“เ้าอยู่ที่ไหน โปรดกลับมาหาข้า ตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า ไม่ว่าเ้าจะอยู่ชาติภพไหนกลับมาหาข้า”เสียงที่ดังมาจากความมืดที่มองไม่เห็นสิ่งใด นาขวัญเด็กสาววัยสิบห้าปี ฝันแบบนี้ช้ำๆจนอายุได้สิบหก ความฝันนี้ก็หายไปจนทุกอย่างถูกลืมเลือนตามกาลเวลา
แคว้นต้าอี้กับแคว้นลีเจียง ทำศึกากันมานาน และผู้นำแคว้นทั้งสองก็ไม่เคยถูกกันมาทุกยุคทุกสมัยเพราะแย่ง พื้นที่ทำกินและทรัพยากรที่แคว้นตาอี้มีจำนวนมาก
คนที่เดือดร้อนคือชาวบ้านธรรมดาหัวหน้าครอบครัวและชายหนุ่มที่ต้องเป็ทหาร ต่างจากคนที่อยู่ในเมืองมีฐานะแค่ออกเงินไม่กี่ตำลึงก็อยู่ได้แบบสุขสบายแล้ว
มีทั้งที่้าไปรับจ้างและถูกบังคับ คนในครอบครัวั้แ่อายุสิบสองปีขึ้นไปถึงสี่สิบต้องถูกเกณฑ์ไปเป็ทหาร
ครอบครัวจาง จางเต๋อมีอายุสี่สิบสองปีส่งน้องชายทั้งสองที่มีอายุอยู่ในเกณฑ์ ไปทั้งสองคนมีเหตุผลง่ายๆคือเขาไม่ต้องเปลืองข้าวเลี้ยงและได้ตำลึงเพิ่ม
จางเต๋อมีลูกทั้งหมดห้าคนแต่เป็ผู้หญิงทั้งหมด จึงไม่มีใครได้ไปเป็ทหาร อีกอย่างหนึ่งลูกคนที่หนึ่งถึงคนที่สามก็ได้ถูกหมายหมั้นไว้แล้ว
คนที่สี่อายุสิบเอ็ดขวบขี้โรคและอ่อนแอ คนที่ห้าอายุสิบขวบเป็เด็กขี้ขลาดไม่พูดเก็บตัว
ครอบครัวจางก็อยู่กันมาแบบสงบ ช่วยกันทำไร่ทำสวน และส่งพืชผักที่ได้ให้กับทางการครึ่งหนึ่ง ถึงจะเหนื่อยและลำบากก็อยู่ได้
ในบรรดาเด็กทั้งห้า คนที่เหนื่อยสุดคือคนที่ห้า คนที่หนึ่งถึงสามต้องเตรียมตัวไปเป็เ้าสาวในอนาคต ถูกอบรมและเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน
และวันหนึ่ง เหมือนโดนฟ้าผ่าหัวเพราะทางการประกาศว่าให้เด็กผู้หญิง อายุสิบสองปีขึ้นไปให้ช่วยปลูกผักที่ชายแดนให้กับกลุ่มทหารกิน
“ท่านพี่จะให้ซูเจียว ชูซ่าน ชูฉีไปไม่น่ะพวกนางมีคู่หมายแล้ว และอีกอย่างของหมั่นเราเอาไปใช้จ่ายหมดแล้ว”
“ข้าก็กลุ้มใจอยู่ หรือเราจะส่งทั้งสามคนเข้าไปในเมืองอยู่กับแม่ของเ้า ซูเจียวอายุสิบสี่ไม่กี่เดือนก็แต่งงานแล้ว”
“เอาแบบนั้นก็ได้เ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะรีบติดต่อท่านแม่ให้ส่งคนมารับ”
“แล้วเราจะส่งใครไปละเ้า ซูมีก็ป่วยบ่อยซูเจินก็เป็คนไม่พูดขี้ขลาดไปอยู่กับคนหมู่มากได้หรือเ้าค่ะ”
“ซูเจินไม่พูดแต่ปลูกผักได้ ถึงอายุจะน้อยแต่ก็ไม่มีทางเลือก เ้าว่าอย่างไง”
“ข้าก็คิดแบบท่านพี่เ้า ซูมีป่วยบ่อยข้าสงสารลูกกลัวจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียมากกว่า”
ครอบครัวจาง ส่งลูกสาวสามคนเข้าไปอยู่ในเมือง คนที่สี่ขี้โรคอยู่บ้านเลยตัดสินใจส่งคนที่ห้าออกไปปลูกผัก เป็เสบียงให้ทหารกิน
ซูเจินถึงจะไม่ค่อยพูด พอรู้ตัวว่าส่งอยู่ชายแดนก็ร้องไห้ “ ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่อยากไป ข้าจะอยู่บ้านกับท่านพ่อท่านแม่”
