เหยาเชียนเชียนรอไม่ถึงยามที่เป่ยเหลียนโม่กลับมา ทว่านางกลับได้เจอแขกอีกคนหนึ่งแทน
“พี่หญิงหวังเฟย” หลิ่วอิงเอ๋อร์เดินตามพ่อบ้านเข้ามา “ครั้งที่แล้วหม่อมฉันได้ยินมาว่าเสี่ยวซื่อจื่อชอบเป็ดย่างของที่จวน หม่อมฉันก็เลยเอามาให้อีกสองตัว และถือโอกาสนี้มาพูดคุยกับพี่หญิงด้วยเพคะ”
เหยาเชียนเชียนรับกล่องสำรับอาหารมาอย่างเกรงใจ และหมุนตัวส่งให้อาเหยียนที่อยู่ข้างในโดยตรง เห็นได้ชัดว่าเป็ดย่างนี้เพิ่งทำใหม่ มันอุ่นร้อนและหอมกรุ่น ครั้งที่แล้วอาเหยียนได้กินน้อย ครั้งนี้จึงสามารถกินได้มากหน่อย
“นั่งลงสิ เราคุยกันในสวนนี่แหละ ที่นี่ไม่มีผู้ใดมารบกวน”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ไม่มีทางไม่รู้ว่าน้องสาวของนางมาที่นี่ หลังจากที่นางรู้ย่อมต้องอยากมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน มีเพียงเรือนของอาเหยียนเท่านั้นที่นางไม่กล้าทำตัวอวดดี ดังนั้นทั้งคู่จึงคุยกันที่เรือนของอาเหยียน
“ระหว่างทางที่หม่อมฉันมาที่นี่ ข้างนอกดูครึกครื้นมากเลยเพคะ”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ไม่เคยสนใจกฎเกณฑ์ของราชวงศ์ชั้นสูงเ่าั้อยู่แล้ว ในคราแรกนางก็ไม่ชอบท่าทางชอบหาเื่ของซ่งอีอีอยู่แล้ว สตรีผู้นั้นกล้ากล่าวว่าตนมีใจรักลึกซึ้งอย่างไร ลุ่มหลงในรักอย่างไรต่อหน้าผู้คนมากมาย
ชิ ผู้ใดไม่เป็เช่นนั้นบ้างเล่า นางเป็คนเดียวที่ไม่รังเกียจที่จะเป็บ่าว เป็ไพร่ เป็อนุให้ชิงผิงอ๋องหรืออย่างไร คนอีกมากมายก็เป็เช่นนั้น
“หากซ่งอีอีรู้ว่านางจะต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ เกรงว่านางคงไม่คุกเข่าขอราชโองการในตำหนัก” หลิ่วอิงเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “เมื่อถึงวันอภิเษกสมรสของนางกับองค์ชายสาม หม่อมฉันก็จะไปมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้สักชิ้น เพื่อแสดงความยินดีกับเช่อเฟยผู้นั้น”
เช่อเฟย?
