เช้าวันรุ่งขึ้น เหลียนเซวียนให้อูหลันฮวาไปพาสือโถวมาหา
สือโถวหวาดกลัวอยู่บ้าง มองบุรุษตรงหน้าอย่างหวาดระแวง
เมื่อวานเขาขบคิดมาทั้งคืนแต่ยังไม่อาจตัดสินใจได้
ถึงโอกาสแบบนี้จะเป็เหมือนขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า แต่เมื่อก่อนเขาเคยถูกรับไปเลี้ยงดูหลายหน แล้วก็ถูกทอดทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็าแใจ ดังนั้นแม้จะได้รับความเมตตาจากเหลียนต้าเหนียงจื่อ ก็ยังคงมีจิตหวาดระแวง
"เ้ารู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองมากน้อยแค่ไหน" เหลียนเซวียนเอ่ยปากช้าๆ
อายุสิบเอ็ดปีก็ไม่นับว่าเด็กแล้ว ตอนเขาอายุสิบเอ็ดติดตามอยู่ข้างกายอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์ ต้องลำบากตรากตรำสารพัด
สองมือของสือโถวกำหมัดแน่น แค่เหลียนหลางจวินปรายตามาแค่นิดเดียว เขาก็ตื่นเต้นจนเหงื่อตกแล้ว
"ขะ... ข้าไม่รู้อะไรเลย"
เขาส่ายหน้า ั้แ่จำความได้เขามีคนรับเลี้ยงดูตลอดมา แต่ไม่ช้าก็ถูกทอดทิ้ง
แต่หลังจากตามมาอยู่กับผู้เฒ่าอูที่ขู่หลิ่งถุน ก็ไม่มีใครมาตามหาเขาอีกเลย
เหลียนเซวียนครุ่นคิด ดูท่าคนที่ปล่อยข่าวคงจะหลบซ่อนอยู่ในที่ลับ ไม่คิดจะปรากฏตัวต่อหน้าเด็กคนนี้ เป็ไปได้เก้าส่วนว่าคนผู้นั้นจะอยู่ในเมืองใกล้เคียง
อันที่จริงเขาไม่อยากให้เซวียเสี่ยวหรั่นข้องเกี่ยวกับเด็กคนนี้ ด้วยเกรงว่านางอาจถูกดึงเข้าไปพัวพันกับชาติกำเนิดอันซับซ้อนของเขา
ทว่าพอนางเอ่ยปาก ท่าทีของเหลียนเซวียนก็เปลี่ยนไปเป็แบ่งรับแบ่งสู้
จะกังวลอันใดกับปัญหา ถึงเวลาช่วยนางแก้ไขก็จบแล้ว สีหน้าของเหลียนเซวียนสงบนิ่ง
"เ้าอยากออกจากที่นี่ไปดูโลกภายนอกหรือไม่"
เขาไม่เกลี้ยกล่อมโดยตรง เพียงแค่หันเหทิศทางเล็กน้อย
แต่ปรกติแล้วเด็กชายที่มีความแข็งแกร่งจากภายใน จะไม่นั่งรอความตายอยู่ในสถานที่คับแคบเช่นนี้
ดวงตากลมโตของสือโถวเบิกกว้าง
อยากสิ เขาจะไม่อยากได้อย่างไร
แต่ว่า...
"เ้าตรองให้กระจ่าง โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากพลาดไปแล้ว ต่อไปก็อย่าเสียใจภายหลัง"
เหลียนเซวียนวางมือเท้าคางอย่างเอ้อระเหย ่นี้เคราค่อนข้างยาวแล้ว เห็นทีควรต้องเล็มออกเสียหน่อย สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เอาแต่จ้องหนวดเคราของตนเองทั้งวัน
สือโถวขบริมฝีปาก หน้าอกผอมแห้งขยับขึ้นลงอย่างตื่นเต้น
ความเงียบงันภายในห้องยังคงดำเนินต่อไปพักใหญ่ จนเหลียนเซวียนรู้สึกรำคาญ หากไม่เพราะเซวียเสี่ยวหรั่นมารบเร้า เขาไหนเลยจะมาเสียเวลากับเด็กเร่ร่อนคนหนึ่ง
เด็กคนนี้แม้แต่ความคิดก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ หาใช่ต้นกล้าที่ดี สีหน้าของเหลียนเซวียนเ็าขึ้นทีละน้อย บรรยากาศภายในห้องเริ่มหนาวเยือก
"ข้า... ข้าไป"
พอรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มหมดความอดทน สือโถวก็กัดฟันคุกเข่าดังตึง แล้วโขกศีรษะอย่างแรงให้คำตอบ
เหลียนเซวียนหลุบตาลงเล็กน้อย จ้องเด็กชายครู่หนึ่งถึงเอ่ยปาก "ลุกขึ้นเถอะ"
"ขอรับ" สือโถวลุกขึ้นยืนแต่โดยดี
"เมื่อเ้าเลือกหนทางเดินได้แล้ว ก็ควรรู้ว่าต่อไปถ้าเ้าติดตามต้าเหนียงจื่อสกุลเซวีย ชั่วชีวิตนี้ก็ต้องใช้แซ่เซวียเท่านั้น เข้าใจความหมายหรือไม่"
เหลียนเซวียนกวาดตามองเขารอบหนึ่ง บางคำพูดจำเป็ต้องบอกไว้เสียแต่เนิ่นๆ
"เข้าใจขอรับ ข้าจะใช้แซ่เซวียชั่วชีวิต"
ต่อไปแม้คนในตระกูลจะตามมา เขาก็จะไม่ยอมรับ แววตาของสือโถวเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ต่อไปเขาคือคนสกุลเซวีย และจะใช้แซ่เซวียเท่านั้น
เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ
ั้แ่ได้ยินว่าสือโถวเข้าไปในห้องของเหลียนเซวียน เซวียเสี่ยวหรั่นก็จดๆ จ้องๆ อยู่หน้าประตูไม่ห่าง ทำเอาอูหลันฮวารู้สึกคันยุบยิบในใจตามไปด้วย คอยเหลือบไปที่หน้าประตูสองสามหน
ซีมู่เซียงกลับวางเฉย สือโถวต้องตกลงอยู่แล้ว โอกาสดีเช่นนี้มีแต่คนเบาปัญญาเท่านั้นที่จะไม่คว้าไว้
จนกระทั่งประตูเปิดออก เผยให้เห็นดวงหน้าน้อยซูบซีดของสือโถว เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาก็แล่นเข้าไปหาทันที
"สือโถวน้อย ไม่เป็ไรนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นลอบมองสถานการณ์ภายในห้อง เหลียนเซวียนยังคงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ กำลังใช้พู่กันเขียนบางอย่าง
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าไม่เป็ไรขอรับ" สือโถวหน้าแดงเล็กน้อย เขาเหลือบมองเซวียเสี่ยวหรั่นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบก้มศีรษะ
ต่อไปนี้นางคือพี่สาวของเขาแล้ว
เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะเป็พี่สาวของตนได้นานเท่าไร
นึกถึงประสบการณ์ถูกทอดทิ้ง สือโถวก็คอตก
"หลันฮวา ในครัวเหมือนจะยังมีโจ๊กกระดูกหมูอยู่ เ้าไปตักให้สือโถวหนึ่งชามพูนๆ เลยนะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับประโยคหนึ่งก่อนเข้าไปหาเหลียนเซวียนในห้อง
"ท่านกำลังเขียนอะไรอยู่หรือ"
เห็นเขากำลังตวัดพู่กันอย่างรวดเร็ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดูท่าน่าจะเป็เทียบยา
