหลงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับพูดออกมาอย่างอับจนปัญญา “พวกเ้าว่าผลึกเทวะแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงสามารถทำให้ผู้ที่ไม่เคยฝึกยุทธ์เลยกลายเป็เทพได้ภายในสิบปี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษนี่ก็จริงๆ เลย จะปรากฏตัวออกมาสักหน่อยก็ไม่มี สถานการณ์เช่นนี้มีแต่จะทำให้พวกเราร้อนใจตายเท่านั้น”
“พวกข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าท่านถามหลงผี่ฟูดูแล้วมิใช่รึ? เื่ที่แม้กระทั่งเขายังไม่รู้พวกข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน? ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษคงจะติดธุระอยู่ที่ไหนสักแห่ง มิฉะนั้นแล้วคงมาปรากฏตัวตั้งนานแล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไรท่านก็ให้ความสำคัญกับนางหนูคนนี้มาก!”
ทันใดนั้นเย่ไป๋หู่เริ่มคิดได้ถึงปัญหาใหญ่อีกข้อคิ้วพลันขมวดขึ้นมาในทันที “เฮ้ออ...ท่านหัวหน้าตระกูลท่านอย่าเพิ่งเป็ห่วงในเื่นั้นเลย ท่านมาคิดปัญหาข้อนี้ดีกว่าว่าถ้าหากนางหนูคนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้วพวกเราจะบอกนางเกี่ยวกับเื่ราวของเ้าหนูหานอย่างไรดี? ถ้าหากนางหนูนี่โวยวายอยากไปทีู่เาสุสานทวยเทพหรือว่าหาทางจบชีวิตตัวเองอีกละก็ ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษคงจะต้องฉีกร่างพวกเราทั้งเป็อย่างแน่นอน!”
เอ่ออ...
ปัญหาของเย่ไป๋หู่ทำให้ทั้งเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวอึ้งไปตามๆ กัน เื่นี้เป็ปัญหาที่ใหญ่มาก สำหรับเด็กสาวที่ชื่อเย่ชิงอวี่คนนี้แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจนางสักเท่าไร หรืออาจจะพูดได้ว่าก่อนหน้าเื่ราวที่เกิดขึ้นภายในสวนเมามายพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่านางมีตัวตนอยู่ แต่พวกเขาสามารถคาดเดานิสัยใจคอของนางได้จากเหตุการณ์ที่เย่ชิงเสทำการบีบบังคับจนนางต้องพุ่งชนกำแพงฆ่าตัวตาย พวกเขารู้ดีว่าเด็กสาวที่ดูภายนอกอ่อนแอและบอบบางผู้นี้จิตใจภายในนั้นเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเพียงใด
หลังจากที่หลับใหลไปตลอดหนึ่งปี แต่พอตื่นขึ้นมากลับหาเย่ชิงหานไม่พบนางอาจจะคิดว่าเย่ชิงหานตายไปแล้ว จากนั้นจึงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่คนเดียวต่อไปอีก ตระกูลเย่ที่ใหญ่โตนอกจากเย่ชิงหานแล้วก็ไม่มีใครที่ทำให้นางเชื่อใจได้เลย หากเป็เช่นนั้นนางคงไม่เชื่อคำพูดของใครอย่างแน่นอน
“ไป๋หู่ เื่นี้จัดการได้ยากซะแล้วสิ ปกติเ้าแผนการเยอะรีบๆ คิดเร็วเข้า ถ้าหากนางหนูคนนี้เป็อะไรขึ้นมาอีกหายนะครั้งใหญ่ได้วิ่งเข้ามาหาพวกเราแน่!” เย่เทียนหลงร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง เอามือเกาหัวพร้อมด้วยสีหน้าเป็กังวล
“แล้ว...แล้วข้าจะทำอะไรได้? เพียงทางเดียวคือต้องทำให้นางเชื่อว่าเย่ชิงหานยังไม่ตาย ส่วนคนที่จะสามารถทำให้นางเชื่อได้ก็ต้องเป็คนที่คุ้นเคยกับนาง คนที่คุ้นเคยและสนิทสนมกับเย่ชิงหานก็มีเพียงแค่เยว่ชิงเฉิง...และนางหนูเย่ชิงอู่ มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่พูดแล้วนางถึงจะฟัง!” เย่ไป๋หู่ส่ายหัวไปมาเขาก็ไม่มีวิธีการอะไรที่ดีไปกว่านี้เช่นกัน
“หืม...พี่ พี่ชายข้า...พี่ชายข้ายังไม่ตาย?”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังก้มหน้าก้มตาใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาวิธีการรับมืออยู่นั้น ภายในห้องพลันมีเสียงพูดแ่เบาของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมา
เสียงที่ได้ยินดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับทำให้ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง ในขณะเดียวกันดวงตาของทั้งสามคนพลันทอประกายแสงเจิดจ้าออกมา ใบหน้าแสดงอาการยินดีอย่างบ้าคลั่งและต่างหันมองไปยังทิศทางที่เตียงนอนอยู่ทันที
เตียงนอนหลังใหญ่สีขาว เด็กสาวผมขาวชุดขาวซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมองมาทางพวกเขาด้วยความรู้สึกหวาดระแวง ผิวหน้าที่ละเอียดเกลี้ยงเกลาบวกกับดวงตาที่สดใสแวววาว อีกทั้งผมสีขาวราวกับสีของหิมะของนาง เป็ภาพที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษดูมีเสน่ห์ลึกลับบางอย่างแก่สายตาของผู้ที่พบเห็น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้