“การประลองรอบต่อไป ผู้ที่ได้หมายเลข 2 ขึ้นมาบนเวทีได้!!” กรรมการกล่าว
หลังจากสิ้นเสียงกรรมการ ก็มีชายหนุ่ม 2 คนขึ้นเวทีประลอง ชายคนแรกรูปร่างผอมบาง ส่วนชายอีกคนรูปร่างกำยำ
ชายคนแรกรูปร่างผอมบางใช้กระบี่เป็หลัก นาม ฟงเลี่ย เขาเป็ 1 ในศิษย์หลักของสำนักลี่
ชายรูปร่างกำยำใช้ดาบเป็หลัก นาม เฮยหู เขาเองก็เป็ศิษย์จากสำนักลี่เช่นกัน
ดูเหมือนทั้งสองจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเป็ยอดยุทธรุ่นเยาว์ของสำนักลี่ พลังบ่มเพาะถึงปราณจิตขั้นที่ 4 ด้วยกันทั้งคู่
หลังจากทั้งสองขึ้นเวทีมาก็จ้องตากันเขม่นกันเล็กน้อย… พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรอสัญญาณจากกรรมการ
“เริ่มได้!!”
สิ้นเสียงกรรมการ เป็เฮยหู ทะยานร่างมาฟาดฟันฟงเลี่ย ฟงเลี่ยใช้กระบี่ต้านรับ ทั้งสองต่างใช้วิชาประจำตัวเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด พวกเขาฝีมือสูสีกันมาก หลังจากประมือกันไปแล้วกว่า 100 กระบวนท่า ทั้งคู่จึงเริ่มอ่อนแรง ทั้งฟงเลี่ยและเฮยหู ต่างโดนคมกระบี่คมดาบของอีกฝ่าย แม้าแจะไม่ลึกมาก แต่ก็นับว่าสูญเสียเืและพลังไปไม่น้อย
ผู้ชมการประลองส่งเสียงเชียร์ฝ่ายที่ตัวเองชอบกันอย่างคึกคะนอง และในที่สุดหลังจากประลองกันไปแล้วถึง 300 กระบวนท่า เป็ฟงเลี่ยที่คว้าชัยชนะมาได้ด้วยเพลงกระบี่ของเขา ทั้งคู่ต่างสะบักสะบอมพอสมควร แต่ละฝ่ายก็สูญเสียพลังปราณไปมาก ฟงเลี่ยจำต้องพักฟื้นเพื่อรอประลองในรอบต่อไป ในรอบนี้เขาสูญเสียพลังไปเยอะมาก
เมื่อการประลองเสร็จสิ้น กรรมการก็กล่าวเรียกคู่ต่อไปทันที
“ผู้ที่ได้หมายเลข 3 ขึ้นมาบนเวที!!”
ถึงคราวลวี่เหรินแล้ว เขาหยิบได้ป้ายหมายเลข 3 เมื่อถูกเรียกจึงทะยานขึ้นเวทีไปด้วยท่าทีสง่างาม สมกับมาดบัณฑิตของเขา
ด้านผู้ชมที่เป็หญิงสาวต่างก็กรี๊ดกร๊าด ให้กำลังใจเขา ลวี่เหรินนั้นใบหน้าสะอาดงดงามเยี่ยงอิสตรี ทำให้ถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่เป็จำนวนมาก
หลังจากที่ลวี่เหรินขึ้นเวทีไปแล้ว ก็มีร่างบางทะยานตามขึ้นไป สตรีผู้นี้… งดงามยิ่งกว่าลวี่เหรินเสียอีก ทั้งกริยา และใบหน้าที่งดงามราวนาง์ ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโต ริมฝีปากแดงชาด แฝงไปด้วยความงามล้ำเลิศยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบ และแน่นอน สตรีนางนั้นคือ หลิวสุ่ยเยว่
“ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้ประลองกัน…” ลวี่เหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าเองก็แปลกใจเช่นกันที่ได้ประลองกับคุณชายบัณฑิตในสนามนี้….” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“เริ่มได้!!” เสียงกรรมการประกาศ
สิ้นเสียงกรรมการ ลวี่เหรินเป็ฝ่ายบุกจู่โจมก่อน พัดเหล็กชิงิญญาของเขา ฟาดไปยังหลิวสุ่ยเยว่ นางรับมือเขาด้วยฝ่ามือหิมะ ทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ลวี่เหรินนั้นไม่ได้ออมมือแม้แต่นิดเดียว เพราะอีกฝ่ายเป็ถึงชนชั้นปราณจิตขั้นที่ 5 เขาจึงต้องสู้อย่างเต็มที่ ทั้งสองประมือกันอย่างดุเดือด เป็ลวี่เหรินมากกว่าที่โถมบุก ส่วนหลิวสุ่ยเยว่นั้นตั้งรับและสวนกลับ ทั้งสองต่างไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ
การต่อสู้ครั้งนี้ลวี่เหรินงัดวิชามาใช้มากมาย แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิชาอะไรก็ไม่อาจได้เปรียบหลิวสุ่ยเยว่!
