เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางอวดดีของฉีฟู่ฟาง กูเฟยเยี่ยนจึงได้หรี่ตาลงแล้วกระซิบแ่เบา “ให้มันแน่ว่าเ้าเป็ผู้บริสุทธิ์จริงๆ อย่าได้มี่เวลามาขอร้องข้าเชียว”
นางเป็ผู้ที่ใกล้ชิดความเป็จริงมากที่สุด หากนางไม่ยืนขึ้นมา นางก็ไม่เชื่อว่าองค์หญิงหวายหนิงและฉีฟู่ฟางสองคนโง่เขลาเช่นนี้จะเป็คู่ต่อสู้กับจิ้งจอกเฒ่า
“ขอร้องเ้า? ”
ฉีฟู่ฟางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ กูเฟยเยี่ยนจึงได้เอ่ยเช่นนี้ นางเพียงคิดว่ากูเฟยเยี่ยนนั้นกระวนกระวายใจจนเป็บ้าไปแล้ว “ได้สิ เ้าก็รอคอยไปเถอะ! ”
นางไม่พูดอะไรกับกูเฟยเยี่ยนอีก นางวิ่งเข้าไปที่หน้าประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจเบิกบาน “องค์หญิง ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมา ใต้เท้าเจียงนั้นปรักปรำกันเกินไปแล้ว! พระองค์ต้องช่วยให้ความเป็ธรรมแก่ข้านะ! ”
ทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นนางไม่ได้หันกลับมา มุมปากของนางคลอไปด้วยรัศมีความโค้งเล็กน้อย นางเงียบสงบเดินตามเซี่ยเสี่ยวหม่านและหยาเว่ยไป ใต้เท้าเจียงยังนับได้ว่าไม่กล้าที่จะหุนหันพลันแล่น จึงได้จัดเตรียมห้องขังส่วนตัวให้กับพวกเขา
เมื่อแน่ใจแล้วว่าหยาเว่ยได้ออกไปแล้ว กูเฟยเยี่ยนจึงได้รีบลากเซี่ยเสี่ยวหม่านมากระซิบถาม “เหตุใดเ้าจึงไม่รีบกลับไปเรียกทหารมาช่วยเหลือ เข้ามาทำไม? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านผลักมือของนางออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ จากนั้นจึงตอบว่า “ฉุดๆ ดึงๆ อยู่นั่นแหละ ใช้ได้หรือ? หากเปิ่นกงกงไม่เข้ามาด้วยเ้าก็คงจะนำศักดิ์ศรีของจิ้งหวางฝู่มาทิ้งหมดแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สายตาเฉียบแหลมของนางจ้องมองไปที่ดวงตาของเซี่ยเสี่ยวหม่าน คิ้วค่อยๆ ขมวดเป็ปมขึ้นมา เซี่ยเสี่ยวหม่านหลบหลีกทันที เขานำมือไปไว้ด้านหลังจากนั้นโค้งตัวลงเล็กน้อยเดินเตร่หลบหลีกไป “เื่นี้ยากที่จะแก้ไขจริงๆ ยากที่จะแก้ไข! ”
“เซี่ยเสี่ยวหม่าน!” กูเฟยเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เ้ามีเื่อะไรที่ปกปิดข้าอยู่ใช่หรือไม่? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านทำเป็ไม่ได้ยิน เขายังคงบ่นพึมพำ “ยากที่จะแก้ไขจริงๆ เลย…ยากที่จะแก้ไขจริงๆ ”
กูเฟยเยี่ยนยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงได้ไล่ตามไปคว้าคอเสื้ออย่างดุดัน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้ากระต่ายน้อย ตกลงแล้วเ้าจะพูดหรือไม่? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านใกับเรี่ยวแรงของกูเฟยเยี่ยน หากว่านางใช้แรงมากกว่านี้คงสามารถบีบบังคับให้เขาหมดลมหายใจได้อย่างแน่นอน
“เ้าปล่อย…ปล่อยข้า ข้าพูด…ข้าพูด! ”
กูเฟยเยี่ยนจึงได้ปล่อยมือลง เซี่ยเสี่ยวหม่านมองไปที่ท่าทางดุร้ายของกูเฟยเยี่ยนด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก เขากระซิบแ่เบา “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย พระองค์…พระองค์ไม่น่าจะเสด็จกลับมาในวันพรุ่งนี้…”
