เมื่อตระกูลเสิ่นมาถึงสถานที่สอบก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอส่งบุตรชายเข้าสอบ
มีรถม้ามาส่งผู้เข้าสอบอยู่ทุกหนทุกแห่งมีหลายครอบครัวที่มาให้กำลังใจบุตรชายมีผู้คนเข้าร่วมการสอบมากมายทั้งคนรวยและชาวบ้าน
“อาเยี่ยน เ้าไม่ต้องกังวลเื่ทางบ้านเก้าวันนี้ก็ตั้งใจทำข้อสอบให้ดี” แม่สามียื่นตะกร้าใบเล็กให้ลูกชายข้างในมีอาหารเล็กๆ น้อยๆ
“ขอบคุณขอรับท่านแม่” เสิ่นเยี่ยนรับมา
สีหน้าของสองแม่ลูกล้วนเรียบเฉยพอๆ กัน หากไม่ใช่เพราะกู้เจิงรู้ว่าสองแม่ลูกสนิทสนมกันมากคนนอกมองมาคงคิดว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่ลงรอยกัน
พ่อสามียื่นเสื้อคลุมให้ลูกชาย “อย่าให้เป็หวัดล่ะ”
“วางใจเถอะท่านพ่อ ข้าจะดูแลตัวเองขอรับ”
พ่อสามีตบบ่าลูกชายยิ้มๆ “พยายามให้ดีที่สุดก็พอ ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็ไรอย่าได้กังวลจนเกินไป”
ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนมีรอยยิ้มเล็กน้อย “ขอรับท่านพ่อ” เขาหันไปที่กู้เจิงอย่างรอคอยคำพูดจากนาง
นางต้องพูดอะไรด้วยเหรอ? ก็ได้ นางควรต้องให้กำลังใจเขาหน่อย กู้เจิงจึงยกยิ้มอ่อนโยน “ท่านพี่ เหมือนที่ท่านพ่อว่า พยายามให้ดีที่สุดก็พอข้าจะรอท่านออกมา”
เสิ่นเยี่ยนมองภรรยาตรงหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พูดตามที่คิดจริงหรือ”
กู้เจิง “...” เห็นพ่อกับแม่สามีมองมาทางตนด้วยใบหน้าก็แดงก่ำขึ้น เสิ่นเยี่ยนผู้นี้้าอะไรจากนาง เมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้แล้วนางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า"การสอบในครั้งนี้จะส่งผลต่อชีวิตของท่านและของข้าท่านจะต้องตั้งใจทำสอบให้ดี อย่าทำให้ข้าผิดหวัง"
เห็นภรรยาของเขาทั้งอายและตอบกลับอย่างฉุนเฉียว มุมปากของเสิ่นเยี่ยนก็ยกยิ้มบางๆ
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าห้องสอบ
กู้เจิงรู้สึกเหมือนเป็พ่อแม่ที่มาส่งลูกๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัย
“อาเจิง ตวนอ๋องมาแล้ว” แม่สามีดึงลูกสะใภ้ที่ยังหันมองหน้าห้องสอบอยู่
กู้เจิงหันกลับมาก็เห็นรถม้าของจวนตวนอ๋องจอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากรถม้าอย่างน่าเกรงขามวันนี้เขาสวมมงกุฎหยก และชุดแพรหรูหราที่ขับเน้นฐานะอันสูงส่ง
มีผู้คนไม่น้อยที่ตรงเข้ามาคารวะเขาตวนอ๋องเดินตรงมายังสองสามีภรรยาตระกูลเสิ่น แต่ละคนล้วนประหลาดใจ
“เฉ่าหมิน (หญิงชาวบ้าน) คารวะท่านอ๋อง” แม่สามีกล่าวขึ้น
กู้เจิงก็เดินเข้าไปคารวะเช่นกันนางนึกถึงเื่ที่ตวนอ๋องเคยช่วยแม่สามีไว้ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องซาบซึ้งใจอย่างแน่นอน
