ภายในห้องหนังสือ
โม่เสวี่ยิ่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นคุยกันไปไม่น้อยแล้ว โม่เสวี่ยิ่ผละออกจากอ้อมกอดของซือหม่าหลิงอวิ๋น ลุกขึ้นยืนและหันไปถามอย่างไม่วางใจ “จวนของข้ากับท่านอยู่ห่างกันไม่กี่ถนน ถึงเวลาประตูหน้าจะต้องชุลมุนวุ่นวายเป็แน่ เกรงว่าคนเข้ามาก็เยอะตามไปด้วย หากท่านเข้ามาทางประตูหน้าย่อมถูกคนขวางไว้ ไม่อาจไปถึงเรือนด้านหลัง หรือคนก็เยอะจนเดินไปไหนไม่ได้ ไม่สู้ท่านเข้ามาทางประตูท้ายจวนดีกว่า ข้าจะให้บ่าวเปิดประตูไว้ให้”
แม้จะกำหนดทุกอย่างไว้เกือบหมดแล้ว แต่โม่เสวี่ยิ่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจ นางเป็คนคิดมากมาั้แ่ไหนแต่ไร ดังนั้นจึงกำชับกับซือหม่าหลิงอวิ๋นอีกครั้ง
ซือหม่าหลิงอวิ๋นก็ยืนขึ้นพร้อมกัน หัวเราะในลำคอแล้วเอื้อมมือมากอดรัดนางจากด้านหลัง แล้วเอี้ยวศีรษะเข้าไปประทับจุมพิตที่แก้มของนาง ก่อนกล่าวอย่างไร้กังวล “วางใจเถอะ ข้าไม่ลืมหรอก ประตูท้ายจวนของพวกเ้าอยู่ใกล้กับห้องบูชาบรรพชน ใช้เวลาไม่นานก็เข้าไปได้ เื่ที่เ้ากำชับมาแต่ละอย่างข้าเคยลืมที่ไหน”
เื่คลำมัจฉาในน้ำขุ่นทำนองนี้ไม่ใช่เื่ยาก จวนโม่เกิดเื่แบบนั้น ผู้ที่อยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือย่อมมีมาก ใครจะมาสนใจคุณหนูคนหนึ่งที่ถูกลงโทษอยู่ในห้องบูชาบรรพชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งซือหม่าหลิงอวิ๋นเคยลอบเข้าทางประตูท้ายจวนมาแล้วไม่ใช่เพียงครั้งเดียว จึงนับว่าคุ้นเคยลู่ทางเป็อย่างดี
“วางใจ? อย่างไรข้าก็ยังไม่วางใจอยู่ดีนั่นล่ะ หากไม่มีเื่เช่นตอนกลางวัน คืนนี้ข้าหรือจะต้องถ่อมาถึงนี่” โม่เสวี่ยิ่เบี่ยงกายออกมาจากอ้อมกอดของซือหม่าหลิงอวิ๋นอย่างไม่แสดงสีหน้า ทว่าวาจากลับแผ่กลิ่นอายเคียดขึ้ง หากเมื่อกลางวันไม่เกิดเื่ผิดฝาผิดตัว ป่านนี้นางคงได้ยืนมองเื่สนุกของโม่เสวี่ยถงสบายไปแล้ว
“ต้องให้ข้าอธิบายเท่าไรเ้าจึงจะเชื่อกัน ิ่เอ๋อร์... น้องสี่ของเ้าต้องมีปัญหาแน่นอน แม้ไม่เอ่ยถึงว่าปรกติแล้วข้ามีความอดทนควบคุมตนเองได้ดีเพียงใด เ้าเคยเห็นข้าเคยก้อร่อก้อติกกับสาวใช้สักคนหรือไม่เล่า ด้วยรูปลักษณ์น้องสี่ของเ้า จะทำให้ข้าลุ่มหลงจนลืมงานสำคัญได้อย่างไร ข้าได้แต่มองโม่เสวี่ยถงเดินลงจากรถไป เพราะถูกน้องสี่ของเ้าพัวพันไม่เลิกนี่แหละ” พอเอ่ยถึงเื่นี้ โทสะของซือหม่าหลิงอวิ๋นก็ระอุกรุ่นเต็มท้อง เื่เดินมาดีๆ แต่โม่เสวี่ยฉงกลับแทรกเข้ามาทำพังหมด
