ขณะที่เอ่ยออกไปนั้น ใต้ฝ่าเท้าของอูิโยวก็เกิดความปั่นป่วน ครู่ต่อมารากไม้พลันพวยพุ่งออกจากพื้นดิน ปลายรากนั้นแหลมคม ทิ่มแทงงูพิษจนตายสิ้น พวกมันถูกตัดออกเป็ชิ้นๆ ไม่มีเหลือรอด โดยเฉพาะงูหลามครึ่งคนตัวใหญ่ที่ถูกรากไม้เกี่ยวพันเอาไว้อย่างแ่า ปลายรากแทงทะลุลำตัวและเริ่มดูดซับโลหิตจากร่างนั้น เพียงชั่วครู่ก็เหลือเพียงหนัง จากนั้นก็ถูกฉีกเป็ชิ้นๆ ไม่เหลือซาก
ชายในชุดคลุมสีดำตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า เมื่อมองไปยังอูิโยวที่ค่อยๆ ก้าวไปทางซากศพงู แม้แต่ความกล้าที่จะหนีไปจากตรงนั้นก็ไม่เหลือแล้วสักนิด คนผู้นี้คือปีศาจ ปีศาจบริสุทธิ์โดยแท้
อูิโยวบีบคอชายชุดดำและกระชับแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขายิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะเอ่ย “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงปล่อยนางไปก่อน” เขาค่อยๆ โน้มศีรษะลงแล้วกระซิบข้างหูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอันแ่เบา
“เพราะข้าไม่อยากเปิดเผยความลับนี้ และในเมื่อเ้าล่วงรู้ความลับของข้าแล้ว เ้าก็ต้องตาย...”
ในป่าทึบนั้นแสนมืดมิด แม้ยื่นมือออกไปก็ยังไม่อาจมองเห็นนิ้วของตน เสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างตื่นตระหนกดังกลบความเงียบของผืนป่า เบื้องหน้านี้คือทางออก อวิ๋นลั่วหยุดฝีเท้าลง หายใจหอบเพราะวิ่งมาไกล แล้วหันกลับไปมองทางด้านหลังด้วยสีหน้าลำบากใจ
ท้ายที่สุดก็กัดฟันวิ่งกลับไป ตนเป็บุตรสาวคนโตของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน มีพลังจิติญญาแตกต่างจากคนทั่วไปมาั้แ่กำเนิด เหตุใดถึงต้องกลัว เห็นกันอยู่ว่าอูิโยวก็รุ่นราวคราวเดียวกันแท้ๆ เขาต่อสู้ได้ แล้วเหตุใดนางจะทำไม่ได้ แม้เป็ตัวถ่วง แต่จะทิ้งเขาไว้เพียงลำพังได้อย่างไร
เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม นางก็ไม่ได้ยินเสียงเอะอะใดๆ ในใจเป็กังวลเกี่ยวกับอูิโยว จึงรีบวิ่งออกจากป่าโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด ครู่ต่อมาก็ได้กลิ่นเืฉุนรุนแรงโชยมา ทำให้ปั่นป่วนในท้องจนต้องยกมือปิดปาก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อูิโยว!”
ไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากซากศพบนพื้นก็ไม่มีสิ่งใดอีก อวิ๋นลั่วเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม พยายามตามหาเถ้าแก่ของที่นี่แต่กลับไม่พบใคร ไร้ร่องรอยของเถ้าแก่เช่นกัน
หลังจากที่นางจากไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อวิ๋นลั่วมองไปยังศพนอกโรงเตี๊ยม นั่นคือชายในชุดคลุมสีดำที่คิดจะสังหารพวกนาง เมื่อมองดูสภาพโดยรอบก็ทำให้นางมั่นใจว่าอย่างน้อยอูิโยวยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เขาหายตัวไปไหนแล้ว
อวิ๋นลั่วคลำห่อผ้าที่อีกฝ่ายมอบให้ก่อนหน้าเอาไว้แน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจหันหลังกลับและจากไป นางเชื่อว่าอูิโยวยังมีชีวิตอยู่ และเขาต้องเดินทางไปยังเทือกเขาจู่เสียอย่างแน่นอน
หลังจากนางจากไปได้ไม่นาน ข้างใต้โต๊ะรับเงินของโรงเตี๊ยมก็มีความเคลื่อนไหว พื้นกระดานถูกยกขึ้น เผยให้เห็นห้องใต้ดินอันมืดมิด ก่อนจะมีศีรษะของใครบางคนโผล่ออกมา คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็ชายชราเถ้าแก่โรงเตี๊ยมนั่นเอง
เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงเบื้องหน้า เถ้าแก่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าใจ
ในตอนที่ชายชุดดำผู้นั้นกลับมากลางดึก เถ้าแก่พลันรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นจึงไปซ่อนตัวในห้องใต้ดิน จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงต่อสู้ จนเมื่อครู่นี้ถึงกล้าโผล่ศีรษะออกมา แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกจุกอก โรงเตี๊ยมที่เขาดูแลมาหลายปีถูกทำลายเละเทะในชั่วพริบตา
เมื่อเถ้าแก่เดินออกมาถึงประตูก็ได้ยินเสียงคนจากด้านนอก รู้ว่าคงไม่อาจซ่อนตัวได้ทันแล้ว เพราะอีกฝ่ายก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้า
คนคนนี้สวมชุดคลุมสีดำเช่นกัน แค่เห็นการแต่งกายก็ทำให้เถ้าแก่ต้องรีบคุกเข่าลงและโค้งคำนับ
“นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไร อย่าฆ่าข้าเลย!”
ผู้มาเยือนตรวจดูซากงูพิษหน้าโรงเตี๊ยม แล้วเดินไปทางศพชายสวมชุดดำเพื่อพลิกดูหน้า เมื่อยืนยันตัวตนได้แล้วก็เดินไปหาเถ้าแก่ มือชี้ไปยังศพที่อยู่ไม่ไกล “ใครเป็คนฆ่าชายผู้นี้”
ผู้มาเยือนมีเสียงใสและไพเราะ นางเป็สตรีอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อเห็นแส้ยาวที่มีแสงสีม่วงส่องประกายในมืออีกฝ่าย เถ้าแก่ก็ต้องตัวสั่นและรีบเอ่ยเล่าเื่ราวทั้งหมด
“คุณชายสองคนลงมือฆ่าิหนูอย่างนั้นหรือ”
เนื่องจากอวิ๋นลั่วแต่งตัวเป็ชาย จึงไม่แปลกที่เถ้าแก่จะคิดว่านางเป็บุรุษ
หลังจากที่ิจิ่วเอ๋อร์แยกตัวจากจิ่วฟางเทียนฉี นางก็ตามหาิหนูผู้ที่ทรยศตนเองเพื่อจะสังหารเขา แต่เมื่อเดินทางไปถึงคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานก็พบว่าอีกฝ่ายหนีไปแล้ว นางจึงทำได้เพียงกลับไปเอาใจคุณชายรองตระกูลอวิ๋นซึ่งตนเองควบคุมเขาไว้ในกำมือ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ผ่านไปสามถึงสี่วันแล้ว กว่าจะพบร่องรอยของิหนูก็กินเวลากว่าครึ่งเดือน เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าก็พบว่าตนเองคงมาช้าไปเพียงก้าวเดียว
แม้ว่าิหนูจะสมควรตายอยู่แล้ว แต่การตายของเขาช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้ิจิ่วเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ
บริเวณโดยรอบมีเพียงศพของิหนูและชิ้นส่วนงูที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่จากความรู้สึกของนาง นอกจากสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า จะต้องมีอะไรแอบแฝงเป็แน่
ิจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้รู้สึกสะอิดสะเอียนแต่อย่างใดที่ต้องเห็นภาพซึ่งเต็มไปด้วยเื นางเดินวนอยู่ในกองซากงู เริ่มต้นค้นหาบางสิ่งด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดก็พบหนังงูที่ขาดเป็สองสามชิ้น หนังนั้นหนามาก คาดว่าคงเป็ของงูหลามั์
“เหตุใดงูั์ตัวนี้จึงเหลือเพียงเศษหนัง หรือว่ามันสลายไปอย่างนั้นหรือ”
เพราะความสับสนทำให้นางหันไปมองเถ้าแก่ ฝ่ายหลังยังคงคุกเข่าอยู่หน้าประตู ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน เมื่อคิดว่าคงไม่ได้ความอะไรจากเขา ิจิ่วเอ๋อร์จึงไม่เสียเวลาอยู่ต่อ
ตอนนี้ิหนูตายแล้ว นางไม่มีเหตุผลให้อยู่ในดินแดนเจ๋ออีกต่อไป
ในเวลานี้ดินแดนเจ๋อได้รวบรวมไพร่พลไปรวมตัวกันยังป่าใต้พิภพเพื่อต่อต้านการรุกรานของสัตว์ร้าย นางต้องนำข่าวนี้กลับไปแจ้งให้ทางจิ่วโยวรับรู้โดยเร็วที่สุด เื่ต่างๆ ที่นี่ก็จัดแจงเอาไว้หมดแล้ว แม้ระหว่างทางจะพบเจอกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะที่เกือบถูกิหนูสังหาร แต่ก็โชคดีที่รอดมาได้...