คำพูดนี้ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ กูเฟยเยี่ยนก็ตกตะลึงเป็อย่างมาก “เ้าว่าอะไรนะ? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านก้มศีรษะลง “ข้าก็ไม่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยเสด็จไปที่ใด ข้าบอกว่าเตี้ยนเซี่ยจะเสด็จกลับมาในวันพรุ่งนี้ ก็แค่…ก็แค่้าข่มขู่พวกเขา ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าในครั้งนี้องค์หญิงหวายหนิงจะทรงเหิมเกริมไม่เกรงกลัวผู้ใดอย่างนี้! ”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเกิดความขาวซีด
องค์หญิงหวายหนิงจักต้องลงโทษอย่างหนักเพื่อบีบบังคับให้นางสารภาพออกไปอย่างแน่นอน หากไม่กี่ชั่วยามอดทนไว้ก็ผ่านไปแล้ว หากว่าเป็ระยะเวลาหลายวันนางไม่กล้าจะคิดเลย ภายในใจของเซี่ยเสี่ยวหม่านรับรู้ถึงหลักการนี้ดี เขาเอ่ยด้วยความจริงจัง “นังหนู เ้าวางใจได้ มีเปิ่นกงกงอยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกำเริบเสิบสานมากนัก! ”
กูเฟยเยี่ยนจ้องมองเขาด้วยความเดือดพล่าน “หากไม่อวดอ้างความสามารถแล้วจะตายอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อองค์หญิงหวายหนิงกล้าคุมตัวเ้า แล้วยังจะพะว้าพะวังอะไรอีก? เ้าไม่ควรที่จะเข้ามา! โง่เขลาจริงๆ ! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านก็เกิดโทสะแล้วจึงโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “นังหนู มันเป็เพราะข้าเป็ห่วงเ้าไง! ”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความตะลึงในทันที นางจับจ้องไปที่เซี่ยเสี่ยวหม่านเป็เวลาหนึ่งโดยไม่พูดอะไรออกมา เป็ครั้งแรกเลยที่ได้ยินว่ามีคนเป็ห่วงนาง อีกทั้งยังเป็น้ำเสียงอ่อนวัยเช่นนี้อีกด้วย
ในไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็ได้สติกลับคืนมา นางไม่้านั่งงอมืองอเท้ารอความตาย ในเมื่อตารางราชกิจของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่แน่นอน นางจึงทำได้เพียงช่วยเหลือด้วยตนเอง หากนางเปิดโปงจิ้งจอกเฒ่าออกมาแล้วนำใบสั่งยาปลอมของเฉิงอี้เฟยดึงเข้ามามันก็น่าจะสามารถยื้อเวลาได้ไม่น้อย นางยอมที่จะถูกกล่าวหาและได้รับโทษว่าทราบเื่ราวแต่ไม่รายงาน ดีกว่ายินยอมเผชิญหน้ากับการลงโทษอย่างหนักเพื่อบีบบังคับให้สารภาพขององค์หญิงหวายหนิง!
“เซี่ยเสี่ยวหม่าน บอกพวกเขาว่าข้า้าพบใต้เท้าเจียง ข้ามี…”
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ทันที่จะได้พูดจบก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากส่วนลึกของความเงียบสงบ กูเฟยเยี่ยนและเซี่ยเสี่ยวหม่านได้หันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผู้ที่มาไม่ใช่คนอื่นคนใด แต่เป็องค์หญิงหวายหนิง แล้วตามด้วยเด็กรับใช้สองสามคนที่มีฐานะไม่ชัดเจน พวกเขาไม่เห็นถึงใต้เท้าเจียงและพี่น้องตระกูลฉี แม้กระทั่งหยาเว่ยก็ไม่มี
กูเฟยเยี่ยนเกิดความตะลึง องค์หญิงหวายหนิงสามารถไล่ตามมาได้เร็วขนาดนี้ และไม่มีคนจากศาลต้าหลี่ตามมาด้วย นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าใต้เท้าเจียงถูกนางปราบปรามได้อยู่หมัดแล้ว กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่านางจะไม่ได้พบใต้เท้าเจียงอีก และจะไม่มีโอกาสได้เปิดโปงเื่ราวของใบสั่งยาปลอมแล้ว
ทำอย่างไรดี?