ในสามสตรีพี่น้องสกุลโม่ คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อยก็คือโม่เสวี่ยฉง ปรกติเมื่อนางพบเขาดวงตาก็จะเป็ประกายวิบวับ จงใจเสแสร้งทำตัวอ่อนหวานน่ารำคาญยิ่ง หญิงงามปานล่มเมืองอย่างโม่เสวี่ยถงอยู่ตรงหน้า ตนเองจะปล่อยให้นางลงรถไปได้อย่างไร แค่คิดถึงยามที่จุมพิตกับโม่เสวี่ยฉง ซือหม่าหลิงอวิ๋นก็นึกสะอิดสะเอียนจนแทบทนไม่ไหว
ส่วนลึกในใจเขานึกิ่แคลนฐานะบุตรอนุภรรยามาั้แ่ไหนแต่ไร แค่ลูกอนุต้อยต่ำยังกล้าอาจเอื้อมตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อของเขา แต่แน่นอนว่าคำพูดนี้เขาย่อมไม่เอ่ยต่อหน้าโม่เสวี่ยิ่เด็ดขาด
“เื่ของน้องสี่ข้าจะตรวจสอบเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรชื่อเสียงของนางก็เสียหายไปแล้ว ท่านไม่แต่งนาง แต่กลับแต่งโม่เสวี่ยถง จากนี้ไปนางย่อมชิงชังโม่เสวี่ยถงยิ่งกว่าเดิม ข้ายังอยากเห็นนางแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย จะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้ให้กับโม่เสวี่ยถง ท่านจะจัดการกับนางอย่างไรก็เอาเถิด ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ทุกสิ่งที่ทำไปก็เพื่อท่านทั้งสิ้น หวังว่าท่านจะเข้าใจหัวอกของข้า”
โม่เสวี่ยิ่ไม่ชอบความอวดโอหังที่แฝงอยู่ในถ้อยคำของซือหม่าหลิงอวิ๋นเท่าใดนัก จวนเจิ้นกั๋วโหวตกอับแล้ว มีแต่สตรีโง่งมเช่นโม่เสวี่ยฉงเท่านั้นที่หลงใหลได้ปลื้มเห็นเป็สมบัติล้ำค่า แต่เวลานี้นางยังปล่อยมือจากซือหม่าหลิงอวิ๋นไม่ได้ จึงมิอาจทำสิ่งใดเกินขอบเขต หันไปทำท่ากระเง้ากระงอดใส่เขา ภายใต้แสงตะเกียงสลัว ใบหน้าพริ้มเพรายั่วยวนป่วนใจคน
“อื้อ... ข้ารู้ว่าิ่เอ๋อร์ดีต่อข้าที่สุด วางใจเถิด ข้าต้องตอบแทนเ้าแน่ รอให้จวนเจิ้นกั๋วโหวกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งเมื่อไร ข้าจะเขี่ยโม่เสวี่ยถงทิ้งแล้วมาแต่งกับเ้าดีหรือไม่”
โฉมงามยามอยู่ใต้แสงเทียนสีนวล ยิ่งดูอ่อนหวานพริ้มเพราชวนให้รู้สึกวาบหวาม โม่เสวี่ยิ่รูปโฉมงดงามประดุจหยกชั้นเลิศ เรือนร่างมีส่วนโค้งเว้าทรงเสน่ห์เย้ายวน หัวใจของซือหม่าหลิงอวิ๋นพลันร้อนรุ่มราวกับถูกสุมด้วยเพลิงกองหนึ่ง อดใจไม่ไหวดึงโม่เสวี่ยิ่เข้าสู่อ้อมอก กดริมฝีปากแล้วแทรกเรียวลิ้นเข้าสู่กลีบปากนุ่มละมุนอย่างหื่นกระหาย มือตะโบมโลมไล้ไปทั่วร่างอรชรอย่างเอาแต่ใจ
ั้แ่คบหากันมา โม่เสวี่ยิ่ยังไม่เคยให้เขาล่วงล้ำถึงขั้นนี้ ครั้นพอมีโอกาสได้จุมพิตสาวงาม คนอย่างซือหม่าหลิงอวิ๋นย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