เหยาเชียนเชียนประหลาดใจเล็กน้อย นางรู้ว่าฮ่องเต้ได้ออกราชโองการฉบับใหม่พระราชทานสมรสแก่พวกเขาทั้งสองคน แต่นางไม่รู้ว่าซ่งอีอียังคงเป็เช่อเฟย
“กระทําเื่อื้อฉาวเช่นนั้น จะมีคุณสมบัติเป็ชายาเอกได้อย่างไร" หลิ่วอิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ
“พี่หญิงไม่ทราบหรือ พวกเขาถูกพบที่เรือนอีกหลังหนึ่งของท่านอัครมหาเสนาบดี แน่นอนว่าคุณหนูซ่งได้วางแผนให้องค์ชายสามไปที่นั่น องค์ชายสามไม่ได้เกิดอี้เจิ้ง [1] กำเริบ หนีออกไปด้วยพระองค์เองหรอกเพคะ”
ในเื่นี้ พอคิดอย่างถี่ถ้วนก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง
หลิ่วอิงเอ๋อร์ยังกล่าวอีกว่าเื่นี้ถูกพบอย่างบังเอิญโดยคนใช้ที่ทำความสะอาดคนหนึ่ง เขาไม่ระวังปากและนำไปบอกเล่าแก่ผู้อื่น เื่เช่นนี้คิดจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการป่าวประกาศอย่างไม่เป็ทางการเช่นนี้ เื่จึงสามารถกระจายไปทั่วทั้งเมืองได้ภายในเที่ยงวัน
ในเวลานั้นคาดว่าซ่งอีอีและองค์ชายสามคงยังอยู่ในห้วงฝันและยังไม่ตื่นนอน ต่อให้อยากจะห้ามปากทุกคนก็คงเป็ไปไม่ได้แล้ว
“ทุกคนล้วนพูดกันว่าคุณหนูซ่งผู้นี้ช่างมากไปด้วยกลอุบาย คราแรกสร้างชื่อว่าเป็คนลุ่มหลงในรัก ในใจของนางมีเพียงท่านอ๋อง จากนั้นก็ลอบมีสัมพันธ์กับองค์ชายสามอย่างลับๆ แบบนี้เรียกว่าอะไร เตรียมตัวมีสามีหรือ?”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ปากร้ายมาโดยตลอด เมื่อได้เจอกับเื่นี้ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก นางวิจารณ์ซ่งอีอีในรวดเดียว
เหยาเชียนเชียนฟังอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้ยินถึงการวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวองค์ชายสามเป่ยเซวียนเฉิงเลย กล่าวด้วยความสัตย์จริง เื่เช่นนี้ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง เหตุใดถึงมีเพียงซ่งอีอีที่ถูกด่าทออยู่ฝ่ายเดียว?
“ถึงอย่างไรคุณหนูซ่งก็กําลังจะอภิเษกกับองค์ชายสามแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เป็ชายาเอก แต่ก็เป็ชายาเพียงหนึ่งเดียวขององค์ชายสามอย่างแท้จริง ทุกคนก็ควรจะหวั่นเกรงไม่มากก็น้อย"
หลิ่วอิงเอ๋อร์โบกไม้โบกมือ ถึงกระนั้น แน่นอนว่านางก็ไม่กล้ากล่าวต่อหน้า เื่นี้เป็ความลับของราชวงศ์ที่ไม่สามารถประกาศต่อภายนอกได้ ผู้ใดเล่าจะกล้ากล่าวออกมาอย่างเอิกเกริกราวกับกำลังเล่านิทานในโรงน้ำชา ย่อมเป็การเล่าเพื่อความบันเทิงลับหลังเท่านั้น
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า คาดว่าเป็เพราะฐานะขององค์ชายสาม ถึงอย่างไรก็เป็โอรสของฮ่องเต้ ไม่มีผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็เื่ปกติ ยิ่งไปกว่านั้นในยุคนี้การปฏิบัติต่อสตรีค่อนข้างเคร่งครัด
“พูดถึงเื่เหล่านี้ เื่นี้เพียงเื่เดียวสามารถสร้างความบันเทิงให้หม่อมฉันไม่น้อยใน่สองวันที่ผ่านมา” หลิ่วอิงเอ๋อร์จิบชาเพื่อผ่อนคลาย จากนั้นคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิพี่หญิง ก่อนหน้านี้พระองค์เคยบอกว่าทำชุดเล็กๆ ไว้ให้แมวไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ อยากให้หม่อมฉันดูสักหน่อยหรือไม่เพคะ?”
