คำพูดของหานอวิ๋นซีทำให้ผู้คนตื่นตะลึงและเป็ที่น่าจดจำเหลือเกิน
ประโยคเดียวก็ทำให้ทุกคนต่างเงียบลงทันที รวมไปถึงพวกของอี้ไท่เฟยที่ไม่ทันตั้งตัว ก็ต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
หานอวิ๋นซีพูดเื่จริง!
ผู้ร้ายที่วางยาพิษตัวจริงอยู่ในสถานที่แห่งนี้? ยิ่งกว่านั้นนางมีหลักฐานด้วยอย่างนั้นหรือ?
พระเ้า...
นี่เป็เื่จริงใช่หรือไม่?
ผู้ที่มีปฏิกิริยามากที่สุดคือหลี่ซื่อ ใบหน้าของนางซีดเซียว ฝ่ามือก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ใบชา ชากระป๋องนั้นตกไปอยู่ในมือของหานอวิ๋นซีจริงๆ หรือ? นางตรวจพบพิษงูหมื่นตัวจริงๆ หรือ? คนร้ายตัวจริง...ที่พูดถึงคือนางหรือไม่?
หลี่ซื่อไม่สามารถยืนนิ่งได้ชั่วขณะ ถอยหลังไปสองสามก้าว และในเวลาเดียวกัน หานอวิ๋นซีก็มองมาด้วยสายตาเ็า
ในเวลานี้ ความสนใจของทุกคนอยู่ที่หานอวิ๋นซี เมื่อเห็นนางมองไปทางหลี่ซื่อ ทุกคนก็มองตามนางไป หลี่ซื่อที่ใบหน้าซีดเซียวก็พิงที่ประตูอย่างไร้หนทาง
หานรั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางรีบพยุงมารดาของนาง แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซียื่นมือออกมาแล้วชี้ที่พวกนาง “คนร้ายที่แท้จริงคือพวกนางสองแม่ลูก!”
ประโยคนี้ดังก้องราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง ดังก้องไปทั่วสถานที่แห่งนี้
มันน่าใเหลือเกิน!
เหล่าฝูงชนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ในไม่ช้าทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ถอยหนีด้วยความใ ไม่ว่าหานอวิ๋นซีจะพูดจริงหรือเท็จก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ต้องรู้ว่าคนที่สามารถวางพิษได้ต้องไม่ใช่คนดี!
มู่ชิงอู่และฉู่ซีเฟิงไม่คาดคิดมาก่อนว่าหานอวิ๋นซีจะชี้ตัวหลี่ซื่อในตอนนี้ โชคดีที่พวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบก้าวไปข้างหน้า ทั้งทางซ้ายและทางขวา เพื่อขวางทางหนีของหลี่ซื่อและปกป้องหานอวิ๋นซีในเวลาเดียวกัน
ทุกคนล้วนแต่ใ ทว่าหานรั่วเสวี่ยเป็คนเดียวที่โกรธมากจนไม่สนใจเื่มารยาทอีกต่อไป จึงชี้นิ้วออกไปแล้วพูดว่า “หานอวิ๋นซี เ้ากำลังใส่ร้ายพวกเรา! หลักฐานก็ไม่มี มีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายพวกเรา”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หลี่ซื่อจึงจะสงบสติอารมณ์ลง นางรวบรวมสติและโต้เถียงทันทีว่า “หวังเฟย ของน่ะกินตามอำเภอใจได้ แต่คำพูดมันไม่สามารถพูดออกมาตามอำเภอใจได้ หลักฐานก็ไม่มี เ้าจะมาใส่ร้ายเราสองแม่ลูกได้อย่างไรกัน? เราไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางและรักษากฎระเบียบเสมอมา ไม่เคยคิดจะแข่งขันกับตระกูลหานของเ้า! สองแม่ลูกตระกูลสวี่ก็ติดคุกไปแล้ว แม้กระทั่งพวกเราเ้าก็ไม่ปล่อยไปเลยหรือไร?”
หลี่ซื่อที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางไม่เชื่อว่าหานอวิ๋นซีจะตรวจสอบพิษจากชากระป๋องนั้นได้ นางคงไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น!