“ลุกขึ้นเร็ว พวกท่านไม่จำเป็ต้องคารวะเปิ่นหวังหรอก” ตวนอ๋องก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว แม้จะไม่ประคองด้วยตนเองแต่ท่าทางก็บ่งบอกว่าให้แม่สามีรีบลุกขึ้น
“ขอบคุณท่านอ๋องสําหรับความเมตตาเพคะ” แม่สามีพูดยิ้มๆ
“เปิ่นหวังมาช้าไปหรือ” ตวนอ๋องหันมองประตูห้องสอบที่ปิดลงแล้ว “เดิมทียังคิดจะมาแนะนำจ่างหวายเื่การสอบบ้าง”
สองสามีภรรยาสกุลเสิ่นมองหน้ากันยิ้มๆ
กู้เจิงพบว่าต่อหน้าพ่อแม่สามี ตวนอ๋องผู้นี้ไม่แม้แต่จะสนใจนางทำราวกับมองไม่เห็นนาง ไม่รับรู้ถึงตัวตนของนาง เมื่อเป็เช่นนี้นางก็โล่งใจ
ตอนนี้ความรู้สึกของนางที่มีต่อตวนอ๋องผู้นี้ค่อนข้างซับซ้อนอย่างไรเสียเขามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของนางมากเกินไปและที่สำคัญที่สุดคือเขายังก็สนันสนุนสามีของนางด้วย
ดังนั้น บางครั้งที่ตวนอ๋องเหลือบมองนางก็จะเห็นกู้เจิงส่งรอยยิ้มเป็มิตรกลับไปตลอด
จ้าวหยวนเช่อไม่ยอมให้บิดามารดาของเสิ่นเยี่ยนเดินกลับบ้านเขาเชิญทุกคนขึ้นรถม้าไปด้วยกัน แม่สามีของนางแม้ไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ทั้งหมดจึงต้องขึ้นรถม้าของเขาไป
รถม้าของตวนอ๋อง ต่อให้นั่งสี่คนก็ไม่ดูแออัดกู้เจิงนั่งอยู่ด้านหนึ่ง พ่อแม่สามีนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งส่วนตวนอ๋องเขาก็นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
เบาะบนรถม้านั่งสบายมาก คาดว่าด้านล่างคงมีนุ่นบุอยู่ไม่น้อยกู้เจิงนึกขึ้นได้ถึงเื่ที่คิดจะซื้อรถม้า ตอนนั้นนางคิดจะคุยกับเสิ่นเยี่ยนแต่ต่อมาก็ลืมไป ทว่าเวลานี้ เมื่อได้นั่งบนรถม้าที่แสนสบายความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
จ้าวหยวนเช่อเอ่ยปากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาหันไปหาสองสามีภรรยาสกุลเสิ่นเขากล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านป้าเสิ่น ท่านลุงเสิ่นอีกไม่นานก็จะเป็วันแต่งงานของเปิ่นหวังเปิ่นหวังขอเชิญท่านทั้งสองมาร่วมงานและมาดื่มสุรามงคลด้วยกัน”
“เอ่อ..” นายท่านเสิ่นหันมองภรรยาอยู่ต่อหน้าผู้สูงศักดิ์ ภรรยาของเขายังมีท่าทีปกติแต่เขากลับทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่า เวลานี้ภรรยาของเขาจึงมองอย่างให้กําลังใจนายท่านเสิ่นจึงเอ่ยอย่างตะกุกตะกักขึ้นว่า “ท่านอ๋องปฏิบัติต่ออาเยี่ยนอย่างดี ข้าและภรรยาซาบซึ้งใจมากแต่ฐานะของข้าและภรรยาต่ำต้อย ไปจวนอ๋องเกรงว่าจะทำท่านเสียหน้าแล้ว”