“ซูเจิน เ้าไม่ไปแล้วจะให้ใครไป พี่สาวเ้าก็ต้องเตรียมตัวแต่งงาน พี่สี่ของเ้าก็ป่วยบ่อยเ้าเป็น้องและร่างกายแข็งแรงก็ควรจะเสียสละรู้ไหม”
ซูเจิน ร้องไห้ไปก็เท่านั้นพอถึงเวลารถม้ามารับก็ต้องถูกลากขึ้นรถไปด้วยเด็กน้อยเก็บตัวเงียบ ตลอดการเดินทาง
รถม้าสามคันที่บรรทุกคนอยู่ข้างใน วิ่งออกไปจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารที่อยู่ไกลหลายร้อยลี้
เดินทางมาได้ครึ่งทางก็ถูกกลุ่มโจรที่เป็ชาวบ้านอดอยากดักปล้น เพราะรถม้าได้ขนเสบียงมาด้วย
“ กรี๊ดด!!” เสียงกรีดร้องของซูเจิน ที่ใกลัวทำให้หัวหน้าโจร ใช้มืออันใหญ่ปิดปากจมูกเพื่อไม่ให้ร้อง แต่ด้วยแรงผู้ชายตัวใหญ่และออกแรงเยอะ เด็กน้อยดิ้นรนเพราะหายใจไม่ออก แต่กลุ่มหัวหน้าโจรไม่ได้สนใจตาก็มองหาของมีค่า ปากก็สั่งลูกน้องให้เก็บของ
“ พวกเราไปได้แล้ว ก่อนที่จะทหารแห่กันมาตรงนี้” หัวหน้าโจรสั่งการเสร็จก็พลักร่างของเด็กน้อยไปกับพื้นโดยไม่ได้สนใจจะเป็หรือตาย
พอโจรป่าจากไปได้สักพักทหารก็ผ่านมาพอดี
“มีผู้าเ็หลายคนยังดีที่พวกมันไม่เอาผู้หญิงไปด้วย มีเด็กคนหนึ่งน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว พวกเราเก็บไปด้วยทิ้ง ที่นี่เป็อาหารสัตว์ป่าเปล่าๆ”
ร่างของซูเจิน ถูกอุ้มไปไว้บนรถม้า รวมกับผู้าเ็รายอื่น มุ่งหน้าไปยังค่ายทหาร
นาขวัญหญิงสาว วัยยี่สิบปีวันนี้ได้ออกมาขายผัก อยู่ในตลาดนัดเพราะว่าผักที่ปลูกกินไม่ทัน“ผักสดจ้า ปลูกเองรับรองไม่มีสารพิษ แวะเข้ามาดูก่อนได้ราคาไม่แพง”
นาขวัญและพี่ชายที่แต่งงานไปแล้ว ไม่ได้มีชีวิตที่ลำบาก เพราะมรดกที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ หลังจากทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อน มีทั้งบ้านและห้องแถวให้เช่า
นาขวัญเรียนไม่เก่งและชอบปวดหัวบ่อยจึงเรียนไม่จบเหมือนพี่ชาย ใช้ชีวิตในการทำสวนปลูกผักพี่นางชอบอยู่ที่บ้าน แต่รอบนี้กินไม่ทันแล้วเสียดายจึงได้นำมาขาย
“เร็วเข้า!มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกันหาที่ หลบก่อน”เสียงหญิงวัยกลางคนที่นั่งขายของอยู่ติดกับนาขวัญร้องะโขึ้น
นาขวัญรีบเก็บผักและเตรียมจะลุกหนีแค่หันหลังเท่านั้นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆจากด้านหลังมาด้านหน้า“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับร่างของนาขวัญทรุดฮวบลงกับพื้น
“ กรี๊ดดด!!ว้าย!ตายแล้วมีคนถูกยิง” เสียงร้องของชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เป็เสียงสุดท้ายที่นาขวัญได้ยิน
“ น่าสงสารจังเลยอายุยังน้อยตัวแค่นี้ต้องมาตายเพราะไอ้โจรชั่วนั่น” เสียงของแหบแห้งของหญิงสาวดังขึ้นเพราะนางก็โดนชกท้องจนเจ็บเหมือนกัน
