พลังสีทองในจุดตันเถียนไหลเข้าไปในร่างกายของถังเหล่ยอย่างไม่ขาดสาย ในเวลาเดียวกันก็ปกคลุมและไหลเวียนเป็วงโคจรในเส้นชีพจรของถังเหล่ย
นี่คือระดับผู้ชำนาญยุทธ์ที่พลังิญญายุทธ์ไม่เพียงกระจายไปทั่วร่างกาย แต่ยังหล่อเลี้ยงร่างกายของผู้ฝึกตนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ฝึกตนกับิญญายุทธ์เข้ากันมากขึ้นและสร้างรากฐานให้การทะลวงระดับที่สูงขึ้น
“เป็ไปได้อย่างไร! ถังเหล่ยรับการโจมตีของตงฟางป้าเทียนได้เยี่ยงไร?”
“เป็ไปไม่ได้ ตงฟางป้าเทียนเป็ถึงยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สาม ถังเหล่ยหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน?!”
“เมื่อครู่ตงฟางป้าเทียนออกกระบวนท่าสังหารชัดๆ หรือถังเหล่ยแค่โชคดี?”
ผู้ชมรอบด้านล้วนเดือดพล่านขึ้น ในฐานะที่เป็ผู้นำตระกูลตงฟาง ตงฟางป้าเทียนมีชื่อเสียงในเมืองอวิ๋นหลิวอยู่มาก ถึงแม้จะเสียแขนไปข้างหนึ่ง ก็หาใช่คนที่เด็กอย่างถังเหล่ยจะสามารถต่อกรได้เช่นนี้
สาเหตุที่ผู้อื่นล้วนสนใจ คือเื่ที่ถังเหล่ยป้องกันการโจมตีของตงฟางป้าเทียนได้ แต่สาเหตุที่ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์สองคนใ คือิญญายุทธ์สีทองในร่างกายที่ปรากฏเมื่อครู่ตอนที่เขาทะลวงระดับ
ในฐานะที่เป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ ิญญายุทธ์ในร่างกายจะมีสติปัญญาแล้ว ดังนั้นระหว่างผู้ฝึกตนกับิญญายุทธ์จึงสามารถติดต่อกันได้ พวกเขาเลยมีความเข้าใจในิญญายุทธ์มากขึ้น
“ิญญายุทธ์ระดับนภา!”
เยียนหลิงซานกับอวิ๋นเมิ่งโพล่งออกมาด้วยความใพร้อมกัน ถึงพวกเขาไม่อาจตัดสินถึงระดับของิญญายุทธ์ที่ถังเหล่ยปลุกขึ้นมาได้อย่างแม่นยำ แต่จากพลังที่ปล่อยออกมาตอนทะลวงระดับ ิญญายุทธ์ระดับปฐีในร่างของอวิ๋นเมิ่งถึงกับรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล
เมื่อเป็เช่นนี้ อย่างน้อยิญญายุทธ์ในร่างของถังเหล่ยก็ต้องเป็ิญญายุทธ์ระดับนภาแน่ แล้วเื่ที่ว่าเหตุใดิญญายุทธ์ในร่างของถังเหล่ยจึงน่าจะเป็ระดับนภา เป็เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าถังเหล่ยจะสามารถปลุกิญญายุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์หรือระดับที่สูงกว่านั้นได้
ไม่มีใครสักคนที่มีิญญายุทธ์ระดับนั้นในจักรวรรดิเทียนอวี่นี้
แค่มีิญญายุทธ์ระดับนภาก็เพียงพอจะสั่นสะท้านผู้คนแล้ว เป็ถึงผู้ฝึกตนที่มีิญญายุทธ์ระดับนี้ ความสำเร็จในอนาคตอาจไร้ขีดจำกัด
อย่างน้อยก็เหนือกว่าพวกเขาทั้งสองคนมาก
‘มิน่าเล่า ถังเหล่ยที่อยู่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ถึงสามารถแสดงพลังมากขนาดนี้ออกมาได้ เพราะในร่างมีิญญายุทธ์ระดับนภานี่เอง หากตระกูลถังผ่านพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้ อนาคตต้องกลายเป็ตระกูลยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเทียนอวี่แน่’
อวิ๋นเมิ่งกล่าวในใจ นางไม่ได้คิดร้ายกับถังเหล่ย แค่เพียงใที่เห็นว่าิญญายุทธ์ของถังเหล่ยเป็ระดับนภา คงต้องหาอาจารย์ให้ถังเหล่ยสักคน
มนุษยสัมพันธ์ของอวิ๋นเมิ่งในจักรวรรดิเทียนอวี่นั้นดีมาก หากมีอาจารย์สักคนคอยชี้แนะ ความก้าวหน้าของถังเหล่ยจะรวดเร็วเป็อย่างยิ่ง
ในขณะที่เยียนหลิงซานกลับไม่ได้คิดเช่นนี้เลย
หลังจากที่เห็นถังเหล่ยปลุกิญญายุทธ์ระดับนภาได้ ดวงตาของเขาก็ฉายแววดุร้าย เขาไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ตระกูลถังมีสมบัติอะไร ในสายตาของเขาถังเหล่ยกลายเป็สมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งไปแล้ว!