จริงด้วย เหยาเชียนเชียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว หลิ่วอิงเอ๋อร์ชอบแมวมาก เหยาเชียนเชียนพูดถึงเสี่ยวไกวไกวที่อยู่ในจวน ทั้งสองจึงยิ่งมีหัวข้อที่สามารถคุยกันได้ไม่รู้จบ
ครั้งที่แล้วที่จวนซั่งซู พวกนางตัดสินใจกันว่าจะลองทำเสื้อผ้าตัวเล็กให้แมว เหยาเชียนเชียนขอให้หลิ่วอิงเอ๋อร์นั่งรอสักครู่ ส่วนนางก็กลับไปเอากระดาษวาดรูปและผ้าตัวอย่างมา
นางไม่ชอบให้ผู้อื่นรื้อค้นห้องของตัวเองั้แ่ไหนแต่ไร โชคดีที่ห้องของนางอยู่ไม่ไกลนัก เหยาเชียนเชียนจึงคิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวจะกลับมา
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในชั่วขณะที่นางเพิ่งเดินออกไป ภายในห้องก็มีลูกแมวตัวหนึ่งเดินออกมาด้วยความงงงวย
อาเหยียนถูกเป่ยเหลียนโม่ทะนุถนอมมาั้แ่เด็ก โดยปกติแล้วไม่มีผู้ใดกล้าเข้าและออกเรือนของเขาตามอําเภอใจ แม้ว่าจะมีธุระก็ต้องยืนอยู่ในสวนเท่านั้น พูดจบแล้วก็ออกไปไม่สามารถรั้งอยู่นานได้
เป่ยเหลียนโม่กังวลว่าจะมีคนค้นพบความพิเศษของอาเหยียน หลายปีที่ผ่านมาอาเหยียนจึงเคยชินกับการที่ในเรือนของเขาปลอดผู้คน มีเพียงเหยาเชียนเชียนเท่านั้นที่ชอบอยู่กับเขาในห้อง
หลังจากที่ตื่นจากการงีบหลับ เป็ดย่างที่ส่งกลิ่นหอมอยู่บนโต๊ะราวกับร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ท่านพ่อไม่อยู่ ครั้งที่แล้วเขายังไม่ได้กินจนหนำใจเลย ครั้งนี้ในที่สุดก็ได้กินอย่างมีความสุขเสียที
ทว่าเมื่อกินถึงยามท้ายอาจเป็เพราะกินมากเกินไป อาเหยียนน้อยจึงไม่สามารถคงร่างมนุษย์ไว้ได้ พิจารณาแล้วว่าถึงอย่างไรก็เป็ท่านแม่ เขาจึงเดินเข้าไปอย่างเปิดเผย
“อ๊ะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์กวาดสายตามองปราดเดียวก็เห็นเ้าแมวน้อยตัวนี้ นางนั่งยองๆ อย่างระมัดระวังและโบกมือให้มัน “เด็กดี มานี่สิ”
ลูกแมวยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตื่นตระหนก ด้วยไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในสวน เขานิ่งค้างอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าผู้เป็แม่ไม่อยู่จึงทำได้เพียงก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องกลัว ที่นี่มีของอร่อยนะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์ชอบเ้าก้อนแป้งน้อยตัวนี้มาก จึงถือโอกาสที่มันขาสั้นตัวสั้นวิ่งเข้าไปจับมันไว้อย่างรวดเร็วและประคองไว้บนฝ่ามือพลางหยอกเย้าไปด้วย
“เป็เด็กดีนะ ไม่ต้องกลัวๆ” นางปลดป้ายหยกตรง่เอวออกแล้วใช้พู่ระย้าเล่นกับมัน ลูกแมวน้อยทนไม่ไหวกับการหยอกเย้า จึงยื่นอุ้งเท้าเล็กๆ ออกไปคว้าพู่ระย้าไว้อย่างอดไม่ได้
ในยามที่เหยาเชียนเชียนกำลังรีบกลับมานั้น ก็ทันเห็นลูกแมวน้อยกัดพู่ระย้าอยู่ และหลิ่วอิงเอ๋อร์ที่ประคองมันไว้ก็กำลังส่งเสียงร้อง
“อ๊ะ!”
เหยาเชียนเชียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า นางเดินเข้าไปชี้ที่ลูกแมวแล้วถามด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า "เกิด...เกิดอะไรขึ้น?"
“พี่หญิง พระองค์ดูสิเพคะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางใของนาง “เมื่อครู่มันะโขึ้นมาคว้าด้วย พระองค์ดูสิ"
นางแสดงให้เหยาเชียนเชียนดูอย่างตื่นเต้น แต่ในขณะนี้เหยาเชียนเชียนรู้สึกใเสียจนเวียนหัวตาลาย นางฝืนพยุงตัวเองกับโต๊ะจากนั้นก็ปั้นหน้ายิ้ม
“เ้าเจอแมวตัวนี้ที่ไหน เหตุใด...ถึงมาอยู่กับเ้าได้?”