นาขวัญ“ใช่แล้ว หนูยังไม่มีแฟนเลยไม่น่าจะถูกยิงตายแบบนี้ แค่มาขายผักที่กินไม่หมดเท่านั้นเอง”
“ เอ๊ะ! ถ้าเราตายแล้วทำไมถึงพูดได้แล้วได้ยินเสียงชาวบ้านล่ะ”นาขวัญลืมตาขึ้น
“ โอ๊ะ! บนรถม้าถ้าเราแค่สลบทำไมถึงไม่เรียก รถพยาบาลฉุกเฉินมารับล่ะทำไมถึงเป็รถม้า”นาขวัญยกแขนขึ้น เพื่อที่จะจับหน้าท้อง
“ แขนเด็ก หน้าอกไม่มีท้องไม่มีแผลเราตายไปแล้วมาเกิดใหม่ อย่างนั้นหรือไม่ได้เกิดในครรภ์มารดาแต่เกิดในร่างของเด็กน่าจะโตแล้วเพราะดูเหมือนแขนขาจะยาว”นาขวัญที่กำลังสับสน
“ผะ…ผีหลอก! ”เสียงร้องเอะอะลั่นรถม้าจนคนขับต้องจอดเพื่อลงมาดู
“ พวกเ้าจะร้องโวยวายอะไรกัน ถ้าเ็ปาแ ก็ทนอีกนิดจะถึงค่ายแล้ว”
“ ไม่ใช่เ้าค่ะท่านดูนั่นเด็กน้อยที่หยุดหายใจไปแล้ว นางฟื้นขึ้นมายังไม่ตาย”
“ ไม่ตายก็ดีแล้วจะได้มีคนช่วยปลูกผักยังไงล่ะ พวกเ้าไม่ดีใจหรอกหรือถ้าฟื้นขึ้นมาก็ไม่ใช่ผีไม่ต้องกลัว ข้าเป็ทหารมาตั้งหลายปีไม่เคยเจอเลยว่าผีหน้าตาเป็ยังไง” พูดจบคนขับรถม้าก็เดินไป ประจำที่คนขับและบังคับมาออกเดินทางต่อ
นาขวัญนอนหลับตาลง ภาพบางอย่างที่เลือนลางก็ผุดเข้ามาในความทรงจำ“ ถูกเกณฑ์ให้มาปลูกผักอย่างนั้นหรือกำลังเดินทางไปค่ายเล็ก อยู่ยุคสมัยไหนกัน เคยดูซีรี่ย์มาบ้างนี้เรามาเจอของจริงแล้วกลับไปจะเล่าให้พี่ชายฟัง จะกลับไปได้ยังไงในเมื่อเราตายแล้ว”
“ เหมือนเด็กน้อยจะไม่ค่อยพูดเพราะข้อความในหัวไม่ค่อยมีเลย สงสัยต้องฝึกจากคนรอบข้างเอาจะได้ไม่เป็ที่ผิดสังเกต”
“ ที่นี่ที่ไหนหรือความจำบางส่วนหายไป จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ”
“ น่าจะเป็ เพราะเ้าหยุดหายใจไปนานทำให้ความทรงจำหาย ตอนนี้เราก็อยู่แคว้นต้าอี้ไงล่ะ และที่นี่ก็คือเมืองอี้แต่เป็ชายแดน”
“แคว้นต้าอี้ ใครเป็จักรพรรดิ ”นาขวัญหรือซูเจินถามด้วยความสงสัย
“ จักรพรรดิก็จ้าวหลิวหยาง ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานนี้ไง”นาขวัญ ไม่เคยได้ยิน
“ แล้วเราทำากับประเทศอะไรเหรอ”
“ ประเทศอะไรของเ้าข้าไม่รู้เื่ รู้แต่ว่าเราทำากับแคว้น ฉีเจียง”
นาขวัญ“ ไม่มีในประวัติศาสตร์ น่าจะนานมากแล้วก่อนประวัติศาสตร์เป็แน่”
“อ้าวลงมาได้แล้ว ถึงแล้วคนที่ได้รับาเ็รอก่อนกำลังมีทหารมาช่วยกันแบก”
พระอาทิตย์ตกดินพอดี นาขวัญเดินตามพวกผู้ใหญ่ สมบัติของนางมีแค่ผ้าห่อเดียวเท่านั้น
“ นี่คือค่ายทหารหรือ มีกระท่อมหลังหนึ่งก็อยู่กันแน่นขนาดนี้ จะกินอยู่ยังไงไม้ในป่ามีเยอะแยะทำไมถึงไม่ตัดมา สร้างกันน่ะ”นาขวัญได้แต่คิดในใจ
“ซูเจินเป็เ้าเองหรือ จำอาทั้งสองได้หรือไม่ ข้าจางหย่งและพี่ใหญ่จางเหว่ยอย่างไงละจำได้หรือยัง”ซูเจินนึกตาม ผู้ชายในบ้าน ถูกเกณฑ์มาก่อนน่าจะเป็ทั้งสองคนจึงพยักหน้า