เสียงประตูห้องลั่นเอี๊ยดด้วยมีคนเปิดผลัวะเข้ามา ชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับรสจูบอันเร่าร้อนในอ้อมกอดซึ่งกันและกันพลันสะดุ้ง หันศีรษะมาทางต้นเสียง อวิ๋นอี้ชิวยืนหน้าซีดปากสั่นมือสั่นเกาะขอบประตู แววตากรุ่นโกรธจ้องมาที่โม่เสวี่ยิ่ ชั่วขณะนั้นพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
โม่เสวี่ยิ่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นผละออกจากกันทันที นางไม่รู้จักอวิ๋นอี้ชิว แต่ซือหม่าหลิงอวิ๋นจะไม่รู้จักได้อย่างไร เมื่อเห็นใบหน้างดงามปานบุปผาของญาติผู้น้องขาวซีดไร้สีเื ขบริมฝีปากล่างแน่นหนัก มือที่เกาะบานประตูสั่นระริกคล้ายจะหมดแรง หากไม่ใช่เพราะมีสาวใช้ประคองอยู่ด้านหลัง แม้แต่จะทรงตัวยืนอยู่คงไม่ไหว ดวงหน้างามละมุนดูจืดเจื่อน ได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างแรง ซือหม่าหลิงอวิ๋นเองก็ปวดใจไม่น้อย
อวิ๋นอี้ชิวอาศัยอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วโหวมานาน ความรู้สึกผูกพันย่อมแตกต่างจากผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ มานานแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นนางทั้งโกรธทั้งเสียใจ ก็รู้ได้ว่าญาติผู้น้องต้องได้ยินสิ่งที่ตนเองกล่าวกับโม่เสวี่ยิ่เมื่อครู่เป็แน่ พอขยับเท้าได้ก็หมายจะเข้าไปปลอบประโลม
แต่เมื่อเหลือบมองไปที่โม่เสวี่ยิ่ซึ่งหันข้างหลบไปจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างเยือกเย็น ในที่สุดก็มิได้เดินเข้าไป เพียงแค่หันหน้าไปพูดกับอวิ๋นอี้ชิวเสียงเรียบ “ญาติผู้น้อง ยามนี้แล้วไฉนจึงยังมาที่นี่อีก ฟ้ามืดแล้ว อากาศก็เย็น ควรจะเข้านอนเร็วหน่อยดีกว่า สุขภาพของเ้าไม่ค่อยดี ต้องเอาใจใส่ตนเองให้มากหน่อยนะ”
“พี่ชาย...” อวิ๋นอี้ชิวมองโม่เสวี่ยิ่ที่กำลังจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ริมฝีปากสั่นระริกคล้ายอยากเอ่ยวาจา แต่พอเริ่มจะเอื้อนเอ่ยกลับไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด มือบีบลงบนขอบประตูอย่างเอาเป็เอาตาย ความร้อนรุ่มสุมเข้ามาในอก ขบริมฝีปากแน่นพยายามระงับโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจ ดวงตาจับจ้องโม่เสวี่ยิ่อย่างแค้นเคือง
แม้ว่าโม่เสวี่ยิ่จะสงบเยือกเย็นอย่างไร แต่เมื่อถูกสายตามาดร้ายของอวิ๋นอี้ชิวจับจ้องก็เบือนหน้าหลบแล้วหยิบชุดคลุมบนโต๊ะขึ้นมาสวมคลุมศีรษะ นึกก่นด่าซือหม่าหลิงอวิ๋นอยู่ในใจว่าเป็สวะไร้ประโยชน์ เื่นอกจวนก็ทำยุ่งจนกลายเป็แบบนี้ ยังจะยุ่มย่ามกับญาติผู้น้องของตนเองอีก นี่ก็คงจะลักลอบกินในที่ลับกันมานานแล้วล่ะสิ!
