ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ “เธอรู้ด้วย? นี่คือสมบัติที่ตกทอดมาในตระกูลซ่ง ฉันให้เธอ”
“มันจะเหมาะสมเหรอคะ” เซี่ยโม่ถามอย่างไม่แน่ใจ
ซ่งมู่ไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เธอคือคู่หมั้นของฉัน ก็ต้องเหมาะสมอยู่แล้ว”
เซี่ยโม่รู้สึกมีความสุขมาก ตอนนี้เธอคือว่าที่คุณนายของเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศ ให้ความรู้สึกไม่เลวเลยจริงๆ
ยุคนี้ราคาของหยกยังไม่แพงมาก กระนั้นหยกจักรพรรดิก็นับเป็หยกที่มีคุณภาพสูง เป็ที่้าของผู้คนมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็หยกที่พบเจอได้ยาก
แม้ในโกดังสินค้าของเธอจะมีก้อนหยกดิบเก็บเอาไว้สิบก้อน แต่คุณภาพนั้นไม่อาจสู้กำไลหยกจักรพรรดิวงนี้ได้
ตอนนี้หยกจักรพรรดิที่แสนจะหายากมาอยู่ตรงหน้าเธอ มีหรือจะอดใจไม่ลองสวมได้
เซี่ยโม่ยื่นแขนออกไป พี่ซ่งหยิบกำไลหยกออกมาจากกล่อง ก่อนจะบรรจงสวมข้อมือให้
ซ่งมู่ไป๋พบว่าแขนของเด็กสาวเล็กมาก พอสวมกำไลหยกวงนี้เข้าไปแล้วเหมือนมันสามารถหลุดออกจากข้อมือได้ทุกเมื่อ ราวกับเด็กเอาเครื่องประดับของผู้ใหญ่มาใส่อย่างไรอย่างนั้น
เธอรู้สึกเศร้าเหลือเกิน ก่อนจะค่อยๆ ถอดกำไลหยกออก แล้วเก็บใส่กล่องไว้เหมือนเดิม
ซ่งมู่ไป๋ดูออกว่าเด็กสาวกำลังเสียใจจึงพูดปลอบ “หลังจากนี้ก็กินให้เยอะหน่อย รอแขนใหญ่ขึ้นกว่านี้ค่อยใส่”
เมื่อเห็นทางออกที่เข้าท่า ใบหน้าเธอก็กลับมามีรอยยิ้มดังเดิม
“ฉันยังอายุน้อย ไม่รีบค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มตอบ ในเมื่อเด็กสาวคิดได้แล้ว จึงไปที่ของชิ้นต่อไป เขาหยิบสมุดบัญชีออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เด็กสาว
“นี่คือเงินทั้งหมดที่ฉันมี เธอเก็บเอาไว้นะ”
เซี่ยโม่รับมาแล้วเปิดดู ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ในสมุดบัญชีมีเลขศูนย์อยู่หลายตัว จำนวนเงินสุทธิในบัญชีมีตั้งสามหมื่นหยวน
ขนาดเธอมีโกดังสินค้ายังมีเงินสดแค่สามพันกว่าหยวน แต่คนตรงหน้ากลับมีเงินสดมากกว่าเธอถึงสิบเท่า
เยอะเกินไปแล้ว
ข้าวของสมัยนี้ราคาถูก ไม่กี่ปีก่อนถึงจะปรากฏสิ่งของราคาจำนวนหลักหมื่น
จำนวนเงินที่เห็นขณะนี้ช่างเป็มูลค่าที่สูงจนน่ากลัว
มิน่าทำไม่แรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจ พี่ซ่งถึงโดดเด่นกว่าใคร ต่อมาก็กลายเป็บุคคลผู้รวยที่สุดในประเทศ ที่แท้เพราะในมือมีเงินอยู่แล้วนี่เอง
“ทำไมพี่ถึงมีเงินเยอะแบบนี้ได้คะ” เธอถามอย่างใคร่รู้
ซ่งมู่ไป๋แย้มยิ้ม “คิดดูให้ดีสิว่าฉันทำอะไร ฉันไม่เคยปิดบังเธอเลยนะ”
ในสมองของเธอปรากฏบ้านเลขที่ 56 ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ไหนจะบ้านในตำบลของพี่พั่งจื่อกับพี่โซ่วจื่ออีก
ชะรอยว่าเงินพวกนี้จะได้มาจากการแอบค้าขายของเ่าั้
ส่วนพี่พั่งจื่อ พี่โซ่วจื่อ และพวกพี่ๆ ที่เคยไปตัดฟืนให้เธอ ท่าทางว่าพวกเขาคงเป็ลูกน้องของพี่ซ่ง
เธอไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายกับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่ เดิมทีนึกว่าสามารถทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่ในเมื่อตอนนี้หมั้นหมายกันแล้วเธอจึงอดเป็ห่วงไม่ได้
เธอนิ่งไปนานกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ “พี่…ระวังด้วยนะคะ”