ท่านหัวหน้าชื่นชมนางและ้าลักพาตัวนางเพื่อเก็บไว้ใช้เอง แต่ทั้งนางและเฮยซาต่างก็ไม่ยอม
ความไม่พอใจของเฮยซาเห็นชัดอยู่บนใบหน้า แต่ความไม่พอใจของนางที่มีต่อหานอวิ๋นซีนั้นฝังลึกไปถึงกระดูกดำ นางไม่เชื่อว่าหานอวิ๋นซีผู้ไร้ค่าผู้นี้จะกลายเป็อัจฉริยะในชั่วข้ามคืน และไม่เชื่อว่าตระกูลหานที่ไม่คุ้นเคยกับวิชาพิษจะมีปรมาจารย์วิชาพิษได้ นางที่ทำงานหนักมากว่าสามสิบปีจะเทียบไม่ได้กับหญิงสาวที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีได้อย่างไร!
ครั้งนี้ นางเองก็ทุ่มสุดตัว!
ทันทีที่สองแม่ลูกตระกูลหลี่ซื่อแก้ตัว มู่หลิวเยวี่ยจึงจะได้สติกลับคืนมา ต้องบอกว่าสิ่งที่หานอวิ๋นซีพูดเมื่อครู่ทำให้นางใจนยืนบื้อไป หากสองแม่ลูกตระกูลหลี่ซื่อเป็คนวางพิษจริงๆ เช่นนั้นนางก็อยู่กับคนร้ายทุกวันเลยสิ คิดไปคิดมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
หานอวิ๋นซีผู้นี้ เดาว่าคงเป็บ้าไปแล้ว นางพูดออกมาเช่นนั้นได้อย่างไร
นางเย้ยหยันอย่างเ็า “เลือกใครสักคนมาเป็ฆาตกรอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ฆาตกรมันหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือไร หวังเฟย เ้าบอกว่าเ้ามีหลักฐาน เช่นนั้นก็เอาออกมาดูสิ”
ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีจะออกคำสั่งโดยไม่คาดคิด “ฉู่ซีเฟิง ไปพาปี้ลวี่มาที่นี่ แล้วก็นำชากระป๋องนั้นมาด้วย ข้าจะตรวจหาพิษตอนนี้!”
เอ่อ…
ฉู่ซีเฟิงไม่รู้จะทำอย่างไร
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจพิษ แต่เื่ทั่วไปนั้นเขาก็ยังเข้าใจ ยาพิษเมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วไม่ง่ายที่จะตรวจสอบได้ แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ก็สามารถตรวจสอบออกมาได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะมีปริมาณเท่าไร หากมีพิษก็สามารถตรวจจับได้
นอกจากนี้ หากชากระป๋องใหญ่นั้นมีพิษอยู่ ปริมาณก็จะไม่น้อยอย่างแน่นอน
ข้อสรุปของหมอพิษหลายคนเหมือนกัน ไม่มีพิษก็คือไม่มีพิษ!
หวังเฟย้าตรวจพิษในที่สาธารณะเช่นนี้ นี่ไม่ใช่การขุดหลุมฝังตัวเองหรือไร? หากตรวจออกมาแล้วไม่พบพิษ มันจะยิ่งขายหน้ากว่าเดิมอีกไม่ใช่หรือ!
ฉู่ซีเฟิงสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยัง้าเกลี้ยกล่อม ใครจะคิดว่าจู่ๆ หานอวิ๋นซีก็พูดอย่างเฉียบขาดว่า “ยังไม่ไปอีก!”
