“แค่เพื่อนเฉยๆ” ฉีลั่วอิ่งชี้แจงอย่างใจเย็น เขาสงสัยว่าหลังจากเหยาเข่อเล่อไปทำงานพิธีกรรายการแล้วติดการทำรีแอกชันเกินไปหรือเปล่า? แม้กระทั่งในเวลาส่วนตัวถึงได้มีปฏิกิริยาที่เวอร์ขนาดนี้
“เป็ถึงนักแสดงชายที่โด่งดังแต่กลับต้องหาคู่ทางออนไลน์เหรอ? นายใช้ใบหน้านี้ได้เสียของเกินไปแล้ว! หรือว่านายเป็พวกแปลกๆ ที่ยึดมั่นว่าถ้ารักนายจริงจะต้องรักจากภายใน จะมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้?”
ฉีลั่วอิ่งจับนัยบางอย่างในคำพูดของเหยาเข่อเล่อได้ เขาหรี่ตาลงแล้วยิ้มอย่างเดาความหมายไม่ออก “นายอยากจะพูดอะไรอีกใช่หรือเปล่า?”
เหยาเข่อเล่อแกล้งทำเป็มีลับลมคมใน “แหมๆ ฉันลำบากใจที่จะพูดน่ะสิ กลัวว่านายจะรับไม่ไหว”
“พูดมาเถอะ ถ้าฉันรับเื่ที่เป็เพื่อนกับนายได้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่รับได้ยากกว่านั้นแล้ว”
“เสียใจกับนายด้วยจริงๆ งั้นฉันจะบอกนายตรงๆ ก็แล้วกัน...” เหยาเข่อเล่อทำหน้าสลดแต่ก็แค่นยิ้มออกมาไม่ให้เสียมาด เขายืนขึ้นแล้วเคลื่อนตัวไปด้านข้างสามก้าวใหญ่เพื่อรักษาระยะห่างกับฉีลั่วอิ่ง จากนั้นก็กระแอมเคลียร์ลำคอแล้วเปิดปาก
“บนโลกนี้ใครบ้างที่ไม่มองหน้าตา? คนพวกนั้นที่บอกว่าชอบนายจากภายในล้วนเป็เพราะว่านายคือฉีลั่วอิ่งน่ะสิ! ์ยุติธรรมแล้วที่มอบรูปลักษณ์ภายนอกและความสามารถให้นาย แต่ไม่ได้มอบอารมณ์และนิสัยดีๆ มาด้วย นายที่เป็แบบนี้จะมาใช้ภายในดึงดูดคนน่ะยากเกินไปแล้ว เื่แบบนี้มันบังคับไม่ได้หรอกนะ!”
ทันใดนั้นฉีลั่วอิ่งก็คิดว่าเหยาเข่อเล่อไม่ได้มาเพื่อปลอบเขาหรอก หลังจากรู้ว่าตัวเขาไม่ได้เป็อะไรจริงๆ นิสัยเก่าก็กำเริบ พูดมาสิบประโยค สองประโยคชม สามประโยคด่า ที่เหลืออีกห้าประโยคก็ทั้งชมทั้งด่า
“นายไสหัวไปได้แล้ว” ฉีลั่วอิ่งมองนาฬิกาเล็กน้อย อีกไม่นานก็ได้เวลาที่เหยาเข่อเล่อต้องไปทำงานแล้ว “หรือว่าฉันจะต้องไปส่งนาย?”
“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้ นายนั่งเฉยๆ ล่ะ อย่าเอาของมาปาใส่ฉันก็พอ”
“อย่างนั้นเหรอ?” ฉีลั่วอิ่งยิ้มออกมาบางๆ แล้วค่อยๆ ยกหมอนที่กอดอยู่ในมือขึ้นมา
*
คืนวันนั้น ฉีลั่วอิ่งได้รับข้อความจากเมิ่งไป๋ไป๋
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ขอโทษที ยุ่งเื่งาน ไม่มีเวลาตอบกลับ”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ทำงานหนักแล้ว เลิกดึกขนาดนี้เชียว?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ฉันโอเค วันนี้ไม่ได้นับว่าดึกมาก ส่วนเื่แอนตี้ ฉันลองคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าคุณน่าจะไม่ใช่จริงๆ แค่หลังจากนี้ไม่โพสต์อะไรแปลกๆ ในกลุ่มแฟนคลับก็จะไม่โดนเตะแล้ว ไม่ต้องกังวล”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ทำไมจู่ๆ คุณถึงเชื่อว่าฉันไม่ได้เป็แอนตี้ล่ะ?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ปกติแอนตี้จะไม่สนใจว่าคนอื่นคิดยังไง แล้วแอนตี้ก็คงไม่มาทำอะไรน่าเบื่ออย่างการมาวุ่นวายกับผู้ดูแลหรอก พวกเขามีเวลามากมายในการสมัครบัญชีใหม่ สร้างข่าวลือไปทั่ว ไม่ก็เข้ามาก่อปัญหาภายในกลุ่ม”
สายตาของฉีลั่วอิ่งหยุดอยู่ที่คำว่า “วุ่นวายกับผู้ดูแล” เขาไปวุ่นวายกับเมิ่งไป๋ไป๋เมื่อไรกัน?