“เมื่อครู่หม่อมฉันกำลังรอพี่หญิงอยู่ที่นี่ มันออกมาจากห้องเองเพคะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์กอดและจูบมันเบาๆ “พี่หญิง หม่อมฉันชอบมันมากจริงๆ พระองค์มอบมันให้หม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ?”
“ไม่ได้!” เหยาเชียนเชียนรีบกล่าวอย่างใ
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเกินไป เหยาเชียนเชียนจึงกระแอมเบาๆ สองครั้ง และอธิบายว่าแมวตัวนี้เป็ของอาเหยียน โดยปกติถูกรักและทะนุถนอมมาก เวลานอนเขาก็้าให้มันไปนอนด้วย เพราะฉะนั้นไม่อาจมอบให้ผู้อื่นได้อย่างเด็ดขาด
“ที่แท้ก็เป็แมวของเสี่ยวซื่อจื่อนี่เอง” หลิ่วอิงเอ๋อร์พินิจมองมันอย่างละเอียด “พอกล่าวเช่นนี้ ดูเหมือนว่ามันก็ค่อนข้างคล้ายกับเสี่ยวซื่อจื่อ น่าสนใจยิ่งนัก”
ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆ เหยาเชียนเชียนปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หากให้คนมาพาอาเหยียนออกไป ชิงผิงอ๋องจะต้องหันกลับมาฝังนางอย่างแน่นอน
“น่าเสียดาย” หลิ่วอิงเอ๋อร์ลูบขนลูกแมวอย่างอาลัยอาวรณ์ “หม่อมฉันไม่เคยเห็นแมวที่สวยงามและน่ารักเช่นนี้มาก่อน และหม่อมฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็สายพันธุ์ใด”
ไม่ชัดเจนจริงๆ เหยาเชียนเชียนยิ้มแห้ง ก่อนจะรับลูกแมวมาจากมือของอีกฝ่าย หัวใจราวกับตกลงไปอยู่ในท้อง
“ในเมื่อเป็แมวของเสี่ยวซื่อจื่อ เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่ควรเอามันออกไป ไว้วันหน้าค่อยมาเยี่ยมอีกทีแล้วกัน”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าอย่างแรง ก่อนจะถือโอกาสดึงภาพวาดด้านข้างออกมาและเรียกให้อีกฝ่ายดูเพื่อหาข้ออ้างที่จะพาแมวน้อยกลับไปที่ห้อง
“เ้าทำแม่ใแทบตาย” นางลูบขนบนท้องแมวน้อยเบาๆ “คราวหน้าห้ามวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะ ในยามที่ไม่สามารถกลับร่างได้ก็รออยู่ในที่ที่ปลอดผู้คน เข้าใจหรือไม่?”
ลูกแมวตัวน้อยมองนางอย่างไร้เดียงสา ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็ทำใจตำหนิไม่ลง เหยาเชียนเชียนทำหน้ามุ่ยและจูบไปที่หัวเล็กเบาๆ โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเห็นเข้า ไม่เช่นนั้นนางจะอธิบายให้ชิงผิงอ๋องฟังได้อย่างไร
“ถวายบังคมท่านอ๋อง” เสียงของหลิ่วอิงเอ๋อร์ดังมาจากนอกประตู “ท่านอ๋องเสด็จมาหาเสี่ยวซื่อจื่อหรือเพคะ?”
ชิงผิงอ๋อง!
เหยาเชียนเชียนสูดอากาศเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง นางอุ้มลูกแมวไว้พลางคิดว่าอยากจะะโออกจากหน้าต่างไปเหลือเกิน เหตุใดพวกเขาสองคนถึงต้องมาในเวลานี้ นางมองลูกแมวด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ลูกรัก เ้าเปลี่ยนร่างกลับมาเวลานี้ได้หรือไม่?”
ยามนี้ดวงตาที่กลมโตนั้นไร้เดียงสามากขึ้นกว่าเดิม หากเพียงแค่นอนหลับและเปลี่ยนร่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นนั้นก็สามารถเปลี่ยนร่างกลับมาได้ แต่ยามนี้เขากินเป็ดย่างมากเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนร่างกลับมาได้สักระยะหนึ่ง
“เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้ว สายตามองไปทางประตูที่ปิดแน่นสนิท
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่พี่หญิงเพิ่งเข้าไปส่งแมวคืนให้เสี่ยวซื่อจื่อ หม่อมฉันก็เลยรออยู่ที่นี่เพคะ”
ส่งแมว?