จะทำอย่างไรได้อีก?
กัดฟันอดทนยังไงล่ะ!
องค์หญิงหวายหนิงยังไม่ทราบว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านโกหก นางไม่้ารอช้าสักวินาทีเดียว และจะไม่ให้กูเฟยเยี่ยนมีช่องทางในการพูดออกมาด้วย นางหยุดเดินตรงหน้าห้องขังแล้วรับสั่งทันที “ทหาร ไต่สวนเดี๋ยวนี้! จนกว่านางจะพูดความจริงออกมา! ”
ทันทีที่ประตูห้องขังถูกเปิดออกเด็กรับใช้หลายคนก็ได้เข้ามา เซี่ยเสี่ยวหม่านร้อนใจมากจึงรีบมาขวางอยู่ตรงหน้าของกูเฟยเยี่ยน แล้วกล่าวทีละคำอย่างชัดเจน “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไว้วางใจในแพทย์หญิงกูเป็อย่างยิ่ง! องค์หญิงโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ! ยังไม่สายที่จะกลับเนื้อกลับตัว! ”
“สุนัขนู๋ไฉ เ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนเปิ่นกงจู่!”
องค์หญิงหวายหนิงส่งสายตามา เด็กรับใช้สองคนก็ได้ควบคุมตัวของเซี่ยเสี่ยวหม่านไว้แล้วปิดปากเขา เซี่ยเสี่ยวหม่านพยายามดิ้นรน ทว่ากลับสลัดไม่ออก
กูเฟยเยี่ยนรับรู้ดีว่าดิ้นรนไปก็เสียแรงเปล่านางจึงได้อยู่ที่เดิมไม่ส่งเสียงร้องสักคำ แววตาเ็าคู่นั้นทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสูงศักดิ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เห็นได้ชัดเจนว่าองค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้ชนะ ทว่าเป็อีกครั้งที่ตกอยู่ในแววตาของกูเฟยเยี่ยนและภายในใจก็เกิดความรู้สึกต่ำต้อยกว่า
นางไม่เข้าใจว่าความสูงศักดิ์บนร่างของกูเฟยเยี่ยนมาจากไหนกันแน่ และไม่เต็มใจที่จะยอมรับด้วย นางกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ทหาร ไต่สวนเดี๋ยวนี้! ไต่สวนให้ดีๆ ! ”
ปากบอกว่าเป็การไต่สวน แต่ในความเป็จริงแล้วคือการลงโทษ!
เด็กรับใช้สองคนกดไปที่กูเฟยเยี่ยน เด็กรับใช้อีกสองคนนำเครื่องทรมานออกมา เครื่องทรมานชิ้นนี้คือเครื่องมือลงโทษที่ใช้บีบนิ้วมือ เมื่อใช้ขึ้นมาอย่างเบาก็จะเ็ปไปถึงหัวใจ อย่างหนักก็จะทำให้กระดูกนิ้วหัก เพียงแต่ว่าเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วชิ้นนี้มีความแตกต่างจากเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วทั่วไปตรงที่เป็สิ่งของที่ใช้ในพระราชวังโดยเฉพาะ เมื่อหนีบไปที่นิ้วแล้วจะไม่ทิ้งร่องรอยของาแแม้แต่รอยฟกช้ำก็ไม่มี แต่ว่าเมื่อใช้ไปแล้วจะเ็ปยิ่งกว่าเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วทั่วไปเสียอีก!