ฉู่ซีเฟิงตกตะลึง เมื่อเขาเห็นสายตาที่เฉียบคมเหมือนมีดของนาง ก็ถึงกับสะดุ้ง ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เพียงกัดฟันและทำตามคำสั่ง
ในเวลานี้ ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ฝูงชนยิ่งรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้แต่คนใหญ่คนโตหลายคนก็รีบมาหลังจากได้ยินข่าว ปะปนกันในหมู่คน หลงเทียนโม่เองก็ปลอมตัวออกมาจากวังและซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน
เื่นี้ทำให้เกิดความโกลาหลในเมืองมานาน ทุกคนทั้งในและนอกวังต่างรู้เื่นี้
ในระหว่างการรอ ทุกคนเงียบและไม่กล้าพูดเื่ไร้สาระ มู่ชิงอู่และองครักษ์หลายนายล้อมรอบสองแม่ลูกตระกูลหลี่ซื่อ เพื่อป้องกันการหลบหนี
เมื่อฉู่ซีเฟิงนำสาวน้ำชาปี้ลวี่และใบชามาจริงๆ ฝูงชนยิ่งเงียบมากขึ้นไปอีก
ไม่คาดคิดว่าหลักฐานใบชาที่หานอวิ๋นซีกล่าวถึงมีอยู่จริง ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ไม่กล้าที่จะพูดคุยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้พูดไร้สาระ แต่ไม่ว่านางจะพูดเื่ไร้สาระหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าใบชานี้มีพิษหรือไม่
ทุกคนต่างตั้งตารอดู แต่มีสองคนที่ใ
ทันทีที่หานรั่วเสวี่ยและมู่หลิวเยวี่ยเห็นปี้ลวี่ ก็จำสาวชงชาผู้นี้ได้อย่างรวดเร็วและเมื่อเห็นกระป๋องชาก็จำได้ทันทีเช่นกัน หานรั่วเสวี่ยนำชานี้ไปมอบให้กับมู่หลิวเยวี่ยแต่แล้วก็ลืมให้ การบรรจุและการปิดผนึกของกระป๋องชานี้ล้วนดำเนินการโดยหลี่ซื่อและหานรั่วเสวี่ยก็คุ้นเคยกับมันเป็อย่างดี!
หานอวิ๋นซีพบปี้ลวี่ได้อย่างไร แล้วนางพบกระป๋องชานี้ได้อย่างไร เป็ไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่นาง...พูดเป็ความจริง?
หานรั่วเสวี่ยมองไปที่มู่หลิวเยวี่ยอย่างไม่สบายใจ มู่หลิวเยวี่ยเองก็มองมาอย่างไม่สบายใจเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่ง ความเย่อหยิ่งของทั้งคู่ก็อ่อนลงมาก
หานอวิ๋นซีที่เห็นปฏิกิริยาของทุกคน แม้ว่านางจะอาศัยความดื้อรั้นและความตั้งใจจริงที่จะตรวจสอบใบชา และก็ไม่รู้ว่าใบชานั้นมีพิษอยู่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางได้เลือกวิธีที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด ดังนั้นนางจึงต้องใจเย็นและไม่เร่งรีบ และจะพ่ายแพ้ไม่ได้
นางยืนอย่างสง่างาม สายตาที่เยือกเย็นและหยิ่งยโสกวาดมองไปทั่วฝูงชน แม้แต่พวกของอี้ไท่เฟยก็กวาดตามองไปทีละคน อี้ไท่เฟยรู้สึกต่ำต้อยอย่างอธิบายไม่ได้ แม้แต่ต่อหน้าไท่เฮานางก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
นางเม้มริมฝีปากและ้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็พูดไม่ออก
หานอวิ๋นซีมองไปทางอื่นแล้วพูดว่า “ทุกท่าน คนผู้นี้คือปี้ลวี่ สาวชงชาจากโรงน้ำชาเทียนเซียง นางคือพยานและชากระป๋องนี้เป็หลักฐานของพิษงูหมื่นตัว!”
นี่มันเื่อะไรกัน?
มู่หลิวเยวี่ยถามออกไปทันที “นี่คือหลักฐานทั้งหมดที่เ้าพูดมาอย่างนั้นหรือ! อะไรกัน?”