“ พี่ใหญ่นี่ก็ยังไงนะลูกสาวตั้งห้าคน เอาคนเล็กสุดมาแทนที่จะเอาคนโตมา”จางหย่งพูดขึ้นเขาไม่เห็นด้วยกับพี่ใหญ่
“ พี่ใหญ่กำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้พี่สองกับพี่สาม ก็มีคู่หมั้นจะแต่งงานอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พี่สี่ป่วยก็มีแต่ข้านี่แหละเ้าค่ะที่มาได้”
“ซูเจินดูเ้าจะเปลี่ยนไปน่ะ ก่อนหน้านี้เ้าไม่เคยพูดกับพวกอาทั้งสองคนเลย ก็ดีเหมือนกันแบบนี้แหละดีมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้”
“ เ้ามีอะไรก็ไปหาได้นะข้าทั้งสองคนมีหน้าที่ดูแลม้า”ทั้งพากันเดินกลับที่ไปที่ คอกม้า
แต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หลับซูเจินนอนหลับั้แ่มาถึง ซึ่งต้องนอนเบียดกันก่อน
ด้วยความที่นอนไวั้แ่หัวค่ำ ซูเจินตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงกรนของผู้ใหญ่ที่ประสานเสียงกัน ดังสนั่นไปทั้งห้อง
“ ถ้าเป็แบบนี้ทุกวันตายแน่ พรุ่งนี้ต้องให้อาทั้งสอง ช่วยตัดไม้มาทำกระโจมเล็กเอาไว้นอนตอนกลางคืน”
ซูเจินตื่นแต่เช้าเดินไปที่คอกม้า อาทั้งสองคนตื่นมาทำความสะอาดคอกม้าแล้ว ตอนสายพวกเขาต้องไปตัดหญ้ามาให้ม้ากินด้วย
“ ท่านอาเ้าค่ะข้ามีเื่อยากให้พวกท่านช่วย คือกระโจมนั้นข้านอนไม่ได้มีแต่ผู้ใหญ่ แล้วพวกนางนอนกรนเสียงดังข้านอนไม่หลับ ข้าอยากได้กระโจมหลังเล็กเอาไว้นอนก็ยังดี”
“ได้ๆ เราไปกันแต่เช้าเลยจะได้ไปเกี่ยวหญ้าให้ม้าด้วย”ทั้งสามคนพากันออกมาแต่เช้ามืด
“ ท่านอาม้าที่เลี้ยงมีกี่ตัวหรือเ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะเป็คนเกี่ยวหญ้าเองพวกท่านก็ตัดไม้ก็แล้วกัน”
“ ม้าในคอกมีเยอะแต่ที่พวกเรารับผิดชอบหนึ่งคน ต่อม้าสิบตัวเลยแยกเป็คอกไว้”
“ ดีเ้าค่ะข้าจะได้กะถูกว่าต้องเกี่ยวหญ้าเท่าไหร่พวกท่านไปตัดไม้เลยเ้าค่ะ พอตอนสายเราจะได้กลับไปถึงที่โน่นจะได้สร้างเลย”
อาสองคนของซูเจิน นิสัยจะเป็คนขี้กลัว ถึงไม่ได้ออกไปรบให้มีหน้าที่เลี้ยงและดูแลม้าเท่านั้น
ตัดไม้ทำเสาได้สี่ต้น ทั้งสองมัดด้วยเถาวัลย์และลากมาตามทาง ซึ่งไม่ได้ไกลจากที่พักมากนักและกลับไป ตัดไม้ไผ่มาปูพื้นและผนัง
“หลังคาคงต้องใช้ หญ้าคาเกี่ยวไว้รอเลยก็แล้วกัน อาหารม้าน่าจะพอแล้ว”
ซูเจิน จัดการเกี่ยวหญ้ารออาทั้งสองมาจัดการ ชายหนุ่มทั้งสองคนขนไม้ไผ่ไปกองเตรียมไว้ มารับซูเจินและช่วยขนหญ้าอาหารม้า และหญ้าคาที่ใช้ทำหลังคากระท่อม
ทั้งสองสร้างบ้าน ได้คล่องมากเพราะอาชีพเก่าก่อนมาเป็คนเลี้ยงม้า พวกเขาก็เคยรับจ้างสร้างบ้านมาก่อนแต่เป็หลังใหญ่
พอถึง่สายบ้านหลังเล็กก็เสร็จแล้วมีสี่เสาหนึ่งห้องนอน มีที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านด้วย “ เ้าอยู่แบบนี้ไปก่อนถ้าเป็หน้าหนาวต้องหาดินเหนียว มาเสริมไม่งั้นหนาวตายแน่”