“ข้าต้องเอาิญญายุทธ์ระดับนภานั่นมาให้ได้ ถ้ามันอยู่ในกำมือข้าละก็ อีกไม่กี่ปีข้าจะกลายเป็ยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเทียนอวี่ที่แม้แต่าาอวี่ยังต้องเกรงกลัว!”
าาอวี่ก็คือฮ่องเต้ของจักรวรรดิเทียนอวี่ในปัจจุบัน ถึงจะถูกเรียกว่าาาอวี่ แต่การบ่มเพาะก็อยู่แค่ระดับราชันยุทธ์เท่านั้น
ในขณะที่ผู้คนคิดไปต่างๆ นานา ร่างของถังจงเวยก็ร่อนลงบนลานประลอง ในมือถือดาบยาวจั้งกว่า เขามองตงฟางป้าเทียนด้วยความโมโห
“เอาล่ะ เราได้อันดับหนึ่งของการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว ส่วนผู้นำตระกูลตงฟางกับผู้นำตระกูลถังถอยลงไปจากลานประลองเถิด อย่าเพิ่งวู่วามกันเลย”
เยียนหลิงซานะโลงไปตรงกลางระหว่างถังจงเวยกับตงฟางป้าเทียน
จากนั้นงูหลามั์สีม่วงเขียวตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากในร่างของเยียนหลิงซาน มันพันอยู่รอบตัวเขาและแลบลิ้นไปทางทั้งสองคน
นี่คือิญญายุทธ์ของเยียนหลิงซานที่กำเนิดสติปัญญาแล้ว
เมื่อััได้ถึงแรงกดดันของเยียนหลิงซาน ถังจงเวยจึงเก็บดาบกลับไป ในเมื่อเยียนหลิงซานออกหน้าเช่นนี้ เขากับตงฟางป้าเทียนคงสู้กันไม่ได้
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่บนลานประลองการแข่งขันหวู่เต้า และถังเหล่ยดูท่าไม่ได้รับาเ็อะไรด้วย
ตงฟางป้าเทียนก็เก็บิญญายุทธ์กลับไปเช่นกัน เขามองตงฟางอวิ๋นชิงด้านข้างด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนสี
เมื่อครู่ถังเหล่ยทำลายิญญายุทธ์และการบ่มเพาะของตงฟางอวิ๋นชิงไปแล้ว ทว่ายังไม่ทันได้สังหาร
ตอนนี้ร่างตงฟางอวิ๋นชิงค่อยๆ เน่าเปื่อยก่อนจะกลายเป็แอ่งเืแอ่งหนึ่งไปกับตา
“ชิงเอ๋อร์!”
ตาตงฟางป้าเทียนแทบหลุดออกจากเบ้า คิดไม่ถึงว่าศิษย์โดดเด่นที่สุดของตระกูลตงฟางที่เขาใส่ใจที่สุดจะกลายเป็แอ่งเืเช่นนี้
“ถังเหล่ย ตระกูลตงฟางของข้ากับเ้าไม่ตายไม่เลิกรา!”
ตงฟางป้าเทียนขู่คำรามออกมาต่อหน้าผู้คนหลายหมื่นคนของเมืองอวิ๋นหลิว จากนั้นก็พาคนของตระกูลตงฟางจากไป
‘เกี่ยวอะไรกับข้ากัน!’
ถังเหล่ยบ่นในใจ
เมื่อครู่ถังเหล่ยไม่ได้ทำอะไรเลย ชัดเจนว่าเป็เพราะตอนที่ตงฟางอวิ๋นชิงบ่มเพาะวิชา เขากินของมีพิษมากเกินไป แต่เพราะอยู่ภายใต้การคุ้มกันด้วยิญญายุทธ์ร่างกายของตัวเองจึงไม่เป็อะไร
ทว่าเมื่อิญญายุทธ์ถูกทำลายแล้ว พิษที่แฝงอยู่ในร่างกายจึงทำให้ตงฟางอวิ๋นชิงตายทันที
คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดตงฟางอวิ๋นชิงจะตายด้วยพิษที่ตัวเองบ่มเพาะ เรียกได้ว่าตายอย่างสมควรแล้ว
“ข้าขอประกาศ อันดับหนึ่งของงานแข่งหวู่เต้าครั้งนี้ก็คือถังเหล่ยแห่งตระกูลถัง!”