แมว!
ชิงผิงอ๋องเดินเข้าไปด้วยความกังวล เขาสั่งให้คนส่งหลิ่วอิงเอ๋อร์กลับจวนไปก่อน จากนั้นเขาจึงเปิดประตูออก
สถานการณ์อันตราย เหยาเชียนเชียนใกับเสียงเปิดประตูชนิดที่เรียกได้ว่าสะดุ้งโหยงจริงๆ นางวางลูกแมวไว้ในอ้อมแขนโดยสัญชาตญาณ และหันกลับไปค้อมคำนับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านอ๋องเสด็จมาได้อย่างไรเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว สายตาสบเข้ากับดวงตากลมโตของบุตรชายที่โผล่ออกมาให้เห็นเพียงครึ่งหัว เขายังคิดไม่ออกว่าจะอธิบายกับเหยาเชียนเชียนอย่างไรดี ยามนี้...ยามนี้จะเอาลูกกลับมาก่อนได้อย่างไร
“แมวตัวนี้...เ้าไปได้มาจากที่ใดหรือ?” เขาถามหยั่งเชิง
เหยาเชียนเชียนปลุกความฮึกเหิมในใจ แสดงท่าทางสบายๆ ด้วยทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมและลึกซึ้งที่สุดของนาง
“หม่อมฉันเก็บมันมาจากสวนดอกไม้ และอยากมอบให้อาเหยียนเพคะ แต่ไม่คิดว่าอาเหยียนจะไม่อยู่ที่ห้อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอนำกลับไปก่อน รออาเหยียนกลับมาแล้วค่อยนำมามอบให้เขาด้วยตัวเองอีกครั้งเพคะ”
หืม?
ชิงผิงอ๋องยื่นมือออกไปขวางนางไว้ น้ำเสียงของเขาสับสนเล็กน้อย "ส่งมันมาให้เปิ่นหวังเถิด เปิ่นหวังรู้ว่าอาเหยียนอยู่ที่ใด"
เขาจะรู้ได้อย่างไรเล่า อาเหยียนก็อยู่ในอ้อมแขนของนางอย่างไร จะโกหกก็ไม่ร่างไว้ก่อน
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวไว้ในอ้อมแขนของนางและไม่มีความคิดที่จะมอบมันให้อีกฝ่าย ในทางกลับกันนางกลับถอยไปครึ่งก้าวและมองเป่ยเหลียนโม่ด้วยใบหน้าประจบประแจง
“ท่านอ๋องทรงมีราชกิจรัดตัวจะมีเวลาดูแลแมวเล็กขนาดนี้ได้อย่างไร แมวเด็กเช่นนี้อ่อนแอยิ่งนัก ให้หม่อมฉันดูแลมันเถิดเพคะ หม่อมฉันสามารถเลี้ยงให้โตสักหน่อยแล้วค่อยมอบให้อาเหยียนได้”
เลี้ยงให้โต?
เส้นเืบนหน้าผากของเป่ยเหลียนโม่เต้นเป็จังหวะ เขา้าเลี้ยงเด็กคนนี้จนเติบโตไปพร้อมกับนาง แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้
“ไม่ต้อง เปิ่นหวังจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเลี้ยงดู”
เขาหมายจะเอื้อมมือไปคว้ามันมาอย่างที่พูด แต่กลับถูกเหยาเชียนเชียนหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยแวววิงวอน
“ท่านอ๋อง ได้โปรดให้หม่อมฉันเอาไปเถิดเพคะ หม่อมฉันชอบมันมาก พระองค์โปรดให้หม่อมฉันรั้งมันไว้สักระยะเถิด”
ถึงอย่างไรก็ไม่รู้ว่าอาเหยียนจะกลับร่างมนุษย์ได้เมื่อใด คนทั้งสองมองลูกแมวตัวนั้นในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่วางใจที่จะมอบแมวน้อยให้อีกฝ่ายจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] อี้เจิ้ง หมายถึง โรคฮิสทีเรีย