หานอวิ๋นซีไม่ตอบ แต่ขยิบตาสั่งให้ปี้ลวี่ออกไปยืน
“หม่อมฉันคือปี้ลวี่ สาวชงชาจากโรงน้ำชาเทียนเซียงซึ่งเป็สาวชงชาที่ดูแลคุณหนูหลิวเยวี่ยเป็พิเศษ ชากระป๋องนี้ถูกคุณหนูรองหานรั่วเสวี่ยแห่งตระกูลหานนำมาที่โรงน้ำชาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เพื่อที่จะมอบให้คุณหนูหลิวเยวี่ยแต่ภายหลังก็ลืมให้ ในตอนนั้นด้วยความโลภ หม่อมฉันเลยเอามันไปซ่อนไว้อย่างลับๆ หลังจากทดสอบว่าชากระป๋องนี้มีพิษและเป็พิษงูหมื่นตัวในร่างของท่านแม่ทัพใหญ่ ใน่สามสี่ปีที่ผ่านมา คุณหนูหลิวเยวี่ยและคุณหนูรองหานมักจะมาที่โรงน้ำชาเพื่อดื่มชา คุณหนูรองหานจะมอบชาให้กับคุณหนูหลิวเยวี่ยเกือบทุกครั้ง โดยบอกว่าใบชานี้ท่านแม่ของนางทำขึ้นมาเองและไม่สามารถซื้อข้างนอกได้”
ทันทีที่ปี้ลวี่พูดสิ่งนี้ออกไป คนฉลาดก็ต่างสามารถเข้าใจได้และไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
หากใบชามีพิษจริงๆ เช่นนั้นมู่หลิวเยวี่ยก็เป็ผู้สมรู้ร่วมคิดและหานรั่วเสวี่ยเป็ผู้ร้ายตัวจริง หานรั่วเสวี่ยยืมมือของมู่หลิวเยวี่ยวางยาพิษมู่ชิงอู่! และหลี่ซื่อที่แปรรูปชากระป๋องนี้เป็ผู้วางยาพิษโดยตรง
ในที่สุด มู่หลิวเยวี่ยก็ตื่นตระหนก นางรู้อยู่แก่ใจว่านางได้รับใบชาจากหานรั่วเสวี่ยมามากแค่ไหน และให้ใบชาแก่ท่านพี่มากแค่ไหน
เมื่อมองไปยังกระป๋องชาที่คุ้นเคย หัวใจของนางแทบจะหยุดเต้น ร่างกายของนางราวกับิญญาหลุดลอยไป ก้าวถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็พูดไม่ออก!
ทำไมถึงเป็เช่นนี้?
คิดไม่ถึงว่านางจะถูกหานรั่วเสวี่ยหลอกและกลายเป็คนฆ่าท่านพี่เสียเอง!
พี่ชายถูกวางยาพิษเรื้อรังสะสมมานานหลายปี และเป็นางที่ให้ใบชาพี่ชายทุกเดือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ไม่...นางไม่อยากทำแบบนี้! ไม่!
มันต้องเป็เื่บังเอิญแน่ๆ!
ทันใดนั้น นางก็พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและวิ่งเข้าไปหาหานอวิ๋นซี “ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อ! เ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาบอกว่าใบชานี้มีพิษ? มีสิทธิ์อะไรกัน?”
“ดังนั้น คุณหนูหลิวเยวี่ยยอมรับแล้วสินะว่าหานรั่วเสวี่ยมอบใบชานี้ให้ แล้วก็ยอมรับสิ่งที่ปี้ลวี่พูดด้วยใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีถาม
มู่หลิวเยวี่ยจะไปคิดมากขนาดนั้นเสียที่ไหน นางตอบด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ใช่ ข้ารู้จักชากระป๋องนี้ เป็ของที่หานรัวเสวี่ยมอบให้บ่อยครั้ง ใบชาที่นางให้ข้า แล้วข้าก็มักจะส่งต่อไปให้ท่านพี่! แต่นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ทำไมเ้าถึงบอกว่าใบชานี้มีพิษอยู่?”
“ใช่ ทำไมถึงพูดว่ามันมีพิษ ข้าไม่เชื่อ!” หานรั่วเสวี่ยพูดอย่างกังวลเช่นกัน
ทั้งสองคนราวกับกำลังคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตไว้ ถ้าใบชามีพิษ หานอวิ๋นซีก็จะชนะ หากไม่มีพิษมันก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าสิ่งที่หานอวิ๋นซีพูดจะเป็ความจริงก็ตาม
กุญแจสำคัญอยู่ที่ชากระป๋องนี้!
