เสียงหัวเราะของหญิงสาวทำให้ม่อเสวียนเช่อเป็ต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะถลึงตาใส่เยว่เฟิงเกอแล้วกล่าวด้วยความโมโหว่า “พี่สะใภ้รองอย่าหัวเราะเยาะข้าจะได้หรือไม่? เสด็จแม่ไม่เคยตรัสกับข้าเช่นนี้มาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะท่าน ไม่รู้แหละ พี่สะใภ้รองต้องชดเชยให้ข้าด้วย”
เยว่เฟิงเกอเลิกคิ้ว “จะให้ข้าชดเชยให้เ้าอย่างไร ให้เลี้ยงสุราเ้า หรือพาเ้าไปเที่ยวหอนางโลม? ”
ม่อเสวียนเช่อยืดตัวตรง เขาที่สูงกว่านางหนึ่ง่ศีรษะก้มหน้าลง ยิ้มชั่วร้ายให้นาง “แค่ให้ข้ายืมเล่นโทรศัพท์ของพี่สะใภ้รองก็ถือเป็การชดเชยให้ข้าแล้ว”
เยว่เฟิงเกอหัวเราะเบาๆ ลูบศีรษะม่อเสวียนเช่อ กล่าวกับเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตา “ช่างเป็เด็กน้อยที่ไม่รู้จักโตจริงๆ ” นางหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งให้ “เ้าต้องเอาไปเล่นในที่ที่ไม่มีคนนะ ห้ามใครเห็นโทรศัพท์มือถือนี่เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากถูกใครขโมยไปจะเป็เื่เอา”
ม่อเสวียนเช่อได้เห็นโทรศัพท์อีกเป็ครั้งที่สอง นี่คือสมบัติล้ำค่าที่เขาเฝ้าคิดถึงมานาน
เขารับโทรศัพท์ไปพร้อมหัวเราะอย่างเบิกบานกับเยว่เฟิงเกอ “พี่สะใภ้รองวางใจ อีกเดี๋ยวข้าจะนำกลับไปเล่นที่ตำหนักเสวียนอวิ๋นของข้า”
และในตอนนี้เองเงาร่างสูงใหญ่ก็เดินก้าวยาวๆ มาที่ตำหนักคุนิ
ข้างกายเขายังติดตามมาด้วยขันทีคนหนึ่ง
เมื่อคนคนนั้นเดินมาถึงตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ นางก็รีบทำความเคารพทันที “ถวายบังคมเพคะเสด็จพ่อ”
ม่อเสวียนเช่อเองก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ในแขนเสื้อ ทำความเคารพฮ่องเต้ด้วยท่าทีนอบน้อม “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้มองเยว่เฟิงเกออย่างอารมณ์ดีและพยักหน้าให้นางเบาๆ
เขาคิดไม่ถึงว่าเยว่เฟิงเกอจะมาที่ตำหนักคุนิ ก่อนหน้านี้เพียงเคยได้ยินฮองเฮาพูดถึงเยว่เฟิงเกออยู่บ่อยๆ คนบอกว่าวิชาแพทย์ของนางสูงส่งเพียงใด ซ้ำยังเฉลียวฉลาดแค่ไหน
เดิมทีฮ่องเต้ก็ชอบเยว่เฟิงเกอมากอยู่แล้ว เขารู้สึกพอใจมากที่ได้นางมาเป็ชายาของม่อหลิงหาน
เช้าวันนี้ตอนประชุมเช้า ม่อหลิงหานได้ถวายราชสาสน์ที่เพิ่งร่างเสร็จเมื่อคืน หลังจากเขาอ่านจบก็อดชมวิธีการที่ม่อหลิงหานคิดออกมาไม่ขาดปากไม่ได้ จึงบอกให้ไปปฏิบัติตามแผนการนี้ได้เลย
ทว่า สุดท้ายกลับได้ยินม่อหลิงหานบอกว่า ที่จริงวิธีนี้เป็ข้อเสนอที่เยว่เฟิงเกอคิดขึ้น ทำให้ฮ่องเต้ยิ่งโปรดปรานในความเฉลียวฉลาดของนางมากขึ้นไปอีก
ขณะที่กำลังจดจ้องนางที่ยืนอยู่ตรงหน้าในยามนี้ ฮ่องเต้แอบคิดในใจว่า หากว่าเยว่เฟิงเกอเป็บุรุษก็คงดี เขาจะต้องมอบหมายงานสำคัญให้นางไปทำอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้เดินเข้าไปในตำหนักคุนิ ส่วนขันทีเฉาที่ติดตามมาหยุดยืนเฝ้าอยู่เพียงด้านนอก
ม่อเสวียนเช่ออยากเล่นโทรศัพท์มากจึงโบกมือให้เยว่เฟิงเกอ “พี่สะใภ้รอง เราไปเล่นกันที่ตำหนักเสวียนอวิ๋นเถอะ”