“พวกท่านเป็บิดามารดาของจ่างหวาย ใครจะกล้ามาดูถูกพวกท่าน” จ้าวหยวนเช่อชี้แจงอย่างปกติ
กู้เจิงที่ก้มหน้าอยู่ตลอดอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ล้อข้างที่นางนั่งอยู่ตอนนี้จะตกหลุมและกระแทกอย่างรุนแรงกู้เจิงเซล้มลงไปที่พื้นทางด้านที่ท่านอ๋องนั่งอยู่ ขณะที่เตรียมจะกระทบพื้นคิดไม่ถึงว่าแขนของนางจะถูกดึงเข้าไป
กู้เจิงพบว่าตนเองถูกตวนอ๋องอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน นางตะลึงงัน
สองสามีภรรยาเสิ่นก็ใกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่พวกเขาล้วนจับหน้าต่างด้านหลังไว้ได้ทันท่วงที
ภายในรถม้าเงียบสงัดลงทันที
กู้เจิงหน้าซีดเผือด ์ พ่อแม่สามีของนางก็อยู่ตรงหน้าทำไมตวนอ๋องคนนี้ถึงดึงนางมาอุ้มอย่างนี้
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงจ้าวหยวนเช่อก็ผลักนางออกจากอ้อมอกอย่างแรง สีหน้าเขาบึ้งตึงน่ากลัว
กู้เจิงยังไม่ทันตั้งตัว นางเซถลาเกือบจะล้มลงแต่โชคดีที่แม่สามียื่นมือมาประคองนางไว้ทันเวลา
ส่วนพ่อสามีของนางนั้น ยังนั่งตะลึงตัวแข็งไปตลอดทาง
กู้เจิงโกรธจนมือสั่น นางนั่งคิดมาตลอดทางว่าทำไมเขาต้องช่วยนางด้วย ทำไมเขาถึงช่วยนางโดยอุ้มนางแบบนั้น?
บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจในรถม้าสิ้นสุดลงเมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลเสิ่น
“ขอบคุณท่านอ๋องที่มาส่งเพคะ” แม่สามีของนางกล่าวขอบคุณท่านอ๋อง แล้วเกาะแขนสามีลงจากรถม้ากันไปกู้เจิงโกรธจนไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณท่านอ๋อง นางลงจากรถม้าตามหลังพ่อแม่สามีไป
พอครอบครัวตระกูลเสิ่นลงจากรถกันเรียบร้อย รถม้าก็เคลื่อนจากไปพ่อแม่สามีหันกลับมามองนาง
กู้เจิงรู้สึกสับสนมาก นางยังคิดไม่ออกว่าจะอธิบายอย่างไรจึงได้แต่ฝืนใจพูด "ท่านพ่อ ท่านแม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าไม่ได้ตั้งใจ"
ฮูหยินเสิ่นถอนหายใจ นางจับมือกู้เจิงแล้วพูดว่า “ตวนอ๋องช่างโหดร้ายกับเ้าเกินไป หากไม่ใช่เพราะข้าคว้าเ้าได้ทันเกรงว่าเ้าคงล้มลงกับพื้นรถ”
“ใช่แล้ว” นายท่านเสิ่นเองก็โมโหขึ้นมา"เดิมทีที่ตวนอ๋องอุ้มช่วยเ้าไว้ในทีแรกนั่นก็เป็เื่ดีอยู่แล้วแต่ทำไมตอนหลังจะต้องผลักแรงขนาดนั้น หากเ้าล้มลงไปจนได้แผล จะทำอย่างไร”
กู้เจิง “...” พวกเขาคิดแบบนี้จริงๆหรือ?
ชุนหงที่กำลังตากเสื้อผ้าอยู่เมื่อเห็นทุกคนกลับมาก็ดีใจแต่นางกลับเห็นสีหน้าของทั้งคุณหนูและฮูหยินรวมถึงนายท่านเสิ่นไม่สู้ดีนักเกิดอะไรขึ้นนะ?
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านไม่โทษข้าหรอกหรือ” นางถูกตวนอ๋องอุ้มไว้ในอ้อมแขนขนาดนั้น