มือที่กำไว้แน่นของกูเฟยเยี่ยนถูกกางออก จากนั้นสวมเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วลงไป นางรู้ว่าจะเ็ป ทว่าก็ยังคงจ้องมองไปที่องค์หญิงหวายหนิงโดยมองข้ามมือทั้งสองข้างของตนเอง
เดิมทีองค์หญิงหวายหนิง้าทรมานกูเฟยเยี่ยนช้าๆ แต่เมื่อถูกจ้องมองก็ขุ่นเคืองจึงเร่งรัดเด็กรับใช้ “ชักช้าทำอะไรอยู่? เร็วเข้า! ” เด็กรับใช้ ใช้แรงดึงเชือกในทันที ชั่วพริบตาเดียวกูเฟยเยี่ยนก็เ็ปจนร่างสั่นเทิ้มและมีภาพลวงตาว่าจิติญญาจะออกจากร่างไป เพียงแต่ว่านางยังคงจ้องมองไปที่องค์หญิงหวายหนิง โดยไม่แม้แต่จะชำเลืองมองไปที่มือของตนเอง
ความเ็ปนั้นไม่สามารถทำให้คนยืนหยัดต่อไปได้ แต่ท่าทางของศัตรูนั้นทำได้ เวลายังอีกยาวไกลนางต้องอดทนเอาไว้ อดทนจนถึงวินาทีที่จะสามารถแก้แค้นได้!
องค์หญิงหวายหนิงคาดไม่ถึงว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่ร้องออกมาด้วยความเ็ปสักแอะ นางผลักเด็กรับใช้ออกแล้วมาดึงเชือกเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วด้วยตนเอง “กูเฟยเยี่ยน เปิ่นกงจู่จะให้โอกาสเ้าเป็ครั้งสุดท้าย พูดความจริงออกมา ไม่อย่างนั้น…เปิ่นกงจู่จะทำลายมือทั้งสองข้างของเ้า! ”
ในที่สุดสายตาของกูเฟยเยี่ยนก็ได้ตกไปที่มือทั้งสองข้างของตนเอง เพียงแต่ว่าก็ได้กลับมาที่ใบหน้าขององค์หญิงหวายหนิงอย่างรวดเร็ว
นางเอ่ยว่า “ได้ ข้าจะพูดความจริง”
องค์หญิงหวายหนิงลอบดีใจอยู่เงียบๆ แต่ใครจะไปรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนกลับะโออกมาเสียงดัง “เื่ที่ไม่ได้ทำ ข้ากูเฟยเยี่ยนไม่ยอมรับอย่างแน่นอน องค์หญิงใจร้อนอยากจะให้คนที่ไม่ได้ทำผิดยอมรับผิด เพราะทนถูกทรมานไม่ไหว หรือว่าเกิดความรู้สึกหวาดผวา? ”
“เ้า! ”
องค์หญิงหวายหนิงทั้งโกรธทั้งร้อนรน นางดึงเชือกเครื่องมือลงโทษบีบนิ้วอย่างหนักหน่วง กูเฟยเยี่ยนเ็ปจนเม็ดเหงื่อซึมออกมาจากจอนผม ทว่าก็ไม่ได้ขมวดคิ้วสักนิด ตรงกันข้ามกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง แสร้งทำเป็ยินดีในความเ็ป นางเป็คนตรงไปตรงมาจึง “มีความสุขในความเ็ป” !
“ดูท่าแล้วองค์หญิงคงจะไม่ชอบฟังประโยคนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าเปลี่ยนประโยคดีกว่า องค์หญิงจะไม่ทรงแต่งงานกับคนอื่นนอกเหนือจากตระกูลฉี เพียงแต่ว่าฉีอวี้มีสัญญาหมั้นหมายกับข้ามาก่อน ดังนั้นองค์หญิงจึงไม่เพียงแต่มีความหวาดผวาแล้ว แต่ยังอาศัยตำแหน่งของตนแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวอีกด้วย! หรือว่าให้ข้านำฉีอวี้มอบให้แก่องค์หญิง แล้วองค์หญิงถึงจะปล่อยข้าไปดี? ”
“กูเฟยเยี่ยน! เ้ารนหาที่ตาย! ”
องค์หญิงหวายหนิงโกรธจนทั่วทั้งร่างล้วนไม่สบาย จึงใช้เรี่ยวแรงดึงเชือกอย่างหนักหน่วง นางแทบอยากจะดึงนิ้วของกูเฟยเยี่ยนให้หักในทันที…