เมื่อขันทีเฉาได้ยินม่อเสวียนเช่อบอกจะพาเยว่เฟิงเกอไปเล่นที่ตำหนักเสวียนอวิ๋นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ขันทีเฉาเคยพบเยว่เฟิงเกอมาก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องรู้เื่ที่นางเป็ชายาจั้นอ๋อง ส่วนตำหนักเสวียนอวิ๋นนั้นเป็ที่ประทับขององค์ชายสามม่อเสวียนเช่อ การที่องค์ชายตั้งใจจะพาชายาจั้นอ๋องไปที่ตำหนักของตนดูเหมือนจะเป็การไม่เหมาะสมเกินไปหน่อย
ขันทีเฉากระแอมเบาๆ กล่าวว่า “องค์ชายสามจะทรงพาชายาจั้นอ๋องไปตำหนักเสวียนอวิ๋นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ม่อเสวียนเช่อยังไม่ค่อยเข้าใจ เขาถามด้วยสีหน้างุนงง “เพราะเหตุใด? ”
ขันทีเฉามีสีหน้าร้อนรน กล่าวต่อไปว่า “ตำหนักเสวียนอวิ๋นเป็ที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์ชายสาม หากเื่ที่ทรงพาชายาจั้นอ๋องไปที่ตำหนักที่ประทับของพระองค์ถูกคนลือออกไป คงจะไม่ใช่เื่เล็กน้อยแน่”
ม่อเสวียนเช่อได้ยินขันทีเฉากล่าวเช่นนี้ก็ตบศีรษะตัวเอง
เขาลืมเื่นี้ไปได้อย่างไร
เมื่อครู่ใจเขาจดจ่ออยู่แค่โทรศัพท์จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
โชคดีที่ขันทีเฉาออกปากเตือนก่อน เขาจะได้ไม่พาเยว่เฟิงเกอไปที่นั่น
ถึงแม้พวกเขาสองคนจะบริสุทธิ์ใจ แต่เื่บางเื่ก็ไม่ใช่ว่าเ้าบริสุทธิ์ใจแล้ว ผู้อื่นจะไม่นำไปคิดในแง่ลบหรือในทางที่ไม่ดี
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินว่าตำหนักเสวียนอวิ๋นเป็ตำหนักที่ประทับของม่อเสวียนเช่อ มุมปากนางก็กระตุก
สำหรับม่อเสวียนเช่อคนนี้ นางควรจะว่าเขาอย่างไรดี
ที่นี่คือวังหลวง สถานที่ที่มีดวงตามากมายหลายคู่จับจ้องอยู่
หากว่าเขาพานางไปยังตำหนักที่ประทับของตนอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ คนในวังที่พบเห็นเข้าคงจะนำไปซุบซิบนินทาไม่จบไม่สิ้น
ถึงตอนนั้น หากเื่นี้ลือไปถึงหูม่อหลิงหาน นิสัยขี้ระแวงและขี้หึงของเขาจะไม่ยิ่งทำให้เขาเข้าใจพวกนางสองคนผิดไปหรือ
หากทำให้เขาโกรธจัดเข้าจริงๆ เขาคงได้ถลกหนังม่อเสวียนเช่อออกมาแน่
ม่อเสวียนเช่อมองเยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่ง พึมพำเสียงเบาด้วยความลำบากใจ “พี่สะใภ้รอง หากไม่กลับไปที่ตำหนักเสวียนอวิ๋น ข้าก็ไม่รู้จะไปหาสถานที่เงียบๆ เพื่อเล่นเ้าโทรศัพท์นี่ได้ที่ใดอีก”
โชคยังดีอีกเช่นกันที่ขันทีเฉาอายุมากแล้วจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ม่อเสวียนเช่อพูดออกมา
ส่วนเยว่เฟิงเกอนั้นได้ยินทั้งประโยค นางส่งสายตาให้ม่อเสวียนเช่อแล้วมุ่งหน้าไปยังสวนนอกตำหนักคุนิ
คนทั้งสองเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงสวนของตำหนักคุนิ เยว่เฟิงเกอถึงได้พูดขึ้นว่า “เ้ายังจำศาลาที่เราเคยพบกันครั้งแรกได้หรือไม่ ข้าว่าที่นั่นคงไม่มีใครผ่านไปผ่านมามากนัก”
ม่อเสวียนเช่อนึกถึงศาลาเถาจง สถานที่แห่งนั้นเป็ที่ที่เสด็จพ่อเสด็จแม่พบกันเป็ครั้งแรก และเป็สถานที่ที่คนทั้งสองชอบไปบ่อยๆ ซึ่งไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาดังที่นางว่าจริงๆ
คิดได้เช่นนี้ ใบหน้าปลดปลงของม่อเสวียนเช่อก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาแทนที่