หลังจากประมือกันได้ราวๆ 500 กระบวนท่า ความต่างชั้นของพลังก็เริ่มแสดงให้เห็น ลวี่เหรินนั้น ต้องสู้กับหลิวสุ่ยเยว่ที่พลังบ่มเพาะมากกว่าตนเองถึง 3 ขั้น!!
ทางด้านหลิวสุ่ยเยว่นั้นก็ไม่ธรรมดา นางเองก็ตั้งใจฝึกวิชากับท่านอาจารย์ในสำนักมาตลอด แม้ประสบการณ์อาจด้อยกว่าลวี่เหรินไปบ้าง แต่นางก็ไม่เพลี้ยงพล้ำเลยแม้แต่นิด อีกทั้งเคล็ดใจพิสุทธิ์ทำให้นางมีพลังปราณมากกว่าผู้อื่นถึง 3 เท่า! นี่นับว่าได้เปรียบในการต่อสู้แบบยืดเยื้อมาก ยิ่งสู้ลวี่เหรินยิ่งลำบากเพราะใช้พลังปราณไปมากมายก็ไม่อาจเอาชนะนางได้ หลิวสุ่ยเยว่นั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากที่ทั้งคู่ปะทะกันผ่านไป 1,000 กระบวนท่า ลวี่เหรินก็ถอยออกมา เขาเหงื่อแตกหอบหายใจสูญเสียกำลังไปมากมาย
“สมแล้วที่เป็ศิษย์หลักอันดับ 1 ของสำนักเรา…ข้าขอยอมแพ้…” ลวี่เหรินกล่าวด้วยสุ้มเสียงอ่อนแรง ชายหนุ่มนั้นใช้ทุกวิชาที่ร่ำเรียนมา เขาใส่พลังในทุกการกระบวนท่า ทว่าก็ยังมิอาจเอาชนะได้ ด้วยที่พลังบ่มเพาะต่างกันถึง 3 ขั้น อีกทั้งหลิวสุ่ยเยว่ยังมีปริมาณปราณมากกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ลวี่เหรินรู้สึกเหมือนสู้กับูเาที่ไม่สั่นคลอน หากยังดันทุรังต่อไปรังแต่จะเจ็บตัวเสียปล่าว ลวี่เหรินเป็คนฉลาด ไม่ไหวเขาก็ไม่ฝืน จึงยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
ฝ่ายผู้ชม….
“แม่นางหลิ่วสุ่ยเยว่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ชายคนนึงกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“ใช่อีกทั้งยังงดงาม หากข้าได้ภรรยาเช่นนี้ชีวิตข้าก็ไม่้าอะไรอีกแล้ว”
“ข้านับถือลวี่เหรินมาก เขาสู้กับนางได้นับ 1,000 กระบวนท่า ทั้งที่ระดับพลังห่างกันถึงสามขั้น! ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!!”
“ใช่ๆ การประลองรอบนี้สนุกมากช่างเปิดหูเปิดตาข้าดีแท้” เหล่าผู้ชมต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา
ณ เวทีประลอง….
‘คุณชายบัณฑิต สมแล้วที่เป็อัจฉริยะ…’ หลิวสุ่ยเยว่คิดในใจ
“ผู้ชนะ หลิวสุ่ยเยว่!!” กรรมการประกาศเสียงดัง
“เฮ! เฮ!!” เสียงผู้เข้าชมการประลองดังสนั่น ทุกคนต่างะโส่งเสียงเชียร์กันอย่างเมามัน!
หลังจากยอมรับความพ่ายแพ้ ลวี่เหรินก็ทะยานร่างลงจากเวที ท่าทีของชายหนุ่มยังคงสง่างามเช่นเคยแม้จะแพ้แต่ก็หาได้ยึดติดอันใดไม่!
“เฮ้ เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” จื่อต้าหลงถาม หลังจากลวี่เหรินลงจากเวทีมาแล้ว
“ข้าไม่เป็อะไร นางแข็งแกร่งมาก สมแล้วที่เป็สายเืตระกูลหลิว” ลวี่เหรินตอบ
“ฮ่าๆๆ ของเ้ายังดีลงมาแบบเท่ๆ ข้านี่สิกระเด็นตกเวทีอับอายเหล่าหญิงสาวที่มาเข้าชมมาก เสียมาดหล่อๆของข้าหมด เฮ้อ” เฉิงไฉเซียวกล่าวติดตลก
“รอบต่อไปก็ตาเ้าแล้วล่ะต้าหลง” ลวี่เหรินกล่าว
“ฮ่าๆๆ นั่นสินะ พวกเ้าก็พ่ายกันหมดแล้ว เหลือแต่ข้าคนเดียวแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ
