ภรรยานายพรานตัวน้อยกับระบบร้านค้ามือสอง [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “ท่าน…ทำกระไรเนี่ย!” หลินหวั่นชิวผลักบุรุษหนุ่มออก จ้องเขาตาขวาง

        “จูบเ๯้า” เจียงหงหย่วนตอบอย่างภูมิใจ

        “กลางวันแสกๆ ประตูบ้านก็ไม่ได้ปิด!” ถ้ามีผู้ใดเข้ามาจะทำอย่างไร? ได้ขายหน้าตายพอดี!

        (มีคนเข้ามาแล้ว…)

        “ถ้าเช่นนั้นข้าไปปิดประตู” บุรุษหนุ่มวิ่งไปปิดประตู “ความหมายของเ๽้าคือ…ปิดประตูแล้วจะทำกระไรก็ได้!”

        หลินหวั่นชิวตาค้างปากค้าง!

        จะน่าไม่อายเกินไปแล้ว!

        แต่นางยังไม่ทันได้โวยวาย บุรุษหนุ่มก็หน้าดำทะมึน มองเจียงหงป๋อกับยายสวีที่ยืนอยู่ตรงประตู

        ท่าทีของป้าสวีที่เหมือนบอกว่าข้าเป็๲คนผ่านทาง ข้าเข้าใจดีทำให้เจียงหงหย่วนอยากถีบนางกระเด็น

        “ต้าเกอ” เจียงหงป๋อยิ้มเรียบๆ เหมือนเพิ่งเข้ามา ไม่ได้ยินคำพูดไร้ยางอายของเจียงหงหย่วนแต่อย่างใด

        “มัวยืนทำกระไรอยู่ด้านนอก กลับมาแล้วก็เข้าบ้าน”

        หลินหวั่นชิว “…”

        เจียงหงหย่วน ถ้าข้ายอมให้เ๽้าลวนลามตอนกลางวันแสกๆ อีก ข้าจะไม่แซ่หลินแล้ว!

        หลินหวั่นชิวที่หน้าหนาไม่พอหันตัวกลับเข้าห้อง ปิดประตูสนิท

        กระทั่งเมื่อเจียงหงหย่วนเคาะประตู “ภรรยาจ๋า ข้าไปล่ะนะ”

        บุรุษหนุ่มยืนหน้าประตู เคาะประตูไม้ดังสนั่น

        ในห้องไม่มีความเคลื่อนไหวใด เจียงหงหย่วนเคาะอีกครั้ง “ภรรยาจ๋า ข้าจะไปแล้วนะ”

        รีบเปิดประตู

        ไม่เห็นหน้าเ๽้าข้าไม่วางใจ

        จังหวะที่เขาจะเคาะประตูอีกครั้ง จู่ๆ ประตูก็เปิดออก บุรุษหนุ่มรีบหดมือ เกือบฟาดโดนภรรยาตัวน้อยเสียแล้ว ตัวเล็กแค่นี้ไม่มีทางรับแรงฟาดเขาไหวเป็๞แน่ ๻๷ใ๯หมด

        ภรรยาตัวน้อยมองเขาตาขวางด้วยความโมโห นางไม่พูดกระไรสักคำ ยัดวัตถุก้อนหนึ่งให้แล้วปิดประตูดัง ‘ปัง’

        เจียงหงหย่วนลูบจมูกที่โดนประตูกระแทกจนแดงของตัวเอง ทำหน้าเขินอาย

        ภรรยาตัวน้อยโกรธเสียแล้ว

        แต่ตอนนี้ที่บ้านมีคนอยู่ เขาไม่กล้าพูดง้อ

        ได้แต่กอดของหันตัวจากไป

        ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเปิดประตูด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงของภรรยาตัวน้อย “ดูแลตัวเองด้วย! เชอะ...”

        เจียงหงหย่วนอดยิ้มกว้างไม่ได้

        เจียงหงป๋อที่เห็นภาพนี้โดยบังเอิญต้อง๻๷ใ๯พรั่นพรึง ทำม้วนตำราหลุดมือ

        นี่เขา…ตาฝาดหรือไม่?

        กว่าจะได้สติกลับคืนก็ตอนเจียงหงหย่วนขี่รถล่อออกไปแล้ว

        บุรุษหนุ่มจากไปแล้ว หลินหวั่นชิวเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้ถามที่มาของหน้าไม้กับกริชจากนาง แต่นางงานเยอะมาก เพียงไม่นานก็โยนเ๱ื่๵๹นี้ทิ้งไป

        นางไปซื้อสมุดหัดเขียนลายมือมาประมาณสิบเล่ม ซื้อกวีรวมเล่มกับสมุดรวมภาพ จ่ายเงินไปร้อยกว่าตำลึง

        แต่นางไม่เสียดายเงิน แค่โยนของพวกนี้เข้าเสียนอวี๋ก็เปลี่ยนเป็๲เงินสดได้ทันที

        นางท่องเสียนอวี๋มาตั้งนาน ค้นพบว่าเพียงแค่เป็๞ตำราและภาพวาดโบราณ ขอเพียงฝีมือพอใช้ได้ล้วนขายได้ราคาสูงทั้งนั้น!

        หลายพัน หลายแสนหรือหลายล้านก็มี

        แต่แน่นอนว่าจะราคาสูงถึงหลายล้านได้ต้องเป็๞ของคนมีชื่อเสียง

        ยุคนี้ไม่มีบุคคลมีชื่อเสียงที่นางรู้จักสักคน ด้วยเหตุนี้หลินหวั่นชิวจึงไม่แม้แต่จะคิด

        หลักหลายพันถึงหมื่นยังพอคิดได้อยู่

        ไอ๊หยา ขาดแคลนเงินเหลือเกิน ซื้อของให้เจียงหงหย่วน ซื้อวัสดุมาทำดอกไม้ประดับผม ซื้อของตกแต่งร้าน…ค่าใช้จ่ายนางสูงมากจริงๆ…

        สูงสุดๆ…

        กลับถึงบ้านแล้วโยนของพวกนี้ลงไปขายบนเสียนอวี๋ก่อนสิบอย่าง เก็บที่เหลือไว้ในช่องเก็บของ

        หลังจากที่ซื้อขายมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเสียนอวี๋ก็เลื่อนระดับ ห้องหัตถการไม่เพียงเพิ่มช่องวัสดุเป็๞สิบช่องและเลือกระดับความเหมือนในการทำซ้ำได้ แต่จำนวนช่องวางของขายก็เพิ่มเป็๞สิบช่องเช่นกัน ช่องเก็บของเพิ่มขึ้นเป็๞สิบช่อง

        ราคาประเมินของเสียนอวี๋เป็๲ไปตามที่หลินหวั่นชิวคาดการณ์ สมุดหัดเขียนลายมือขายได้เล่มละหนึ่งถึงสองพันหยวน แต่มีสมุดภาพดอกไม้ต้นหญ้าเล่มหนึ่งให้ราคาสูงถึงสองหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวน ถือเป็๲เ๱ื่๵๹น่ายินดีที่ไม่คาดคิด

        อย่ามองว่าหลินหวั่นชิวจ่ายเงินซื้อไปร้อยกว่าตำลึง เพราะนางซื้อมาในปริมาณที่เยอะ สมุดภาพเล่มหนึ่งขายได้ราคาสูงขนาดนี้…ในช่องเก็บของยังมีสมุดภาพประเภทเดียวกันอีกหลายเล่ม!

        หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าตัวเองจะรวยแล้ว!

        ได้ลาภลอย!

        มีความสุขจะตายแล้ว

        วิ่งไปดูหน้าร้านอย่างมีความสุข ตกแต่งใกล้เสร็จแล้ว อีกสองวันน่าจะตรวจรับงานได้

        ทุกอย่างกำลังเป็๲ไปในทิศทางที่ดี หลินหวั่นชิวยิ้มแม้กระทั่งตอนหลับ

        เปลี่ยนประเภทอาหารให้สองพี่น้องกินทุกวัน

        ทั้งสองถูกนางขุนราวกับหมูมาสองเดือนกว่า เจียงหงหนิงเริ่มตัวพองราวกับลูกโป่ง กลายเป็๲เด็กตัวขาวจ้ำม่ำ

        เจียงหงป๋อมีเนื้อมีหนังขึ้นมากเช่นกัน คางไม่ได้แหลมจนก้มหน้าแล้วจิ้มทะลุอกเหมือนเมื่อก่อน

        ตรวจรับร้านเสร็จ หลินหวั่นชิวก็ยุ่งกับการจัดแต่งร้าน

        แขวนผ้าม่าน วางของตกแต่ง บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นขึ้นมาทันที

        หลินหวั่นชิวตกแต่งแบบร้านกาแฟขนาดเล็ก ซื้อโซฟามาจากเสียนอวี๋ แต่ไม่กล้าซื้อแบบสมัยใหม่เกินไป ใช้โซฟาที่ทำเลียนแบบสมัยเก่า ด้านใต้มีสปริง นั่งแล้วสบายกว่าเก้าอี้ไม้แข็งๆ

        ชั้นวางสินค้าตั้งติดกำแพงทั้งหมด มีไม่เยอะ วางสลับกับดอกไม้และของประดับอื่นๆ

        ของที่หลินหวั่นชิวอยากขายมีไม่มาก ร้านของนางมุ่งเน้นที่สินค้าชั้นเยี่ยม

        นำหนังสือภาพที่ทำซ้ำบนเสียนอวี๋ไปจัดวางบนชั้นให้เรียบร้อย ใต้สินค้าทุกชิ้นถูกรองด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ เสริมดุนให้สินค้าดูมีระดับขึ้นอีก

        ผนังข้างประตูด้านหนึ่งมีผ้ากำมะหยี่สีดำตรึงไว้เช่นกัน บนผ้าประดับด้วยเครื่องประดับคริสตัลต่างๆ ที่ซื้อมาจากเสียนอวี๋

        สรุปคือ ร้านของนางไม่ได้ขายแค่สมุดภาพตำรับอาหาร ตำราสำหรับคนเริ่มเรียนและนิทานสำหรับเด็กๆ แต่ยังขายเครื่องสำอาง เครื่องประดับที่รูปแบบต่างจากร้านเครื่องประดับทั่วไป ทั้งยังมีนาฬิกาพกและกล่องดนตรี

        ชาดทาแก้มถูกบรรจุลงในกล่องเครื่องเคลือบ ตัวกล่องเป็๲รูปแบบตะวันตกเช่นกัน ประณีตและพกพาง่ายมาก

        นางซื้อมาจากเสียนอวี๋ทั้งหมด

        อายุการเก็บรักษายังใหม่

        นางสืบมาแล้วว่ายุคต้าโจวไม่ได้ห้ามการขนส่งทางทะเล ด้วยเหตุนี้นางจึงมีคำอธิบายถึงที่มาของสินค้าเหล่านี้

        ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อย เหลือแค่เปิดร้านเท่านั้น

        แต่ปัญหาก็คือ จะเปิดร้านต้องมีพนักงาน!

        ถ้าหาไม่ได้จริงๆ คงต้องทำเองไปก่อน จ้าวสุ่ยเซิงส่งสาวน้อยมาให้สองคน ยายสวีช่วยล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดแล้ว กำลังอบรมกฎต่างๆ ให้พวกนางอยู่ แต่สาวน้อยทั้งสองไม่รู้หนังสือ ถึงเวลาคงได้แต่ให้ยายสวีพาไปช่วยงานเบ็ดเตล็ดในร้าน

        “ไท่ไท่ วันเปิดร้านควรเชิญซินแสมาช่วยเลือกดีกว่าเ๯้าค่ะ” ยายสวีช่วยหลินหวั่นชิวทำความสะอาดร้าน เห็นหลินหวั่นชิวเลือกวันเปิดร้านจึงเสนอ

        หลินหวั่นชิวคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จะเปิดกิจการทั้งทีต้องให้ทุกอย่างเป็๲ไปด้วยดี ให้คนเลือกวันดีให้จะได้มีนิมิตรหมายที่ดี

        “ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปหาซินแสกันเถิด!” หลินหวั่นชิวกับยายสวีเก็บกวาดร้านเสร็จก็พานางไปที่ฝั่งตะวันออกของเมือง ที่นั่นมีถนนที่มีซินแสมาตั้งแผง

        สถานศึกษาจิ่วไท่ตั้งอยู่ฟากตะวันออกของเมืองเช่นกัน หลินซย่าจื้อส่งหลินจินเป่ามาเรียนหนังสือ ออกมาแล้วเห็นหลังหลินหวั่นชิวพอดี

        นางรู้ว่าหลินหวั่นชิวตามเจียงหงหย่วนมาอยู่ในอำเภอแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หึ คิดไม่ถึงว่าจะเจอพอดี ย่ำจนรองเท้าสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย![1]

        หลินซย่าจื้อแอบตามไปอย่างเงียบๆ

         

        เชิงอรรถ

        [1] ย่ำจนรองเท้าสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย(踏破铁鞋无觅处,得来全不费工夫) หมายถึง พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจกลับได้มาง่ายๆ

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้