เขาจูงมือเยว่เฟิงเกอมุ่งหน้าไปยังศาลาเถาจง และพบว่าไม่มีคนอยู่จริงๆ จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยอยากจะเล่นเสียเดี๋ยวนี้เลย
เพียงแต่คิดวกวนพลางขยับไปมาอยู่นานก็หาวิธีเปิดโทรศัพท์มือถือไม่ได้
เยว่เฟิงเกอรับโทรศัพท์มา จากนั้นใช้ลายนิ้วมือของนางััลงไปบนหน้าจอเบาๆ เพื่อปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์
โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้จะเปิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสแกนผ่านลายนิ้วมือของนางเท่านั้น หากเป็นิ้วมือผู้อื่นย่อมจะไม่ได้ผล
ในตอนนี้เยว่เฟิงเกอสอนม่อเสวียนเช่อเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ ในโทรศัพท์ก่อนเป็อันดับแรก
ม่อเสวียนเช่อตั้งอกตั้งใจเรียนอย่างดี และโชคดีที่เขาเองก็ฉลาดพอตัว แค่เยว่เฟิงเกอสอนไปรอบเดียวก็จดจำได้ขึ้นใจ
ม่อเสวียนเช่อมองหน้าจอโทรศัพท์ และเห็นหนึ่งในแอปพลิเคชันเ่าั้ที่เขียนว่าเมืองหิมะลุ่มหลง
เขาค่อยๆ กดเปิดแอปพลิเคชันเกมหิมะลุ่มหลงพร้อมๆ กับเสียงเพลงไพเราะสายหนึ่งที่ดังขึ้นมาทันที ก่อนจะปรากฏภาพฉากต่างๆ ในเกม
ม่อเสวียนเช่อเห็นว่าฉากทั้งหลายในเกมเหมือนภาพบรรยากาศในโลกที่เขาอาศัยอยู่ไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังมีกลิ่นอายของความโบราณ
เพียงไม่นานภาพท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในลำดับถัดมา
สุดท้ายเขาก็ได้เห็นแม่นางน้อยสวมชุดขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเกม นางกำลังฮัมเพลงไพเราะด้วยเสียงเบาๆ
ทว่า ดวงตาของสาวน้อยคนนั้นกลับมีผ้าขาวคาดทับไว้ ทำให้ม่อเสวียนเช่อมองไม่เห็นดวงตาของนาง
แต่เสียงร้องของนางไพเราะเพราะพริ้งราวกับเสียงจากสรวง์
ม่อเสวียนเช่อถูกสาวน้อยในเกมคนนี้ดึงดูดเข้าอย่างจัง เป็นานเขาก็ยังไม่อาจละสายตาออกไปได้
เยว่เฟิงเกอบอกม่อเสวียนเช่อว่า แค่เขาวาดนิ้วมือลงไปบนหน้าจอนี้ ฉากตรงหน้านี้ก็จะหายไป
เพียงแต่ม่อเสวียนเช่อกลับยังคงเอาแต่จับตามองสาวน้อยในโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ เป็นานก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด
เยว่เฟิงเกอมองม่อเสวียนเช่อด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเขาจ้องสาวในเกมอย่างเอาเป็เอาตาย ไม่แม้แต่จะกะพริบตา ก็คิดว่าม่อเสวียนเช่อคงจะถูกล่อลวงเข้าแล้ว จึงอดขำไม่ได้
“นี่ ระวังเถอะ หากยังมองต่อไป เ้าจะถูกสาวน้อยคนนี้ทำให้ลุ่มหลงไปถึงจิติญญา” เยว่เฟิงเกอพูดพลางใช้ศอกกระทุ้งเตือนสติม่อเสวียนเช่อเบาๆ
ม่อเสวียนเช่อดึงสติกลับมาได้ เขาหน้าแดง หลังจากฟังบทเพลงของสตรีนางนั้นต่ออีกครู่หนึ่ง ถึงได้วาดนิ้วมือลงไปบนหน้าจอ
ฉับพลันนั้นสาวน้อยนางนั้นก็หายไปเช่นเดียวกับบทเพลงไพเราะนั่นที่ก็เงียบหายไปด้วย
ถึงแม้สาวน้อยคนนั้นจะหายไปแล้ว แต่เงาร่างของนางยังคงสลักลึกอยู่ในสมองของม่อเสวียนเช่อ
ทำให้หลังจากนั้นอีกนาน ม่อเสวียนเช่อก็ไม่อาจลบแม่นางน้อยในเกมออกไปจากความทรงจำได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้