คนตรงหน้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “วางใจเถอะ ฉันมีคนหนุนหลัง”
ยุคนี้ล้วนถือคติว่า จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้ขลาด
“วันนี้พวกเรากินอะไรกันดีคะ” เซี่ยโม่เปลี่ยนเื่ เธอเองก็มีความลับเช่นกัน เลยไม่ถามอะไรให้มากความ
ซ่งมู่ไป๋ลุกขึ้นก่อนจะออกไปพูดอะไรบางอย่างกับพนักงานข้างนอก ไม่นานอาหารก็ทยอยนำเข้ามาวางบนโต๊ะ
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็อาหารที่เธอชื่นชอบทั้งสิ้น มีทั้งหมูสามชั้นหมักซีอิ๊ว ซานเย่า[1]น้ำผึ้ง หมูน้ำแดง ปลาเปรี้ยวหวาน และไวน์แดงหนึ่งขวด
เมื่อเห็นว่าอาหารแต่ละอย่างจัดมาบนจานขนาดใหญ่ เธอจึงเอ่ยอย่างเป็กังวล “พี่สั่งเยอะเกินไปแล้ว แบบนี้จะกินหมดเหรอคะ”
“วันหมั้นของพวกเราก็ต้องสั่งให้ครบทั้งสี่จานสิ เธอกินเถอะ ถ้าไม่หมดเดี๋ยวฉันห่อกลับ”
ได้ยินเช่นนั้นเซี่ยโม่ถึงค่อยวางใจ เธอหันไปมองขวดไวน์ก่อนจะเอ่ย “ตอนบ่ายฉันยังมีเรียนคงดื่มไวน์ไม่ได้ค่ะ”
แต่พี่ซ่งกลับส่ายหน้าอย่างไม่ให้เธอปฏิเสธ “ฉันอุตส่าห์เตรียมให้ ดื่มสักแก้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันดื่มเอง”
“ก็ได้ค่ะ” เซี่ยโม่พยักหน้า
ชาติที่แล้วเธอเองก็ชอบดื่มไวน์แดง เพียงแต่ทุกครั้งจะดื่มพอหอมปากหอมคอ
นี่เป็ความลับที่ไม่มีใครรู้ นึกไม่ถึงเลยว่าพี่ซ่งจะจัดเตรียมของได้ตรงกับรสนิยมของเธอพอดี
ซ่งมู่ไป๋เปิดขวดไวน์ รินเครื่องดื่มสีแดงแกมม่วงใส่แก้วของตัวเองจนเต็มแก้ว แต่พอถึงแก้วของเซี่ยโม่กลับรินให้ไม่ถึงครึ่ง ปริมาณพอแค่ดื่มหนึ่งอึกใหญ่เท่านั้น
“เป็ยังไงบ้าง”
เธอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ซ่งมู่ไป๋ชูแก้วไวน์ขึ้น ความในใจถูกไล่เรียงออกมาพร้อมน้ำเสียงอันหนักแน่น “พวกเราอุตส่าห์ได้พบกันท่ามกลางผู้คนมากมาย ทั้งยังมีวาสนาได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ฉันจะดูแลและรักษาความสัมพันธ์ของพวกเราให้ดี”
“พี่ซ่ง ถึงฉันจะอายุยังน้อย ยังไม่เข้าใจเื่ความรัก แต่พี่ก็ยังอุตส่าห์จะรอจนฉันโต ฉันสัญญาว่าจะรักพี่ตลอดไปค่ะ” เซี่ยโม่ชูแก้วไวน์ขึ้นพร้อมกล่าวคำมั่น
“แด่อนาคตของพวกเรา”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้แก่กัน บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยความสุขอันหอมหวาน
หลังจากจิบไวน์แดงไปคนละนิด ทั้งคู่ก็เริ่มขยับตะเกียบเพื่อรับประทานอาหาร
ก่อนหน้านี้เธอเคยลองกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐในตำบลมาหลายหน ตอนนั้นไม่เห็นรู้สึกอร่อยเลยสักนิด ทว่าอาหารทุกจานในวันนี้กลับเลิศรสอย่างยิ่ง
“พี่ซ่ง ทั้งที่เป็พ่อครัวในร้านอาหารของรัฐเหมือนกัน แต่ทำไมฝีมือกลับต่างกันขนาดนี้คะ” เธอสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามชายหนุ่ม
ซ่งมู่ไป๋เข้าใจในทันทีว่าคำถามของเด็กสาวหมายความว่าอย่างไร เขายิ้มพร้อมกับอธิบายอย่างใจเย็น “ฉันจะพูดอะไรให้ฟัง ร้านอาหารของรัฐในตำบลมีพ่อครัวใหญ่แค่คนเดียว แต่พ่อครัวใหญ่มีลูกศิษย์หลายคน น้อยครั้งมากที่เขาจะลงมือทำอาหารเอง และอาหารบนโต๊ะพวกนี้เป็ฝีมือเขา”
เธอทราบดีว่าพี่ซ่งมีเส้นสายและคนรู้จักมากมาย เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงใช้ห้องอาหารส่วนตัวภายในร้านอาหารของรัฐได้ แต่ยังสามารถทำให้พ่อครัวใหญ่ลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกต่างหาก
เด็กสาวตาโตอย่างคาดไม่ถึง