จู่ๆ ในใจของนางก็แวบภาพของคนผู้หนึ่งขึ้นมา แส้ในมือพลันเหวี่ยงเข้าไปทางป่าลึกด้านข้าง ต้นไม้หนากว่าครึ่งลำตัวคนถูกตัดเป็ครึ่งท่อน
ทำไมกัน ในตอนที่คนผู้นั้นช่วยชีวิตนางไว้ อีกฝ่ายให้นางดื่มยาอะไร เหตุใดต้องนึกถึงเขาอยู่ร่ำไป เหตุใดจิตใจจึงไม่อาจสงบ
แส้ดูดซับิญญาที่ฟาดออกไป แยกต้นไม้ออกเป็เจ็ดถึงแปดท่อน ทันใดนั้นก็มีกวางตัวหนึ่งะโออกมาจากพุ่มไม้ ิจิ่วเอ๋อร์เหวี่ยงแส้ดูดซับิญญาไปทางมันโดยไม่ได้ครุ่นคิด ทว่ายังไม่ทันที่แส้จะแตะถึงตัวก็ร่วงหล่นลงพื้นเสียก่อน กวางตัวนั้นมีท่าทางใกลัว ก่อนจะลุกขึ้นและหนีเข้าไปในป่าทึบทันที
“ข้า จิ่วฟางเทียนฉี ขอให้เ้าสาบานต่อสรวง์ว่าจากนี้ไป แส้ดูดซับิญญาของเ้าจะถูกย้อมด้วยเืของข้า และดูดซับิญญาของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น เ้ายินยอมหรือไม่”
นั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ย ซึ่งนางไม่เคยลืม ยังคงตราตรึงในใจอยู่เสมอ แม้เวลาจะค่อยๆ ผ่านพ้นไป
“จิ่วฟางเทียนฉี!”
นางเงยหน้าะโขึ้นฟ้าเพื่อระบาย จิ่วฟางเทียนฉีทำให้นางรู้สึกว่าการควบคุมสิ่งต่างๆ ช่างยากลำบาก
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเอาเสียเลย!
ลืมมันไปซะ! ิจิ่วเอ๋อร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา เื่ราวต่างๆ ในดินแดนเจ๋อสำหรับนางคงสิ้นสุดแล้ว หวังว่าในภายภาคหน้าคงไม่ต้องเดินทางมายังที่แห่งนี้อีก
นางหันกลับไปมองข้างหลัง ตรงนั้นมีดอกไม้นานาชนิดกำลังเบ่งบาน ตัวนางกำลังจะกลับฮ่วนิหยวน ซึ่งที่นั่นไม่มีแสงสว่างเลยตลอดทั้งปี
ิจิ่วเอ๋อร์กล่าวในใจ แล้วพบกันใหม่ในภายภาคหน้า
…
เสียงหยดน้ำดังใกล้โสต หยดเอื่อยช้าเป็จังหวะ อูิโยวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ศีรษะรู้สึกวิงเวียน เมื่อกวาดตามองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองคงจะอยู่ในถ้ำสักแห่ง
เขาค่อยๆ ขยับแขนพยุงร่างกายไร้เรี่ยวแรงให้ลุกขึ้น ทุกครั้งที่มือััลงไปก็รู้สึกถึงความเหนียวเหนอะหนะ
ในถ้ำไม่มีแสงสว่างจึงไม่อาจมองเห็นสิ่งใด ิโยวยกมืออังจมูกเพื่อดมกลิ่น นี่คือกลิ่นคาวเืซึ่งแทบจะทำให้เขาเป็ลม
ตัวเขาอยู่ที่ใดกัน ในหัวพลันว่างเปล่า จำได้เพียงว่ากำลังเผชิญหน้ากับชายในชุดคลุมสีดำ และจู่ๆ ก็ถูกงูหลามตัวใหญ่โจมตีจากด้านหลัง หลังจากนั้นจึงใช้พลังิญญาเพื่อต่อต้าน...