แค่ส่งข้อความไปไม่กี่ข้อความ เพราะอยากชี้แจงว่าตัวเองไม่ใช่แอนตี้ก็เท่านั้นเอง!
ช่างเถอะ ถ้าเขายังวุ่นวายกับเื่นี้ต่อไปก็เหมือนว่าเขาใส่ใจมันมาก
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ได้ชี้แจงเื่ที่เข้าใจผิดก็ดีแล้ว”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “อืม”
ฉีลั่วอิ่งหยุดไปหลายนาทีแล้วพบว่าเมิ่งไป๋ไป๋ไม่คิดจะส่งข้อความต่อแล้ว เขาจึงเปิดหัวข้อด้วยตัวเอง
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ถามหน่อยสิ คุณเป็ผู้ชายหรือว่าผู้หญิง? ฉันบอกก่อนแล้วกัน ฉันเป็ผู้ชาย”
จู่ๆ ฉีลั่วอิ่งก็นึกถึงคำพูดของเหยาเข่อเล่อเมื่อเช้าขึ้นมา แม้เขาจะไม่ได้คิดกับเมิ่งไป๋ไป๋อย่างคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้ง แต่เขาก็อยากรู้เพศของแฟนตัวยงคนนี้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็คุยกันมากขนาดนั้น คงจะนับว่าเป็เพื่อนกันได้แล้ว และในฐานะที่เป็เพื่อนก็ควรจะรู้เพศของอีกฝ่ายเอาไว้ใช่ไหมล่ะ?
เมิ่งไป๋ไป๋ : “เดาสิ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ไม่ผู้ชายก็ผู้หญิง”
ฉีลั่วอิ่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพิมพ์ข้อความไม่กี่คำนี้ลงไป เขายอมรับว่าตัวเองไม่มีอารมณ์ขัน ถ้าเขาทายออกเขาจะถามเมิ่งไป๋ไป๋ไหม?
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ทายถูกแล้ว”
ฉีลั่วอิ่งพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาไม่มีอารมณ์ขันหรือเพราะเมิ่งไป๋ไป๋กำลังแกล้งเขาอยู่?
ถ้าคนอื่นตอบแบบนี้เขาคงจะปิดหน้าต่างแชตไปแล้ว แต่พอนึกถึงโพสต์และข้อความของเมิ่งไป๋ไป๋ในกลุ่ม เขาก็คิดว่าควรจะอดทนต่อแฟนคลับตัวยงมากกว่านี้อีกสักหน่อย โพสต์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเมิ่งไป๋ไป๋มีจำนวนมากจนเลื่อนโทรศัพท์ดูทั้งวันก็คงไม่หมด นั่นคือความรักและการสนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อเขา!
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “คุณตอบแบบจริงจังไม่ได้เหรอ?”
ดังนั้น เมิ่งไป๋ไป๋จึงตอบกลับมาอย่างจริงจัง
เมิ่งไป๋ไป๋ : “เพศของคุณไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉัน และเพศของฉันก็ไม่มีความหมายสำหรับคุณเหมือนกัน รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา?”
ฉีลั่วอิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ เตือนตัวเองว่าจะต้องรักษาความอดทน
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ก็พวกเราเป็เพื่อนกัน อยากรู้เพศของอีกฝ่ายคงไม่ใช่เื่ที่มากเกินไปมั้ง?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งไป๋ไป๋อยากจะจบบทสนทนา ฉีลั่วอิ่งจึงทำเป็หยิ่งไม่ยอมบอกราตรีสวัสดิ์กลับและปิดหน้าต่างแชตทันที เขาย่ำเท้าหนักๆ เดินไปห้องโสตทัศนูปกรณ์แล้วดูหนังหนึ่งเื่ ดึงตัวเองออกจากอารมณ์ที่ทั้งโมโหและไร้ที่ระบาย จากนั้นก็งัวเงียแล้วหลับไป
----------
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ฉันไม่บอกหรอก ฉันมีคนในใจอยู่แล้ว อยากจะเดตออนไลน์ก็ไปหาคนอื่นเถอะ”
……………………………
[เพิ่มเติมเล็กน้อย]
อะพาร์ตเมนต์ของฉีลั่วอิ่ง เป็ที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์และมีการควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด ซึ่งเขาได้บอกผู้ดูแลอะพาร์ตเมนต์ (บริษัทอสังหาริมทรัพย์) ไว้แล้วว่ามีสามคนที่อนุญาตให้ขึ้นมาหาบนตึกได้เลย ได้แก่ เซวียเกอ (ผู้จัดการ) อาโย่ว (ผู้ช่วย) และเหยาเข่อเล่อ (เพื่อนสนิท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้