เยียนหลิงซานประกาศเสียงดัง
เสียงโห่ร้องดีใจรอบด้านดังกระหน่ำราวกับเสียงคลื่น มันดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนกับการแข่งขันอันน่าเบื่อเมื่อก่อน การประลองในครั้งนี้ดุเดือดมากจนทำให้ผู้คนต่างลิงโลด
คนที่โดดเด่นที่สุดในครั้งนี้ก็คือศิษย์ตระกูลถัง ตระกูลถังต้องอดทนมาตลอดสามปี ในที่สุดก็เปล่งประกายในวันนี้เสียที
“ฮ่าๆๆ ยินดีกับผู้นำถังด้วย ดูท่าตระกูลถังของท่านจะปรากฏอัจฉริยะคนหนึ่งแล้ว หลังจากวันนี้ก็นับวันรอความรุ่งโรจน์ของตระกูลถังได้เลย!”
เยียนหลิงซานปั้นหน้าทำเป็กล่าวยินดี แต่สายตากลับจ้องถังเหล่ยอยู่ตลอด
“ท่านทูตเยียนล้อเล่นแล้ว ตระกูลถังของข้าเป็เพียงตระกูลเล็กๆ แค่ได้อยู่อย่างสงบก็พอใจแล้ว จะรุ่งโรจน์ได้อย่างไร!?”
ถังจงเวยกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับระวังตัวต่อเยียนหลิงซานมาก
จากที่อวิ๋นเมิ่งกล่าว เยียนหลิงซานอาจจะเป็พวกเดียวกับเฮยฉานฉู่ที่พุ่งเป้ามาที่ตระกูลถัง ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เปิดเผยเขี้ยวเล็บชั่วคราว แต่ถังจงเวยก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
“ถ้าผู้นำถังไม่ว่าอะไร คืนนี้ผู้แซ่เยียนจะจัดงานเลี้ยงที่จวนเ้าเมือง เพื่อฉลองให้ถังเหล่ยโดยเฉพาะ ท่านว่าดีหรือไม่?”
เยียนหลิงซานมีท่าทางดีใจ
“คือว่า...”
ถังจงเวยกำลังคิดจะปฏิเสธ แต่กลับถูกเยียนหลิงซานพูดตัดบท
“ผู้นำถังอย่าปฏิเสธเลย ตระกูลถังปรากฏศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง เดิมทีก็ควรฉลองแล้ว ถึงเวลานั้นเ้าเมืองเยว่จะมาด้วย ท่านไม่คิดจะไว้หน้าบ้างเลยหรือ?”
เมื่อเยียนหลิงซานกล่าวมาถึงตอนท้าย น้ำเสียงพลันหนักขึ้นกะทันหัน
ถังจงเวยััได้ถึงการข่มขู่ งานเลี้ยงกลางคืนที่จวนเ้าเมืองต้องเป็งานเลี้ยงหงเหมิน[1] แน่
“ขอขอบคุณความหวังดีจากท่านทูตเยียนมาก คืนนี้ข้ากับท่านปู่จะไปที่งานเลี้ยงแน่นอน”
ถังเหล่ยที่ปรากฏตัวด้านข้างถังจงเวยตอบรับแทน
ไม่ไปงานเลี้ยงหงเหมินครั้งนี้ไม่ได้ ในฐานะที่เยียนหลิงซานเป็ทูตของจักรวรรดิ ถ้าไม่รับปาก อีกฝ่ายคงหาโอกาสจัดการตระกูลถัง
“ดี เป็วีรบุรุษรุ่นเยาว์จริงๆ เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันคืนนี้!”
เยียนหลิงซานหัวเราะจากไป เื่หลังจากนี้ล้วนให้เยว่มู่จือจัดการ
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน (鸿门宴) หมายถึง กลอุบายที่ในยุคไซ่ฮั่น เมื่อฟ่างเจินที่ปรึกษาของเซี่ยงหยี่วางแผนให้เชิญหลิวปัง (เล่าปัง) มาร่วมงานเลี้ยงเพื่อลอบสังหาร ที่เมืองหงเหมิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้