หากมิใช่เพราะมืดแปดด้าน โม่เสวี่ยิ่หรือจะ้าคนอย่างซือหม่าหลิงอวิ๋น
“ญาติผู้น้อง เ้ากลับไปก่อนเถิด ข้ายังมีธุระต้องจัดการ” เห็นอวิ๋นอี้ชิวจ้องโม่เสวี่ยิ่เขม็ง ซือหม่าหลิงอวิ๋นก็รู้สึกหวั่นใจ ไอเบาๆ แก้เก้อ ก่อนเดินไปยืนอยู่หน้าอวิ๋นอี้ชิว แล้วเกลี้ยกล่อมให้นางหลบออกไปให้พ้นจากประตูก่อน เพื่อเปิดทางให้โม่เสวี่ยิ่ออกไปได้ เื่นัดพบกับโม่เสวี่ยิ่เป็ความลับ หากแพร่งพรายออกไปจะกลายเป็เื่ใหญ่
“พี่ชายบอกว่ามีธุระ แต่กลับมาขลุกอยู่กับสตรีอื่นที่นี่ นังแพศยาผู้นี้เป็ใคร ค่ำมืดดึกดื่นป่านนี้ไฉนจึงมาอยู่ในห้องส่วนตัวของท่านได้...” ในหัวของอวิ๋นอี้ชิวกลายเป็สีขาวโพลน มีเพียงใบหน้างามล้ำของโม่เสวี่ยิ่ที่ยังเหลืออยู่ ยามนี้ไหนเลยจะนำพาต่อสิ่งใด ความโกรธเคืองที่อัดแน่นอยู่ในอกพลันะเิออกมา ตวาดแหวชี้นิ้วไปที่โม่เสวี่ยิ่อย่างควบคุมตนเองไม่อยู่
ใบหน้าที่เคยนุ่มนวลอ่อนโยนเสมอมาบัดนี้หงิกงอจนดูไม่ได้ ซือหม่าหลิงอวิ๋นสะดุ้งโหยง พุ่งเข้าไปโอบรัด กดฝ่ามือปิดปากของนางไว้ แล้วดึงตัวเข้ามาในห้อง
เสียงแหลมเล็กที่แทรกผ่านความเงียบสงัดยามราตรีดังทอดไปไกล ทันทีที่โม่ซิ่วกับคนหามเกี้ยวสองคนซึ่งตามหญิงรับใช้าุโไปพักผ่อนได้ยินเสียงนี้เข้า ก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากสวนหย่อม
เมื่อมาถึงประตูเรือน จึงเห็นโม่เสวี่ยิ่สวมชุดคลุมปิดหน้าเดินออกมาอย่างรีบเร่ง พอเห็นพวกเขามากันแล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว ออกคำสั่งให้กลับทันที บ่าวชายสองคนหามเกี้ยวขึ้น สาวเท้าออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว โม่ซิ่วยังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามดุ่มๆ อยู่ด้านข้าง
ประตูห้องหนังสือปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ซือหม่าหลิงอวิ๋นอุดปากของอวิ๋นอี้ชิวไว้ พลางกระซิบเกลี้ยกล่อมข้างหูนาง “ชิวเอ๋อร์คนดีของพี่ มันไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด พี่้าความช่วยเหลือบางอย่าง จึงจำเป็ต้องหลอกให้นางตายใจ เ้าว่าหากพี่ชอบนางจริงๆ ไฉนจึงไม่พาไปพบกันท่านแม่เล่า จะต้องมาลักลอบพบกันเช่นนี้ไปทำไม”
อวิ๋นอี้ชิวน้ำตาไหลพราก เพราะมือของเขาปิดปากของนางอยู่ จึงได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของนางไม่ชัด มีเพียงเสียงร้องเรียก พี่ชาย... พี่ชาย... อยู่เพียงแค่คำเดียว น้ำเสียงแว่วหวาน ผนวกกับเมื่อครู่ถูกลากถูลู่ถูกังเข้ามา ทำให้ผมเผ้าที่มุ่นอย่างเรียบร้อยทิ้งตัวยาวสยายลงมาล้อมกรอบใบหน้าเล็กขาวซีด ยิ่งดูน่าสงสารเป็ทวีคูณ
“ชิวเอ๋อร์ อย่าได้โมโหโกรธเคือง เ้าฟังพี่พูดก่อนได้ไหม” ซือหม่าหลิงอวิ๋นก็อยากปล่อยมือ แต่กลัวว่าเสียงร้องของนางจะเรียกคนมาจนเป็เหตุให้เสียเื่ จึงเอ่ยถามทั้งที่ยังอุดปากหญิงสาวอยู่
อวิ๋นอี้ชิวที่อยู่ภายใต้อุ้งมือใหญ่เกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว สุขภาพของนางไม่ดีมาโดยตลอด เดิมทีก็แทบจะเป็ถังยาเคลื่อนที่ อยู่มาได้เพราะกินสมุนไพรทุกวี่วัน นางรู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็ลมเข้าไปทุกที สองหูอื้อไปหมด จึงได้แต่พยักหน้าอย่างแรงทีหนึ่ง หากซือหม่าหลิงอวิ๋นยังไม่ปล่อยมืออีก เห็นทีนางคงต้องขาดใจตายแน่