"ให้อูหลันฮวาไปร้านขายยาอีกรอบ" เหลียนเซวียนวางพู่กันเบาๆ
"จัดยาให้ผู้ใด" เซวียเสี่ยวหรั่นรับกระดาษแผ่นนั้นพลางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
"เด็กคนนั้น" เหลียนเซวียนตอบสั้นๆ
"หา? สือโถวป่วยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นใ
"เขาใช้ชีวิตในถ้ำเปียกชื้นมานานหลายปี นอนในที่หนาวเย็น แสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ ดูจากภายนอกตอนนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าอยู่ในถ้ำต่อไปอีกสักสองสามปี ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรม"
เหลียนเซวียนเคยจับกระดูกให้เขาก่อนหน้านี้จึงถือโอกาสจับชีพจรไปด้วย
เมื่อก่อนต้นทุนทางร่างกายของเขาไม่เลวนัก แต่น่าเสียดาย ต่อมาขาดการบำรุง ประกอบกับได้รับความชื้นจากสิ่งแวดล้อมมาหลายปี บ่มเพาะโรคภัยแฝงเร้นเอาไว้ในร่างกาย
เซวียเสี่ยวหรั่นใหน้าเผือดสี "กินยาแล้วก็สามารถรักษาได้ใช่หรือไม่"
"ไม่เร็วขนาดนั้น ค่อยๆ บำรุงไปทีละน้อยก็จะดีขึ้น" เหลียนเซวียนตอบ
"สามารถบำรุงให้ดีขึ้นได้ก็พอ" เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจโล่งอก
นางกวาดมองเทียบยาในมือ แล้วเดินเข้าไปใกล้เหลียนเซวียนอีกสองก้าว
"เด็กคนนั้นตกลงหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาวับวาว
หากสือโถวไม่รับปาก เหลียนเซวียนไม่มีทางยุ่งวุ่นวายกับเื่ไม่เป็เื่
เหลียนเซวียนปรายหางตามา รอยยิ้มบางๆ ประดับมุมปาก "เ้าว่าอย่างไรล่ะ?"
"ท่านออกโรงเอง เขาต้องรับปากแน่อยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นท่าทางของเขาก็ทอยิ้มจนตาหยี
เล่นเยินยอกันขนาดนี้ เหลียนเซวียนยังขนลุกเกรียวอย่างอดไม่ได้
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็หยิบเทียบยาเดินยิ้มกริ่มออกมาข้างนอก
สือโถวนั่งกินโจ๊กอยู่ในห้องโถง อูหลันฮวากับซีมู่เซียงกำลังคุยกับเขาอยู่
"ต้าเหนียงจื่อ สือโถวบอกว่าจะไปเมืองชางตานกับพวกเราเ้าค่ะ" อูหลันฮวาอารมณ์เบิกบานยิ่ง
พอสิ้นคำของนาง สือโถวก็หน้าแดงซ่าน เขาวางถ้วยกับตะเกียบ เงยหน้ามองเหลียนต้าเหนียงจื่อที่เดินเข้ามาจากนอกห้อง
"อื้อ ข้ารู้ เหลียนเซวียนบอกข้าแล้วล่ะ สือโถว ต่อไปเ้าก็คือน้องชายสกุลเซวียคนสุดท้องของข้า วางใจเถอะ ตราบใดที่พี่สาวคนนี้ยังอยู่ ข้าจะปกป้องเ้าอย่างดีแน่นอน"
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเข้ามาอย่างเบิกบาน มีบุรุษเป็เสาหลักค้ำจุนวงศ์ตระกูล ต่อไปนางจะทำสิ่งใดก็สะดวก
"สือโถว เรียกพี่สาวเร็วสิ" อูหลันฮวาตบไหล่ของสือโถว
"พี่สาว" สือโถวลุกขึ้น ดวงหน้าเคอะเขินเจือไปด้วยความเคารพ
"อื้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มเห็นฟันไม่เห็นตา
"สือโถว พี่สาวเ้ามีนามว่าเซวียเสี่ยวหรั่น เ้าใช้แซ่เซวียของพี่ อืม ก็ต้องมีชื่อจริงด้วย เมื่อชื่อเล่นว่าสือโถว เช่นนั้นชื่อจริงก็เรียกว่าเซวียเสี่ยวเหล่ยก็แล้วกัน อักษร 'เหล่ย' (磊) มีตัว 'สือ' (石) ประกอบกันสามตัว เ้าเห็นเป็อย่างไร"
นี่คือชื่อที่เธอแอบคิดไว้ั้แ่เมื่อคืน เมื่อเหลียนเซวียนรับปากจะช่วย ก็มั่นใจได้ว่าโอกาสสำเร็จมีถึงเก้าส่วน
"พี่สาว นามนี้ดียิ่ง ต่อจากนี้ข้าก็คือเซวียเสี่ยวเหล่ยขอรับ"