ในเวลานี้ หลี่ซื่อที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นว่า “หวังเฟย โปรดใช้หลักฐานในการพูด มิฉะนั้น ข้าก็จะไม่ยอมรับ! ข้าถูกใส่ร้าย! นี่มันคือการใส่ร้ายชัดๆ!”
หลี่ซื่อยังคงเชื่อมั่นในวิชาการวางยาพิษของตนเอง หานอวิ๋นซีไม่มีทางตรวจพบได้ ตอนนี้ยิ่งมีคนรวมตัวกันมากเท่าไรก็ยิ่งดี สายตาของทุกคนกำลังเฝ้าดู หากหานอวิ๋นซีไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใบชามีพิษ ก็ไม่มีวันที่หลงเฟยเยี่ยจะจับนางได้
นางะโและกำลังจะพุ่งไปหาอี้ไท่เฟย แต่มู่ชิงอู่หยุดไว้ทัน นางจึงคุกเข่าลง “อี้ไท่เฟย หม่อมฉันถูกใส่ร้าย ฉินหวังเฟยกำลังโจมตีใส่ร้ายอย่างชั่วช้าสามานย์ ไม่มีหลักฐานที่แท้จริงแต่กลับตัดสินว่าหม่อมฉันเป็ฆาตกร หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ!”
ไท่เฟยถอยห่างออกมา แม้ว่าจะระมัดระวัง แต่แน่นอนว่านางกำลังพูดแทนหลี่ซื่อ ไม่ว่ากระบวนการจะเป็อย่างไร นาง้าเพียงผลลัพธ์ แค่เพียงหานอวิ๋นซีแพ้การเดิมพันและสูญเสียชื่อเสียงก็พอ!
“หานอวิ๋นซี เ้าเพิ่งพูดไปไม่ใช่หรือว่าจะทดสอบพิษที่นี่? หลี่ซื่อไม่เชื่อ ก็คงมีหลายคนในที่นี้ไม่เชื่อเช่นกัน เ้าลองทดสอบให้ทุกคนดูเถอะ!” อี้ไท่เฟยพูดอย่างเ็า .
“พูดเช่นนี้ หลี่ซื่อยอมรับว่านางเป็คนทำใบชาและบรรจุชานี้แล้วใช่หรือไม่?” แน่นอนว่าหานอวิ๋นซี้าแน่ใจ
หลี่ซื่อไม่มีทางปฏิเสธ นางจึงยอมรับอย่างใจกว้างว่า “ใช่”
“ดีมาก!” เสียงของหานอวิ๋นซีดังขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าในขณะนี้นางแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ ในตอนที่นางได้รับชากระป๋องนี้มา ระบบล้างพิษไม่ได้เตือนใดๆ มีความเป็ไปได้สองประการคือเป็ไปได้ว่าชากระป๋องนี้มีปริมาณพิษน้อยเกินไป หมอพิษทั่วไปจึงไม่สามารถตรวจพบได้ และระบบล้างพิษของนางต้องทำการสแกนและตรวจสอบอย่างละเอียด มีความเป็ไปได้อีกอย่างคือ...ไม่มีพิษจริงๆ
ในขณะนี้ สายตานับพันคู่กำลังจ้องมองมาที่นาง ท่าทางของสองแม่ลูกหลี่ซื่อก็แน่วแน่ สิ่งที่อยู่ในมือเป็ตัวตัดสินเกียรติยศ ความอัปยศ ชีวิตและความตาย!
มันคงเป็เื่โกหกที่จะบอกว่าหานอวิ๋นซีจะไม่ประหม่า
ความเชื่อมั่นประคองนางมาถึงจุดนี้ ก้าวต่อไปคือปลายทาง ไม่มีใครรู้ว่าปลายทางจะเป็หนทางสว่างหรือเป็หน้าผา
หัวใจเต้นตึกตักๆ เร็วขึ้น หานอวิ๋นซีกัดฟัน เปิดกระป๋องชา ดวงตาใสจ้องมองไปที่ใบชาและเริ่มสแกนอย่างละเอียด...