พลังิญญาอย่างนั้นหรือ จริงด้วยสิ หลังจากใช้พลังิญญาแล้วเขาก็จำไม่ได้อีกว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดศีรษะ อูิโยวลุกเดินออกมา ทันทีที่ถึงปากถ้ำก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง แสงจากท้องฟ้าด้านนอกส่องสว่างเข้ามา ทำให้ิโยวมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้เท้าได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดขึ้น เขาพลันตะลึงนิ่งอยู่กับที่
นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงมีซากศพสัตว์ร้ายอยู่ ไม่ ไม่ใช่ศพสิ หากมองดูใกล้ๆ มันหลงเหลือเพียงเศษิั ไม่มีกระดูกแม้แต่ชิ้นเดียว
นอกจากนี้ฝ่ามือของเขาก็อาบย้อมไปด้วยเื ทั้งยังมีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน
ในขณะที่อูิโยวตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งดังมาแต่ไกล เสียงนั้นมุ่งตรงมาทางนี้ เขารู้ดีว่ารูปลักษณ์ในเวลานี้ไม่ควรเผยให้ใครเห็น จึงหันหลังะโขึ้นไปบนต้นสนโบราณที่อยู่ไม่ไกล กิ่งสนช่วยปกปิดกายไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่สังเกตเห็น
“เร็วเข้า เร็วเข้า อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว”
คนหลายสิบวิ่งมาแต่ไกล ดูจากเครื่องแต่งกายคงจะเป็เพียงชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ในมือของแต่ละคนมีค้อน ท่อนไม้ และพลั่ว สีหน้าปรากฏแววจริงจัง แฝงไปด้วยความหวาดกลัว
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งชี้ไปยังถ้ำแล้วเอ่ยกับทุกคน “อยู่ตรงนั้น ตอนที่ข้ากลับมาเมื่อคืนก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จากด้านใน”
ชายชราซึ่งดูาุโที่สุดเอ่ยขึ้น “เ้าแน่ใจนะว่าในนั้นมีบางสิ่งอยู่”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ลุงเมิ่ง ข้าแน่ใจ เสียงที่ได้ยินนั้นดังมาก ทั้งยังมีเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ช่างน่ากลัวกว่าสิ่งใด”
ชายชราที่ถูกเรียกว่าลุงเมิ่งลูบเคราด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ถ้ำนี้ไม่ลึก ปกติแล้วไม่มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ แล้วข้างในมีอะไรอยู่กันแน่”
ชายชราอีกคนเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะเป็สิ่งใดก็ปล่อยให้อยู่ข้างในนั้นไม่ได้ มันอยู่ใกล้หมู่บ้านของพวกเราเกินไป หากเกิดสิ่งใดขึ้นจะทำอย่างไรกัน”
ทุกคนเห็นด้วย ในท้ายที่สุดลุงเมิ่งจึงได้ตัดสินใจ “ไปกันเถอะ ทุกคนระวังด้วย พวกเราเข้าไปดูกัน!”
ลุงเมิ่งพาทุกคนเข้าใกล้ปากถ้ำ เมื่อเข้าไปเกือบถึงก็ได้กลิ่นเืรุนแรงคละคลุ้ง ทันทีที่เห็นซากหนังของสัตว์ร้ายที่ปากทางเข้า พวกเขาก็หน้าซีด บางคนถึงกับล้มพับด้วยความกลัว
“โอ้ ์... นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“สัตว์พวกนี้...ตายแล้วหรือ”
แม้ว่าจะถือ “อาวุธ” อยู่ในมือ แต่บนใบหน้าของทุกคนกลับเผยความหวาดกลัว ไม่กล้าก้าวไปเบื้องหน้าอีก
————————————————