ชายหนุ่มอธิบายต่อ “ปกติฉันไม่ทำแบบนี้ แต่ที่วันนี้ทำไปก็เพื่อเธอ เื่ไหนที่เกี่ยวกับเธอแล้วฉันก็ต้องเต็มที่และเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”
เธอรู้สึกตื้นตันและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธอมีดีพอที่พี่ซ่งจะให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้เลยหรือ
“ขอบคุณนะคะ”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจริงใจ “ระหว่างพวกเรายังต้องมีคำว่าขอบคุณอีกเหรอ พวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเสียหน่อย”
“ค่ะ ฉันจะจำเอาไว้”
เมื่อวานที่ได้รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เธอรู้สึกอิ่มเอมใจเป็อย่างมาก วันนี้ยังได้กินข้าวสองต่อสองกับพี่ซ่งอีก ไม่เพียงแค่มีความสุข แต่ยังรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติก
เซี่ยโม่ชอบความรู้สึกตัวเองขณะนี้เหลือเกิน
ซ่งมู่ไป๋มองหน้าคู่หมั้นหมาดๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันมีความสุขมาก เธอล่ะ”
“ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกันค่ะ ฉันอยากให้พวกเราเป็แบบนี้ไปตลอด”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
หลังจากกินข้าวเสร็จ ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวด้วยแววตาหวานซึ้งพร้อมกับพูดออดอ้อน “โม่โม่ ฉันอยากจับมือเธอจัง”
นึกถึงชาติที่แล้ว ในกลุ่มผู้หญิงจะชอบพูดกันว่า ผู้ชายมักชอบได้คืบจะเอาศอก เดิมทีเซี่ยโม่คิดจะปฏิเสธ แต่พอคิดถึงว่าวันนี้คือวันดีของพวกเธอทั้งคู่เลยยอมหยวนให้ “วันนี้เป็วันพิเศษ แต่ต่อไปฉันไม่อนุญาตแล้วนะคะ”
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มกว้าง “ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ”
เมื่อได้รับความยินยอม มือใหญ่ของซ่งมู่ไป๋พลันยื่นมากอบกุมมือเธอไว้ มือที่เคยเย็นเฉียบของเด็กสาวอบอุ่นขึ้นมาในทันใด
“มือของพี่อุ่นจัง”
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวด้วยความปวดใจ เธอเหมือนต้นหญ้าที่เติบโตตามซอกหิน ทั้งยืนหยัดฟันฝ่าต่ออุปสรรคและแข็งแกร่งน่าชื่นชม
“ตัวผู้ชายจะอุณหภูมิสูงกว่าผู้หญิง ต่อไปฉันจะคอยให้ความอบอุ่นกับเธอเอง” เขาพูดด้วยสีหน้าลึกล้ำ
เซี่ยโม่น้ำตาคลอเบ้า ชาติที่แล้วเคยคาดหวังให้มีใครสักคนพูดแบบนี้กับเธอมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยมีวันนั้นกระทั่งตายจากไป
ในที่สุดชาตินี้เธอก็สมหวังแล้ว
พอเห็นเด็กสาวซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้ เขาจึงเปลี่ยนไปพูดเื่อื่น “จริงด้วย ฉันลืมบอกเธอไปเลย เซี่ยอวิ๋นกลับไปอยู่กับหวางลี่ลี่แล้วนะ พี่ชายของหวางลี่ลี่เป็คนไปส่ง”
“เป็ฝีมือพี่เหรอคะ”
“ก็ใครใช้ให้มารังแกเธอล่ะ สองแม่ลูกคู่นั้นสมควรโดนแล้ว” รอบตัวซ่งมู่ไป๋เต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้น
เซี่ยโม่รู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของชายหนุ่ม การมีคนคอยปกป้องมันช่างดีเหลือเกิน
----------------------------------
[1] ซานเย่า หรือ ฮ่วยซัว เป็พืชตระกูลเดียวกับกลอย สามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง มีลักษณะกลมเรียวยาว เปลือกสีน้ำตาลเข้ม เนื้อข้างในสีขาวนวล มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1–2.5 เิเ