ซือหม่าหลิงอวิ๋นลดมือลงแล้วดึงร่างบางเข้ามากอด ตบไหล่นางที่หายใจหอบกระชั้นถี่เบาๆ แล้วปลอบประโลมด้วยถ้อยคำอ่อนโยน “ชิวเอ๋อร์คนดีของพี่ อย่าเสียงดัง เ้าคงไม่อยากให้ใครมาพบเข้า แล้วเป็เหตุให้พี่ต้องรับนางเข้าจวนมาจริงๆ กระมัง พี่ไม่อยากแต่งกับนาง มีเพียงชิวเอ๋อร์ผู้เดียวเท่านั้นที่พี่อยากแต่งด้วย”
คำพูดของเขาอ่อนโยนยิ่ง กอปรกับสายตาที่ทอประกายอบอุ่นด้วยความรัก ไหนจะน้ำเสียงนุ่มละมุนปานสายธารวสันต์ ทำให้อวิ๋นอี้ชิวสงบลงได้อย่างรวดเร็ว จริงด้วย หากเื่นี้แดงขึ้นมา พี่ชายย่อมเสียหน้าและอาจเป็เหตุให้ต้องแต่งสตรีผู้นั้นเข้าจวน แม้อวิ๋นอี้ชิวจะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็ผู้ใด แต่ยามนี้ก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรโวยวายให้เกิดเื่
แม้อวิ๋นอี้ชิวจะไม่เคยพบหน้าโม่เสวี่ยิ่มาก่อน แต่กลับรู้ได้ว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่คนที่พี่ชายจะแต่งเข้าจวน หน้าตาท่าทางยั่วยวนแบบนั้น ดูไม่เหมือนคุณหนูสามสกุลโม่ที่พบกันคราวที่แล้วโดยสิ้นเชิง ถึงนางจะริษยาคุณหนูสามผู้นั้นมากเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงกับชังน้ำหน้ามากมายนัก
พี่ชายบอกกับนางหลายครั้งแล้ว ว่าหัวใจเขามีเพียงนางผู้เดียว สตรีผู้นั้นเป็เพียงเครื่องมือที่ในการกอบกู้จวนเจิ้นกั๋วโหวให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งได้เท่านั้น
รอจนหมดประโยชน์เมื่อไร นางย่อมจะถูกพี่ชายทอดทิ้ง
เช่นนั้น... สตรีที่ปรากฏตัวขึ้นตอนนี้คือผู้ใดเล่า? ไฉนจึงสามารถเข้ามาอยู่ในห้องหนังสือของพี่ชายได้ แล้วยังมาอี๋อ๋อออเซาะกอดอยู่กับพี่ชายอีก หากนางได้ยินไม่ผิด พี่ชายแสดงเจตนาออกมาชัดเจนว่าจะมอบตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อให้แก่นาง จะเป็ไปได้อย่างไร หัวใจที่เพิ่งแจ่มใสขึ้นของอวิ๋นอี้ชิวพลันว้าวุ่นสิ้นหวังอีกครั้ง
ตำแหน่งนั้นเป็ของนาง เป็ของนางได้เท่านั้น!
“พี่ชาย... นางเป็ใครหรือเ้าคะ ท่านบอกข้ามาว่านางเป็ใคร” อวิ๋นอี้ชิวยังคงอยู่ในอ้อมกอดของซือหม่าหลิงอวิ๋น แต่กลับดึงแขนเสื้อของเขาไปมาแล้วถามคาดคั้น
“ไม่เอาน่าชิวเอ๋อร์คนดีของพี่ นางก็แค่พันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน หัวใจของพี่มีเพียงชิวเอ๋อร์คนเดียว คนดีของพี่ เ้ากลับไปก่อนเถอะนะ พี่ชายยังมีธุระต้องไปจัดการก่อน ไม่อาจอยู่เป็เพื่อนเ้าได้แล้ว” ซือหม่าหลิงอวิ๋นจะบอกให้อวิ๋นอี้ชิวรู้ถึงความสัมพันธ์ของตนเองกับโม่เสวี่ยิ่ได้อย่างไร อีกประเดี๋ยวตนเองยังมีธุระต้องไปจัดการ หากอวิ๋นอี้ชิวยังอยู่ที่นี่จะเกิดปัญหาได้ จึงปรายตาส่งสัญญาณให้สาวใช้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูมาพาตัวอวิ๋นอี้ชิวออกไป
เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการของโม่เสวี่ยิ่ อย่าให้ทางโน้นเกิดเื่แล้วตนเองยังไม่พร้อม ทำให้งานที่ใกล้สำเร็จต้องล่มลงในขั้นสุดท้าย โอกาสในครานี้ไม่อาจให้เกิดความผิดพลาดได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้